รีวิวนี้เพราะสำหรับนักท่องเที่ยวรักสบายครับ มาไปพม่าแบบชิลๆกันครับ

ขอเล่าที่มาของทริปที่ไม่ได้ตั้งใจนี่ก่อนนะครับ ขอแนะนำตัวก่อนว่าผมเองเป็นคนชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ อาจจะเป็นด้วยบ้านผมอยู่เชียงรายติดชายแดนพม่าแค่เดินข้ามสะพานไป ทำให้ผมไม่ค่อยนึกสนใจประเทศนี้เท่าไหร่ แต่คนที่ริเริ่มทริปนี้ขึ้นมาจริงๆเป็นหม่อมแม่ผู้บังเกิดเกล้าของผมเองครับ แม่ดูสารคดีจนซาบซึ้งในความงามเลยร้องขึ้นมาว่าอยากไปเที่ยวพม่า พอแม่อยากไป ก็ต้องจัดให้ครับ!!
พอเริ่มวางแผน
ปัญหาแรกก็มาเลยครับและก็เป็นปัญหาที่เป็นที่มาของกระทู้นี้เลย แม่ผมอยากไปทัวร์ครับ แต่ผมไม่ชอบไปทัวร์! เพราะผมเป็นคนชอบอะไรชิลๆไม่ชอบเที่ยวเร่งร้อนแบบทัวร์ แต่หม่อมแม่ผมก็ยืนยันและไม่ยอมง่ายๆจนสุดท้ายลูกชายอย่างผมก็ต้องยอมแพ้บุญคุณค่าน้ำนม ผมเลยลองมานั่งหาทัวร์ในอินเตอร์เน็ทดู(จริงๆก็ดูจากรีวิวตามพันทิปเอานี่แหละครับ) เจอเป็นสิบเลยครับ แต่ไปเจอเจ้านึง เขาขึ้นว่าเป็น
ทัวร์ส่วนตัว ผมชอบไอ้คำว่า 'ส่วนตัว' เนี่ยแหละก็เลยติดต่อเข้าไป
ติดต่อกันง่ายๆครับ คุยกันง่ายๆเลย เซลล์ที่เราติดต่อชื่อคุณฟ้า คุยดีมากแนะนำทุกอย่าง แนะนำจนสมองตื้อๆของผมเริ่มมีไอเดียขึ้นมาว่าเราอยากไปเที่ยวไหนบ้าง คือทัวร์ที่นี่เป็นทัวร์ที่เน้นกลุ่มเล็ก เป็นทัวร์ที่เราเลือกเองได้หมดว่าอยากได้รถอะไร โรงแรมอะไร แต่ผมก็ไม่ได้เลือกอะไรมากหรอกครับ (เพราะไอ้เราก็ไม่รู้หรอกว่าที่ไหนมันดีไม่ดี) ผมรู้แค่ว่าผมขอจองตั๋วเครื่องบินเองและให้เขาบริการด้านอื่นๆให้ จนสุดท้ายเราตกลงกันที่
ทริป 3 วัน 2 คืน ย่างกุ้ง หงสาวดี อินแขวน จากนั้นก็ยิ่งง่ายเลยครับ พอถึงวันเดินก็พาแม่เก็บกระเป๋า หอบผ้าหอบผ่อนไปพม่ากันล่ะครับ
คือขออนุญาติแจ้งก่อนเลยนะครับ ถ้าใครอยากหาสาระจากรีวิวของผมนั้นหามีไม่ครับ 555 รีวิวการขึ้นรถลงเรือ ค่าแท๊กซี่ก็ไม่มีครับ ประวัติศาสตร์ก็ไม่มีครับเพราะผมหลับตลอดที่ขึ้นรถ เนื้อหาคงไม่ได้ครึ่งรีวิวของท่านอื่นๆ แต่ผมขอรีวิวบรรยากาศ อาหารการกิน สถานที่ที่ผมมั่นใจว่าทัวร์อื่นอาจจะไม่มี หรือแบคแพกเกอร์สามารถแวะไปได้ และมันน่าลองไปเที่ยวดู ลองดูนะครับ
วันที่ 1 [ ย่างกุ้ง – หงสาวดี – อินแขวน ]
แม้เราจะไปกับทัวร์ แต่ผมจองตั๋วเครื่องบินเองครับ ซึ่งทางทัวร์เขาก็ยินดีเนื่องจากเราไปกรุ๊ปเล็ก ถึงจะให้เขาจองให้ เขาก็จองราคากรุ๊ปทัวร์ไม่ได้อยู่ดี ผมอยากสะสมแต้มของผมด้วยเลยจองเองดีกว่า ผมเลือกใช้บริการสายการบินของแอร์เอเชีย เลือกไฟล์ทตามที่ทางทัวร์แนะนำครับ FD251 06:00 – 7:15 ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดอะไรกันเลยนะครับสำหรับไฟล์ทเช้าขนาดนี้ หลับตั้งแต่เครื่องขึ้นยันเครื่องลง 555 แต่ก็ยังเลือกไฟล์ทนี้เพราะทางทัวร์บอกว่าบินไฟล์ทนี้จะได้เที่ยวคุ้มและค่อยไปนอนในรถเอา
สนามบินพม่าใหญ่กว่าที่ผมคิดไว้นะ(มารู้ทีหลังว่าที่เทอมินอลที่นู้นแบ่งเป็น 2 ตึกตามสายการบิน สำหรับแอร์เอเชียจะอยู่เทอนินอลใหม่ ถ้าใครงงว่าอันไหนใหม่เก่า เทอมินอลใหม่ก็คืออันที่มี KFC อ่ะครับ) เทอมินอลหญ่พอควร มีเคาน์เตอร์ให้บริการตรวจคนเข้าเมืองตั้งยาวเป็นสิบเคาน์เตอร์ แต่มีพนักงานมาทำงานอยู่สองเคาน์เตอร์ หน้าน้องพนักงานดูยังง่วงๆไม่ถามอะไรผมเลย สแตมป์ป๊าบๆละก็ปล่อยผมเข้าประเทศเขามา และแล้วนักท่องเที่ยวหน้ามนคนไทยสี่คนก็ผ่าน ตม มาได้อย่างปลอดภัยครับ
และจังหวะนี่แหละครับคือจังหวะที่ลุ้นกันมาก คือทางทัวร์เขาแจ้งผมว่า น้องไกด์จะถือป้ายชื่อผมยืนรอรับอยู่ที่ทางออก ผมก็รีบชะเง้อก่อนเลย ในใจก็ลุ้นไปด้วยนะ เพราะเราจ่ายเงินเขาไปหมดแล้ว ถ้าไม่มีใครมารับนี่ก็คือโดนลอยแพเป็นต่างด้าวแน่ๆครับ แต่ในที่สุดผมก็โล่งอกครับ ป้ายชื่อผมเด่นหราอยู่ตรงทางออก น้องไกด์ยืนโบกมือรอรับเราอยู่
น้องไกด์ผมชื่อ ‘ข่อง’ เรียกแรกๆจะไม่คุ้นลิ้นเรียกไปๆมาๆก็จะชินครับ ดูยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลยอายุน่าจะ 30 ต้นๆ (เด็กกว่าผมไม่มาก)พูดเก่งมากกกกและบริการก็ดีมากเช่นกันครับ ยิ้มแย้มแจ่มใส ตอบคำถามทุกคำถามของพวกเราแม้คำถามนั้นจะเป็นคำไร้สาระมากก็ตาม ส่วนรถของทัวร์นี้เป็นรถโตโยต้า อัลพาท ใหม่เลยครับ แอร์เย็นฉ่ำ ที่นี่จะใช้รถอัลพาทกันเยอะมาก ราคาถูกกว่าที่บ้านเรา(อาจจะเป็นเพราะเป็นรถมือสองด้วย) คนขับรถเป็นคุณลุงตัวใหญ่ เพราะชื่อพม่าแกออกเสียงยากเหลือเกินครับ ผมเลยขอเรียกแกว่า ‘ลุงสมบูรณ์’ หลังจากเก็บของขึ้นรถกันเรียบร้อย คณะของเราก็เริ่มปุเลงๆออกจากพม่ากัน

