เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องที่เราก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องอธิบายหรือพูดถึงมันอย่างไรดี บางเรื่องถ้าไม่เห็นด้วยตาก็คงไม่มีวันเข้าใจ และบางเรื่องแม้จะได้เห็นแล้วด้วยตา ได้สัมผัส ได้ลิ้มรสความรู้สึกในช่วงเวลานั้น ลึกลงไปในหัวใจ เราก็อาจยังไม่อยากยอมรับมันอยู่ดี
ถ้าถามว่าเรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังในวันนี้ใช่ เรื่องผีไหม? ก็คิดว่าน่าจะใช่นะครับเพราะมันก็มีผีอยู่ในนั้น แต่มันคงจะเป็นเรื่องของ ไสยศาสตร์ เสียมากกว่า
ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย อาจไม่ได้มีฉากผีน่ากลัวๆให้ตกใจอย่างใน Ju-on หรือ บรรยากาศบีบคั้นเหมือน incidious จุดจบไม่ได้สวยหรู และบางเรื่องมันก็ยังไม่ได้จบลง เพราะเรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังคือ ประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผมในช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผม เป็นอย่างนี้
เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผมไม่ได้มีเจตนาจะหลอกลวงหรือมอมเมา แค่อยากเล่าให้ฟังก็เท่านั้น หากเรื่องนี้ไม่ถูกใจท่านก็ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น และสุดท้ายหากท่านจะคิดว่ามันคือนิยายหรือเรื่องแต่ ก็สุดแล้วแต่ท่านก็แล้วกัน
เหมือนกับทุกๆครั้งผมไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวหรือข้องแวะเรื่องราวใดๆด้วยตัวเองเลยสักครั้ง เกือบทุกครั้งที่เรื่องราวเหล่านี้วิ่งเข้ามาหาผมอย่างจงใจคล้ายความบังเอิญแต่ผมคิดอยู่เสมอว่ามันไม่เคยเป็นอย่างนั้น
ในช่วงเวลาเย็นๆหากผมมีเวลาว่างผมมักจะไปนั่งเล่นอยู่ที่พระราชวังจันทน์ซึ่งตอนนี้เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและโบราณสถาน ที่นั่นเป็นที่ที่ร่มรื่นพอสมควรสำหรับตัวเมืองพิษณุโลกในเวลานี้ มีผู้คนมากมายมาวิ่ง มาเดินเล่น มีแม้กระทั่งครูสอนฟันดาบอยู่ใกล้ๆกับวัดโบราณ
ผมมักจะไปนั่งเล่นตากลมอยู่ตรงขอบเมืองเก่าตรงข้ามกับต้นโพธิ์ใหญ่หลังศาลสมเด็จพระนเรศวร หลายครั้งที่คนมักจะมองผมแปลกๆประมาณว่า ไปนั่งทำอะไร ก็ช่างเขาเถอะ บางคนถึงขั้นเดินเข้ามาขอดูดวงคิดว่าผมเป็นหมอดูมาเปิดโต๊ะแถวๆนั้น ผมก็ปฏิเสธไปเหมือนทุกๆที
แต่ครั้งนั้นแปลกกว่าทุกครั้ง ในขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นเหม่อไปเรื่อยๆเหมือนทุกที มีผู้ชายคนหนึ่งอายุน่าจะเข้าใกล้ 40 ถือของพะรุงพะรังมาแต่ไกล ตอนแรกคิดว่าเขาคงจะหอบของมาถวายสมเด็จท่านที่ศาลแต่เปล่าเลยเขาเดินตรงมายังต้นโพธิ์ใหญ่ใกล้ๆกับที่ผมนั่งอยู่
เท่าที่เห็นของที่นำมาก็เหมือนกับการแก้บนทั่วๆไปมีบายศรีมีตุ๊กตาอาหารน้ำหวานน้ำเปล่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะจ้องเขาขนาดนั้นแต่ก็ลืมตัวมองเขาอยู่นานสองนานตั้งแต่ต้นจนจบ
