เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 พค. ผ่านมา จขกท. รับปากเพื่อน ๆ ไว้ ว่าจะไปทำอาหารให้กิน โดยไปทำให้ถึงครัวเลย นัดรวมตัวกันมา ได้ 7 คนรวม จขกท. ด้วย
เรื่องของเรื่องก็คือ มีเพื่อน ๆ หลายกลุ่มมาก ทั้งตั้งแต่เรียนหนังสือด้วยกันมา ทั้งเพื่อนร่วมงานที่ทำงานเก่า ที่ทำงานปัจจุบัน ชอบพูดว่า เห็น จขกท. โพสการทำอาหารในพันทิปบ่อยมาก อาหารแต่ละอย่างดูน่ากิน ขอร้องช่วยมาทำให้เพื่อนได้กินหน่อยสิ อยากรู้ว่าจะอร่อยแค่ไหน แต่กว่าจะนัดกันได้ กว่า จขกท. จะว่าง ก็ปาเข้าไปเป็นปี วันนี้ได้ฤกษ์เสียที
การไปทำอาหารให้กิน แปลว่า ตามใจคนปรุง คือ ตามใจผู้ทำ เพราะ จขกท. ทำเป็นอยู่ไม่กี่อย่าง ผู้กินจะมาขอกินเมนูนอกเหนือจากที่ทำไม่เป็น ก็ไม่ได้ ดังนั้น อาหารทั้งหมด จขกท.ทำ โดยผู้กินเองก็ไม่รู้ว่า จขกท. จะทำอะไรให้กิน (นึก ๆ ก็สนุกดี)
การทำอาหารกินเองในบ้านทีละอย่าง วันละอย่าง กับการไปทำนอกสถานที่ให้คนอื่นกินเป็นเซทเมนู เหมือนโต๊ะจีน ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว แรกก็ต้องคิดก่อนว่าจะทำอาหารเมนูใดบ้าง เอากี่เมนูดี และเพื่อน ๆ ที่ จขกท. คบกับพวกเขามานาน ก็พอจะรู้ว่าคนไหนชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร แต่ 6 คนที่มา จะให้เอาใจไปเสียหมดก็ไม่ได้ คนนี้ชอบปลา คนนั้นไม่ชอบกินปลา โอ้ย เยอะแยะ
ลืมบอก เพื่อน ๆ ทั้ง 6 คนนี่ก็รุ่นราวคราวเดียวกันกับ จขกท. +- 5 ปี อายุเกิน 55 ขวบขึ้นไปกันทั้งนั้น แต่จะไปถึงกี่ขวบ ก็ขอปิดไว้ละกัน

แรกสุดก็ต้องมานั่งคิดก่อนว่า จะทำเมนูอะไรดี กี่เมนู ถ้าเสิร์ฟ 11.30 น. ไปสิ้นสุดสัก 13.30 น. ควรจะมีกี่เมนู แต่ละเมนูทำมากน้อยเพียงใด จะอิ่มไหม หรืออิ่มจุกเกิน ลำดับอย่างไรดี โอ้ย ยุ่งเหมือนกัน ดีว่าได้เพื่อน ๆ น้อง ๆ กลุ่มอื่น ที่ไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วย ช่วยกันขัด ช่วยกันเกลา ช่วยกันเสนอแนะ จนออกมาเป็นเมนูดังนี้ คือ
ซุปใสปลา กุ้งทอดเกลือ ปลาหิมะราดพริกสามรส กรรเชียงปูราดน้ำพริกไข่ปู ปลานึ่งบ๊วย และตบท้ายด้วยข้าวต้ม+กับ และของหวานเป็นลูกตาล แปะก๊วย ทุเรียนนมสด
คิดไว้อย่างนี้ ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะได้เมนูตามนี้ เพราะพอถึงวันจะลงมือทำจริง ถ้าปรากฏว่าหาวัตถุดิบไม่ได้ตามที่ต้องการ เมนูก็ต้องเปลี่ยน (ถึงอย่างไรก็ไม่เป็นไร เพื่อน ๆ ที่รอกิน เค้าก็ยังไม่รู้หรอกว่า จขกท จะทำเมนูอะไรบ้าง)
นัดกันเที่ยงวันอาทิตย์ ก่อนถึงวันนัด 2 วัน คือ ตั้งแต่เย็นวันศุกร์ ก็ต้องไปสำรวจหรือสั่งวัตถุดิบ ไปตลาดที่คุ้นเคย คือตลาดใกล้ ๆ บ้านสองตลาด เพื่อไปสั่งของสดที่ต้องการ เป็นการล่วงหน้า หรือไปเตรียมคัดล่วงหน้า ก็ปรากฏว่าโชคดี แผงปลา แผงปู ที่ต้องการ บอกว่า เช้าตรู่วันเสาร์ จะมีของสดใหม่เข้ามาแต่ตีสาม พอเจ็ดโมงเช้าให้ จขกท. รีบมาเลือกไปก่อนเลย
เอ้า จัดไป 7 โมงเช้า ทั้งสองตลาด ได้อะไรมาบ้าง ผลลัพท์ ได้ครบถ้วนตามที่ต้องการ ถึงแม้จะต้องเทียวไปมา หลายรอบก็ตาม ก็ไม่ต้องคิดเปลี่ยนเมนูที่ตั้งใจไว้แต่อย่างใด



ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้หรอกว่า จขกท. แบบจริงจังนะ พอดีนึกได้ว่ามีชุดเชฟ ที่ซื้อมาคราวบริษัทจัดงานปาร์ตี้แฟนซีอะไรสักอย่าง ยังใส่ได้ (หลวมแล้ว ตอนซื้อพีคกว่านี้สิบกิโลกรัมทีเดียว) ก็เลยเอาชุดมาใส่ให้เป็นทางการเสียเลย
วันเสาร์ทั้งวัน ซึ่งเป็นวันก่อนหน้าก่อนวันนัด จขกท. ก็วุ่นอยู่แต่กับการเตรียมของให้พร้อม ทั้งล้าง ทั้งหั่น ทั้งต้มน้ำซุปบางอย่างไว้ล่วงหน้า เตรียมของไว้เป็นอย่าง ๆ พยายามหั่นให้เสร็จ แกะให้เสร็จ เรียบร้อย แยกไว้เป็นอย่าง ๆ เพื่อง่ายต่อการประกอบร่างในวันรุ่งขึ้น ทำเสร็จทั้งหมดก็เข้าตู้เย็นเอาไว้ รักษาอุณหภูมิไว้ไม่ให้เกิน 3 องศา แต่ไม่ให้ถึง 0 คือไม่ให้เนื้อสัตว์แข็ง เดี๋ยวจะไม่อร่อย บางอย่างเข้าตู้เย็นไม่ได้ ก็แช่ไว้ในถัง คอยใส่และเปลี่ยนน้ำแข็งตลอดเวลา เบ็ดเสร็จ เสร็จเอา 4 ทุ่ม
แต่เช้าวันอาทิตย์ 8.00 น. ก็ขนวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ที่ถนัดมือเรา เอาไปทั้งหมด จะได้ไม่เป็นกังวลว่า ที่บ้านของเพื่อนเค้าจะมีอะไรให้เปล่า คือ จขกท. บอกเพื่อนแต่เพียง เตรียมถ้วยจานชามช้อนไว้ให้พร้อม อย่างอื่นไม่ต้อง จะขนไปเอง
เพื่อน ๆ ก็ดีนะ 9 โมงก็มากันแล้ว ก็มาทักทายพูดคุยกัน แต่ก็มีมารยาทนะ ไม่เข้ามาในครัว ทุกคนก็ต้องการ surprise เหมือนกันว่าวันนี้ จขกท. จะมาทำอะไรให้กิน ถ้ารู้ก่อนเดี๋ยวไม่ตื่นเต้น
วันนี้จขกท. พาหลานสาวคนสวยมาช่วยถ่ายรูปและจัดจานด้วย 1 คน หลานคนนี้กำลังฝึกทำอาหารอยู่ แต่เป็นแนว fusion ออกเป็นอาหารฝรั่ง ๆ หน่อย ไม่เหมือน จขกท.
ว่างไม่ได้ ว่างเป็นเซลฟี่ อ้อ จขกท. มีหลานอีกคนด้วยนะ เป็นดาราด้วย ก็น้องดาว ฮอร์โมน นั่นแหละ ใครรู้จักบ้าง

เจ้าบ้านก็ดีหนักหนา หาลูกมือมาให้อีก 2 คน คอยรับคำสั่ง หลักเลยคือคอยล้างภาชนะ หยิบจานชาม หาถ้วยชาม นับว่าแบ่งเบาภาระไปได้มากทีเดียว
พอดื่มชากาแฟ ทักทายกันเสร็จ จขกท. กับหลาน ก็เข้าครัว ปล่อยให้เพื่อน ๆ เม้าท์มอยกันไปในห้องรับแขก และก็เริ่มลงมือทำทีละอย่าง ตั้งใจว่าจะเสิร์ฟจานแรกให้ได้ 11.30 น. ตามที่เคยได้บอกกล่าวกันเอาไว้
เริ่มต้นของวันด้วยการเตรียมของหวาน ชื่อเมนูว่า “ลูกตาล แปะก๊วย ทุเรียน นมสด”ถึงแม้ไม่ใช่เมนูแรกที่จะเสิร์ฟ แต่ก็ต้องเตรียมก่อนเลย โดยให้หลานช่วยปอกและหั่นลูกตาลกันสด ๆ เดี๋ยวนั้นเลย ส่วนแปะก๊วย จขกท. ต้มมาจากบ้านแต่เมื่อวันเสาร์แล้ว เวลาจะประกอบร่าง ก็จะต้องเตรียมนมสดเสียก่อน
ใช้นมสเตอริไลล์ มันจะหอม ๆ กว่า UHT

