สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ใหม่ สำหรับคนทำธุรกิจ SME ที่ผมเจอมากับตัวตอนไปปรึกษากับธนาคารทหารไทย เผื่อจะช่วยลดขั้นตอนของเพื่อนๆ ที่กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจ SME ของตัวเอง หรือกำลังคิดจะไปขอกู้เงินจากธนาคารมาเล่าสู่กันฟังครับ

ขอแนะนำตัวก่อนครับ ผมชื่อพล อายุ 26 ปี ตอนนี้ผมเข้ามารับช่วงต่อโรงงานจากคุณพ่อปีนี้เข้าปีที่ 3 กว่าๆ แล้ว ธุรกิจที่บ้านเป็นธุรกิจแบบ OEM รับผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ มานานมากแล้วครับ จนวันนึงผมมาคิดอยากจะขยับขยายธุรกิจของที่บ้าน ว่าเราผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆมาก็นานแล้ว ผมเริ่มอยากที่จะผลิตสินค้าแบรนด์ตัวเองบ้าง ซึ่งพอมาคิดดูแล้ว โรงงานที่ครอบครัวผมมีอยู่ตอนนี้ก็คิดว่ายังจะต้องต่อเติมอะไรอีกพอสมควร อย่างน้อยก็ต้องซื้อเครื่องจักรผลิตใหม่แน่ๆ  เงินของบริษัทที่มี ผมคิดคำนวณดูแล้วคงไม่พอแน่นอน ซึ่งจริงๆ แล้วธุรกิจบ้านผมไม่ได้กู้เงิน หรือลงทุนอะไรเพิ่มมานานมากแล้ว เพราะคุณพ่อก็ทำธุรกิจแบบนิ่งๆ ไม่ได้หวือหวา แต่เราก็อยู่ได้เรื่อยๆ หลังจากปรึกษาเรื่องนี้กับที่บ้านแล้วผมเลยตั้งใจที่อยากจะหาข้อมูลในการกู้กับธนาคารที่พ่อเป็นลูกค้าอยู่ คือ ทหารไทย วันนี้มีเวลาว่างช่วงบ่ายๆ ผมเลยตัดสินใจชวนคุณพ่อไปปรึกษาเรื่องสินเชื่อที่ธนาคารทหารไทย สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้ามา เพราะสาขานี้ใกล้ที่สุดสำหรับผมครับ

หลังจากปรึกษากับพนักงานฝ่ายสินเชื่อว่าอยากได้วงเงินไปลงทุนขยายโรงงาน เค้าก็บอกว่าให้ลองปรึกษาที่ห้อง  TMB BIZ Advisory เลยดีกว่า ตอนแรกผมก็ไม่ทราบว่าคือห้องอะไรครับ พักหลังที่มาธนาคารก็จะเห็นคนเข้าออกห้องนี้อยู่บ่อยๆ แต่ยังไม่เคยสนใจ ถามเค้าดูก็ได้ความว่าเป็นห้องที่ให้คำปรึกษาด้านการจัดการธุรกิจ สินเชื่อ การลงทุนโดยเฉพาะสำหรับ SME แต่ว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่สาขามานั่งคุยนะครับ เค้าจะต่อสายให้ VDO Call กับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงของสำนักงานใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่แปลกดีสำหรับผมนะ พอต่อสายเสร็จให้เสร็จ จนท. สาขาก็ออกไป ให้เราคุยกับ จนท. ใน VDO แบบลำพัง (ดีครับ มาขอกู้เงินเค้า.... มีคนมาฟังมากก็เขินนะ...)