ผู้ชายคนนั้นเดินมาด้วยท่าทางเร่งรีบตั้งแต่ที่เห็นตลอดจนจัดข้าวของถวายด้วยตัวคนเดียวท่าทางเหนื่อยพอสมควร เขายืนปาดเหงื่อหันหลังกลับมาก็สบตาเข้ากับผมพอดี ผมที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียมารยาทนั่งจ้องเขาอยู่นานก็รีบหลบสายตาทันที
พี่เขาเดินตรงเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางยิ้มแย้มแต่เนื้อตัวเปียกเหงื่อจนชุ่ม
‘ขอนั่งด้วยคนนะครับ วันนี้ลมดี’
ผมได้แต่พยักหน้าตอบรับไปไม่กล้าชวนคุยเพราะรู้สึกอายๆกับความลืมตัวของตัวเองแล้วจะลุกกลับทั้งอย่างนี้เลยก็คงจะดูน่าเกลียดไปใหญ่
‘มานั่งเล่นอย่างนี้บ่อยไหมครับ เมื่อก่อนพี่ก็ชอบมา แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่างเลย’
‘ก็ไม่บ่อยนะครับ ถ้าว่างก็มาบ้าง รถมันเยอะ’
‘พี่มาบ่อยมาก แต่มาแก้บนนะไม่ได้มานั่งเล่น’
ทันทีที่ ‘พี่พัด’ เริ่มชวนคุยบรรยากาศก็คลี่คลายลงในทันที พี่เขาเคยมาเรียนที่พิษณุโลกแต่ผมก็ไม่ได้ถามเอาไว้ว่าที่ไหน บ้านจริงๆเขาอยู่ที่พิจิตรซึ่งก็ใกล้นิดเดียว หลายครั้งที่พี่เขามาแก้บนที่นี่เพราะมีเรื่องให้ต้องมาขออยู่เรื่อยๆ
ถึงจะไม่นานมากแต่เราก็คุยกันค่อนข้างถูกคอ จากเรื่องราวทั่วๆไปก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเรื่องผีๆสางๆอาจเพราะบรรยากาศมันเอื้อให้ล่ะมั้ง พี่เขาพบเจอเรื่องราวพวกนี้มาไม่น้อยเช่นกัน ส่วนผมยังคงเป็นผู้ฟังที่ดีไม่ได้เล่าเรื่องของตัวเองออกไปมากนัก
‘น้องใส่แหวนอะไรครับ ถามได้ไหม มีของขลังแนะนำพี่บ้างไหม’
มันอาจจะเป็นคำพูดติดตลกแต่พี่เขาก็เว้นช่วงให้ผมตอบเหมือนอยากได้คำตอบจริงๆ แหวนที่ผมใส่เป็นแหวนรูป โอม ที่หาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป ผมตอบไปอย่างนั้น พี่เขารู้อยู่แล้วถึงความหมายของสัญลักษณ์นี้ และผมจะมีแหวนสมเด็จพระนเรศวรอีกอันหนึ่งที่ได้มาตอนจบมัธยม
‘น้องนับถือสมเด็จด้วยหรือครับ พี่นับถือท่านมากๆเลย’
เหมือนจะเป็นการเปิดประเด็นใหม่ๆให้เราได้คุยกัน เราคุยกันตั้งแต่เรื่องประวัติศาสตร์เล็กๆน้อยๆ หนังในโรงภาพยนตร์ที่ดูซ้ำกันไปหลายรอบสุดท้าย ความบังเอิญ ที่ผมแสนจะไม่ชอบกันก็มาถึง
‘ถ้าน้องชอบเรื่องท่านลองไปอ่านกระทู้พันทิปสิ มีคนเขียนถึงอยู่นะ’
‘หรอครับ ชื่ออะไรครับ ผมจะได้ไปลองอ่านบ้าง’
สาบานเลยว่าตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็น ตัวเอง เพราะมีคนเขียนถึงท่านเยอะมาก กระทู้เกี่ยวกับท่านมีมหาศาลถ้าคิดจะลองเสิร์ชดูในกูเกิ้ล แต่คำตอบจากปากพี่พัดคือ ‘ลูกพระนเรศ’ ใช่ครับกระทู้ของผมเอง กระทู้แรกเลยที่เขียนแม้จะไม่ใช่ชื่อเต็มๆของกระทู้นั้นแต่หลายคนก็จำได้แค่พยางค์หลังเหมือนกับพี่คนนี้