เวลาอุ่นนม อย่าให้อุณหภูมิสูง กะกว่าไม่เกินกว่า 40 องศาซี เดี๋ยวกลิ่นนมจะหายไป ปรุงรสนมสดด้วยน้ำตาลโตนด และเกลือ กะว่าไม่ให้หวานมาก ทำละลายไว้ครู่เดียว คอยยกออกจากเตา เพื่อไม่ให้นมร้อนเกินกว่าที่ต้องการ พอน้ำตาลละลายหมด ก็ใส่แปะก๊วยลงไป แล้วปิดเตา ใส่ภาชนะเอาเข้าตู้เย็นไว้เลย ให้เย็นจัด ๆ ก็เอาเข้าช่องฟรีสไว้ แต่อย่าให้ถึงกับแช่จนเป็นน้ำแข็งเมื่อถึงเวลาจะใช้งาน
ส่วนลูกตาล กับทุเรียนหมอนทอง ก็เตรียมไว้ และแช่ตู้เย็นไว้ก่อน

จบการเตรียมของหวาน ซึ่งจะเสิร์ฟเป็นรายการสุดท้าย
ถัดมาเริ่มด้วยเมนูแรก จขกท. กำหนดไว้ให้เป็น ซุปใสปลา (ปลาเก๋าแดง หรือกุดสลาด)
จขกท. ก็ต้มซุปมาจากที่บ้านแล้วแต่เมื่อวาน โดยใช้หัวและกระดูกปลาที่เลาะเอาเนื้อออกแล้ว มาต้มกับน้ำเปล่าให้เป็นซุป เครื่องปรุงหลักก็จะมี กระเทียม พริกไทย รากผักชี ดอกเกลือ ขิงอ่อน ขึ้นช่าย เคี่ยวนานหนึ่งชั่วโมงไม่ปิดฝา และใส่บรั่นดีลงไปเล็กน้อยตอนจบ เสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำ มาถึงบ้านเพื่อน ก็เอาขึ้นอุ่นเบา ๆ ไว้บนเตา จะบอกว่าน้ำซุปปลานี้หวานธรรมชาติ และไม่มีกลิ่นคาวปลาแต่อย่างใด

ส่วนเนื้อปลาเก๋าแดง เลือกเอาแต่เนื้อใส ๆ คือส่วนที่เป็นสีเข้ม ๆ แดงกว่าปกติ เรียกไม่ถูก ที่อยู่ข้างลำตัว ไม่เอา เอาออก แล้วแล่ให้เป็นชิ้นใหญ่ ๆ หน่อย ชิ้นพอคำ

เมื่อถึงเวลาเสิร์ฟ (จริง ๆ จขกท. ทำอย่างอื่นไปก่อนหน้าที่บ้านเพื่อนนี้ เช่น ทำน้ำราดสามรส ทอดกุ้ง ทอดปลา เตรียมนึ่งปลา ฯลฯ จนใกล้ได้เวลา ถึงจะมาทำซุปใสปลานี้) ก็ต้มน้ำเปล่าในกระทะ ใส่น้ำมันพืชลอยหน้าไปเล็กน้อย ใส่เครื่องต้มยำลงไป ใส่ดอกเกลือลงไปเล็กน้อย พอน้ำเดือด เอาเครื่องต้มยำออก แล้วค่อยเอาเนื้อปลาลงไปลวก วางเบา ๆ ค่อย ๆ ใส่ลงไปทีละชิ้น ทีละชิ้น ไม่ให้ชิ้นปลาแตก
พอเห็นว่าสุกกำลังดีแล้ว ก็เลือกเฉพาะชิ้นสวย ๆ จัดเรียงใส่ถ้วย ให้ถ้วยละ 2 ชิ้นพอ

ตักน้ำซุปร้อน ๆ ใส่ลงไป ให้แต่ละถ้วยเท่า ๆ กันทั้งน้ำซุปและเนื้อ โรยด้วยขึ้นช่ายหั่นฝอยและยกเสิร์ฟ

