สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอต่อตรงนี้นะครับ
=======================
มันเลยแก้ไขในสิ่งที่ผู้หญิงเค้าไม่สบายใจได้ ผู้หญิงเค้าเลยพอใจครับ ถึงจุดนี้ สิ่งที่เค้าเคยบอกคุณว่ามันเป็นปัญหาของคุณที่สำคัญมาก สำคัญที่สุด ตัวผู้หญิงเค้าลืมไปแล้วล่ะ ไปทวงถามเค้าจะบอกไม่เคยพูดด้วย
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องไปคุยกับผู้หญิงครับ เค้าไม่มีทางมองออกว่าเค้าไม่เข้าใจในสิ่งที่เค้ารู้สึก ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยคิดว่าตัวเองเป็นคนมีเหตุผล หรือยอมรับมากหน่อยก็คิดว่าตัวเองงี่เง่าเป็นบางเวลา แต่ส่วนใหญ่มีเหตุผล ไม่เชื่อลองไปถามดูได้นะครับ ผู้หญิงแทบทุกคน เค้าจะบอกว่าเค้า "เป็นผู้หญิงที่มีเหตุผล ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น" ซึ่งคุณอาจจะรู้สึกย้อนแย้งว่า ถ้าผู้หญิงคิดแบบนี้กันทุกคนแล้ว "ผู้หญิงคนอื่น" มันคือใคร? คำตอบคือแบบนี้ครับ ความจริงแล้วผู้หญิงได้รับอิทธิพลจากละครเยอะมาก ทีนี้ตัวละครจะมีผู้หญิงเด่น ๆ ก็จะมี นางเอก กับนางอิจฉา ซึ่งนางเอกแสนดีแบบในละครเนี่ย ใครก็รู้ว่าไม่มีจริง ผู้หญิงเค้าก็เลยเอาตัวเองเปรียบเทียบกับนางอิจฉาแล้วคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลแล้วครับ ถ้าคุณอายุเท่าผม เคยคุยกับผู้หญิงมาเยอะพอ คุณจะได้ยินจนเบื่อเลยครับกับประโยคประเภทว่า "ชั้นไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นนะ ชั้นไม่งี่เง่า แว้ด ๆ" "ชั้นต่างจากผู้หญิงทั่วไป คือมีสมอง ไม่ใช่เหวี่ยงวีน เอาแต่ไล่จับผู้ชาย" แต่พอคุณคบไปซักพักจะรู้ว่าผู้หญิงที่พูดแบบนี้ก็งี่เง่า เหวี่ยงวีน ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นเลย
มนุษย์เรานี่ก็แปลกนะครับ ผู้หญิงก็มักจะคิดว่าตัวเองมีเหตุผล ไม่งี่เง่าเหมือนผู้หญิงคนอื่น ที่เหวี่ยงใส่แฟนนี่คือน้อยแล้ว (เทียบกับนางอิจฉาในละคร) ส่วนผู้ชายก็พอกัน มักจะคิดว่าเราเองฉลาด มีความคิดอ่าน มีมันสมองมากกว่าผู้ชายคนอื่น ๆ แม้ว่าไอ้ผู้ชายคนอื่นบางคนมันจะจบดอกเตอร์จากเมืองนอก แก้สมการเว่อร์ ๆ แบบในหนัง A Beautiful Mind ได้ก็ตาม แน่นอนว่าที่จริงแล้วไอ้หมอนั่นมันจะฉลาดกว่าเราแบบเทียบไม่ติด แต่เราก็จะคิดว่าที่จริงแล้วเราฉลาดกว่า เข้าใจโลกมากกว่ามันอยู่ดี นี่แหละครับ มนุษย์ เราคิดว่าตัวเองฉลาดมีเหตุผลกว่าคนอื่นเสมอ
เพราะฉะนั้นอย่าไก่อ่อนครับ อย่ามัวแต่ฟังคำพูดคำบ่นงี่เง่า มองเกมส์ให้ออกว่าผู้หญิงเค้าในจิตใต้สำนึกเค้าต้องการอะไร ไม่พอใจอะไรกันแน่ ถ้าเค้าอยากได้ผู้ชายเข้มแข็ง อยากได้ผู้นำ ก็ตั้งใจทำงานไป ถ้าผู้หญิงคนไหนงี่เง่ามากเกิน พยายามแก้ให้ตรงจุดแล้วยังไม่ได้ซักที ก็กลับไปข้อ 1 ครับ ก้าวหน้าให้เยอะ ๆ แล้วไปหาผู้หญิงดี ๆ แทน
3. คำว่า "คนดี" ของผู้ชายกับของผู้หญิง ไม่เหมือนกัน
สมัยก่อนเวลาผมไปงานเลี้ยงรุ่นของโรงเรียน ทุก ๆ ปี จะเจอเพื่อนคนนึง ที่จบจากมหาลัยมีชื่อนะ แต่ดันมีจิตสำนึกรักบ้านเกิดไปเป็นครูสอนนักเรียนในแถบชายแดนที่จังหวัดบ้านเกิด (แบบเดียวกับในหนัง "คิดถึงวิทยา" แต่เผอิญไม่ได้หล่อเหมือน บี้ เดอะสตาร์ แค่นั้นเอง) อยู่ก็ลำบาก เงินเดือนก็น้อย แถมไม่ได้บรรจุซักที เพื่อนคนอื่นเห็นว่ามันมีความรู้ความสามารถเลยพยายามจะฝากงานให้ แต่มันไม่เอาเพราะมันเป็นห่วงเด็กนักเรียน บอกว่าถ้ามันย้ายไปแล้วใครจะสอนเด็กพวกนี้
หลัง ๆ มา ไอ้เพื่อนคนนี้มันไม่ค่อยได้มางานเลี้ยงรุ่น ก็คุยกัน ได้ความประมาณว่าเด็กแถวนั้นมีปัญหาเยอะ ผู้ปกครองไม่ค่อยมีความรู้ เลี้ยงเด็กแบบไม่ค่อยมีวิสัยทัศน์ เลยทิ้งเด็กมางานเลี้ยงรุ่นที่กรุงเทพไม่ได้ ปีต่อ ๆ มาก็เลยกลายเป็นว่า แม้เพื่อนคนนี้จะไม่ได้มางาน เราก็จะพูดถึงไอ้เพื่อนคนนี้เสมอ
เพื่อน ๆ ผมทุกคนยอมรับกันอย่างใจจริง ว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนดีสุด ๆ คือไม่ใช่ว่ามันไม่เก่งเลยไปไหนไม่ได้นะ มันเก่ง แต่ใจมันพร้อมเสียสละมาก ๆๆ
แต่คุณรู้อะไรไหมครับ เวลาเพื่อนผู้ชายพูดถึงเพื่อนคนนี้ จะใช้คำพูดประมาณว่า "มันเป็นคนดีจริง ๆ ว่ะ" "มันเสียสละเพื่อสังคมจริง ๆ ว่ะ" "น่าจะมีคนแบบมันเยอะ ๆ"
แต่เวลาเพื่อนผู้หญิงพูดถึงเพื่อนคนนี้ จะเป็นแบบนี้เสมอ "เค้าเป็นคนดีนะ แต่..." "เค้าจิตใจดีนะ แต่..." "เป็นคนเสียสละจริง ๆ แหละ แต่..." สังเกตไหมครับ ว่าจะมีคำว่า "แต่..." เสมอ และถึงตอนนี้คุณคงเดาได้แล้ว ว่าไอ้เพื่อนคนดีคนนี้จีบสาวไม่เคยติด
