[CR] ฮานอยxฮาลองเบย์ 3 วัน 2 คืน เบาๆ ที่พักสุดคุ้ม ฟรีทัวร์ในเมือง ฮาลองเบย์ สตรีทฟู้ด ซื้อของฝากสุดประหยัด


ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ข้อมูลบางส่วนอาจจะไม่แน่นมากนะครับ ออกตัวไว้ก่อน เป็นทริปเที่ยวเวียดนาม 3 วัน 2 คืน แบบสั้นๆ ไม่ต้องลางานกันหลายวัน ไปเช้าวันศุกร์กลับคืนวันอาทิตย์ เที่ยวแบบเรียบง่าย กินง่าย ไม่แพงเลย

เราไปเที่ยวฮานอยครั้งนี้เลือกบินกับไทยไลอ้อนแอร์ที่แม้จะเป็นสายการบินต้นทุนต่ำแต่รวมน้ำหนักกระเป๋า 20 กิโลกรัม ราคาตั๋วโดยทั่วไปก็ไล่เลี่ยกันกับคู่แข่ง แต่ยอมรับเลยว่าตอนที่จองนั้นราคาไม่แรงสักเท่าไรเพราะจองได้ที่ราคาประมาณ 33xx แต่พอหลังจากนั้นไม่นานลองเข้าไปส่องราคาดูก็พบว่าช่วงหนึ่งราคาลงไปถึง 25xx เลยจ้า


ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองด้วยสายการบิน
ในวันเดินทางเราทำเช็คอินออนไลน์มาก่อนซึ่งช่วยให้ได้เลือกที่นั่งเพื่อให้ได้นั่งติดกันกับเพื่อนแล้วยังได้ใช้บริการช่องเช็คอินสำหรับคนที่เช็คอินออนไลน์มาก่อนแล้วเพื่อโหลดกระเป๋าทำให้ไม่ต้องไปต่อแถวเช็คอินทั่วไปที่แถวยาวกว่ามาก แนะนำให้เช็คอินออนไลน์ก่อนเดินทางเสมอนะ

เราว่าข้อดีอีกอย่างของการเช็คอินออนไลน์ล่วงหน้าคือในกรณีที่เราไปถึงสนามบินช้าจนเคาเตอร์เช็คอินปิดไปแล้วแต่เราเช็คอินออนไลน์มาแล้ว เราก็ยังสามารถขึ้นเครื่องได้อยู่ดีโดยใช้บอร์ดดิ้งพาสในมือถือหรือแม้แต่แจ้งเจ้าหน้าที่ของสายการบินให้ออกบอร์ดดิ้งพาสให้ก็ยังได้(นี่ประสบการณ์ส่วนตัวเลยนะ) แต่ต้องไม่สายจนไปถึงเกตไม่ทันและแน่นอนว่าไม่สามารถโหลดกระเป๋าเดินทางได้แล้วจ้า อันนี้อยากแนะนำนักเดินทางทุกคนจริงๆ

บินกับไทยไลอ้อนแอร์ เที่ยวบิน SL-180 เวลา 10 โมงเช้า แต่ก็ว่าจะบินจริงๆก็เกือบ 10 โมงครึ่งแล้ว ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสองชั่วโมงดีก็มาถึงสนามบินโหน่ยบ่ายแล้ว สนามบินที่นี่ไม่ใหญ่โตมากนัก เพิ่งเปิดไม่นาน แต่ก็สะดวกสบายดี อ้อ ที่นี่ใช้ไทม์โซนเดียวกับบ้านเราเลย ไม่ต้องสับสนเรื่องเวลา


เพื่อนๆจัดการซื้อซิมเพื่อใช้เล่นอินเตอร์เน็ตตรงใกล้ทางออก ตกคนละประมาณ 300 บาท แต่เรายังไม่ซื้อ ตั้งใจว่าจะไปซื้อในเมือง พวกเราเดินทางเข้าเมืองด้วยรถเมล์สาย 86 ตามที่หาข้อมูลมา