ตอนไปเสิร์ฟ จขกท. ก็จะเดินนำไปออกจากครัว ผู้ช่วยก็เอาอาหารใส่ถาด เดินตามมา และเสิร์ฟให้คนละถ้วย โดยมีหลานคอยช่วยถ่ายรูป พอเสิร์ฟครบ ก่อนที่เพื่อน ๆ จะรับประทาน จขกท. ก็จะยืนอยู่ใกล้ ๆ เพื่อน ๆ ที่โต๊ะ และอธิบายว่า เมนูนี้ชื่อว่าอะไร ทำมาจากอะไร ทำอย่างไร (คร่าว ๆ) และเหตุใดที่เสิร์ฟเป็นจานแรก อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเพื่อน ๆ ก็อาจจะถามอะไรเพิ่มเติมเล็กน้อย จขกท. ก็จะตอบคำถามไปให้เป็นที่กระจ่าง ออกสบาย ๆ ขำ ๆ ไม่ซีเรียส เสร็จแล้วก็ขอตัวไปทำเมนูถัดไป
ก็จะทำแบบนี้ไปทุกเมนูจนครบ โดยไม่ได้นั่งกินด้วย

เมนูที่สอง กุ้งแชบ๊วยทอดเกลือ
จขกท. โชคดีได้ size กุ้งค่อนข้างใหญ่ ขนาด 12 ตัวต่อ กก. ซื้อมา 2 กก. ได้เบ็ดเสร็จ 23 ตัวเอง และที่สำคัญ กว่าครึ่ง กำลังมีไข่พอดี ก็เตรียมล้าง ทำความสะอาด แยกหัว กับลำตัวเอาไว้ ผ่าเอาเส้นขี้กุ้งออกเรียบร้อย

มาถึงก็เอาตัวกุ้งมาทอดส่วนหนึ่ง ประมาณ 12 ตัว ทอดแบบ deep fired ข้อสำคัญคือ ทอดให้สุกพอดี อย่าให้สุกเกินจนเนื้อแข็ง แล้วพักไว้

ต่อมาก็ทอดคางกุ้งกับน้ำมัน ดูเหมือนใช้น้ำมันมากนิด แต่เป็นเพราะจะใช้น้ำมันจากหัวกุ้งไปทำอย่างอื่นด้วย
เมื่อเห็นว่าคางกุ้งสุกกรอบดีพอประมาณแล้ว ก็ปิดเตาไว้ก่อน ใส่น้ำตาลโตนดลงไปครึ่งข้อนโต๊ะ ดอกเกลือ 1 ช้อนชา น้ำปลาครึ่งช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ เสร็จแล้วทำละลาย แล้วค่อยเปิดเตาใหม่เบา ๆ
พอเห็นว่าทำละลายดีแล้ว น้ำที่ใส่ไปเพียงเป็นตัวช่วยทำละลายน้ำตาล เกลือ พอเริ่มระเหยไปเหลือเป็นน้ำมัน ๆ ก็เอาคางกุ้งออกจากกระทะ เอาน้ำมันออกเก็บไว้สักครึ่งหนึ่ง (ช้อนเอาแต่น้ำมันที่ลอยอยู่หน้า ๆ)

เสร็จแล้วก็ใส่ตัวกุ้งที่ทอดไว้แล้วลงไปทอดคลุก ๆ ในกระทะที่มีน้ำมันเพิ่งทอดคางกุ้งนั้น เปิดไฟครู่เดียวพอ ไม่ให้กุ้งสุกไปกว่าเดิม เวลาเสิร์ฟ ให้คางกุ้งคนละ 2 คาง ใส่ถ้วยเล็ก และจัดตัวกุ้ง 6 ตัวเป็นจานกลาง กะว่าให้แบ่งกันคนละตัวพอ
แอบมีรูป กำลังง่วนอยู่พอดี



ก็เหมือนเดิม เสิร์ฟเสร็จ จขกท. ก็อธิบายว่าชื่อเมนูอะไร ใช้กุ้งใดมาทำ และเหตุใดจึงออกมาเป็นลำดับนี้ เสร็จแล้วก็กลับเข้าครัว
เมนูที่สาม ปลาหิมะราดซอสสามรส
ปลาหิมะสด ๆ เนื้อใส ๆ 3 ชิ้น หนักประมาณ 1 กก. เอาลงทอดไฟแรง ให้เหลืองนอก เนื้อใสต้องสุกพอดีและยังนิ่มอยู่ ทอดออกมาเป็นสีเหลืองสวยงาม

การเตรียมซอสสามรสก็ไม่อยาก เอาน้ำจิ้มไก่ที่มีขายอยู่ในท้องตลาด เทลงอุ่นในหม้อ ชิมรส เห็นว่าหวานไปมาก ก็เติมน้ำมะขามเพิ่มลงไป พอเดือดดีแล้ว ก็เติมพริกขี้หนูสดปั่นกับกระเทียม ตามลงไป สักครู่ปิดเตา แล้วเอาก้านผักชีสับละเอียดใส่ลงไป คน ๆ ให้เข้ากัน อีกเตาหนึ่งก็ทอดพริกแห้ง กับ หอมแดงเจียวให้หอม ๆ พักเอาไว้