เหตุผลก็ง่าย ๆ ครับ คำว่า "คนดี" ของผู้ชายกับของผู้หญิงนั้นไม่เหมือนกัน
เวลาผู้ชายคิดถึงว่าคนดีเป็นยังไง เราจะคิดไปถึงคำนิยาม เหตุผล ว่าคนดีมันต้องเป็นยังไง เป็นคนที่ทำดีเพื่อผู้อื่น ไม่หวังผลตอบแทน เสียสละเพื่อสังคม ฯลฯ ซึ่งคำนิยามด้วยเหตุผลแบบนี้ ผู้หญิงก็เข้าใจด้วยสมองเช่นเดียวกันครับ เพราะที่จริงแล้วผู้หญิงก็ฉลาดพอ ๆ กับผู้ชายนั่นแหละ แต่สิ่งที่ต่างไปคือจิตใต้สำนึกครับ ในจิตใต้สำนึกของผู้หญิง ผู้ชายที่เป็นคนดี คือ ดูแลเค้าได้ เป็นที่พึ่งพาให้เค้าได้ ทำให้เค้ามีความสุข หัวเราะ ได้ เพราะฉะนั้นเวลาผู้หญิงพูดถึงผู้ชายที่เสียสละให้กับสังคม แต่ตัวดันจนกรอบ ก็เลยมีคำว่า "คนดีนะ แต่..." มาให้เห็นกัน คือผู้หญิงเค้าเข้าใจด้วยเหตุผล ว่าคนนี้เป็นคนดี แต่ในจิตใต้สำนึกมันบอกว่าคนนี้ดูแลเค้าไม่ได้
ในทางกลับกัน ถ้าคุณอายุเริ่มเยอะแบบผม คุณจะเห็นได้ชัด ๆ ว่าเพื่อนรุ่นคุณหลายคน (รวมทั้งผมด้วย) ตอนหนุ่ม ๆ เคยทั้งตีรันฟันแทง เคยเป็นเพลย์บอยเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่พอมาถึงปัจจุบัน ลงหลักปักฐาน แต่งงาน กลายร่างเป็นแฟมิลี่แมน ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ผู้ชายแบบนี้นะ เวลามาเจอกันในงานเลี้ยงรุ่น ผู้หญิงจะพร้อมใจกันบอกเลยว่า ตอนนี้ผู้ชายคนนี้เป็น "คนดี" แล้ว ซึ่งในหมู่เพื่อนผู้ชายที่ซี้ ๆ กันอย่างพวกผม ไม่มีใครเรียกเพื่อน ๆ กันที่เคยเป็นแบบนี้ว่า "คนดี" แน่ ๆ เพราะเรารู้อยู่แก่ใจครับ ว่าเราไม่ใช่คนดี แค่เรามีครอบครัวแล้วเลยพยายามทำตัวมีความรับผิดชอบมากขึ้นเท่านั้นเอง
ถามว่าเรื่องนี้ผมอยากแนะนำน้องผู้ชายยังไง ก็อยากจะแนะนำว่า ต่อให้ที่ผ่านมาคุณไม่ใช่คนดีเทวดาขนาดนั้น แต่ถ้าถึงเวลาคุณมีครอบครัว แค่คุณหยุดเจ้าชู้ เลิกนอกใจ เลี้ยงดูลูกเมียอย่างดี แค่นี้ ผู้หญิงของคุณก็พร้อมจะมองว่าคุณเป็นคนดีแล้วครับ แต่ขอให้หยุดให้ได้จริงเถอะ อย่าไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย ไม่สนับสนุนครับ
ส่วนน้องผู้ชายที่ทำตัวดีมาทั้งชีวิต ไม่เคยเที่ยวผู้หญิง ไม่เคยสำมะเลเทเมา วัน ๆ เอาแต่ทำประโยชน์เพื่อสังคม (ยังมีอยู่มั้ยวะคนแบบนี้???) แต่ยังไม่มีสาวเหลียวแล ก็อย่าแปลกใจไป เข้าใจในเรื่องที่ว่าผู้หญิงเค้ามองคำว่า "คนดี" ไม่เหมือนกับผู้ชาย แล้วคุณจะเริ่มทำใจได้ แล้วหลังจากนั้นมันจะต้องมีบ้างแหละ ผู้หญิงบางคนที่ตาถึงที่จะเลือกผู้ชายอย่างคุณ แทนที่จะเป็นผู้ชายแบบกลุ่มเพื่อนผม (ที่บางคนก็หยุดได้จริงเหมือนผม แต่บางคนก็เหมือนจะหยุดเจ้าชู้หยุดเที่ยว แต่จริง ๆ แล้วแอบไปกินลับหลัง) ผู้หญิงที่เห็นความดีของผู้ชายแบบคุณมันก็คงมีอยู่
จบแล้วครับ กับประสบการ์ณของวัยกลางคนที่ผ่านผู้หญิงมาเยอะแบบผม เชื่อว่าคงเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ ไม่มากก็น้อย
สวัสดี
=======================
มันเลยแก้ไขในสิ่งที่ผู้หญิงเค้าไม่สบายใจได้ ผู้หญิงเค้าเลยพอใจครับ ถึงจุดนี้ สิ่งที่เค้าเคยบอกคุณว่ามันเป็นปัญหาของคุณที่สำคัญมาก สำคัญที่สุด ตัวผู้หญิงเค้าลืมไปแล้วล่ะ ไปทวงถามเค้าจะบอกไม่เคยพูดด้วย
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องไปคุยกับผู้หญิงครับ เค้าไม่มีทางมองออกว่าเค้าไม่เข้าใจในสิ่งที่เค้ารู้สึก ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยคิดว่าตัวเองเป็นคนมีเหตุผล หรือยอมรับมากหน่อยก็คิดว่าตัวเองงี่เง่าเป็นบางเวลา แต่ส่วนใหญ่มีเหตุผล ไม่เชื่อลองไปถามดูได้นะครับ ผู้หญิงแทบทุกคน เค้าจะบอกว่าเค้า "เป็นผู้หญิงที่มีเหตุผล ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น" ซึ่งคุณอาจจะรู้สึกย้อนแย้งว่า ถ้าผู้หญิงคิดแบบนี้กันทุกคนแล้ว "ผู้หญิงคนอื่น" มันคือใคร? คำตอบคือแบบนี้ครับ ความจริงแล้วผู้หญิงได้รับอิทธิพลจากละครเยอะมาก ทีนี้ตัวละครจะมีผู้หญิงเด่น ๆ ก็จะมี นางเอก กับนางอิจฉา ซึ่งนางเอกแสนดีแบบในละครเนี่ย ใครก็รู้ว่าไม่มีจริง ผู้หญิงเค้าก็เลยเอาตัวเองเปรียบเทียบกับนางอิจฉาแล้วคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลแล้วครับ ถ้าคุณอายุเท่าผม เคยคุยกับผู้หญิงมาเยอะพอ คุณจะได้ยินจนเบื่อเลยครับกับประโยคประเภทว่า "ชั้นไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นนะ ชั้นไม่งี่เง่า แว้ด ๆ" "ชั้นต่างจากผู้หญิงทั่วไป คือมีสมอง ไม่ใช่เหวี่ยงวีน เอาแต่ไล่จับผู้ชาย" แต่พอคุณคบไปซักพักจะรู้ว่าผู้หญิงที่พูดแบบนี้ก็งี่เง่า เหวี่ยงวีน ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นเลย