ผมไม่ได้ตอบกลับไปว่า ผมเขียนเองพี่! อะไรทำนองนั้นได้แต่นั่งฟังเงียบๆตามเดิม แต่มันก็มีความรู้สึกกรุ่นอยู่ในใจลึกๆที่อธิบายออกมาค่อนข้างยาก จากอากาศที่เย็นสบายมีลมอ่อนๆพัดมากลายเป็นความเย็นที่ทำให้ขนลุกชูชันไปทั่วทั้งร่างกาย อาการปวดหัวเริ่มปรากฏ เรียกว่าเจ็บคงจะเข้าใจง่ายกว่า ลองนึกว่ามีใครเอาเข็มแหลมๆมาทิ่มที่กลางกระหม่อม ถอนออกแล้วจิ้มใหม่อย่างนั้น
อาการนี้มักจะเกิดขึ้นเวลาที่มีใครอยากจะสื่อสารหรือบอกอะไรกับตัวผมสักอย่าง พี่พัดยังคงเล่าต่อไปอย่างสนุกสนาน ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวผมแม้แต่น้อย
‘พี่เคยส่งข้อความไปถามนะครับ แต่เขาไม่ได้ตอบกลับ’
ประโยคเดียวทำเอาผมต้องกันกลับไปมองหน้าพี่เขาที่ตอนนี้ฉายแววเศร้าปนเครียด ถ้าฟังดูแล้วมันก็คงเหมือนกับละครนะครับ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมได้เห็นในชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่ง ภาพของชายตรงหน้าผมมีเงาซ้อนทับของ ทหารโบราณ เพียงแค่กระพริบตาเดียวก็หายไป
‘คนของเรา’
กระแสเสียงที่ไม่ได้ยินมาเสียงนานดังมาจากที่ไกลๆรอบด้าน แม้จะเบาแต่ก็ชัดเจนความรู้สึกที่เข้ามากระทบนั้นผมจำได้ดี ท่านไม่เคยทิ้งคนของท่านจริงๆ
ผมไม่ค่อยได้บอกใครมากนักถึงเรื่องราวที่ผมเขียนไม่เคยบอกว่าผมเป็นใครหน้าตาอย่างไร แต่ครั้งนั้นก็ตัดสินใจบอกเขาไปตรงๆ สีหน้าของพี่พัดยังติดตาผมจนถึงทุกวันนี้พี่เขาตกใจมาก แต่มากไปกว่านั้นคือผมเองที่อยากขอโทษพี่เขาเรื่องข้อความ ไม่ใช่ผมไม่ตอบ แต่ผมยังไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ จำนวนข้อความที่เข้ามาไม่ใช่น้อยๆยิ่งโต้ตอบกันได้ยิ่งทำให้การค้นหาข้อความเป็นไปได้ยากมาก
ผมขอข้ามช่วงแนะนำตัวกันไปเลยแล้วกันนะครับ เรื่องที่เป็นสาเหตุให้พี่พัดต้องคอยมาขอมาแก้บนอยู่เสมอๆคือเรื่อง ที่บ้าน บ้านของพี่พัดเป็นครอบครัวใหญ่มีพี่ป้าน้าอาอาศัยอยู่ด้วยกันในที่ดินขนาดใหญ่ ทั้งบ้านมีอาชีพทำนาทำสวนเหมือนหลายๆครัวในละแวกนั้น แต่พักหลังมานี้คนรุ่นใหม่ๆอย่างพี่พัดก็เริ่มที่จะหันมาจับอย่างอื่นบ้าง เช่น เปิดอู่ เปิดร้านอาหาร ค้าขาย
เศรษฐกิจที่แย่ลงทุกวันสภาพอากาศที่วิปริตจนเดาใจไม่ถูกทำให้พืชผลเสียหายไม่ออกดอกออกผลเหมือนแต่ก่อน แม้จะมีทางออกมากมายด้วยวิทยาการสมัยใหม่ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ คนรุ่นก่อน อย่างพ่อกับปู่ของพี่พัดหันมาทำตามและเห็นด้วยกับวิธีการที่พวกเขาไม่เข้าใจ
เมื่อที่นาเริ่มประสบปัญหานานหลายปีเงินทองที่เคยมีสะสมมาก็ร่อยหรอลงทุกวัน ปู่ที่เป็นแกนนำหลักทั้งด้านจิตใจและอาชีพของคนในบ้านก็เหมือนจะอยู่ได้อีกไม่นานด้วยอายุและโรคประจำตัวที่มี คนรุ่นหลานเริ่มที่จะไม่สนใจการทำนาทำสวนอีก ทุกคนอยากมีอาชีพอื่นจึงเลือกที่จะไปหางานทำในตัวเมืองบ้าง ไม่ทำอะไรเลยบ้าง