แต่ดูเหมือนพวกเราจะขึ้นรถผิดคันเพราะนอกจากพวกเรา 7 คนบนรถแล้วก็มีแค่คนเวียดนามอีก 2 คนเท่านั้น คนขับรถขับหวาดเสียวมาก ถนนเล็กแคบแปลกๆ มีแวะเติมน้ำมันด้วย นั่งไปก็แอบหวั่นใจไปว่าจะถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ แต่สุดท้ายก็มาส่งถึงที่ มารู้ทีหลังว่านี่ไม่ใช่รถเมล์สาย 86 ปกติที่นักท่องเที่ยวขึ้นกัน ถึงจะถึงที่หมายเหมือนกัน ราคาก็ไม่แตกต่างกันแต่เราก็ไม่แนะนำให้ขึ้นนะ ถ้าเจอใครพยายามแนะนำให้ขึ้นรถแบบเราจงพึงระลึกว่า ไม่มีใครจะดีกับเราโดยไม่หวังผลตอบแทนที่ท่ารถหรอกนะ ขนาดคนช่วยยกกระเป๋ายังตามขึ้นมาเก็บเงินค่ายกกระเป๋าให้เลย


ระหว่างทางใช้ Google Maps ดูทางมาตลอดจึงไม่หลงหรือเลยจุดที่จะลงรถเพื่อเดินลากกระเป๋าไปที่พักซึ่งอยู่ใกล้กับย่าน Old Quarter ซอยทางเข้าคับแคบนิดหน่อย โรงแรมนี้ชื่อว่า Splendora Boutique แถวนี้มีโรงแรมชื่อคล้ายกันแบบนี้อีกซึ่งเป็นเครือเดียวกัน ระวังสับสน


เมื่อถึงที่พักพนักงานโรงแรมก็ต้อนรับพวกเราด้วยน้ำส้มปลอมๆกับแตงโม พร้อมกับอธิบายสิ่งต่างๆที่นักท่องเที่ยวควรรู้ รวมไปถึงนำเสนอทัวร์ฮาลองเบย์ที่พวกเราตั้งใจจะไปกันวันพรุ่งนี้ มีตั้งแต่ราคาแรงๆประมาณ 70-80 เหรียญ จนถึงราคาต่ำสุดที่ประมาณ 30 เหรียญ ซึ่งจะว่าไปราคาต่ำสุดนี้ก็น่าสนใจนะแต่ก็แอบกลัว พวกเราคิดดูก่อน


โรงแรมที่นี่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ข้าวของต่างๆยังแลดูใหม่อยู่ ตกแต่งสวยใช้ได้ ห้องที่เลือกเป็นแบบสองเตียงใหญ่ นอนได้เตียงละสองคน นั่นคือพักได้ห้องละ 4 คนเลย


จัดว่าเป็นโรงแรมที่คุ้มค่าทีเดียวเพราะหารค่าที่พักกันแล้วตกคนละประมาณ 900 กว่าบาทสำหรับสองคืน อันที่จริงจะต้องถูกกว่านี้อีกนิดนึงด้วยเพราะจองเข้าพัก 8 คนแต่มีเพื่อนหนึ่งคนติดธุระไม่สามารถมาร่วมทริปได้จึงเหลือแค่ 7 คน หารแล้วจึงแพงขึ้นมานิดนึง เป็นโรงแรมเล็กๆแต่พนักงานบริการดีมาก ทำเลก็ดี


กว่าจะออกจากสนามบินและเอากระเป๋าไปเก็บที่พักเสร็จก็เกือบบ่ายสองโมงแล้ว พวกเราเดินเท้าไปกินมื้อเที่ยงที่ร้าน New Day ซึ่งห่างจากที่พักพอสมควรเลย แล้วยังได้โต๊ะด้านในร้านที่มีพื้นที่คับแคบ น่าอึดอัด แต่ช่างเถอะเพราะทุกคนหิวกันแล้ว สั่งก็ไม่ค่อยเป็นกัน สื่อสารกับพนักงานพอได้อยู่บ้าง แต่เราคิดว่าไม่ลองเฝอคงจะผิดมากๆแน่


เพื่อนสั่งข้าวผัดอะไรสักอย่างมาก ลองชิมดูก็พอกินได้แล้วก็มีปอเปี๊ยะทอดแบบที่แป้งด้านนอกไม่แข็งแบบบ้านเรา ผัดไก่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และก็ผัดเปรี้ยวหวาน(มั้ง)


