
เขาค้อ กับสองหน่อ เวลาน้อย 🐻🐷
(ตะเคียนโง๊ะ-ทุ่งกังหันลม-Pino Latte-วัดผาซ่อนแก้ว)
เมื่ออุณหภูมิรอบกายเริ่มต่ำลง แต่ไม่เคยพาให้อุณหภูมิความอยากไปเที่ยวของเราต่ำตาม เราสองคนจึงเลือกออกเดินทางอีกครั้ง โดยครั้งนี้เราตั้งเป้าหมายว่า สถานที่ที่เราจะไปกันต้องมีองค์ประกอบดังนี้
1. ไปกางเต็นท์
2. ตื่นมาดูทะเลหมอก
3. ต้องเห็นดาว
4. อากาศหนาว
5. สำคัญที่สุด!! – ขับรถไปจากกรุงเทพได้ (เซฟค่าตั๋วไว้ เที่ยวรอบถัดไป ฮ่าๆๆๆ)
เมื่อสมการ การท่องเที่ยวมาดังนี้ เราเลยจัดการหาข้อมูล จนไปตกลงปลงใจพร้อมกันที่ “เขาตะเคียนโง๊ะ” เป็นที่ตั้งต้นครับ ซึ่งเจ้าเขาตะเคียนโง๊ะนี้ จริงๆก็อยู่ในพื้นที่แห่งทะเลหมอก ที่คนนับหมื่น นับแสน เดินทางไปดูทะเลหมอกกัน นั่นคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ นั่นเอง
ซึ่งการเดินทางของเรา ต้องขับรถจาก กรุงเทพฯ ประมาณเกือบ 6 ชั่วโมงด้วยกัน T^T แต่ไม่เป็นไร เพื่อจุดหมายของเรา ลุย!!!
สำหรับทริป 2 วัน 1 คืน ของเรานี้ อาจจะไม่ได้เที่ยวแต่ละสถานที่มากมายนัก และก็มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเยอะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่เราไม่สามารถถ่ายทางช้างเผือกติดได้ เพราะไฟบนเขาตะเคียนโง๊ะค่อนข้างส่างมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่เราสองคนไม่ได้เห็นทะเลหมอก เนื่องจากตอนเช้าลมแรงมาก ทำให้หมอกถูกพัดไปหมด หรือแม้แต่การที่ไปวัดผาซ่อนแก้วแล้ว แต่กำลังปิดปรับปรุง บูรณะ ทำให้ไม่สามารถถ่ายติดภาพองค์พระสวยๆมาให้เพื่อนๆชมกันได้ แต่ในมุมมองของเราสองคนเวลาออกไปเที่ยว
“อย่าเสียดายกับสิ่งที่คาดหวัง แต่ไม่ได้เจอ จงอิ่มเอมกับสิ่งที่เจอ อย่างไม่ได้คาดหวัง”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตะเคียนโง๊ะ
• การเดินทาง (กรุงเทพฯ – ตะเคียนโง๊ะ)
เราสองคนขับรถกนจากกรุงเทพมหานครไปครับ ซึ่งจริงๆกะจะออกตั้งแต่เช้า เพื่อไปให้ถึงจุดหมายก่อนพระอาทิตย์ตก เผื่อจะมีเวลากางเต็นท์ ออกไปเที่ยวเล่นรอบๆเขาตะเคียนโง๊ะ แต่.......... ตื่นสาย!!! เลยได้ออกกันจริงๆประมาณ 11 โมง เลยใช้เวลาเดินทางไปกว่าจะถึงก็ล่อซะเย็นเลยทีเดียว
• การเตรียมตัว