มนุษย์เรานี่ก็แปลกนะครับ ผู้หญิงก็มักจะคิดว่าตัวเองมีเหตุผล ไม่งี่เง่าเหมือนผู้หญิงคนอื่น ที่เหวี่ยงใส่แฟนนี่คือน้อยแล้ว (เทียบกับนางอิจฉาในละคร) ส่วนผู้ชายก็พอกัน มักจะคิดว่าเราเองฉลาด มีความคิดอ่าน มีมันสมองมากกว่าผู้ชายคนอื่น ๆ แม้ว่าไอ้ผู้ชายคนอื่นบางคนมันจะจบดอกเตอร์จากเมืองนอก แก้สมการเว่อร์ ๆ แบบในหนัง A Beautiful Mind ได้ก็ตาม แน่นอนว่าที่จริงแล้วไอ้หมอนั่นมันจะฉลาดกว่าเราแบบเทียบไม่ติด แต่เราก็จะคิดว่าที่จริงแล้วเราฉลาดกว่า เข้าใจโลกมากกว่ามันอยู่ดี นี่แหละครับ มนุษย์ เราคิดว่าตัวเองฉลาดมีเหตุผลกว่าคนอื่นเสมอ
เพราะฉะนั้นอย่าไก่อ่อนครับ อย่ามัวแต่ฟังคำพูดคำบ่นงี่เง่า มองเกมส์ให้ออกว่าผู้หญิงเค้าในจิตใต้สำนึกเค้าต้องการอะไร ไม่พอใจอะไรกันแน่ ถ้าเค้าอยากได้ผู้ชายเข้มแข็ง อยากได้ผู้นำ ก็ตั้งใจทำงานไป ถ้าผู้หญิงคนไหนงี่เง่ามากเกิน พยายามแก้ให้ตรงจุดแล้วยังไม่ได้ซักที ก็กลับไปข้อ 1 ครับ ก้าวหน้าให้เยอะ ๆ แล้วไปหาผู้หญิงดี ๆ แทน
3. คำว่า "คนดี" ของผู้ชายกับของผู้หญิง ไม่เหมือนกัน
สมัยก่อนเวลาผมไปงานเลี้ยงรุ่นของโรงเรียน ทุก ๆ ปี จะเจอเพื่อนคนนึง ที่จบจากมหาลัยมีชื่อนะ แต่ดันมีจิตสำนึกรักบ้านเกิดไปเป็นครูสอนนักเรียนในแถบชายแดนที่จังหวัดบ้านเกิด (แบบเดียวกับในหนัง "คิดถึงวิทยา" แต่เผอิญไม่ได้หล่อเหมือน บี้ เดอะสตาร์ แค่นั้นเอง) อยู่ก็ลำบาก เงินเดือนก็น้อย แถมไม่ได้บรรจุซักที เพื่อนคนอื่นเห็นว่ามันมีความรู้ความสามารถเลยพยายามจะฝากงานให้ แต่มันไม่เอาเพราะมันเป็นห่วงเด็กนักเรียน บอกว่าถ้ามันย้ายไปแล้วใครจะสอนเด็กพวกนี้
หลัง ๆ มา ไอ้เพื่อนคนนี้มันไม่ค่อยได้มางานเลี้ยงรุ่น ก็คุยกัน ได้ความประมาณว่าเด็กแถวนั้นมีปัญหาเยอะ ผู้ปกครองไม่ค่อยมีความรู้ เลี้ยงเด็กแบบไม่ค่อยมีวิสัยทัศน์ เลยทิ้งเด็กมางานเลี้ยงรุ่นที่กรุงเทพไม่ได้ ปีต่อ ๆ มาก็เลยกลายเป็นว่า แม้เพื่อนคนนี้จะไม่ได้มางาน เราก็จะพูดถึงไอ้เพื่อนคนนี้เสมอ
เพื่อน ๆ ผมทุกคนยอมรับกันอย่างใจจริง ว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนดีสุด ๆ คือไม่ใช่ว่ามันไม่เก่งเลยไปไหนไม่ได้นะ มันเก่ง แต่ใจมันพร้อมเสียสละมาก ๆๆ
แต่คุณรู้อะไรไหมครับ เวลาเพื่อนผู้ชายพูดถึงเพื่อนคนนี้ จะใช้คำพูดประมาณว่า "มันเป็นคนดีจริง ๆ ว่ะ" "มันเสียสละเพื่อสังคมจริง ๆ ว่ะ" "น่าจะมีคนแบบมันเยอะ ๆ"
แต่เวลาเพื่อนผู้หญิงพูดถึงเพื่อนคนนี้ จะเป็นแบบนี้เสมอ "เค้าเป็นคนดีนะ แต่..." "เค้าจิตใจดีนะ แต่..." "เป็นคนเสียสละจริง ๆ แหละ แต่..." สังเกตไหมครับ ว่าจะมีคำว่า "แต่..." เสมอ และถึงตอนนี้คุณคงเดาได้แล้ว ว่าไอ้เพื่อนคนดีคนนี้จีบสาวไม่เคยติด
เหตุผลก็ง่าย ๆ ครับ คำว่า "คนดี" ของผู้ชายกับของผู้หญิงนั้นไม่เหมือนกัน
เวลาผู้ชายคิดถึงว่าคนดีเป็นยังไง เราจะคิดไปถึงคำนิยาม เหตุผล ว่าคนดีมันต้องเป็นยังไง เป็นคนที่ทำดีเพื่อผู้อื่น ไม่หวังผลตอบแทน เสียสละเพื่อสังคม ฯลฯ ซึ่งคำนิยามด้วยเหตุผลแบบนี้ ผู้หญิงก็เข้าใจด้วยสมองเช่นเดียวกันครับ เพราะที่จริงแล้วผู้หญิงก็ฉลาดพอ ๆ กับผู้ชายนั่นแหละ แต่สิ่งที่ต่างไปคือจิตใต้สำนึกครับ ในจิตใต้สำนึกของผู้หญิง ผู้ชายที่เป็นคนดี คือ ดูแลเค้าได้ เป็นที่พึ่งพาให้เค้าได้ ทำให้เค้ามีความสุข หัวเราะ ได้ เพราะฉะนั้นเวลาผู้หญิงพูดถึงผู้ชายที่เสียสละให้กับสังคม แต่ตัวดันจนกรอบ ก็เลยมีคำว่า "คนดีนะ แต่..." มาให้เห็นกัน คือผู้หญิงเค้าเข้าใจด้วยเหตุผล ว่าคนนี้เป็นคนดี แต่ในจิตใต้สำนึกมันบอกว่าคนนี้ดูแลเค้าไม่ได้
ในทางกลับกัน ถ้าคุณอายุเริ่มเยอะแบบผม คุณจะเห็นได้ชัด ๆ ว่าเพื่อนรุ่นคุณหลายคน (รวมทั้งผมด้วย) ตอนหนุ่ม ๆ เคยทั้งตีรันฟันแทง เคยเป็นเพลย์บอยเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่พอมาถึงปัจจุบัน ลงหลักปักฐาน แต่งงาน กลายร่างเป็นแฟมิลี่แมน ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ผู้ชายแบบนี้นะ เวลามาเจอกันในงานเลี้ยงรุ่น ผู้หญิงจะพร้อมใจกันบอกเลยว่า ตอนนี้ผู้ชายคนนี้เป็น "คนดี" แล้ว ซึ่งในหมู่เพื่อนผู้ชายที่ซี้ ๆ กันอย่างพวกผม ไม่มีใครเรียกเพื่อน ๆ กันที่เคยเป็นแบบนี้ว่า "คนดี" แน่ ๆ เพราะเรารู้อยู่แก่ใจครับ ว่าเราไม่ใช่คนดี แค่เรามีครอบครัวแล้วเลยพยายามทำตัวมีความรับผิดชอบมากขึ้นเท่านั้นเอง