อิ่มแล้วไปต่อ มาดูการแสดงหุ่นกระบอกน้ำซึ่งคนเยอะจนเต็มโรงละครเลย แต่ฟังไม่รู้เรื่องเพราะเป็นภาษาเวียดนามตลอดการแสดง จะว่าเพลินก็เพลิน จะว่าง่วงก็ง่วง จนเผลอหลับไปเป็นระยะๆเลยจ้า

และก็แนะนำว่าให้แลกเงินดองมาจากไทยเลย แต่ถ้าไปแลกในจังหวะที่เงินดองหมดก็ให้แลกเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐมาก่อนแล้วค่อยไปแลกในตัวเมืองอีกที สามารถแลกเงินที่ร้านขายเพชรขายพลอยได้ มีหลายร้านให้เลือกและดูเหมือนว่ากิจการรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจะเป็นอีกกิจการหนึ่งที่ร้านขายเพชรขายพลอยที่นั่นทำควบคู่กันไป เรตก็ถือว่าดี เราแลกมาแล้วจ้า


แต่ละจุดที่ไปนี่เดินเท้าได้สบายเลยเพราะอยู่ห่างกันไม่มากแต่ทางเท้าบ้านเขานี่เดินลำบากยิ่งกว่าบ้านเราอีกเพราะมีทั้งคนขายของและมีมอเตอร์ไซค์จอดแบบเต็มทางเท้าเลย เดินระวังนิดนึงน่า ระหว่างที่เดินเลียบทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมหรือทะเลสาบคืนดาบ พวกเราแวะที่วัดหงอกเซินซึ่งตั้งอยู่ในทะเลสาบ แต่คนเยอะมากจึงแค่ถ่ายรูปเล่นกันแถวสะพานทางเข้าวัด


เมื่อแดดร่มลมตก ถนนในเขต Old Quarter บางสายถูกปิดไม่ให้รถใหญ่สัญจร ผู้คนเดินขวักไขว่ทั่วท้องถนน มีคนตั้งวงดนตรีเล่นสดด้วยจ้า อ้อ เราตัดสินใจซื้อซิมจากร้านขายกล้องแถวนี้ปรากฏว่าได้มาราคาประมาณ 200 กว่าบาท ราคาถูกกว่าของเพื่อนก็จริงแต่กว่าจะได้เล่นเพราะหาร้านซื้อซิมไม่ได้สักทีก็ผ่านไป 5 ชมแล้ว ดังนั้นซื้อซิมที่สนามบินใช้ไปเลยจะดีกว่านะ


ที่พักพวกเราอยู่ไม่ห่างจากโบสถ์เซนต์โยเซฟเท่าไรนัก และไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเล่นหน้าโบสถ์ พอดีที่ด้านข้างโบสถ์มีเอเจนซี่รับจองทัวร์น่าสนใจพวกเราจึงเข้าไปสอบถามแล้วก็ได้ราคาแรงๆกลับมาจึงขอออกมาคิดดูก่อน แต่เดินออกมาไม่ทันไรจู่ๆเอเจนซี่คนที่เพิ่งคุยด้วยก็พุ่งเข้ามาหาพวกเราพร้อมเสนอราคาทัวร์ที่ 35 เหรียญจ้า พวกเราจึงโทรไปหาที่โรงแรมเพื่อต่อรองราคาทัวร์ ปรากฏว่าก็ได้ราคาลดกระหน่ำที่ 35 เหรียญเท่ากัน แต่ยังไม่ตอบตกลง


ขอนั่งจิบน้ำบนเก้าอี้ซักผ้าข้างโบสถ์กันก่อน แล้วจึงตัดสินใจว่าจะจองกับทางโรงแรมแต่พอโทรกลับไปกลายเป็นว่าคนที่รับสายบอกเต็มแล้ว สุดท้ายพวกเราจึงต้องจองกับเอเจนซี่เจ้านั้น เป็นอันจบดีลการจองทัวร์ฮาลองเบย์ นั่นแสดงว่าราคากลางสำหรับทัวร์ฮาลองเบย์น่าจะอยู่ที่ 35 เหรียญสินะ


