นิราศแก่งสะพือเลื่องลือเมืองพิบูลมังสาหาร

กระทู้คำถาม
นิราศแก่งสะพือเลื่องลือเมืองพิบูลมังสาหาร
                                ๐ประนมหัตถ์วันทาบูชาสถาน
    พระประจำบุรีบรมพนมพิมาน        พิบูลมังสาหารการโรงเรียน
    ๐สุริยะสาดแสงส่องสดใส        เปรียบฤกษ์ชัยวันใหม่ดั่งฟ้าเขียน
    หลังฝนพรำย่ำรุ่งเมืองช่างเทียน        จะเดินเวียนเที่ยวไปในเส้นทาง
    ๐เจ็ดนาฬิกาฟ้าสางที่ปรางค์หน้า    ลานองค์พระปฎิมาทางด้านข้าง
    เคียงคู่คุ้มพ่อไทรเงินอยู่ริมทาง        เคียงคู่ข้างโรงอาหารสำราญตา
    ๐ประนมมือมาวันทาอยู่หว่างคิ้ว        น้อมระริ้วจิตกราบทั้งซ้ายขวา
    องค์ทศพลพร้อมพ่อผู้เมตตา        ปกปักบ้านคุ้มฟ้าผองข้าพิบูล
    ๐แลซ้ายขวาจิตข้าดูเปล่าเปลี่ยว    จะท่องเที่ยวเดินไปเริ่มจากศูนย์
    จะเดินชมเรียนรู้เมืองพิบูล        จะตามหาค่าคุณพูนของดี
    ๐แต่เดินทางครั้งนี้ไม่มีเจ้า        ไม่เหมือนครั้งก่อนเก่าเศร้าหมองศรี
    ครั้งอธิษฐานจะเคียงคู่ร่วมฤดี        มาบัดนี้เจ้าแปรไปไม่หวนคืน
    ๐แต่ก่อนตอนมีรักดีอยู่            อธิษฐานจะคองคู่จนหวานชื่น
    จะร่วมเรียงเคียงหมอนทุกวันคืน        จะหลับตื่นเราจะมาเจอหน้ากัน
    ๐แต่บัดนี้ระยะทางทำให้จาก        น้องต้องพรากจากพี่ยาพาโศกศัลย์
    ไม่รู้กี่วันเดือนปีจะเจอกัน                ได้แต่นับเดือนวันจะผันคืน
    ๐ก้าวย่างผ่านทางประตูสาม        พบไม้งามสองฝั่งดูร่มรื่น
    นกกระจอกเกาะกลุ่มอยู่ดาษดื่น        คลื่นคือพือปีกเหมือนหลีกทาง

    ๐แลข้างหน้าตรงว่าประตูนี้        คือบิ๊กซีห้างใหญ่ไม่กีดขวาง
    เดินเลี้ยวขวามุ่งไปในตามทาง        ห้าร้อยเมตรก้าวย่างถึงปรางค์ทอง
    ๐มีนามขานกล่าวคือภูเขาแก้ว        อุโบสถแลแล้วมิเศร้าหมอง
    ลายสลักปูนปั้นสัตว์ป่าคึกคะนอง    สิงห์สองรูปปั้นองค์ตรงหน้าบัน
    ๐จึงเข้ากราบองค์พระปฏิมา        แลดูซ้ายขวาเหมือนเสกสรร
    ประติมากรรมรอบโบสถ์ดูงามงัน    เป็นรูปปั้นองค์พระธาตุทั่วชาติไทย
    ๐นมัสการวันทาบูชาแล้ว                ออกแอ่วเที่ยวชมหายสงสัย
    เจอทั่วทิศเป็นป่าชื้นรื่นฤทัย        ตะวันออกลานใหญ่ชโลทร
        ๐แต่เวลารวบรัดให้เดินต่อ        เป้าหมายที่ตั้งรอต้องถึงก่อน
    ก่อนตะวันลับขอบฟ้าสั่งลาคอน        แก่งสะพืองามงอนต้องได้ยล
    ๐ออกจากวัดเลี้ยวซ้ายไปตามทาง    เจอรั้วเคียงเรียงรางน่าฉงน
    ดังมนุษย์เข้าแถวส่งผองฝูงชน        ที่มายลความงามอารามใจ
    ๐เห็นกระแตแลศกุนีมันมีคู่        ยังคะนึงครั้งพี่อยู่มิหมองไหม้
    เหนื่อยกายแต่ก่อนได้ผ่อนฤทัย        แต่ครั้งนี้เหนื่อยใจไม่คลายตน
    ๐เดินต่อได้ห้าร้อยเมตรเขตระดับ        เจอสี่แยกฉากรับระดับถนน
    ซ้ายสาสุขอำเภอเจอผู้คน        ขวาคือที่ฝึกตนคนโรงเรียน
    ๐แลเบื้องหน้าเจอหลังคาหน้าวัดสวน    ประตูโขงรูปล้วนภาพสีเขียน
    ขวามือเป็นสนามบอลหน้าโรงเรียน    เป็นที่เพียรร่วมแรงแข่งกำลัง