ถามว่าเรื่องนี้ผมอยากแนะนำน้องผู้ชายยังไง ก็อยากจะแนะนำว่า ต่อให้ที่ผ่านมาคุณไม่ใช่คนดีเทวดาขนาดนั้น แต่ถ้าถึงเวลาคุณมีครอบครัว แค่คุณหยุดเจ้าชู้ เลิกนอกใจ เลี้ยงดูลูกเมียอย่างดี แค่นี้ ผู้หญิงของคุณก็พร้อมจะมองว่าคุณเป็นคนดีแล้วครับ แต่ขอให้หยุดให้ได้จริงเถอะ อย่าไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย ไม่สนับสนุนครับ
ส่วนน้องผู้ชายที่ทำตัวดีมาทั้งชีวิต ไม่เคยเที่ยวผู้หญิง ไม่เคยสำมะเลเทเมา วัน ๆ เอาแต่ทำประโยชน์เพื่อสังคม (ยังมีอยู่มั้ยวะคนแบบนี้???) แต่ยังไม่มีสาวเหลียวแล ก็อย่าแปลกใจไป เข้าใจในเรื่องที่ว่าผู้หญิงเค้ามองคำว่า "คนดี" ไม่เหมือนกับผู้ชาย แล้วคุณจะเริ่มทำใจได้ แล้วหลังจากนั้นมันจะต้องมีบ้างแหละ ผู้หญิงบางคนที่ตาถึงที่จะเลือกผู้ชายอย่างคุณ แทนที่จะเป็นผู้ชายแบบกลุ่มเพื่อนผม (ที่บางคนก็หยุดได้จริงเหมือนผม แต่บางคนก็เหมือนจะหยุดเจ้าชู้หยุดเที่ยว แต่จริง ๆ แล้วแอบไปกินลับหลัง) ผู้หญิงที่เห็นความดีของผู้ชายแบบคุณมันก็คงมีอยู่
จบแล้วครับ กับประสบการ์ณของวัยกลางคนที่ผ่านผู้หญิงมาเยอะแบบผม เชื่อว่าคงเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ ไม่มากก็น้อย
สวัสดี
ความคิดเห็นที่ 7
ในมุมผู้หญิงที่ได้เรียนหนังสือหน่อย
มีงานประจำทำที่ดีหน่อย
รายได้ที่เลี้ยงครอบครัวได้
คิดแบบนี้ค่ะ
เราไม่เคยงี่เง่าใส่แฟน (แฟนเก่าทุกคนบอกว่าเราเป็นคนดี แต่เค้าขอเลือกคนอื่น)
เราชอบผู้ชายเข้มแข็ง ถึงจะเนิร์ดยังไง ถ้าไม่เข้มแข็ง ดูแลเราในเรื่องที่เราไม่ถนัดไม่ได้
เราก็ไม่โอเคค่ะ
เรื่องรายได้ เรามองว่าแค่ไม่มาเกาะกันกิน มีงานประจำที่มั่นคงทำ พร้อมจะช่วยกันสร้างอนาคต เราก็โอเคค่ะ
ทัศนคติการใช้ชีวิต ที่จริงเราชอบผู้ชายเถียงนะคะ
เราว่ามุมมองผู้ชายเค้าตรงๆ ไม่ต้องซับซ้อน ทำให้เราเข้าใจอะไรง่ายๆ
แต่บางทีผู้ชายชอบโกหกเวลาที่ทำความผิดมา เพราะอ้างว่ากลัวเราเสียใจ อันนี้อย่าเลยค่ะ ถ้าค่อยๆคุยกัน มันรับได้หมดแหละ พยายามปรับ หาพื้นที่ตรงกลาง อย่าคิดเองเออเองเลยค่ะ
แล้วก็อีกอย่าง...เราเคยคบกับผู้ชายเนิร์ดๆ อีโก้เยอะๆคนนึง เค้าเอาอีโก้ข่มเราทุกเรื่อง เรายอมเพราะหลายเรื่องมันmake sense
แต่บางเรื่องที่ผู้ชายเป็นฝ่ายผิด แล้วไม่ยอมรับผิด เอาแต่โทษเรา อันนี้เราก็ไม่ไหวค่ะ
เพื่อนหลายๆคนที่เป็นสาวโสดแบบเรา
เค้าโหยหาการมีชีวิตคู่ที่คิดว่าดีและเค้าพร้อมจะเสี่ยงคบค่ะ
แต่ถ้าหาแบบนั้นไม่ได้ ก็อย่ามีเลยดีกว่า
และพวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการอยู่คนเดียวอย่างมีคุณภาพค่ะ
มีงานประจำทำที่ดีหน่อย
รายได้ที่เลี้ยงครอบครัวได้
คิดแบบนี้ค่ะ
เราไม่เคยงี่เง่าใส่แฟน (แฟนเก่าทุกคนบอกว่าเราเป็นคนดี แต่เค้าขอเลือกคนอื่น)
เราชอบผู้ชายเข้มแข็ง ถึงจะเนิร์ดยังไง ถ้าไม่เข้มแข็ง ดูแลเราในเรื่องที่เราไม่ถนัดไม่ได้
เราก็ไม่โอเคค่ะ
เรื่องรายได้ เรามองว่าแค่ไม่มาเกาะกันกิน มีงานประจำที่มั่นคงทำ พร้อมจะช่วยกันสร้างอนาคต เราก็โอเคค่ะ
ทัศนคติการใช้ชีวิต ที่จริงเราชอบผู้ชายเถียงนะคะ
เราว่ามุมมองผู้ชายเค้าตรงๆ ไม่ต้องซับซ้อน ทำให้เราเข้าใจอะไรง่ายๆ
แต่บางทีผู้ชายชอบโกหกเวลาที่ทำความผิดมา เพราะอ้างว่ากลัวเราเสียใจ อันนี้อย่าเลยค่ะ ถ้าค่อยๆคุยกัน มันรับได้หมดแหละ พยายามปรับ หาพื้นที่ตรงกลาง อย่าคิดเองเออเองเลยค่ะ
แล้วก็อีกอย่าง...เราเคยคบกับผู้ชายเนิร์ดๆ อีโก้เยอะๆคนนึง เค้าเอาอีโก้ข่มเราทุกเรื่อง เรายอมเพราะหลายเรื่องมันmake sense
แต่บางเรื่องที่ผู้ชายเป็นฝ่ายผิด แล้วไม่ยอมรับผิด เอาแต่โทษเรา อันนี้เราก็ไม่ไหวค่ะ
เพื่อนหลายๆคนที่เป็นสาวโสดแบบเรา
เค้าโหยหาการมีชีวิตคู่ที่คิดว่าดีและเค้าพร้อมจะเสี่ยงคบค่ะ
แต่ถ้าหาแบบนั้นไม่ได้ ก็อย่ามีเลยดีกว่า
และพวกเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการอยู่คนเดียวอย่างมีคุณภาพค่ะ
ความคิดเห็นที่ 41
ที่สงสัยคือ "จขกท. ถอดล็อกอินทำไม? ทำไม จขกท. ถึงไม่ใช้ล็อกอินที่ใช้อยู่ เพื่อ?"