สุดท้ายคนทั้งบ้านก็ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า วันหนึ่งถ้าหากไม่มีปู่แล้ว ที่ดินทั้งหมดจะถูกแบ่งกันอย่างเท่าเทียมใครจะเอาไปทำอะไรก็เอาไป จะขายจะปลูกบ้านจะเปิดร้าน แล้วแต่ใจจะคิด แต่นั่นคือเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่ทุกคนก็หวังว่ามันจะมาถึงในเร็ววัน ยกเว้น คนไม่กี่คนที่ยังรักในวิถีเดิมและที่แน่ๆคือ พวกเขายังไม่อยากเสียพ่อไปในตอนนี้
พ่อของพี่พัดเป็นหนึ่งในพี่น้อง 7 คนที่ยังประกอบอาชีพนี้อยู่และเป็นลูกคนโตที่ใกล้ชิดกับพ่อที่สุด พี่น้องอีกสองสามคนก็เช่นกัน ยังดูแลยังอยากให้พ่ออยู่ไปอีกนานๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าไมใช่ทุกคนที่คิดอย่างนั้น พี่น้องที่เหลือนั้นแค่อยากได้ที่ดิน และไม่อยากมีภาระต้องมาดูแลคนป่วยอายุมากให้เหนื่อยกายเหนื่อยใจ
ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดคือ ที่ดิน มีทั้งคนอยากได้และไม่อยากได้ ไอ้ที่อยากได้ก็อยากไม่เท่ากัน ทำไมต้องแบ่งเท่ากัน ฉันเป็นพี่นะต้องได้เยอะกว่าสิ คำวาครอบครัวเริ่มมีปัญหา คนในบ้านทะเลาะกัน แย่งกัน เหมือนไม่ได้เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกัน
‘น้องคิดว่าเขาทำร้ายกันอย่างไรล่ะครับ’
‘ด่ากัน ทำร้ายกัน?’
‘มันก็ใช่ครับ แต่เขาไม่ได้มาต่อยมาเตะอะไรอย่างนั้น แต่เขาเลือกที่จะใช้คุณไสยทำร้ายกันแทน’
บ้านของพี่พัดจะแยกออกเป็นหลายหลังในที่ดินเดียวกัน บ้านแต่ละหลังไม่ได้ใหญ่เพียงแค่พออยู่อาศัย จะมีบ้านหลังแรกคือบ้านของปู่ที่ใหญ่ที่สุด บางคนเก็บเงินได้ แต่งงานก็ออกไปอยู่ต่างอำเภอบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง ก็พอจะเรียกได้ว่าพวกเขาอยู่กันอย่างเป็นเอกเทศน์ บ้านใครบ้านมัน
หลายครั้งที่เกิดเหตุประหลาดน่ากลัวขึ้นกับคนในบ้าน คนที่เจอบ่อยที่สุดคงจะเป็นพ่อของพี่พัดเพราะเป็นคนที่มาดูแลปู่มากที่สุดใกล้ชิดกับปู่มากที่สุด ในตอนแรกทุกคนคิดว่าคงมีคนคิดไม่ดีจะทำให้ปู่ไปเร็วขึ้น แต่พอมาคิดอีกนัยน์หนึ่งอาจเป็นความระแวงว่า พ่อ จะได้ที่ดินมากกว่าคนอื่นๆ หรือไม่ก็ได้ไปอยู่คนเดียว ก็ได้
เราคุยกันมาถึงตรงนี้เวลาก็จวนจะค่ำแล้วพี่พัดเลยชวนผมไปนั่งหาอะไรกินนั่งคุยกันเพราะอยากจะหาทางออกเหมือนกัน เราย้ายมานั่งคุยกันที่ร้านนมริมฝั่งแม่น้ำน่านที่เพียงแค่ข้ามถนนมาก็ถึง
ความน่ากลัวของเรื่องนี้ไม่ใช่น้อยๆเลยทีเดียวเพราะเขาไม่ได้อยากทำให้กลัว แต่เขาจะเอาให้ถึงตาย แม้แต่พี่พัดเองที่เป็นรุ่นหลานไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในมรดกชิ้นนี้ก็ยังพลอยโดนไปด้วย
เรื่องแรกที่ผมได้ฟังก็คือ ช่วงที่พี่พัดยังเรียนอยู่พี่เขาใช้มอเตอร์ไซด์ในการสัญจรเอาสะดวกเหมือนคนอื่นทั่วๆไป แต่สิ่งที่แปลกคือมักจะมีคนเห็นเงาของใครบางคนนั่งคร่อมอยู่บนรถของพี่พัดในช่วงเวลาต่างๆไม่ใช่แค่กลางคืน บางครั้งกลางวันแสกๆแดดเปรี้ยงๆก็มีคนเห็น ครั้งแรกที่มีคนเข้ามาบอกเรื่องนี้กับพี่พัดคือ ยามประจำตึก