ผู้เชี่ยวชาญที่มาให้คำปรึกษาผมเป็นผู้หญิงน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม สมมุติชื่อ คุณก้อย นะครับ ขั้นแรกผมก็เล่าว่าผมทำธุรกิจอะไร และอยากได้เงินกู้เพิ่มเอาไปทำอะไร  ผม คุณพ่อ และคุณก้อย คุยโต้ตอบแจ้งรายละเอียดกันอยู่สักครู่หนึ่ง คุณก้อยก็ถามว่าผมจะใช้อะไรเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน คุณพ่อก็เสนอให้ใช้โรงงานก็คุยกันประเมินมูลค่าโรงงานแบบคร่าวๆ ได้ที่ 1 ล้านบาท คุณก้อยก็คำนวนวงเงินกู้ออกมาว่าในส่วนของธุรกิจของผมนี้สามารถกู้ได้คร่าวๆ ที่ 2 ล้านบาท หรือไม่เกิน 2 เท่าของมูลค่าหลักทรัพย์ค้ำประกันของผม ต้องบอกก่อนว่าตัวเลขตรงนี้จะเป็นแค่การประเมินคร่าวๆ จากข้อมูลเบื้องต้นนะครับ เพราะหลังจากนั้นทางแบงก์ จะมีเจ้าหน้าที่ไปเยื่ยมและประเมินโรงงานอีกที แล้วจึงประเมินวงเงินกู้จากรายได้ หนี้สิน และความต้องการวงเงินของเราอีกรอบครับ



คุณก้อยยังให้อธิบายผมด้วยว่าคร่าวๆ วงเงิน 2 ล้านบาทสามารถแบ่งเป็นแบบ OD (โอดีก็คล้ายๆ กับบัตรเครดิตของธุรกิจเราครับ คำนวณดอกเบี้ยตามที่เราใช้จริง ถ้ายังไม่เบิกมาใช้ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เอาไว้ใช้เป็นเงินหมุนเวียนในธุรกิจของเรา) แล้วก็แบบ Loan (เป็นเงินกู้ที่ได้มาเป็นก้อน มีหลายประเภทครับขึ้นอยู่กับว่าจะกู้ไปเพื่ออะไร อย่างเคสผมเป็นสินเชื่อเพื่อซื้อเครื่องจักร และธุรกิจของผมก็เป็น SME ที่ทางแบงก์สนับสนุนด้วย คุณก้อยแนะนำว่ามีดอกเบี้ยพิเศษ 4% อยู่ด้วย)

ผมพูดคุยเรื่องสินเชื่อกับคุณก้อยอยู่สักพักจนผมตัดสินใจที่จะลองยื่นเอกสารขอสินเชื่อดูครับ  

ตอนที่ผมนั่งพิมพ์กระทู้อยู่นี้ คือช่วงที่ผมรอคนจากแบงก์มาตรวจโรงงานของผมวันพรุ่งนี้ครับ นึกขึ้นได้เลยอยากเอาประสบการณ์มาแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกัน เพราะนอกจากจะได้รู้ในสิ่งที่ผมอยากรู้ และตั้งใจไปปรึกษาแล้ว ผมยังได้รู้อะไรที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อีกหลายเรื่อง เจ้าหน้าที่ใน VDO สามารถแนะนำเพิ่มเติมในสิ่งที่ผมควรรู้เกี่ยวกับเรื่องสินเชื่อ SME อีกเยอะเลย ผมว่าการบริการที่เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญได้มากขึ้นแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเจ้าของธุรกิจมากๆ เพราะสะดวก รวดเร็ว และลดขั้นตอนการคุยไปเยอะเลยทีเดียว ยังไงก็แล้วแต่ เพื่อนๆ ที่ต้องการจะขยายไลน์การผลิต หรือทำโรงงานเพิ่ม ลองเข้าไปปรึกษาที่ห้อง Advisory เหมือนผมดูนะครับ น่าจะซัพพอร์ตธุรกิจเราได้เยอะเลย ใครที่อยากรู้อะไรเพิ่มเติมลองถามมาได้นะครับ ยังไงถ้าผมมีเวลาว่างจะเข้ามาตอบแล้วถ้ามีความคืบหน้าอะไรจะมาอัพเดทเพิ่มเติมครับ