อ่านดูแล้วเหมือน จขกท. จะมีอคติผู้หญิงกับผู้ชายนะคะ
มนุษย์เรานี่ก็แปลกนะครับ ผู้หญิงก็มักจะคิดว่าตัวเองมีเหตุผล ไม่งี่เง่าเหมือนผู้หญิงคนอื่น ที่เหวี่ยงใส่แฟนนี่คือน้อยแล้ว (เทียบกับนางอิจฉาในละคร) ส่วนผู้ชายก็พอกัน มักจะคิดว่าเราเองฉลาด มีความคิดอ่าน มีมันสมองมากกว่าผู้ชายคนอื่น ๆ แม้ว่าไอ้ผู้ชายคนอื่นบางคนมันจะจบดอกเตอร์จากเมืองนอก แก้สมการเว่อร์ ๆ แบบในหนัง A Beautiful Mind ได้ก็ตาม แน่นอนว่าที่จริงแล้วไอ้หมอนั่นมันจะฉลาดกว่าเราแบบเทียบไม่ติด แต่เราก็จะคิดว่าที่จริงแล้วเราฉลาดกว่า เข้าใจโลกมากกว่ามันอยู่ดี นี่แหละครับ มนุษย์ เราคิดว่าตัวเองฉลาดมีเหตุผลกว่าคนอื่นเสมอ
อ่านมาถึงตรงนี้เหมือนว่า "คุณกำลังตัดพ้อผู้หญิงกับผู้ชายอยู่"
ผู้หญิงกับผู้ชายไม่ได้เป็นแบบที่คุณว่ามาทุกคนค่ะ
ผู้หญิงบางคนเขาก็มีเหตุผลจริง ๆ ถ้าจะงี่เง่าก็มีสาเหตุที่ทำให้งี่เง่า เหวี่ยงใส่แฟนก็ต้องดูว่าแฟนทำตัวให้เหวี่ยงหรือป่าว?
ส่วนผู้ชายบางคนที่เขาฉลาด เข้าใจโลกก็มีเยอะแยะ แต่เขาแค่ไม่มานั่งแสดงภูมิให้คนอื่นเห็นแค่นั้นเอง ลักษณะคนที่ฉลาดจริง ๆ มักจะไม่อวด
เพราะเขาก็ฉลาดพอที่จะแยกแยะออก เลือกที่จะฉลาดพูด เข้าใจถึงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ รู้จักจัดสรรเวลา ไม่ใช้เวลาเปลืองไปกับเรื่องไร้สาระ
ความจริงแล้วคนเราก็ไม่ได้ฉลาดไปทุก ๆ เรื่องหรอก คนเราก็มักจะคิดว่า "ตัวเองฉลาดตามความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่ตัวเองได้พบเจอมา"
แล้วก็จะมีบุคคลอีกประเภทที่หลงตัวเองคิดว่า "ฉลาด" ก็มี ซึ่งผู้รับข้อมูลจากบุคคลเหล่านั้นต้องพินิจพิจารณาด้วยตัวเอง
คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่มี ข้อดี - ข้อเสีย ด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าจะเอนเอียงไปทางไหนมากกว่า แล้วก็กับเรื่องไหนมากกว่า
อ่านดูแล้วเหมือน จขกท. จะมีอคติผู้หญิงกับผู้ชายนะคะ
มนุษย์เรานี่ก็แปลกนะครับ ผู้หญิงก็มักจะคิดว่าตัวเองมีเหตุผล ไม่งี่เง่าเหมือนผู้หญิงคนอื่น ที่เหวี่ยงใส่แฟนนี่คือน้อยแล้ว (เทียบกับนางอิจฉาในละคร) ส่วนผู้ชายก็พอกัน มักจะคิดว่าเราเองฉลาด มีความคิดอ่าน มีมันสมองมากกว่าผู้ชายคนอื่น ๆ แม้ว่าไอ้ผู้ชายคนอื่นบางคนมันจะจบดอกเตอร์จากเมืองนอก แก้สมการเว่อร์ ๆ แบบในหนัง A Beautiful Mind ได้ก็ตาม แน่นอนว่าที่จริงแล้วไอ้หมอนั่นมันจะฉลาดกว่าเราแบบเทียบไม่ติด แต่เราก็จะคิดว่าที่จริงแล้วเราฉลาดกว่า เข้าใจโลกมากกว่ามันอยู่ดี นี่แหละครับ มนุษย์ เราคิดว่าตัวเองฉลาดมีเหตุผลกว่าคนอื่นเสมอ
อ่านมาถึงตรงนี้เหมือนว่า "คุณกำลังตัดพ้อผู้หญิงกับผู้ชายอยู่"
ผู้หญิงกับผู้ชายไม่ได้เป็นแบบที่คุณว่ามาทุกคนค่ะ
ผู้หญิงบางคนเขาก็มีเหตุผลจริง ๆ ถ้าจะงี่เง่าก็มีสาเหตุที่ทำให้งี่เง่า เหวี่ยงใส่แฟนก็ต้องดูว่าแฟนทำตัวให้เหวี่ยงหรือป่าว?