ตะเคียนโง๊ะ แม้จะเป็นจุดกางเต็นท์บนภูเขา แต่เราไม่ต้องใช้เวลาในการเดินเท้าขึ้นไปครับ เพราะถ้าเกิดเราโทรไปจองสถานที่สำหรับการกางเต็นท์ไว้ก่อน ทางเขาจะมีพื้นที่จอดรถด้านบนไว้รองรับเรียบร้อยครับ
• ค่าใช้จ่าย
จริงๆแล้วเราสองคนเตรียมเต็นท์ไปสำหรับทริปนี้ด้วย โดยการยืมเต็นท์มาจากรุ่นน้อง แต่……… มันเล็กไปโว้ยยยยยยยยยย มันนอนไม่ได้ เราเลยต้องไปจองเต็นท์กันใหม่
o เต็นท์สำหรับ 2-3 คน ราคา 200 บาท
o ผ้าใบปูรอง(กันเต็นท์เปื้อน) ราคา 50 บาท
o ผ้าห่ม (ต่อผืน) ราคา 50 บาท
• อาหารการกิน
บริเวณตีนเขาตะเคียนโง๊ะ จะมีร้านขายของเยอะแยะมากมายครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องอดตายเลยถ้าไปที่นี่ แต่อาจจะปิดเร็วหน่อย (ประมาณ 6 โมงเย็น) แต่ถ้าหากต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนตัวอื่นๆ ให้แวะพวกร้านของชำ หรือ 7-11 ก่อนจะถึงที่หมาย เพราะบริเวณโดยรอบตีนเขาไม่มี 7-11 เลยครับ จะมีก็แต่ร้านขายของชำที่ชาวบ้านเปิดเท่านั้น
***ของไม่กระจอก ต้องบอกต่อ***
บนจุดบริการนักท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณกางเต็นท์ มีเบอร์ติดต่อสำหรับร้าน “หมูกระทะ” เดลิเวอรี่ด้วย!!! ซึ่งราคาก็ไม่แพงครับ มีชุดเล็กราคา 250 บาท และชุดใหญ่ ราคา 400 บาท ส่งถึงหน้าเต็นท์ พร้อมระบุเวลาได้ บอกเลยว่าเป็นสถานที่พักผ่อนที่ชิลดีจริงๆ
• ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ
บนเขาตะเคียนโง๊ะจะมีจุดสุขาบริการ 2 จุดหลักๆด้วยกัน โดยจะมีห้องสุขา 3 ห้อง และห้องอาบน้ำ 1 ห้องในแต่ละจุด (แต่จริงๆแล้ว ห้องสุขาก็สามารถอาบน้ำได้นะครับ)
• ชมพระอาทิตย์ตก และพระอาทิตย์ขึ้น
จริงๆถ้าจะให้ระบุช่วงเวลาแต่ละฤดูคงเป็นเรื่องยาก แต่เอาเป็นว่าถ้าใครอยากชมพระอาทิตย์ช่วงเวลาไหนสวยๆ ตอนโทนจองลองอ้อนพี่เจ้าหน้าที่ให้ล็อกเต็นท์ด้านที่ต้องการไว้นะครับ (ของเราสองคนได้ทางทิศตะวันตก ทำให้ตอนเช้าเราต้องเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นอีกฝั่งนึง)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทุ่งกังหันลม
• การเดินทาง (ตะเคียนโง๊ะ – ทุ่งกังหันลม)
ระยะทางจากตะเคียนโง๊ะไปทุ่งกังหันลมนั้น ไม่ไกลเลยครับ เดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแล้ว