    ๐ไปตามทางถนนจนเบื้องหน้า        เจอตลาดผู้คนดูคราคลั่ง
    ทั้งแม่ค้าหาบของขายเต็มกำลัง        บ้างนั่งอยู่ข้างทางร้องเรียกเชิญ
    ๐มังสาหารบริบูรณ์พูนตลาด        ผลไม้ผักกาดไม่ขาดเขิน
    ปลาแม่น้ำตามฤดูโภชเจริญ        แวะชมเพลินวิถีชลคนพิบูล
    ๐มีทั้งบักแงวป่าเมื่อคราพี่        ทำให้หวนฤดีมีเสียศูนย์    
    ครั้งปีนป่ายให้น้องชิมอยู่ริมมูล        โถพ่อคุณใยพรากจากมโน

    ๐ชมเพลินเดินลดเลี้ยวแวะเที่ยวท่อง    ตามซองแผงขายสุขใจโข
    ตลาดใหญ่ละลานตาดูมากโต        เสร็จสรรพจึงโผเดินจากไป
    ๐เมื่อถึงที่รถปรี่อยู่ข้างหน้า        แลรูปปั้นพ่อยาน่าเลื่อมใส
    พระจุมมณีแหล่งหลอมรวมดวงใจ    วงเวียนท่านตั้งใหญ่อยู่หน้าลาน
    ๐เข้ากราบขมาบูชาฝาก            เป็นลูกเป็นรัก ณ สถาน
    ลูกของพ่อขุนพลเทวาการ        ผู้ปกบ้านป้องภัยให้มีเมือง

    ๐ถึงเวลาต้องลา ณ ลานแล้ว        วงเวียนแก้วบารมีที่ลือเลื่อง
    บนถนนพรหมแสงลานคนเมือง        นามกระเดื่องตั้งอยู่หน้าสถานี
    ๐ข้างลานบริการรถเที่ยวท่อง        รถสามล้อจอดจองดูเข้าที่
    เรียงรายเป็นระเบียบดูเข้าที        ฉันปรี่ใช้บริการสำราญใจ

    ๐จะนั่งไปเที่ยวดูคุดคู้แก่ง        สะพือแหล่งสำราญพลับพลาใหญ่
    ที่องค์พ่อ ร. เก้าของชาวไทย        เสด็จจารึกไว้ในอัคนี
    ๐รถขับวนเวียนรอบขอบทางหลวง    ล้อหมุนวงเวียนควงดูเข้าที่
    ผ่านสี่แยกหน้าวิภาคย์ชื่อฤดี        ตรงข้ามโรงเรียนนี้ธนาคาร
    ๐รถเลื่อนผ่านย่านชุมชนบ้านคนเก่า    เหมือนเรื่องเล่าผ่านการตำนานขาน
    ตึกไม้เก่าคู่ชุมชนมาช้านาน        เป็นทางสู่สะพานพาดผ่านชล
    ๐ถึงสี่แยกคอสะพานผ่านแม่น้ำ        ผู้เฒ่าย่ำขายของสองฝั่งถนน
    ต้นตำรับซาลาเปาของอุบล        อยู่ที่ย่านบ้านคนฝั่งชลธาร
    ๐และตรงหน้าคือที่มาหินลอยน้ำ        เป็นขัวข้ามชลธีที่ส่งสาร
    ที่สัญจรไปมาอยู่ช้านาน            ที่ชาวบ้านแวะเที่ยวเกี่ยวสัมพันธ์