บ้าน...คนตาย
ถ้าถามว่าเรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังในวันนี้ใช่ เรื่องผีไหม? ก็คิดว่าน่าจะใช่นะครับเพราะมันก็มีผีอยู่ในนั้น แต่มันคงจะเป็นเรื่องของ ไสยศาสตร์ เสียมากกว่า
ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย อาจไม่ได้มีฉากผีน่ากลัวๆให้ตกใจอย่างใน Ju-on หรือ บรรยากาศบีบคั้นเหมือน incidious จุดจบไม่ได้สวยหรู และบางเรื่องมันก็ยังไม่ได้จบลง เพราะเรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังคือ ประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผมในช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผม เป็นอย่างนี้
เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผมไม่ได้มีเจตนาจะหลอกลวงหรือมอมเมา แค่อยากเล่าให้ฟังก็เท่านั้น หากเรื่องนี้ไม่ถูกใจท่านก็ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น และสุดท้ายหากท่านจะคิดว่ามันคือนิยายหรือเรื่องแต่ ก็สุดแล้วแต่ท่านก็แล้วกัน
เหมือนกับทุกๆครั้งผมไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวหรือข้องแวะเรื่องราวใดๆด้วยตัวเองเลยสักครั้ง เกือบทุกครั้งที่เรื่องราวเหล่านี้วิ่งเข้ามาหาผมอย่างจงใจคล้ายความบังเอิญแต่ผมคิดอยู่เสมอว่ามันไม่เคยเป็นอย่างนั้น
ในช่วงเวลาเย็นๆหากผมมีเวลาว่างผมมักจะไปนั่งเล่นอยู่ที่พระราชวังจันทน์ซึ่งตอนนี้เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและโบราณสถาน ที่นั่นเป็นที่ที่ร่มรื่นพอสมควรสำหรับตัวเมืองพิษณุโลกในเวลานี้ มีผู้คนมากมายมาวิ่ง มาเดินเล่น มีแม้กระทั่งครูสอนฟันดาบอยู่ใกล้ๆกับวัดโบราณ
ผมมักจะไปนั่งเล่นตากลมอยู่ตรงขอบเมืองเก่าตรงข้ามกับต้นโพธิ์ใหญ่หลังศาลสมเด็จพระนเรศวร หลายครั้งที่คนมักจะมองผมแปลกๆประมาณว่า ไปนั่งทำอะไร ก็ช่างเขาเถอะ บางคนถึงขั้นเดินเข้ามาขอดูดวงคิดว่าผมเป็นหมอดูมาเปิดโต๊ะแถวๆนั้น ผมก็ปฏิเสธไปเหมือนทุกๆที
แต่ครั้งนั้นแปลกกว่าทุกครั้ง ในขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นเหม่อไปเรื่อยๆเหมือนทุกที มีผู้ชายคนหนึ่งอายุน่าจะเข้าใกล้ 40 ถือของพะรุงพะรังมาแต่ไกล ตอนแรกคิดว่าเขาคงจะหอบของมาถวายสมเด็จท่านที่ศาลแต่เปล่าเลยเขาเดินตรงมายังต้นโพธิ์ใหญ่ใกล้ๆกับที่ผมนั่งอยู่
เท่าที่เห็นของที่นำมาก็เหมือนกับการแก้บนทั่วๆไปมีบายศรีมีตุ๊กตาอาหารน้ำหวานน้ำเปล่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะจ้องเขาขนาดนั้นแต่ก็ลืมตัวมองเขาอยู่นานสองนานตั้งแต่ต้นจนจบ