• ค่าที่จอดรถ
หากใครขับรถไปจนถึงทุ่งกังหันลมเลย จะมีค่าบริการที่จอดรถที่คนละ 20 บาท เท่านั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Pino Latte + วัดผาซ่อนแก้ว
• การเดินทาง (ทุ่งกังหันลม – Pino Latte + วัดผาซ่อนแก้ว)
หลังจากเดินทางลงจากทุ่งกังหันลม เราก็ชิลไปเรื่อยๆ ประมาณอีกเกือบๆชั่วโมงก็ถึงที่หมาย
• บรรยากาศ
จริงๆร้าน Pino Latte เป็นร้านที่บรรยากาศดีมากกกกกกกกกกก ตั้งอยู่บนภูเขา สามารถนั่งจิบกาแฟ ถ่ายรูปชิคๆ แบบห้อยขาได้สบายๆ แถมไปช่วงปลายปีแบบนี้ อากาศยังเป็นใจให้เดินถ่ายรูปกลางแดดเปรี้ยงๆ แบบได้รูปปังๆอีกตะหาก
• ของกิน
ภายในร้านมีทั้งมุมของหนัก และของเบาให้เลือกสรร หากใครหิวโหยมาจากการเดินทาง ก็สามารถฝากท้องไว้กับร้านนี้ได้สบายๆ ส่วนใครอยากมาชิล ก็สามารถตรงดิ่งไปที่มุม เบเกอรี่ และเครื่องดื่มได้เลย
• ราคา
...........เอาเรื่องเลยล่ะค่ะคุณขา เราสองคนสั่งเค้ก 1 ชิ้น และกาแฟ 1 แก้ว ราคารวมจัดไปที่ 275 บาทไทย แต่สำหรับรสชาติ เค้ก นี่หมีหมูชอบมาก ให้ ผ่าน ผ่าน ผ่าน 3 ผ่านไปเลยค่ะ ต่สำหรับกาแฟยังเฉยๆ อยู่
การเดินทางในทริป เพชรบูรณ์ 2 วัน 1 คืน ของเราสองคนก็ปิดฉากลงด้วยเรื่องราวประมาณนี้ครับ ซึ่งๆหลายๆคนอาจจะมองว่า โหขับรถ ไป-กลับ ใช้เวลาครึ่งวัน ไม่คุ้มเลย แต่ก็อย่างที่บอกไปตามข้างต้นครับ เราสองคนมีเวลาเที่ยวกันน้อย ก็อยากใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุดเท่าที่จะทำได้
หากเพื่อนๆคนไหน ที่เป็นพนักงานประจำ แต่อยากไปท่องเที่ยว คุณต้องสลัดสิ่งที่มองดูเหมือนเป็นข้ออ้างอย่างเช่น ไม่มีเวลาเลย โหเวลาแค่นี้ไปจะเที่ยวได้กี่ที่ จะคุ้มหรอ............ ลองครับ ลองออกไปดู ออกไปเปิดโลกในอีด้านที่คุณไม่เคยลอง แล้วคุณจะรู้ ว่าจริงๆแล้วสถานที่ที่คุณอยากไป แต่ยังไม่ได้ไป มันไม่มีอะไรแบบที่คุณคิด หรือเพียงแค่คุณยังไม่เคยออกไปมองมัน....... =)
ยังไงเราสองคนก็ต้องขอบคุณที่ติดตามรีวิวในครั้งนี้นะครับ หากครั้งต่อๆไปมีโอกาส เราจะมารีวิวทริปต่อๆไปให้ได้รับชมกันนะ
อย่าลืมออกเดินทางกันนะครับ
เราสนับสนุนให้ทุกคน ออก ไป เที่ยว!!!
===========================================================================