ส่วนผู้ชายบางคนที่เขาฉลาด เข้าใจโลกก็มีเยอะแยะ แต่เขาแค่ไม่มานั่งแสดงภูมิให้คนอื่นเห็นแค่นั้นเอง ลักษณะคนที่ฉลาดจริง ๆ มักจะไม่อวด
เพราะเขาก็ฉลาดพอที่จะแยกแยะออก เลือกที่จะฉลาดพูด เข้าใจถึงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ รู้จักจัดสรรเวลา ไม่ใช้เวลาเปลืองไปกับเรื่องไร้สาระ
ความจริงแล้วคนเราก็ไม่ได้ฉลาดไปทุก ๆ เรื่องหรอก คนเราก็มักจะคิดว่า "ตัวเองฉลาดตามความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่ตัวเองได้พบเจอมา"
แล้วก็จะมีบุคคลอีกประเภทที่หลงตัวเองคิดว่า "ฉลาด" ก็มี ซึ่งผู้รับข้อมูลจากบุคคลเหล่านั้นต้องพินิจพิจารณาด้วยตัวเอง
คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่มี ข้อดี - ข้อเสีย ด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าจะเอนเอียงไปทางไหนมากกว่า แล้วก็กับเรื่องไหนมากกว่า
แสดงความคิดเห็น
ผมคนแก่ จะมาแนะนำน้อง ๆ ผู้ชาย ในการรับมือกับสาว ๆ นะครับ
หลัง ๆ มา เห็นน้อง ๆ มาตั้งกระทู้ถามกันเยอะ ว่าเครียดที่แฟนงี่เง่าเอาแต่ใจบ้าง แฟนจอมเหวี่ยงบ้าง ทำยังไงดี ทีนี้ไอ้ตัวผมก็แก่ 45+ แล้ว ผ่านอะไรแบบนี้มาเยอะ ตั้งแต่ตอนแรกรักแบบเด็ก ๆ ทุ่มเททุกอย่าง ต่อมาเริ่มเชี่ยวชาญเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าได้ตามใจ จนสุดท้ายมาเจอภรรยา เลยเลิกหมด ทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกเมียเท่านั้น ตอนนี้รักเมียคนเดียวครับ ครอบครัวอบอุ่น การงานมั่นคง ลูกสองแล้ว
เรื่องคลาสสิก เช่น แฟนงี่เง่าเอาแต่ใจ แฟนไม่มีเหตุผล ผมเจอมาหมดแล้ว คนแรก ๆ เคยเจอขนาดงี่เง่าขึ้นเรื่อย ๆ จนจบไม่สวย ทะเลาะกันไม่มองหน้าจนถึงวันนี้ก็มี คนหลัง ๆ ผมปราบจนอยู่หมัดก็มี ผู้หญิงเป็นเพศที่เข้าใจยากครับ ผู้หญิงบางคนถึงขั้นเยอะตั้งแต่ยังไม่ทันเป็นแฟนเลยด้วยซ้ำ แต่ความจริงแล้วมันก็พอมีวิธีรับมืออยู่บ้าง วันนี้ผมจะมาแนะนำเทคนิคพวกนี้ให้น้อง ๆ จากประสบการ์ณจริงของผมเอง ที่สำคัญคือจิตวิทยาผู้หญิงพวกนี้บางทีเอามาใช้กับคนที่ไม่ใช่แฟน เช่นคนที่ออฟฟิส หรือแม่ค้า ได้ด้วยเหมือนกัน ไม่ได้ให้เอาใช้ไปหม้อสาวอื่นนะครับ แต่เอาไปใช้กับคนเหล่านี้เพื่อเวลาทำงานกับผู้หญิงจะได้ราบรื่นขึ้น
1. ผู้หญิงชอบผู้ชายเข้มแข็ง
ตอนผมยังวัยรุ่นนะ จะจีบสาวทีผมทุ่มให้หมดหน้าตักเลย ซื้อดอกไม้ให้วันวาเลนไทน์ โทรหาแทบจะทุกวัน (สมัยนั้นต่อแถวหยอดตู้โทรศัพท์ รอโคตรนาน ทำไปได้) คุณเธออยากเจอปั๊บขับมอเตอร์ไซค์ไปหา อยากได้อะไรซื้อให้ อยากกินอะไรเลี้ยงหมด แรก ๆ นะสาวเจ้าจะปลื้มมากประทับใจมาก ขอบคุณไม่มีหยุด แต่คุณรู้ไหม ว่าวิธีการจีบแบบนี้น่ะมันไม่มีทางได้ผลในระยะยาว คุณอาจจะได้สาวเจ้าเป็นแฟน จีบติดนะ จังหวะนั้นคุณอาจจะหลงคิดว่า "สำเร็จแล้วโว้ย" แต่คุณไม่รู้ตัวหรอก ว่านรกมันเพิ่งเริ่มต้น มันจะเริ่มมีบางอย่างเปลี่ยนไปโดยที่ตอนแรกคุณจะไม่ได้สังเกต อันที่จริงฝ่ายหญิงเค้าเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน พอคุณมารู้ตัวอีกที คุณจะพบว่าคำขอบคุณ ความปลื้มประทับใจของสาวเจ้ามันหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ถึงแม้คุณจะทำให้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ ซื้อของให้ทั้งวันเกิด วันวาเลนไทน์ วันปีใหม่ วันคุณเธออยากจะของขึ้น มันจะเริ่มกลายเป็นหน้าที่ของคุณที่สาวเจ้าจะไม่ได้ประทับใจเหมือนตอนแรก ๆ คุณอาจจะขับมอเตอร์ไซค์ไปรับไปส่งมหาลัยหรือที่ทำงานทุกเช้าเย็น (รากหญ้าหน่อยอาจเป็นนั่งรถเมล์ไปส่ง) ให้สาวเจ้าสบายในการเดินทาง แต่พอวันไหนคุณไม่ว่าง ติดธุระ จะกลายเป็นว่าคุณต้องเป็นฝ่ายขอโทษ โดนโกรธงอน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้คุณไปรับไปส่งทุกวันไม่เคยขาด ถึงจุดนี้ผมบอกให้เลยครับว่าสายไปแล้ว คุณพลาดแล้ว
คุณสงสัยมั้ยว่าอะไรมันเปลี่ยนไป สาวเจ้าอาจจะอธิบายคุณด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้านะ ตอนสมัยผมหนุ่ม ๆ ผมก็ตั้งใจฟังคุณเธอ แล้วเอามาปรับปรุงทุกอย่าง แต่สุดท้ายสาวเจ้าก็จะไม่พอใจเหมือนเดิม แต่มาพร้อมด้วยเหตุผลใหม่ แล้วก็วนลูปอยู่อย่างนี้ไม่มีอะไรดีขึ้น เหตุผลเพราะอะไรรู้ม้ัย เพราะปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไง คือความจริงแล้วตัวฝ่ายหญิงเค้าก็ไม่ได้เข้าใจตัวเองเหมือนกัน สิ่งที่เค้าบอกคุณมันไม่ได้เป็นสิ่งที่จิตใต้สำนึกเขากำลังเป็นอยู่ จำไว้ ผู้หญิงไม่เคยเข้าใจว่าทำไมเขารู้สึกแบบนั้น คุณต้องใช้ประสบการณ์มองให้ออกว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