เสร็จแล้วเอามาราดบนปลาที่ทอดไว้แล้ว สำคัญคือปลาทอดเสร็จ น้ำราดต้องพร้อมราด อันนี้สำคัญ ปลาจะได้ไม่ชืดเสียของ โรยพริกทอดและหอมแดงทอดเล็กน้อย เป็นอันเสร็จ เสิร์ฟได้
Login มันแกวฯ เข้าครัว รังสรรค์ 6 เมนู ด้วยใจ
เรื่องของเรื่องก็คือ มีเพื่อน ๆ หลายกลุ่มมาก ทั้งตั้งแต่เรียนหนังสือด้วยกันมา ทั้งเพื่อนร่วมงานที่ทำงานเก่า ที่ทำงานปัจจุบัน ชอบพูดว่า เห็น จขกท. โพสการทำอาหารในพันทิปบ่อยมาก อาหารแต่ละอย่างดูน่ากิน ขอร้องช่วยมาทำให้เพื่อนได้กินหน่อยสิ อยากรู้ว่าจะอร่อยแค่ไหน แต่กว่าจะนัดกันได้ กว่า จขกท. จะว่าง ก็ปาเข้าไปเป็นปี วันนี้ได้ฤกษ์เสียที
การไปทำอาหารให้กิน แปลว่า ตามใจคนปรุง คือ ตามใจผู้ทำ เพราะ จขกท. ทำเป็นอยู่ไม่กี่อย่าง ผู้กินจะมาขอกินเมนูนอกเหนือจากที่ทำไม่เป็น ก็ไม่ได้ ดังนั้น อาหารทั้งหมด จขกท.ทำ โดยผู้กินเองก็ไม่รู้ว่า จขกท. จะทำอะไรให้กิน (นึก ๆ ก็สนุกดี)
การทำอาหารกินเองในบ้านทีละอย่าง วันละอย่าง กับการไปทำนอกสถานที่ให้คนอื่นกินเป็นเซทเมนู เหมือนโต๊ะจีน ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียว แรกก็ต้องคิดก่อนว่าจะทำอาหารเมนูใดบ้าง เอากี่เมนูดี และเพื่อน ๆ ที่ จขกท. คบกับพวกเขามานาน ก็พอจะรู้ว่าคนไหนชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร แต่ 6 คนที่มา จะให้เอาใจไปเสียหมดก็ไม่ได้ คนนี้ชอบปลา คนนั้นไม่ชอบกินปลา โอ้ย เยอะแยะ
ลืมบอก เพื่อน ๆ ทั้ง 6 คนนี่ก็รุ่นราวคราวเดียวกันกับ จขกท. +- 5 ปี อายุเกิน 55 ขวบขึ้นไปกันทั้งนั้น แต่จะไปถึงกี่ขวบ ก็ขอปิดไว้ละกัน
แรกสุดก็ต้องมานั่งคิดก่อนว่า จะทำเมนูอะไรดี กี่เมนู ถ้าเสิร์ฟ 11.30 น. ไปสิ้นสุดสัก 13.30 น. ควรจะมีกี่เมนู แต่ละเมนูทำมากน้อยเพียงใด จะอิ่มไหม หรืออิ่มจุกเกิน ลำดับอย่างไรดี โอ้ย ยุ่งเหมือนกัน ดีว่าได้เพื่อน ๆ น้อง ๆ กลุ่มอื่น ที่ไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วย ช่วยกันขัด ช่วยกันเกลา ช่วยกันเสนอแนะ จนออกมาเป็นเมนูดังนี้ คือ
ซุปใสปลา กุ้งทอดเกลือ ปลาหิมะราดพริกสามรส กรรเชียงปูราดน้ำพริกไข่ปู ปลานึ่งบ๊วย และตบท้ายด้วยข้าวต้ม+กับ และของหวานเป็นลูกตาล แปะก๊วย ทุเรียนนมสด
คิดไว้อย่างนี้ ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะได้เมนูตามนี้ เพราะพอถึงวันจะลงมือทำจริง ถ้าปรากฏว่าหาวัตถุดิบไม่ได้ตามที่ต้องการ เมนูก็ต้องเปลี่ยน (ถึงอย่างไรก็ไม่เป็นไร เพื่อน ๆ ที่รอกิน เค้าก็ยังไม่รู้หรอกว่า จขกท จะทำเมนูอะไรบ้าง)