มาถึงแล้ววว เขาตะเคียนโง๊ะ!!

มาถึงก็ไม่รอช้า ให้พี่ๆมาช่วยกางเต็นท์เลย
(จริงๆแล้วคือเรากางกันไม่เป็นครับ 555555555+)

ระหว่างรอพี่ๆช่วยกางเต็นท์
ตะวันก็เริ่มจะลบขอบฟ้า

เสร็จแล้ววววววว
เต็นท์เช่าของพวกเรา

หลังกางเต็นท์เสร็จ เราก็โทรสั่งหมูกระทะ
แล้วเดินลงมาหาอะไรกินกันที่ตีนเขา

มีรถ รับ-ส่ง
หากใครไปกางเต็นท์ข้างบน แค่บอกเขาว่าเรามากางเต็นท์ก็โดยสารฟรีได้เลยครับ

นี่ หมูกระทะเจ๊อารีย์ ชุดเล็ก
ราคา 250.- ที่เราสั่งกัน
เขามีบริการส่งถึงหน้าเต็นท์ พร้อมคนเก็บในวันถัดมาด้วย

พนักงานย่างหมูกระทะของหมีเอง
โฮะๆๆๆ

หลังจากอิ่มท้องก็คงยังนอนกันไม่ลง
ไปเดินถ่ายรูปดาวเล่นกันสักนิด
น่าเสียดายมากๆ วันที่เราขึ้นตะเคียนโง๊ะกันนั้น
ฟ้าเคลียสวยมาก เห็นดาวเต็มไปหมด
แต่เนื่องจากตะเคียนโง๊ะเป็นจุดกางเต็นท์ที่สามารถนำรถขึ้นไปได้
เลยมีคนไปพัค้างแรมกันค่อนข้างเยอะ
ทำให้มีดวงไฟตลอดคืน ไม่มืดพอจะสามารถถ่ายพี่ช้างได้ T^T

แถมดาวอีกสักรูป

05:30 น.
เป็นช่วงเวลาที่เราตื่นกันเพื่อไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้น อีกฝั่งของเขา ที่เป็จุดกางเต็นท์ด้านตะวันออกครับ

ซึ่งอากาศวันนั้นบอกเลยว่าหนาวมาก......

มากจริงๆ.............
(มากจนตาเหลือกกันเลยทีเดียว)

แต่ก็คุ้มที่ทนหนาวและรอจนพระอาทิตย์ขึ้น
(ได้ภาพสวยๆมาฝากกันเต็มเลย)

***จุดน่าเสียดาย***
เนื่องจากวันที่เราไป ลมแรงมากๆ
ทำให้ทะเลหมอกที่ควรจะลอยตัวอยู่ด้านล่างเรา พากันหายหน้าไปหมด
เหลือเพียงแค่วิวทิวทัศน์ที่โล่งสบาย พร้อมอากาศบริสุทธิ์ที่สามารถสูดได้เต็มปอด

เมื่อถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้ว
เราก็พร้อมจะออกเดินทาง ลาจากเขาตะเคียนโง๊ะ เพื่อไปจุดหมายต่อไปของเรากันแล้ว

เก็บของเสร็จ ก็แชะภาพสุดท้ายก่อนออกเดินทาง

จุดหมายที่2 ของเราคือทุ่งกังหันลมเขาค้อ
น่าเสียดายอีกเช่นกันที่วันนั้นหนาวมากๆ
เลยไม่สามารถยืนถ่ายรูปกันได้นาน
กลัวเจ้าหมูป่วยไปซะก่อน
แต่หากเพื่อนๆเดินทางไปในช่วงที่อุณหภูมิสูงกว่านี้
น่าจะได้ภาพสวยๆเยอะแยะเลยครับ

อีกจุดมุ่งหมายของเราก็คือร้านแห่งนี้
Pino Latte

มีมุมให้พกผ่อนกายพักผ่อนใจ และถ่ายรูปเล่นเยอะมาก

ดูสิ คนเต็มไปหมดเลย

มีต้นคริสมาสต์สำหรับปลายปีด้วยน้า

เราสั่งของกินไป 2 อย่างด้วยกัน
1. Pino Latte
2. Chocolate Cake
ซึ่งราคาก็เอาเรื่องครับ 2เมนูนี่ปาไป
275.-
แต่ถือว่าให้เป็นค่าสถานที่ละกันเนอะ เพราะร้านเขาดีจริงๆ