    ๐หมุนล้อจักรรถยนต์จนเลี้ยวขวา        เป้าหมายหน้าคือที่ระลึกฝัน
    ใกล้สะพือเข้าแล้วโอ้งามงัน        แสงตะวันสาดกล้าให้ท้าชน
    ๐ถึงวัดหลวงห่วงพี่คุณที่รัก        คิดถึงพักตร์เคยชิดจิตฉงน
    แม้หลวงพ่อสอนสั่งไม่คลายตน        จิตพะวงภวังค์มิครั้งคลาย

    ๐จากสะพานผ่านมาสามร้อยเมตร    ก็เป็นเขตพัทธสีมารั้วเป็นสาย
    มองเห็นหลังคาโบสถ์โดดเด่นกาย        แวะกราบไห้วันทาห้าพระองค์
    ๐นามวัดนี้ตราตั้งมีว่าสระแก้ว        แน่แท้แล้วปฏิมาคุณค่าสงฆ์
    ที่ประดิษฐ์พระสะพือพุทธองค์        ด้วยอัญเชิญขึ้นจากโค้งโล่งทันดร

    ๐สิบหกค่ำย่ำนาฬิกาเวลาบอก        เหมือนเตือนบอกพนาลาสิงขร
    ใกล้หมดแสงอาลัยในดงดอน        ต้องรีบแร่งให้ถึงก่อนอ่อนกำลัง
    ๐ลาวัดลาเวียงกำแพงแก้ว        ลาแล้วหลวงตาผู้มนต์ขลัง
    ก่อนพลบค่ำแสงฟ้าจะหมดพลัง        ต้องถึงที่ความหวังที่ตั้งใจ
    ๐กรีดกายก้าวย่างมาทางเท้า        ผ่านประตูโค้งเถาเลื้อยอันน้อยใหญ่
    ถึงแล้วสถานที่ที่ตั้งใจ            สะพือใหญ่แก่งน้ำสำราญตา
    
    ๐และเบื้องหน้าคือลานลานหินกว้าง    งามสะพรั่งพันธุ์ไม้ทั้งซ้ายขวา
    ขวามือเป็นของขายละลานตา        ซ้ายมือคือตรงหน้าธารามูล
    ๐เห็นตระหง่านรูปหินชิ้นตั้งใหญ่        สูงดำทะมึนคล้ายรามสูร
    มีเหล็กรอบขอบชิดอยู่ริมมูล        บุปผาชาติบริบูรณ์สำราญตา

    ๐เดินเคลื่อนย่างกรายเข้าไปใกล้        ตรงหินตั้งใหญ่ที่เบื้องหน้า
    ปรากฏรอยจารึกพระปรมา        ภิไธยทรงคุณค่าประชาชน
    ๐คิดถึงภาพอดีตพระองค์ท่าน        ดำเนินผ่านคืนวันฝ่าแดดฝน
    ให้พี่น้องชาวพิบูลทั่วทุกคน        ได้อยู่ดีมิอับจนสนเงินตรา
    ๐จึงเที่ยวเพลินเดินชมริมตลิ่ง        เห็นพลับพลางามจริงอยู่ริมท่า
    เรือนไม้สักเหลืองอร่ามดูงามตา        ที่ก่อนครั้ง ร. เก้ามาประทับองค์

    ๐และเบื้องหน้าคือธาราลำมูลใหญ่    เกาะแก่งเล็กในน้ำไหลส่ง
    เสียงระรอกคลื่นซัดพัดเป็นวง        กระเซ็นส่งกระทบหินระรินใจ
    ๐อิ่มความงามงามจับใจงามจับจิต    งามดั่งเทวาเสกคิดนิมิตให้
    งามพร้อมทรัพยาอุทกธารใจ        ความงามจะตรึงจิตตราใจมิคลายเอย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่