นัดกันเที่ยงวันอาทิตย์ ก่อนถึงวันนัด 2 วัน คือ ตั้งแต่เย็นวันศุกร์ ก็ต้องไปสำรวจหรือสั่งวัตถุดิบ ไปตลาดที่คุ้นเคย คือตลาดใกล้ ๆ บ้านสองตลาด เพื่อไปสั่งของสดที่ต้องการ เป็นการล่วงหน้า หรือไปเตรียมคัดล่วงหน้า ก็ปรากฏว่าโชคดี แผงปลา แผงปู ที่ต้องการ บอกว่า เช้าตรู่วันเสาร์ จะมีของสดใหม่เข้ามาแต่ตีสาม พอเจ็ดโมงเช้าให้ จขกท. รีบมาเลือกไปก่อนเลย
เอ้า จัดไป 7 โมงเช้า ทั้งสองตลาด ได้อะไรมาบ้าง ผลลัพท์ ได้ครบถ้วนตามที่ต้องการ ถึงแม้จะต้องเทียวไปมา หลายรอบก็ตาม ก็ไม่ต้องคิดเปลี่ยนเมนูที่ตั้งใจไว้แต่อย่างใด
ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้หรอกว่า จขกท. แบบจริงจังนะ พอดีนึกได้ว่ามีชุดเชฟ ที่ซื้อมาคราวบริษัทจัดงานปาร์ตี้แฟนซีอะไรสักอย่าง ยังใส่ได้ (หลวมแล้ว ตอนซื้อพีคกว่านี้สิบกิโลกรัมทีเดียว) ก็เลยเอาชุดมาใส่ให้เป็นทางการเสียเลย
วันเสาร์ทั้งวัน ซึ่งเป็นวันก่อนหน้าก่อนวันนัด จขกท. ก็วุ่นอยู่แต่กับการเตรียมของให้พร้อม ทั้งล้าง ทั้งหั่น ทั้งต้มน้ำซุปบางอย่างไว้ล่วงหน้า เตรียมของไว้เป็นอย่าง ๆ พยายามหั่นให้เสร็จ แกะให้เสร็จ เรียบร้อย แยกไว้เป็นอย่าง ๆ เพื่อง่ายต่อการประกอบร่างในวันรุ่งขึ้น ทำเสร็จทั้งหมดก็เข้าตู้เย็นเอาไว้ รักษาอุณหภูมิไว้ไม่ให้เกิน 3 องศา แต่ไม่ให้ถึง 0 คือไม่ให้เนื้อสัตว์แข็ง เดี๋ยวจะไม่อร่อย บางอย่างเข้าตู้เย็นไม่ได้ ก็แช่ไว้ในถัง คอยใส่และเปลี่ยนน้ำแข็งตลอดเวลา เบ็ดเสร็จ เสร็จเอา 4 ทุ่ม
แต่เช้าวันอาทิตย์ 8.00 น. ก็ขนวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ที่ถนัดมือเรา เอาไปทั้งหมด จะได้ไม่เป็นกังวลว่า ที่บ้านของเพื่อนเค้าจะมีอะไรให้เปล่า คือ จขกท. บอกเพื่อนแต่เพียง เตรียมถ้วยจานชามช้อนไว้ให้พร้อม อย่างอื่นไม่ต้อง จะขนไปเอง
เพื่อน ๆ ก็ดีนะ 9 โมงก็มากันแล้ว ก็มาทักทายพูดคุยกัน แต่ก็มีมารยาทนะ ไม่เข้ามาในครัว ทุกคนก็ต้องการ surprise เหมือนกันว่าวันนี้ จขกท. จะมาทำอะไรให้กิน ถ้ารู้ก่อนเดี๋ยวไม่ตื่นเต้น
วันนี้จขกท. พาหลานสาวคนสวยมาช่วยถ่ายรูปและจัดจานด้วย 1 คน หลานคนนี้กำลังฝึกทำอาหารอยู่ แต่เป็นแนว fusion ออกเป็นอาหารฝรั่ง ๆ หน่อย ไม่เหมือน จขกท.
ว่างไม่ได้ ว่างเป็นเซลฟี่ อ้อ จขกท. มีหลานอีกคนด้วยนะ เป็นดาราด้วย ก็น้องดาว ฮอร์โมน นั่นแหละ ใครรู้จักบ้าง
เจ้าบ้านก็ดีหนักหนา หาลูกมือมาให้อีก 2 คน คอยรับคำสั่ง หลักเลยคือคอยล้างภาชนะ หยิบจานชาม หาถ้วยชาม นับว่าแบ่งเบาภาระไปได้มากทีเดียว