นี่ไง มุมสวยๆที่บอกไป

หมูบังคับว่า ลงรูปตัวเองมั่งสิ อย่าเอาแต่แกล้งหมู
[CR] เพชรบูรณ์ ดินแดนที่ไม่ได้มีแต่ "ภูทับเบิก"
เขาค้อ กับสองหน่อ เวลาน้อย 🐻🐷
(ตะเคียนโง๊ะ-ทุ่งกังหันลม-Pino Latte-วัดผาซ่อนแก้ว)
เมื่ออุณหภูมิรอบกายเริ่มต่ำลง แต่ไม่เคยพาให้อุณหภูมิความอยากไปเที่ยวของเราต่ำตาม เราสองคนจึงเลือกออกเดินทางอีกครั้ง โดยครั้งนี้เราตั้งเป้าหมายว่า สถานที่ที่เราจะไปกันต้องมีองค์ประกอบดังนี้
1. ไปกางเต็นท์
2. ตื่นมาดูทะเลหมอก
3. ต้องเห็นดาว
4. อากาศหนาว
5. สำคัญที่สุด!! – ขับรถไปจากกรุงเทพได้ (เซฟค่าตั๋วไว้ เที่ยวรอบถัดไป ฮ่าๆๆๆ)
เมื่อสมการ การท่องเที่ยวมาดังนี้ เราเลยจัดการหาข้อมูล จนไปตกลงปลงใจพร้อมกันที่ “เขาตะเคียนโง๊ะ” เป็นที่ตั้งต้นครับ ซึ่งเจ้าเขาตะเคียนโง๊ะนี้ จริงๆก็อยู่ในพื้นที่แห่งทะเลหมอก ที่คนนับหมื่น นับแสน เดินทางไปดูทะเลหมอกกัน นั่นคือ จังหวัดเพชรบูรณ์ นั่นเอง
ซึ่งการเดินทางของเรา ต้องขับรถจาก กรุงเทพฯ ประมาณเกือบ 6 ชั่วโมงด้วยกัน T^T แต่ไม่เป็นไร เพื่อจุดหมายของเรา ลุย!!!
สำหรับทริป 2 วัน 1 คืน ของเรานี้ อาจจะไม่ได้เที่ยวแต่ละสถานที่มากมายนัก และก็มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเยอะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการที่เราไม่สามารถถ่ายทางช้างเผือกติดได้ เพราะไฟบนเขาตะเคียนโง๊ะค่อนข้างส่างมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่เราสองคนไม่ได้เห็นทะเลหมอก เนื่องจากตอนเช้าลมแรงมาก ทำให้หมอกถูกพัดไปหมด หรือแม้แต่การที่ไปวัดผาซ่อนแก้วแล้ว แต่กำลังปิดปรับปรุง บูรณะ ทำให้ไม่สามารถถ่ายติดภาพองค์พระสวยๆมาให้เพื่อนๆชมกันได้ แต่ในมุมมองของเราสองคนเวลาออกไปเที่ยว
“อย่าเสียดายกับสิ่งที่คาดหวัง แต่ไม่ได้เจอ จงอิ่มเอมกับสิ่งที่เจอ อย่างไม่ได้คาดหวัง”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตะเคียนโง๊ะ
• การเดินทาง (กรุงเทพฯ – ตะเคียนโง๊ะ)
เราสองคนขับรถกนจากกรุงเทพมหานครไปครับ ซึ่งจริงๆกะจะออกตั้งแต่เช้า เพื่อไปให้ถึงจุดหมายก่อนพระอาทิตย์ตก เผื่อจะมีเวลากางเต็นท์ ออกไปเที่ยวเล่นรอบๆเขาตะเคียนโง๊ะ แต่.......... ตื่นสาย!!! เลยได้ออกกันจริงๆประมาณ 11 โมง เลยใช้เวลาเดินทางไปกว่าจะถึงก็ล่อซะเย็นเลยทีเดียว
• การเตรียมตัว
