"วูบบบบบบบ"
เสียงลมที่เข้ามาประทะกับผมตัว
"ฮาาาาาาา ฮาาาาาาา ฮาาาาาา"
เสียงหอบหายใจทางปากของผม ผมเหนื่อยจนต้องใช้ท่อนแขนหมอบพิงกับแฮนด์จักรยานเสือหมอบ
หัวใจของผมเต้นถี่ระรัวราวกับลูกสูบในเครื่องยนต์ ท่อนขาที่หมดความรู้สึกไปแล้วแต่ยังกดบันไดหนักขึ้น หนักขึ้น ไปเรื่อยๆ สายตาเริ่มพลาเลื่อน เนื่องจากออกแรงมากเกินขีดจำกัดของร่างกาย
ณ ตอนนี้เสียงร่างกายกำลังกรีดร้องอย่างหนัก จนผมหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดแทบไม่ทัน เหมือนเสียงร่างกายมันกำลังจะบอกผมว่าให้พอได้แล้ว หยุดปั่นได้แล้ว
อีกเพียง200เมตร ก็จะถึงเส้นชัย หนทางข้างหน้า ตรงถนนข้างหน้าอีก5เมตร มีนักปั่นสามคนจากสามทีม
ทำไมผมที่กดบันไดอย่างสุดกำลังแล้วยังตามคนพวกนี้ไม่ทันอีกละ
ทำไมระหว่างห่างระหว่างล้อจักรยานมันถึง ค่อยๆไกลขึ้น ไกลขึ้น
อีก150เมตร
ทำไมผมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ ทำไมผมถึงมาแข่งกับคนที่แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจระดับได้อย่างไรกัน
หน้าที่ของผมคือ นำเสื้อทีมเข้าเส้นชัยให้ได้เป็นคนแรก แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า จะไม่ชนะทั้งสามคนนี้แน่นอน
แล้วทำไมผมถึงยังปั่นต่ออีกละ ห่างอยู่อีก7เมตร แทบไม่มีความเป็นได้เลยที่ผมจะชนะ
แล้วทำไมกัน เสียงข้างในของผมมันบอกว่าอย่าแพ้จนกว่าจะสิ้นสุดการแข่งขัน เสียงหัวใจของผมมันเรียกร้องออกมาแบบนั้น
แล้วทำไม ผมถึงต้องพิมว่าคำว่า ทำไม มากมายขนาดนี้นะ
"ย๊าาาาาาาาาาาา" ผมตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
100 เมตร
ผมขึ้นโยกจักรยาน ระเบิดรอบขา สปรินต์ด้วยแรงทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่
"กูจะปั่นให้ขาขาดไปเลย" ผมคิดในใจ
1เมตรสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย
จักรยานของผมก็พุ่งทะยานที่เทียบเคียงกับจักรยานทั้งสามคัน และเข้าไปแทบจะพร้อมๆกันทั้งสี่คัน
ผมผ่ายมือออกทั้งสองข้าง พร้อมตะโกน "ย๊า" ออกมาสุดเสียง
ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมชนะหรอก ผมเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่สี่
แต่ที่ผมผ่ายมือ และตะโกน เพื่อเป็นการบอกว่า ผู้แพ้อย่างผมได้ทำอย่างสุดกำลังแล้วต่างหาก
เสียวหัวใจที่เรียกร้อง
เสียงลมที่เข้ามาประทะกับผมตัว
"ฮาาาาาาา ฮาาาาาาา ฮาาาาาา"
เสียงหอบหายใจทางปากของผม ผมเหนื่อยจนต้องใช้ท่อนแขนหมอบพิงกับแฮนด์จักรยานเสือหมอบ
หัวใจของผมเต้นถี่ระรัวราวกับลูกสูบในเครื่องยนต์ ท่อนขาที่หมดความรู้สึกไปแล้วแต่ยังกดบันไดหนักขึ้น หนักขึ้น ไปเรื่อยๆ สายตาเริ่มพลาเลื่อน เนื่องจากออกแรงมากเกินขีดจำกัดของร่างกาย
ณ ตอนนี้เสียงร่างกายกำลังกรีดร้องอย่างหนัก จนผมหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดแทบไม่ทัน เหมือนเสียงร่างกายมันกำลังจะบอกผมว่าให้พอได้แล้ว หยุดปั่นได้แล้ว
อีกเพียง200เมตร ก็จะถึงเส้นชัย หนทางข้างหน้า ตรงถนนข้างหน้าอีก5เมตร มีนักปั่นสามคนจากสามทีม
ทำไมผมที่กดบันไดอย่างสุดกำลังแล้วยังตามคนพวกนี้ไม่ทันอีกละ
ทำไมระหว่างห่างระหว่างล้อจักรยานมันถึง ค่อยๆไกลขึ้น ไกลขึ้น
อีก150เมตร
ทำไมผมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ ทำไมผมถึงมาแข่งกับคนที่แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจระดับได้อย่างไรกัน
หน้าที่ของผมคือ นำเสื้อทีมเข้าเส้นชัยให้ได้เป็นคนแรก แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า จะไม่ชนะทั้งสามคนนี้แน่นอน
แล้วทำไมผมถึงยังปั่นต่ออีกละ ห่างอยู่อีก7เมตร แทบไม่มีความเป็นได้เลยที่ผมจะชนะ
แล้วทำไมกัน เสียงข้างในของผมมันบอกว่าอย่าแพ้จนกว่าจะสิ้นสุดการแข่งขัน เสียงหัวใจของผมมันเรียกร้องออกมาแบบนั้น
แล้วทำไม ผมถึงต้องพิมว่าคำว่า ทำไม มากมายขนาดนี้นะ
"ย๊าาาาาาาาาาาา" ผมตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
100 เมตร
ผมขึ้นโยกจักรยาน ระเบิดรอบขา สปรินต์ด้วยแรงทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่
"กูจะปั่นให้ขาขาดไปเลย" ผมคิดในใจ
1เมตรสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย
จักรยานของผมก็พุ่งทะยานที่เทียบเคียงกับจักรยานทั้งสามคัน และเข้าไปแทบจะพร้อมๆกันทั้งสี่คัน
ผมผ่ายมือออกทั้งสองข้าง พร้อมตะโกน "ย๊า" ออกมาสุดเสียง
ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมชนะหรอก ผมเข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่สี่
แต่ที่ผมผ่ายมือ และตะโกน เพื่อเป็นการบอกว่า ผู้แพ้อย่างผมได้ทำอย่างสุดกำลังแล้วต่างหาก