พอดื่มชากาแฟ ทักทายกันเสร็จ จขกท. กับหลาน ก็เข้าครัว ปล่อยให้เพื่อน ๆ เม้าท์มอยกันไปในห้องรับแขก และก็เริ่มลงมือทำทีละอย่าง ตั้งใจว่าจะเสิร์ฟจานแรกให้ได้ 11.30 น. ตามที่เคยได้บอกกล่าวกันเอาไว้
เริ่มต้นของวันด้วยการเตรียมของหวาน ชื่อเมนูว่า “ลูกตาล แปะก๊วย ทุเรียน นมสด”ถึงแม้ไม่ใช่เมนูแรกที่จะเสิร์ฟ แต่ก็ต้องเตรียมก่อนเลย โดยให้หลานช่วยปอกและหั่นลูกตาลกันสด ๆ เดี๋ยวนั้นเลย ส่วนแปะก๊วย จขกท. ต้มมาจากบ้านแต่เมื่อวันเสาร์แล้ว เวลาจะประกอบร่าง ก็จะต้องเตรียมนมสดเสียก่อน
ใช้นมสเตอริไลล์ มันจะหอม ๆ กว่า UHT
ส่วนลูกตาล กับทุเรียนหมอนทอง ก็เตรียมไว้ และแช่ตู้เย็นไว้ก่อน
ถัดมาเริ่มด้วยเมนูแรก จขกท. กำหนดไว้ให้เป็น ซุปใสปลา (ปลาเก๋าแดง หรือกุดสลาด)
จขกท. ก็ต้มซุปมาจากที่บ้านแล้วแต่เมื่อวาน โดยใช้หัวและกระดูกปลาที่เลาะเอาเนื้อออกแล้ว มาต้มกับน้ำเปล่าให้เป็นซุป เครื่องปรุงหลักก็จะมี กระเทียม พริกไทย รากผักชี ดอกเกลือ ขิงอ่อน ขึ้นช่าย เคี่ยวนานหนึ่งชั่วโมงไม่ปิดฝา และใส่บรั่นดีลงไปเล็กน้อยตอนจบ เสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำ มาถึงบ้านเพื่อน ก็เอาขึ้นอุ่นเบา ๆ ไว้บนเตา จะบอกว่าน้ำซุปปลานี้หวานธรรมชาติ และไม่มีกลิ่นคาวปลาแต่อย่างใด
ส่วนเนื้อปลาเก๋าแดง เลือกเอาแต่เนื้อใส ๆ คือส่วนที่เป็นสีเข้ม ๆ แดงกว่าปกติ เรียกไม่ถูก ที่อยู่ข้างลำตัว ไม่เอา เอาออก แล้วแล่ให้เป็นชิ้นใหญ่ ๆ หน่อย ชิ้นพอคำ
เมื่อถึงเวลาเสิร์ฟ (จริง ๆ จขกท. ทำอย่างอื่นไปก่อนหน้าที่บ้านเพื่อนนี้ เช่น ทำน้ำราดสามรส ทอดกุ้ง ทอดปลา เตรียมนึ่งปลา ฯลฯ จนใกล้ได้เวลา ถึงจะมาทำซุปใสปลานี้) ก็ต้มน้ำเปล่าในกระทะ ใส่น้ำมันพืชลอยหน้าไปเล็กน้อย ใส่เครื่องต้มยำลงไป ใส่ดอกเกลือลงไปเล็กน้อย พอน้ำเดือด เอาเครื่องต้มยำออก แล้วค่อยเอาเนื้อปลาลงไปลวก วางเบา ๆ ค่อย ๆ ใส่ลงไปทีละชิ้น ทีละชิ้น ไม่ให้ชิ้นปลาแตก
พอเห็นว่าสุกกำลังดีแล้ว ก็เลือกเฉพาะชิ้นสวย ๆ จัดเรียงใส่ถ้วย ให้ถ้วยละ 2 ชิ้นพอ
ตักน้ำซุปร้อน ๆ ใส่ลงไป ให้แต่ละถ้วยเท่า ๆ กันทั้งน้ำซุปและเนื้อ โรยด้วยขึ้นช่ายหั่นฝอยและยกเสิร์ฟ
ตอนไปเสิร์ฟ จขกท. ก็จะเดินนำไปออกจากครัว ผู้ช่วยก็เอาอาหารใส่ถาด เดินตามมา และเสิร์ฟให้คนละถ้วย โดยมีหลานคอยช่วยถ่ายรูป พอเสิร์ฟครบ ก่อนที่เพื่อน ๆ จะรับประทาน จขกท. ก็จะยืนอยู่ใกล้ ๆ เพื่อน ๆ ที่โต๊ะ และอธิบายว่า เมนูนี้ชื่อว่าอะไร ทำมาจากอะไร ทำอย่างไร (คร่าว ๆ) และเหตุใดที่เสิร์ฟเป็นจานแรก อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งเพื่อน ๆ ก็อาจจะถามอะไรเพิ่มเติมเล็กน้อย จขกท. ก็จะตอบคำถามไปให้เป็นที่กระจ่าง ออกสบาย ๆ ขำ ๆ ไม่ซีเรียส เสร็จแล้วก็ขอตัวไปทำเมนูถัดไป