ตะเคียนโง๊ะ แม้จะเป็นจุดกางเต็นท์บนภูเขา แต่เราไม่ต้องใช้เวลาในการเดินเท้าขึ้นไปครับ เพราะถ้าเกิดเราโทรไปจองสถานที่สำหรับการกางเต็นท์ไว้ก่อน ทางเขาจะมีพื้นที่จอดรถด้านบนไว้รองรับเรียบร้อยครับ
• ค่าใช้จ่าย
จริงๆแล้วเราสองคนเตรียมเต็นท์ไปสำหรับทริปนี้ด้วย โดยการยืมเต็นท์มาจากรุ่นน้อง แต่……… มันเล็กไปโว้ยยยยยยยยยย มันนอนไม่ได้ เราเลยต้องไปจองเต็นท์กันใหม่
o เต็นท์สำหรับ 2-3 คน ราคา 200 บาท
o ผ้าใบปูรอง(กันเต็นท์เปื้อน) ราคา 50 บาท
o ผ้าห่ม (ต่อผืน) ราคา 50 บาท
• อาหารการกิน
บริเวณตีนเขาตะเคียนโง๊ะ จะมีร้านขายของเยอะแยะมากมายครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องอดตายเลยถ้าไปที่นี่ แต่อาจจะปิดเร็วหน่อย (ประมาณ 6 โมงเย็น) แต่ถ้าหากต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนตัวอื่นๆ ให้แวะพวกร้านของชำ หรือ 7-11 ก่อนจะถึงที่หมาย เพราะบริเวณโดยรอบตีนเขาไม่มี 7-11 เลยครับ จะมีก็แต่ร้านขายของชำที่ชาวบ้านเปิดเท่านั้น
***ของไม่กระจอก ต้องบอกต่อ***
บนจุดบริการนักท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณกางเต็นท์ มีเบอร์ติดต่อสำหรับร้าน “หมูกระทะ” เดลิเวอรี่ด้วย!!! ซึ่งราคาก็ไม่แพงครับ มีชุดเล็กราคา 250 บาท และชุดใหญ่ ราคา 400 บาท ส่งถึงหน้าเต็นท์ พร้อมระบุเวลาได้ บอกเลยว่าเป็นสถานที่พักผ่อนที่ชิลดีจริงๆ
• ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ
บนเขาตะเคียนโง๊ะจะมีจุดสุขาบริการ 2 จุดหลักๆด้วยกัน โดยจะมีห้องสุขา 3 ห้อง และห้องอาบน้ำ 1 ห้องในแต่ละจุด (แต่จริงๆแล้ว ห้องสุขาก็สามารถอาบน้ำได้นะครับ)
• ชมพระอาทิตย์ตก และพระอาทิตย์ขึ้น
จริงๆถ้าจะให้ระบุช่วงเวลาแต่ละฤดูคงเป็นเรื่องยาก แต่เอาเป็นว่าถ้าใครอยากชมพระอาทิตย์ช่วงเวลาไหนสวยๆ ตอนโทนจองลองอ้อนพี่เจ้าหน้าที่ให้ล็อกเต็นท์ด้านที่ต้องการไว้นะครับ (ของเราสองคนได้ทางทิศตะวันตก ทำให้ตอนเช้าเราต้องเดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นอีกฝั่งนึง)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทุ่งกังหันลม
• การเดินทาง (ตะเคียนโง๊ะ – ทุ่งกังหันลม)
ระยะทางจากตะเคียนโง๊ะไปทุ่งกังหันลมนั้น ไม่ไกลเลยครับ เดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแล้ว
• ค่าที่จอดรถ