ผู้ชายคนนั้นเดินมาด้วยท่าทางเร่งรีบตั้งแต่ที่เห็นตลอดจนจัดข้าวของถวายด้วยตัวคนเดียวท่าทางเหนื่อยพอสมควร เขายืนปาดเหงื่อหันหลังกลับมาก็สบตาเข้ากับผมพอดี ผมที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียมารยาทนั่งจ้องเขาอยู่นานก็รีบหลบสายตาทันที
พี่เขาเดินตรงเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางยิ้มแย้มแต่เนื้อตัวเปียกเหงื่อจนชุ่ม
‘ขอนั่งด้วยคนนะครับ วันนี้ลมดี’
ผมได้แต่พยักหน้าตอบรับไปไม่กล้าชวนคุยเพราะรู้สึกอายๆกับความลืมตัวของตัวเองแล้วจะลุกกลับทั้งอย่างนี้เลยก็คงจะดูน่าเกลียดไปใหญ่
‘มานั่งเล่นอย่างนี้บ่อยไหมครับ เมื่อก่อนพี่ก็ชอบมา แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่างเลย’
‘ก็ไม่บ่อยนะครับ ถ้าว่างก็มาบ้าง รถมันเยอะ’
‘พี่มาบ่อยมาก แต่มาแก้บนนะไม่ได้มานั่งเล่น’
ทันทีที่ ‘พี่พัด’ เริ่มชวนคุยบรรยากาศก็คลี่คลายลงในทันที พี่เขาเคยมาเรียนที่พิษณุโลกแต่ผมก็ไม่ได้ถามเอาไว้ว่าที่ไหน บ้านจริงๆเขาอยู่ที่พิจิตรซึ่งก็ใกล้นิดเดียว หลายครั้งที่พี่เขามาแก้บนที่นี่เพราะมีเรื่องให้ต้องมาขออยู่เรื่อยๆ
ถึงจะไม่นานมากแต่เราก็คุยกันค่อนข้างถูกคอ จากเรื่องราวทั่วๆไปก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเรื่องผีๆสางๆอาจเพราะบรรยากาศมันเอื้อให้ล่ะมั้ง พี่เขาพบเจอเรื่องราวพวกนี้มาไม่น้อยเช่นกัน ส่วนผมยังคงเป็นผู้ฟังที่ดีไม่ได้เล่าเรื่องของตัวเองออกไปมากนัก
‘น้องใส่แหวนอะไรครับ ถามได้ไหม มีของขลังแนะนำพี่บ้างไหม’
มันอาจจะเป็นคำพูดติดตลกแต่พี่เขาก็เว้นช่วงให้ผมตอบเหมือนอยากได้คำตอบจริงๆ แหวนที่ผมใส่เป็นแหวนรูป โอม ที่หาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป ผมตอบไปอย่างนั้น พี่เขารู้อยู่แล้วถึงความหมายของสัญลักษณ์นี้ และผมจะมีแหวนสมเด็จพระนเรศวรอีกอันหนึ่งที่ได้มาตอนจบมัธยม
‘น้องนับถือสมเด็จด้วยหรือครับ พี่นับถือท่านมากๆเลย’
เหมือนจะเป็นการเปิดประเด็นใหม่ๆให้เราได้คุยกัน เราคุยกันตั้งแต่เรื่องประวัติศาสตร์เล็กๆน้อยๆ หนังในโรงภาพยนตร์ที่ดูซ้ำกันไปหลายรอบสุดท้าย ความบังเอิญ ที่ผมแสนจะไม่ชอบกันก็มาถึง
‘ถ้าน้องชอบเรื่องท่านลองไปอ่านกระทู้พันทิปสิ มีคนเขียนถึงอยู่นะ’
‘หรอครับ ชื่ออะไรครับ ผมจะได้ไปลองอ่านบ้าง’
สาบานเลยว่าตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็น ตัวเอง เพราะมีคนเขียนถึงท่านเยอะมาก กระทู้เกี่ยวกับท่านมีมหาศาลถ้าคิดจะลองเสิร์ชดูในกูเกิ้ล แต่คำตอบจากปากพี่พัดคือ ‘ลูกพระนเรศ’ ใช่ครับกระทู้ของผมเอง กระทู้แรกเลยที่เขียนแม้จะไม่ใช่ชื่อเต็มๆของกระทู้นั้นแต่หลายคนก็จำได้แค่พยางค์หลังเหมือนกับพี่คนนี้
ผมไม่ได้ตอบกลับไปว่า ผมเขียนเองพี่! อะไรทำนองนั้นได้แต่นั่งฟังเงียบๆตามเดิม แต่มันก็มีความรู้สึกกรุ่นอยู่ในใจลึกๆที่อธิบายออกมาค่อนข้างยาก จากอากาศที่เย็นสบายมีลมอ่อนๆพัดมากลายเป็นความเย็นที่ทำให้ขนลุกชูชันไปทั่วทั้งร่างกาย อาการปวดหัวเริ่มปรากฏ เรียกว่าเจ็บคงจะเข้าใจง่ายกว่า ลองนึกว่ามีใครเอาเข็มแหลมๆมาทิ่มที่กลางกระหม่อม ถอนออกแล้วจิ้มใหม่อย่างนั้น