เดินเที่ยวตลาดกลางคืนย่าน Old Quarter เจอแม่ค้าขายผลไม้แนวเปรี้ยวหวาน จัดได้สวยงามอลังการมาก ยอมใจแม่ค้าจริงๆ


คิดกันอยู่นานมากว่าจะกินมื้อเย็นที่ร้านไหนดี แต่โจทย์คือต้องเวียดนามสไตล์ เดินวนไปหลายตรอกซอกซอยมาก


ที่สุดก็มาจบที่ร้านแนวปิ้งย่างแบบเวียดนาม น้ำจิ้มใช้ส้มจี๊ดบีบใส่ รสชาติเปรี้ยวแปลกๆดี มีขนมปังบาเก็ตแบบฝรั่งเศสให้ด้วย


ชาบูก็มาแต่ใส่เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจ้า


อิ่มแล้วก็ออกเดินเที่ยวเรื่อยมาตามถนนเรียบทะเลสาบ คนตามท้องถนนเยอะมาก ครึกครื้นเว่อร์ๆ


เช้าวันที่สองเริ่มต้นด้วยมื้อเช้าที่โรงแรม มีของกินให้เลือกหลากหลายดี


หรือจะสั่งเฝอแยกต่างหากก็ได้ หน้าตาเฝอแต่ละที่ก็จะคล้ายๆกัน เฝอที่นี่มีแต่เฝอเนื้อวัวเท่านั้น ไม่ต้องหาเฝอหมูนะ ไม่มีจ้า


เจออาหารจากโรงแรมแบบนี้บอกเลยว่า คุ้มมาก ไม่แปลกใจเลยที่โรงแรมนี้ได้คะแนนรีวิวสูงมาก



พร้อมออกเดินทางไปขึ้นรถที่ทัวร์มารับแล้วจ้า นี่คือซอยที่โรงแรมตั้งอยู่ คับแคบนิดหน่อยแต่มีครบทุกสิ่งสรรพ ร้านสะดวกซื้อ ที่พัก เอเจนซี่ทัวร์ สตีทฟูด หรือร้านอาหารดีๆก็ยังดีนะ


ใช้เวลาเดินทางออกมาจากตัวเมืองนานพอสมควร แต่ยังไม่ถึง รถแวะให้พักเข้าห้องน้ำห้องท่า ซื้อขนมขบเคี้ยวกิน หรือจะซื้อสินค้างานหัตกรรมงานศิลป์นานาๆก็ได้ มีให้เลือกดูเยอะมาก แต่ก็ไม่ค่อยเห็นมีใครซื้อนะ ส่วนใหญ่ซื้อน้ำกับอาหารกินกันมากกว่า


ในที่สุดก็ถึงท่าเรือ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชมแน่ะ


ขึ้นเรือมาไม่นานก็เสิร์ฟอาหาร อันได้แก่ ปลานิลทอด กุ้งต้ม ปอเปี๊ยะทอด และแตงกวาหั่นบางเรียงสวยอลังการ


ผัดปลาหมึกและผัดหมูที่ใส่หอมใหญ่คล้ายๆกัน พอกินได้


ผัดกะหล่ำปลี รสชาติงั้นๆ และก็มันแกว


จากนั้นก็ไปชมถ้ำ ด้านในเปิดไฟสวยทีเดียว นักท่องเที่ยวก็เยอะพอสมควรเช่นกัน


พอออกมาจากถ้ำ ระหว่างที่เดินลงไปที่ท่าเรือก็จะเจอวิวแบบนี้


นี่ไม่ใช่เรือที่พวกเราขึ้นแต่เป็นเรือลำอื่นซึ่งหน้าตาและขนาดก็คล้ายๆกันนี่แหละ


และนี่ก็คือโขดหินขนาดใหญ๋ไฮไลต์ที่มีลักษณะคล้ายไก่ชนกำลังสู้กัน ใช่ ใช่ป่ะ


แล้วก็มาต่อด้วยนั่งเรือชมวิวทิวทัศน์ซึ่งมันคล้ายกับที่เคยไปพายเรือคายัคที่กระบี่เลย


หรือจะเลือกพายเรือคายัคก็ได้ถ้าไม่ห่วงเรื่องเปียก
ชื่อสินค้า:   ฮานอย
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่