หากใครขับรถไปจนถึงทุ่งกังหันลมเลย จะมีค่าบริการที่จอดรถที่คนละ 20 บาท เท่านั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Pino Latte + วัดผาซ่อนแก้ว
• การเดินทาง (ทุ่งกังหันลม – Pino Latte + วัดผาซ่อนแก้ว)
หลังจากเดินทางลงจากทุ่งกังหันลม เราก็ชิลไปเรื่อยๆ ประมาณอีกเกือบๆชั่วโมงก็ถึงที่หมาย
• บรรยากาศ
จริงๆร้าน Pino Latte เป็นร้านที่บรรยากาศดีมากกกกกกกกกกก ตั้งอยู่บนภูเขา สามารถนั่งจิบกาแฟ ถ่ายรูปชิคๆ แบบห้อยขาได้สบายๆ แถมไปช่วงปลายปีแบบนี้ อากาศยังเป็นใจให้เดินถ่ายรูปกลางแดดเปรี้ยงๆ แบบได้รูปปังๆอีกตะหาก
• ของกิน
ภายในร้านมีทั้งมุมของหนัก และของเบาให้เลือกสรร หากใครหิวโหยมาจากการเดินทาง ก็สามารถฝากท้องไว้กับร้านนี้ได้สบายๆ ส่วนใครอยากมาชิล ก็สามารถตรงดิ่งไปที่มุม เบเกอรี่ และเครื่องดื่มได้เลย
• ราคา
...........เอาเรื่องเลยล่ะค่ะคุณขา เราสองคนสั่งเค้ก 1 ชิ้น และกาแฟ 1 แก้ว ราคารวมจัดไปที่ 275 บาทไทย แต่สำหรับรสชาติ เค้ก นี่หมีหมูชอบมาก ให้ ผ่าน ผ่าน ผ่าน 3 ผ่านไปเลยค่ะ ต่สำหรับกาแฟยังเฉยๆ อยู่
การเดินทางในทริป เพชรบูรณ์ 2 วัน 1 คืน ของเราสองคนก็ปิดฉากลงด้วยเรื่องราวประมาณนี้ครับ ซึ่งๆหลายๆคนอาจจะมองว่า โหขับรถ ไป-กลับ ใช้เวลาครึ่งวัน ไม่คุ้มเลย แต่ก็อย่างที่บอกไปตามข้างต้นครับ เราสองคนมีเวลาเที่ยวกันน้อย ก็อยากใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุดเท่าที่จะทำได้
หากเพื่อนๆคนไหน ที่เป็นพนักงานประจำ แต่อยากไปท่องเที่ยว คุณต้องสลัดสิ่งที่มองดูเหมือนเป็นข้ออ้างอย่างเช่น ไม่มีเวลาเลย โหเวลาแค่นี้ไปจะเที่ยวได้กี่ที่ จะคุ้มหรอ............ ลองครับ ลองออกไปดู ออกไปเปิดโลกในอีด้านที่คุณไม่เคยลอง แล้วคุณจะรู้ ว่าจริงๆแล้วสถานที่ที่คุณอยากไป แต่ยังไม่ได้ไป มันไม่มีอะไรแบบที่คุณคิด หรือเพียงแค่คุณยังไม่เคยออกไปมองมัน....... =)
ยังไงเราสองคนก็ต้องขอบคุณที่ติดตามรีวิวในครั้งนี้นะครับ หากครั้งต่อๆไปมีโอกาส เราจะมารีวิวทริปต่อๆไปให้ได้รับชมกันนะ
อย่าลืมออกเดินทางกันนะครับ
เราสนับสนุนให้ทุกคน ออก ไป เที่ยว!!!
===========================================================================
มาถึงแล้ววว เขาตะเคียนโง๊ะ!!
มาถึงก็ไม่รอช้า ให้พี่ๆมาช่วยกางเต็นท์เลย
(จริงๆแล้วคือเรากางกันไม่เป็นครับ 555555555+)
ระหว่างรอพี่ๆช่วยกางเต็นท์
ตะวันก็เริ่มจะลบขอบฟ้า
เสร็จแล้ววววววว
เต็นท์เช่าของพวกเรา