อาการนี้มักจะเกิดขึ้นเวลาที่มีใครอยากจะสื่อสารหรือบอกอะไรกับตัวผมสักอย่าง พี่พัดยังคงเล่าต่อไปอย่างสนุกสนาน ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวผมแม้แต่น้อย
‘พี่เคยส่งข้อความไปถามนะครับ แต่เขาไม่ได้ตอบกลับ’
ประโยคเดียวทำเอาผมต้องกันกลับไปมองหน้าพี่เขาที่ตอนนี้ฉายแววเศร้าปนเครียด ถ้าฟังดูแล้วมันก็คงเหมือนกับละครนะครับ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมได้เห็นในชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่ง ภาพของชายตรงหน้าผมมีเงาซ้อนทับของ ทหารโบราณ เพียงแค่กระพริบตาเดียวก็หายไป
‘คนของเรา’
กระแสเสียงที่ไม่ได้ยินมาเสียงนานดังมาจากที่ไกลๆรอบด้าน แม้จะเบาแต่ก็ชัดเจนความรู้สึกที่เข้ามากระทบนั้นผมจำได้ดี ท่านไม่เคยทิ้งคนของท่านจริงๆ
ผมไม่ค่อยได้บอกใครมากนักถึงเรื่องราวที่ผมเขียนไม่เคยบอกว่าผมเป็นใครหน้าตาอย่างไร แต่ครั้งนั้นก็ตัดสินใจบอกเขาไปตรงๆ สีหน้าของพี่พัดยังติดตาผมจนถึงทุกวันนี้พี่เขาตกใจมาก แต่มากไปกว่านั้นคือผมเองที่อยากขอโทษพี่เขาเรื่องข้อความ ไม่ใช่ผมไม่ตอบ แต่ผมยังไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ จำนวนข้อความที่เข้ามาไม่ใช่น้อยๆยิ่งโต้ตอบกันได้ยิ่งทำให้การค้นหาข้อความเป็นไปได้ยากมาก
ผมขอข้ามช่วงแนะนำตัวกันไปเลยแล้วกันนะครับ เรื่องที่เป็นสาเหตุให้พี่พัดต้องคอยมาขอมาแก้บนอยู่เสมอๆคือเรื่อง ที่บ้าน บ้านของพี่พัดเป็นครอบครัวใหญ่มีพี่ป้าน้าอาอาศัยอยู่ด้วยกันในที่ดินขนาดใหญ่ ทั้งบ้านมีอาชีพทำนาทำสวนเหมือนหลายๆครัวในละแวกนั้น แต่พักหลังมานี้คนรุ่นใหม่ๆอย่างพี่พัดก็เริ่มที่จะหันมาจับอย่างอื่นบ้าง เช่น เปิดอู่ เปิดร้านอาหาร ค้าขาย
เศรษฐกิจที่แย่ลงทุกวันสภาพอากาศที่วิปริตจนเดาใจไม่ถูกทำให้พืชผลเสียหายไม่ออกดอกออกผลเหมือนแต่ก่อน แม้จะมีทางออกมากมายด้วยวิทยาการสมัยใหม่ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ คนรุ่นก่อน อย่างพ่อกับปู่ของพี่พัดหันมาทำตามและเห็นด้วยกับวิธีการที่พวกเขาไม่เข้าใจ
เมื่อที่นาเริ่มประสบปัญหานานหลายปีเงินทองที่เคยมีสะสมมาก็ร่อยหรอลงทุกวัน ปู่ที่เป็นแกนนำหลักทั้งด้านจิตใจและอาชีพของคนในบ้านก็เหมือนจะอยู่ได้อีกไม่นานด้วยอายุและโรคประจำตัวที่มี คนรุ่นหลานเริ่มที่จะไม่สนใจการทำนาทำสวนอีก ทุกคนอยากมีอาชีพอื่นจึงเลือกที่จะไปหางานทำในตัวเมืองบ้าง ไม่ทำอะไรเลยบ้าง