ก็จะทำแบบนี้ไปทุกเมนูจนครบ โดยไม่ได้นั่งกินด้วย
เมนูที่สอง กุ้งแชบ๊วยทอดเกลือ
จขกท. โชคดีได้ size กุ้งค่อนข้างใหญ่ ขนาด 12 ตัวต่อ กก. ซื้อมา 2 กก. ได้เบ็ดเสร็จ 23 ตัวเอง และที่สำคัญ กว่าครึ่ง กำลังมีไข่พอดี ก็เตรียมล้าง ทำความสะอาด แยกหัว กับลำตัวเอาไว้ ผ่าเอาเส้นขี้กุ้งออกเรียบร้อย
มาถึงก็เอาตัวกุ้งมาทอดส่วนหนึ่ง ประมาณ 12 ตัว ทอดแบบ deep fired ข้อสำคัญคือ ทอดให้สุกพอดี อย่าให้สุกเกินจนเนื้อแข็ง แล้วพักไว้
ต่อมาก็ทอดคางกุ้งกับน้ำมัน ดูเหมือนใช้น้ำมันมากนิด แต่เป็นเพราะจะใช้น้ำมันจากหัวกุ้งไปทำอย่างอื่นด้วย
เมื่อเห็นว่าคางกุ้งสุกกรอบดีพอประมาณแล้ว ก็ปิดเตาไว้ก่อน ใส่น้ำตาลโตนดลงไปครึ่งข้อนโต๊ะ ดอกเกลือ 1 ช้อนชา น้ำปลาครึ่งช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ เสร็จแล้วทำละลาย แล้วค่อยเปิดเตาใหม่เบา ๆ
พอเห็นว่าทำละลายดีแล้ว น้ำที่ใส่ไปเพียงเป็นตัวช่วยทำละลายน้ำตาล เกลือ พอเริ่มระเหยไปเหลือเป็นน้ำมัน ๆ ก็เอาคางกุ้งออกจากกระทะ เอาน้ำมันออกเก็บไว้สักครึ่งหนึ่ง (ช้อนเอาแต่น้ำมันที่ลอยอยู่หน้า ๆ)
เสร็จแล้วก็ใส่ตัวกุ้งที่ทอดไว้แล้วลงไปทอดคลุก ๆ ในกระทะที่มีน้ำมันเพิ่งทอดคางกุ้งนั้น เปิดไฟครู่เดียวพอ ไม่ให้กุ้งสุกไปกว่าเดิม เวลาเสิร์ฟ ให้คางกุ้งคนละ 2 คาง ใส่ถ้วยเล็ก และจัดตัวกุ้ง 6 ตัวเป็นจานกลาง กะว่าให้แบ่งกันคนละตัวพอ
แอบมีรูป กำลังง่วนอยู่พอดี
ก็เหมือนเดิม เสิร์ฟเสร็จ จขกท. ก็อธิบายว่าชื่อเมนูอะไร ใช้กุ้งใดมาทำ และเหตุใดจึงออกมาเป็นลำดับนี้ เสร็จแล้วก็กลับเข้าครัว
เมนูที่สาม ปลาหิมะราดซอสสามรส
ปลาหิมะสด ๆ เนื้อใส ๆ 3 ชิ้น หนักประมาณ 1 กก. เอาลงทอดไฟแรง ให้เหลืองนอก เนื้อใสต้องสุกพอดีและยังนิ่มอยู่ ทอดออกมาเป็นสีเหลืองสวยงาม
การเตรียมซอสสามรสก็ไม่อยาก เอาน้ำจิ้มไก่ที่มีขายอยู่ในท้องตลาด เทลงอุ่นในหม้อ ชิมรส เห็นว่าหวานไปมาก ก็เติมน้ำมะขามเพิ่มลงไป พอเดือดดีแล้ว ก็เติมพริกขี้หนูสดปั่นกับกระเทียม ตามลงไป สักครู่ปิดเตา แล้วเอาก้านผักชีสับละเอียดใส่ลงไป คน ๆ ให้เข้ากัน อีกเตาหนึ่งก็ทอดพริกแห้ง กับ หอมแดงเจียวให้หอม ๆ พักเอาไว้
เสร็จแล้วเอามาราดบนปลาที่ทอดไว้แล้ว สำคัญคือปลาทอดเสร็จ น้ำราดต้องพร้อมราด อันนี้สำคัญ ปลาจะได้ไม่ชืดเสียของ โรยพริกทอดและหอมแดงทอดเล็กน้อย เป็นอันเสร็จ เสิร์ฟได้