หลังกางเต็นท์เสร็จ เราก็โทรสั่งหมูกระทะ
แล้วเดินลงมาหาอะไรกินกันที่ตีนเขา
มีรถ รับ-ส่ง
หากใครไปกางเต็นท์ข้างบน แค่บอกเขาว่าเรามากางเต็นท์ก็โดยสารฟรีได้เลยครับ
นี่ หมูกระทะเจ๊อารีย์ ชุดเล็ก
ราคา 250.- ที่เราสั่งกัน
เขามีบริการส่งถึงหน้าเต็นท์ พร้อมคนเก็บในวันถัดมาด้วย
พนักงานย่างหมูกระทะของหมีเอง
โฮะๆๆๆ
หลังจากอิ่มท้องก็คงยังนอนกันไม่ลง
ไปเดินถ่ายรูปดาวเล่นกันสักนิด
น่าเสียดายมากๆ วันที่เราขึ้นตะเคียนโง๊ะกันนั้น
ฟ้าเคลียสวยมาก เห็นดาวเต็มไปหมด
แต่เนื่องจากตะเคียนโง๊ะเป็นจุดกางเต็นท์ที่สามารถนำรถขึ้นไปได้
เลยมีคนไปพัค้างแรมกันค่อนข้างเยอะ
ทำให้มีดวงไฟตลอดคืน ไม่มืดพอจะสามารถถ่ายพี่ช้างได้ T^T
แถมดาวอีกสักรูป
05:30 น.
เป็นช่วงเวลาที่เราตื่นกันเพื่อไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้น อีกฝั่งของเขา ที่เป็จุดกางเต็นท์ด้านตะวันออกครับ
ซึ่งอากาศวันนั้นบอกเลยว่าหนาวมาก......
มากจริงๆ.............
(มากจนตาเหลือกกันเลยทีเดียว)
แต่ก็คุ้มที่ทนหนาวและรอจนพระอาทิตย์ขึ้น
(ได้ภาพสวยๆมาฝากกันเต็มเลย)
***จุดน่าเสียดาย***
เนื่องจากวันที่เราไป ลมแรงมากๆ
ทำให้ทะเลหมอกที่ควรจะลอยตัวอยู่ด้านล่างเรา พากันหายหน้าไปหมด
เหลือเพียงแค่วิวทิวทัศน์ที่โล่งสบาย พร้อมอากาศบริสุทธิ์ที่สามารถสูดได้เต็มปอด
เมื่อถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จแล้ว
เราก็พร้อมจะออกเดินทาง ลาจากเขาตะเคียนโง๊ะ เพื่อไปจุดหมายต่อไปของเรากันแล้ว
เก็บของเสร็จ ก็แชะภาพสุดท้ายก่อนออกเดินทาง
จุดหมายที่2 ของเราคือทุ่งกังหันลมเขาค้อ
น่าเสียดายอีกเช่นกันที่วันนั้นหนาวมากๆ
เลยไม่สามารถยืนถ่ายรูปกันได้นาน
กลัวเจ้าหมูป่วยไปซะก่อน
แต่หากเพื่อนๆเดินทางไปในช่วงที่อุณหภูมิสูงกว่านี้
น่าจะได้ภาพสวยๆเยอะแยะเลยครับ
อีกจุดมุ่งหมายของเราก็คือร้านแห่งนี้
Pino Latte
มีมุมให้พกผ่อนกายพักผ่อนใจ และถ่ายรูปเล่นเยอะมาก
ดูสิ คนเต็มไปหมดเลย
มีต้นคริสมาสต์สำหรับปลายปีด้วยน้า
เราสั่งของกินไป 2 อย่างด้วยกัน
1. Pino Latte
2. Chocolate Cake
ซึ่งราคาก็เอาเรื่องครับ 2เมนูนี่ปาไป
275.-
แต่ถือว่าให้เป็นค่าสถานที่ละกันเนอะ เพราะร้านเขาดีจริงๆ
นี่ไง มุมสวยๆที่บอกไป
หมูบังคับว่า ลงรูปตัวเองมั่งสิ อย่าเอาแต่แกล้งหมู
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น