สุดท้ายคนทั้งบ้านก็ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า วันหนึ่งถ้าหากไม่มีปู่แล้ว ที่ดินทั้งหมดจะถูกแบ่งกันอย่างเท่าเทียมใครจะเอาไปทำอะไรก็เอาไป จะขายจะปลูกบ้านจะเปิดร้าน แล้วแต่ใจจะคิด แต่นั่นคือเรื่องของอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่ทุกคนก็หวังว่ามันจะมาถึงในเร็ววัน ยกเว้น คนไม่กี่คนที่ยังรักในวิถีเดิมและที่แน่ๆคือ พวกเขายังไม่อยากเสียพ่อไปในตอนนี้
พ่อของพี่พัดเป็นหนึ่งในพี่น้อง 7 คนที่ยังประกอบอาชีพนี้อยู่และเป็นลูกคนโตที่ใกล้ชิดกับพ่อที่สุด พี่น้องอีกสองสามคนก็เช่นกัน ยังดูแลยังอยากให้พ่ออยู่ไปอีกนานๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าไมใช่ทุกคนที่คิดอย่างนั้น พี่น้องที่เหลือนั้นแค่อยากได้ที่ดิน และไม่อยากมีภาระต้องมาดูแลคนป่วยอายุมากให้เหนื่อยกายเหนื่อยใจ
ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดคือ ที่ดิน มีทั้งคนอยากได้และไม่อยากได้ ไอ้ที่อยากได้ก็อยากไม่เท่ากัน ทำไมต้องแบ่งเท่ากัน ฉันเป็นพี่นะต้องได้เยอะกว่าสิ คำวาครอบครัวเริ่มมีปัญหา คนในบ้านทะเลาะกัน แย่งกัน เหมือนไม่ได้เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกัน
‘น้องคิดว่าเขาทำร้ายกันอย่างไรล่ะครับ’
‘ด่ากัน ทำร้ายกัน?’
‘มันก็ใช่ครับ แต่เขาไม่ได้มาต่อยมาเตะอะไรอย่างนั้น แต่เขาเลือกที่จะใช้คุณไสยทำร้ายกันแทน’
บ้านของพี่พัดจะแยกออกเป็นหลายหลังในที่ดินเดียวกัน บ้านแต่ละหลังไม่ได้ใหญ่เพียงแค่พออยู่อาศัย จะมีบ้านหลังแรกคือบ้านของปู่ที่ใหญ่ที่สุด บางคนเก็บเงินได้ แต่งงานก็ออกไปอยู่ต่างอำเภอบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง ก็พอจะเรียกได้ว่าพวกเขาอยู่กันอย่างเป็นเอกเทศน์ บ้านใครบ้านมัน
หลายครั้งที่เกิดเหตุประหลาดน่ากลัวขึ้นกับคนในบ้าน คนที่เจอบ่อยที่สุดคงจะเป็นพ่อของพี่พัดเพราะเป็นคนที่มาดูแลปู่มากที่สุดใกล้ชิดกับปู่มากที่สุด ในตอนแรกทุกคนคิดว่าคงมีคนคิดไม่ดีจะทำให้ปู่ไปเร็วขึ้น แต่พอมาคิดอีกนัยน์หนึ่งอาจเป็นความระแวงว่า พ่อ จะได้ที่ดินมากกว่าคนอื่นๆ หรือไม่ก็ได้ไปอยู่คนเดียว ก็ได้
เราคุยกันมาถึงตรงนี้เวลาก็จวนจะค่ำแล้วพี่พัดเลยชวนผมไปนั่งหาอะไรกินนั่งคุยกันเพราะอยากจะหาทางออกเหมือนกัน เราย้ายมานั่งคุยกันที่ร้านนมริมฝั่งแม่น้ำน่านที่เพียงแค่ข้ามถนนมาก็ถึง
ความน่ากลัวของเรื่องนี้ไม่ใช่น้อยๆเลยทีเดียวเพราะเขาไม่ได้อยากทำให้กลัว แต่เขาจะเอาให้ถึงตาย แม้แต่พี่พัดเองที่เป็นรุ่นหลานไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในมรดกชิ้นนี้ก็ยังพลอยโดนไปด้วย
เรื่องแรกที่ผมได้ฟังก็คือ ช่วงที่พี่พัดยังเรียนอยู่พี่เขาใช้มอเตอร์ไซด์ในการสัญจรเอาสะดวกเหมือนคนอื่นทั่วๆไป แต่สิ่งที่แปลกคือมักจะมีคนเห็นเงาของใครบางคนนั่งคร่อมอยู่บนรถของพี่พัดในช่วงเวลาต่างๆไม่ใช่แค่กลางคืน บางครั้งกลางวันแสกๆแดดเปรี้ยงๆก็มีคนเห็น ครั้งแรกที่มีคนเข้ามาบอกเรื่องนี้กับพี่พัดคือ ยามประจำตึก