ที่จริงเหตุผลที่สาวเจ้าเปลี่ยนไปคือมุมมองของเขาต่อ "ความเข้มแข็ง" ของคุณ คือก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่าผู้หญิงเขาให้ความสำคัญกับความแข้มแข็งของผู้ชายมากถึงมากที่สุด สาเหตุสำคัญคือสมองมนุษย์นั้นวิวัฒนาการมาตั้งแต่ก่อนยุคหิน ในสมัยนั้นโลกมันโหดร้ายอดอยาก ทางเดียวที่เพศเมียจะเลี้ยงลูกอยู่รอดได้คือต้องหาตัวผู้ที่เข้มแข็งมาก ๆ แข็งแรงหาอาหารได้เยอะ หื่น เถื่อน เลว โหดร้ายหน่อยไม่เป็นไร ความเข้มแข็งสำคัญกว่า
นี่คือเหตุผลที่ผู้ชายบางคนแม้จะ "เxี้ย" มาก ๆ นักเลงหัวไม้ค้ายา (นึกภาพแนว แอล โอรส) ถึงมีผู้หญิง(ที่ไม่ค่อยมีการศึกษา) ชอบหลายคน เพราะเขามีภาพลักษณ์ที่เข้มแข็ง แกร่ง กร้าว ไม่ยอมใคร ผู้หญิงหลายคนที่ชอบมันก็รู้นะว่ามันเลว แต่เผอิญสมองมนุษย์ผู้หญิง (ที่วิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคหิน) มันบอกว่าผู้ชายคนนี้เข้มแข็งไงครับ ก็เลยกลายเป็นว่า "ร้ายแต่ก็ยังรัก" ไปซะงั้น
อ้อ น้อง ๆ ผู้ชายก็อย่าหลงตัวเองนะว่าสมองตัวเองมีวิวัฒนาการเหนือกว่ามนุษย์ผู้หญิง เวลาคุณเห็นภาพโป๊ ๆ ผู้หญิงสวย ๆ คุณตื่นตัว ร่างกายคุณก็ตอบสนองด้วยการแข็งโด่ ทั้ง ๆ ที่คุณไม่สามารถปลุกปล้ำรูปภาพได้ เห็นมั้ย ว่าสมองมนุษย์ผู้ชายมันก็วิวัฒนาการมาในยุคหินเหมือนกัน
ทีนี้ โอเค ผู้หญิงมีการศึกษาหน่อยเขาจะไม่ชอบแนว แอล โอรส กันหรอก เขาจะชอบแนวสะอาดสะอ้าน ร่างกายสูงใหญ่ไหล่กว้าง การงานมั่นคงสุด ๆ เป็นระดับหัวหน้ามีลูกน้องเคารพ พูดจาดูมีความรู้ อะไรแบบนี้ อ่านถึงตอนนี้อย่าเพิ่งคิดว่าผู้หญิงเค้าจะชอบผู้ชายฉลาดอัจริยะ เรียนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เข้าใจควอนตัมฟิสิกส์ ปรัชญาโสเครติส อะไรขนาดนั้นนะครับ คือโอเค ผู้ชายเรียนเก่ง ๆ มีความรู้เยอะ ๆ น่ะความจริงแล้วผู้หญิงเค้ารู้และเข้าใจว่ามันมีประโยชน์จริง หาเงินได้จริง แต่เผอิญจิตใต้สำนึกจากสมองยุคหินของสาวเจ้ามันวิวัฒนาการไม่ทันครับ เราเลยจะเห็นว่าผู้ชายเด็กเนิร์ด ตอนสมัยเรียนจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ เท่าไหร่ เพราะจะถูกมองว่าไม่เข้มแข็ง พวกนักกีฬา ผู้นำกิจกรรม พวกนี้จะฮิตฮอตกว่า แต่พอทำงานไปได้ซักสิบปีนะคุณเอ้ย ไอ้พวกหนอนหนังสือหน้าตาเหย ๆ มันได้ดิบได้ดีเป็นหัวหน้าคน มีลูกน้องเยอะ ๆ กลายเป็นว่าผู้หญิงไล่ตามซะอย่างนั้น ผมยังคิดเลย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะตั้งใจเรียน
ทีนี้กลับมาเรื่องของแฟนสาวของคุณที่ตอนแรกคุณเอาอกเอาใจทุกอย่างแต่คุณเธอก็เปลี่ยนไป มันเกี่ยวกับเรื่องความเข้มแข็งนี้ยังไง คุณจะเห็นว่าตั้งแต่ตอนจีบ คุณเป็นฝ่ายที่ "ยอม" ตลอด มีอะไรให้ทุกอย่าง คุณเธอของขึ้นอะไรก็ยอมทุกอย่าง ไม่ว่าใครเป็นก็ง้อตลอด โอเคสาวเจ้าอาจจะพอใจที่คุณยอมเขา แต่ว่ามันทำให้จิตใต้สำนึกของเธอรู้สึกว่าคุณน่ะ "ไม่เข้มแข็ง" คำว่าจิตใต้สำนึกนี่สำคัญนะครับ คือถึงแม้ว่าผู้หญิง โดยความคิดจิตวิเคราะห์แยกแยะของเขาจะไม่ได้รู้สึกว่าคุณอ่อนแอ แต่ทว่าสมองมนุษย์ยุคหินมันเอาภาพลักษณ์ของผู้ชายแข้มแข็งไปผูกกับความเถื่อนความไม่ยอมใครซะแล้ว มนุษย์เราเอาชนะสัญชาติญาณยุคหินได้ยากครับ
ตอนที่ผมโตขึ้นมาหน่อย ผมตระหนักได้ถึงจุดนี้ ก็เลยไม่อยากพลาดซ้ำ เลยเปลี่ยนกลยุทธ์ในการจีบสาวซะหน่อย กลายเป็นว่าเวลาจีบไม่ต้องทุ่มให้มากนัก เถียงกันก็ยอมบ้างไม่ยอมบ้าง ผลคืออะไรรู้มั้ยครับ ก็จีบไม่ค่อยติดนะสิ สรุปกลยุทธ์นี้ไม่เข้าท่านะครับ
กลยุทธ์ที่ถูกคือเวลาที่คุณจีบเขา ยอมเขา มันก็ต้องหาอะไรด้านอื่นมาสมดุลกันที่ทำให้สาวเจ้ารู้สึกว่าคุณยังมีความเข้มแข็งอยู่ และสิ่งที่ดีที่สุดก็คือหน้าที่การงานที่ดีครับ ตัวผมเอง หลังจากอายุมากขึ้นไม่วัยรุ่นเหมือนเดิม ก็ได้มีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพการทำงาน มีคอนเนคชั่น มีลูกน้อง พอถึงจุดนี้นะคุณเอ๊ย กลายเป็นว่าเวลาจีบสาวคบสาวอะไรก็ง่ายขึ้น เราทำเหมือนเดิม ซื้อของให้เหมือนเดิม แต่ผลลัพท์ต่างกันเฉย พอฝ่ายหญิงเค้ารู้สึกว่าเรามั่นคง มีตัวเลือก พูดแค่ทีเดียวเค้าก็พยายามปรับตัวเพื่อเราเองครับ เพราะจิตใต้สำนึกของสาวเจ้าจะรู้สึกว่า "ผู้ชายคนนี้เข้มแข็ง เราต้องปรับตัวเผื่อเขา ง่ายกว่าที่จะทำให้เขายอมเรา" แน่นอนว่าด้วยหลักการแหละเหตุผล ผู้หญิงเค้าไม่ได้คิดแบบนี้ครับ แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใต้สำนึกของเขา และเขาก็ไม่รู้ตัวด้วย
เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในการจัดการกับแฟนสาวจอมเอาแต่ใจ ขี้เหวี่ยง ขี้งอน คือคุณต้องมั่นคงและเข้มแข็งครับ คุณเปลี่ยนนิสัยไม่ดีของคุณ ฝ่ายหญิงเค้าก็ต้องเปลี่ยนนิสัยไม่ดีของเขาเช่นกัน ถ้าคุณมีการงานที่ดี แล้วสาวเจ้ายังขี้เหวี่ยงเอาแต่ใจไม่มีเหตุผล คุยกันแล้วยังไม่รู้เรื่อง ผมแนะนำนะครับว่าสายเกินแก้แล้ว เลิกไปเลย อย่าได้แคร์ ผู้ชายหน้าที่การทำงานดี เงินเดือนสูง จะหาผู้หญิงที่ดีกว่า ไม่เหวี่ยง ไม่งอน ไม่ยากครับ เชื่อผม น้อง ๆ ผู้ชายบางคนตอนวัยรุ่นเอาแต่เรียน จีบสาวไม่เป็น พอมามีแฟนเลยยอมแฟนทุกอย่าง เพราะกลัวว่าเลิกไปแล้วจะหาอีกไม่ได้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยครับ ในวัยทำงาน คนเรียนดี จบมามีหน้าที่การทำงานดี สอนงานคนอื่นได้ เลิกกับแฟนงี่เง่าไป หาผู้หญิงนิสัยดี ๆ คนใหม่ได้สบาย แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าจีบใครก็ได้ แต่เทคแคร์เค้าเยอะ ๆ ให้เกียรติมาก ๆ ขับรถเก๋งไปรับ มันต้องมีจีบติดบ้างแหละ นี่คือความจริงจากคนอายุ 45+ ที่ผ่านผู้หญิงมาไม่รู้กี่คนแล้ว
ผู้หญิงคนไหนมีแฟนที่มีหน้าที่การทำงานดี เงินเดือน 70,000+ แต่คุณผู้หญิงยังทำตัวงี่เง่าไม่มีเหตุผลอยู่ หยุดซะนะครับ น้อง ๆ ผู้ชายเค้ารู้ตัวเมื่อไหร่เค้าจะไม่ทน
สรุปประเด็นนี้: ตั้งใจเรียน จบมาหางานดี ๆ ก้าวหน้าให้เยอะ ๆ ผู้หญิงคนไหนงี่เง่าก็ทิ้งไป หาผู้หญิงดี ๆ ที่เค้าเคารพคุณ
2. ผู้หญิงมักไม่เข้าใจความรู้สึกในจิตใต้สำนึกของตัวเอง
อันนี้ต่อประเด็นมาจากตอนที่เวลาผู้หญิงงี่เง่าแล้วทะเลาะกัน สาวเจ้าประเคณสารพัดเหตุผลมาใส่คุณ คุณก็ฟัง ๆๆ แล้วก็เอามาแก้ไข แต่พอซักพักสาวเจ้าก็จะไม่พอใจใหม่ ทะเลาะใหม่ แต่คราวนี้มาด้วยเหตุผลใหม่ อ่ะมารอบใหม่ คุณปรับปรุงใหม่ หายไปพักนึง สาวเจ้าหาเรื่องชวนทะเลาะใหม่อีก วนลูปไปเรื่อย ๆๆ
สิ่งที่น้อง ๆ ผู้ชายพลาดกันเยอะ โดยเฉพาะตอนยังอายุน้อย คือคุณพยายามจะฟังสิ่งที่ผู้หญิงพูดแล้วเอามาคิดวิเคราะห์ เสมือนดังว่าสิ่งที่ผู้หญิงพูดมาคือสิ่งที่เขารู้สึกจริง ๆ
จำไว้สมองเลยนะครับ ผู้หญิงเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง
เวลาเขาไม่พอใจงี่เง่าใส่คุณ ความจริงแล้วมันจะมีต้นตอของความไม่พอใจ ที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของเขาบางอย่าง เช่นจิตใต้สำนึกเขารู้สึกว่าคุณไม่เข้มแข็ง หรือไม่ก้าวหน้า หรือไม่สบายใจอะไรบางอย่าง บางทีแค่เป็นเรื่องเล็ก ๆ แค่หงุดหงิด ร้อน หิว เป็นเมนส์ ไม่ชอบหน้าคนขายกล้วยแขกที่เดินผ่าน ฯลฯ แต่ทีนี้ผู้หญิงเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองครับ เพราะไม่มีมนุษย์หน้าไหนอ่านจิตใต้สำนึกตัวเองได้ เวลาที่ผู้หญิงเค้าบอกเหตุผลของเขาเวลาทะเลาะกัน เขาไม่ได้โกหกครับ เขา "คิด" อย่างที่เค้าพูด แต่สิ่งที่เขา "คิด" มันไม่ได้เป็นสิ่งที่เขารู้สึกจริง ๆ และเขาไม่รู้ตัวในสิ่งนี้ ผู้หญิงบางคนตอนที่ทะเลาะเสร็จ ใจเย็นลงแล้วถึงนึกออกครับ ว่าที่จริงไม่พอใจเรื่องอะไร แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่เป็นแบบนั้นครับ จะมารู้สึกตัวจริง ๆ ก็ตอนโดนผู้ชายทิ้งโน่นเลย ว่าตัวเองงี่เง่าไม่มีเหตุผล
เพราะฉะนั้นเวลาทะเลาะกับผู้หญิง เค้าจะพูดอะไรมา ยกอะไรมา คุณต้องทำท่าทางว่ากำลังฟังเค้าและพยายามเข้าใจเค้า (ถ้าคุณไม่ทำท่าทางแบบนั้น เขาจะโกรธกว่าเดิม) แต่อย่าเอาสิ่งที่เขาพูดมาคิดจริง ๆ ครับ มันจะรบกวนความคิดคุณทำให้คุณมองไม่เห็นความจริง ใช้โอกาสนี้วิเคราะห์สถานการณ์ครับ ว่าจริง ๆ ผู้หญิงเค้าไม่พอใจเรื่องอะไรกันแน่ ผู้หญิงเวลาอธิบายเวลาทะเลาะกันเค้าจะใช้ศัพท์แสงขั้นสูงมาก ทัศนคติ ปรัชญาในใจ ความเข้าใจเนื้อแท้ เห็นคุณค่า อุปนิสัย ฯลฯ แต่ที่จริงมันจะเป็นอะไรง่าย ๆ พื้นฐาน มีไม่กี่อย่างหรอก คุณเข้มแข็งไม่พอ คุณหน้าที่การงานไม่ก้าวหน้าพอ ร้อน หิว เป็น เมนส์ ฯลฯ คิดอะไรให้ง่ายเข้าไว้ครับ
เรื่องนี้คุณจะสังเกตง่าย ๆ เลยนะ ผู้หญิงบางคนตอนเป็นแฟนกับคุณ ทะเลาะกันแล้วเค้าเอาจุดนึงของคุณมาว่า บอกว่าเรื่องนี้สำคัญมาก สำคัญที่สุด พอเลิกกันไป คุณผู้หญิงไปมีแฟนใหม่ที่การงานดีกว่าคุณ ไอผู้ชายคนใหม่เนี่ย มันก็ไม่ได้ดีกว่าคุณเลยในส่วนที่แฟนเก่าคุณบอกว่าสำคัญที่สุด ดีไม่ดีหนักกว่าคุณด้วยซ้ำ แต่ทำไมแฟนเก่าคุณพอไปคบกับไอ้หนุ่มคนนี้ กับกลายเป็นไม่มีปัญหาเรื่องนี้ซะอย่างนั้น เหตุผลก็คือสิ่งที่แฟนเค่าคุณเค้าบอกกับคุณตอนทะเลาะกัน มันไม่ใช่สิ่งที่เค้าไม่สบายใจจริง และเขาไม่รู้ตัว เผอิญไอหนุ่มคนใหม่ เค้ามีอะไรบางอย่าง (เช่นการงานที่ดีกว่า) มันเลยแก้ไขในส