เนื่องจากกระทู้นี้เกี่ยวกับทัวร์ ผมจึงขออวยความดีงามของทัวร์ส่วนตัวนิดนึง คืออย่างน้อยผมก็ไม่ต้องรอใคร (ผมเป็นคนมีความอดทนต่ำมากครับ จึงชอบเที่ยวเองตลอด) ไม่ต้องรออาม่าอากง ไม่ต้องเดินตามธง ไม่ต้องรอคนวิ่งไปเข้าห้องน้ำ คือทั้งคณะมีแค่ ผม แม่ น้องข้างบ้าน และก็คุณแม่น้อง รู้สึกตัวเองโค ตะ ระ จะ VIP เลยครับ ผมบอกว่าผมปวดฉี่อยากเขาห้องน้ำ น้องข่องก็สั่งให้ลุงสมบูรณ์เลี้ยวหาห้องน้ำเลย ทำให้เราได้เจอกับที่เข้าห้องน้ำที่ดีงามมากครับระหว่างการเดินทางไปเมืองหงสาวดี แนะนำให้ทุกคนไปแวะพักกันได้ครับ
เราแวะพักเข้าห้องน้ำกันที่
Resort Shwe Pyi (รีสอร์ทชเวบี) เหมือนจะเป็นร้านอาหารผสมร้านกาแฟผสมที่ท่องเที่ยว ร้านหรูทีเดียวครับ พื้นที่หลังร้าน (ยาวไปอีกร้อยๆไร่ ว่ากันว่าเป็นที่ดินของเศรษฐีพม่า) มีเครื่องบินขนาดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป มีโรงไม้แกะสลัก มีสระน้ำ มีสวนเดินเข้าไปเที่ยวได้อีก ข่องบอกว่านั่งรถกอล์ฟเที่ยวได้แต่ต้องใช้เวลาทั้งวันในการเดิน หลังจากเข้าห้องน้ำ กินชา เป็นครั้งแรกที่ได้ลองชาพม่าครับ อร่อยกว่าที่คิด หวานๆ มันๆ ปะแล่มๆไม่เหมือนชาไทย แต่อร่อยอยู่ครับ (เห็นมั้ยครับ ได้พักกินกาแฟด้วย ชิลๆ)

ขอบอกว่าถนนพม่านี่สุดติ่งจริงๆครับ ไม่มีตรงไหนเลยที่มันเรียบ ในย่างกุ้งไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ครับ แต่พอออกต่างจังหวัดมาจะเริ่มเห็น ซึ่งมอเตอร์ไซค์พวกนี้เขาไม่ขับแอบๆกันเหมือนบ้านเรานะครับ นู้นครับ!! ขับกันติดเกาะกลางเลย เห็นแล้วเสียวว่าจะโดนเฉี่ยวไปกิน ระยะทางจากย่างกุ้งมายังเมืองหงสาวดีหรือที่ภาษาพม่าเรียกว่าเมือง พะโค (Bago) [ปวศ: คือว่าเหมือนว่ามันจะจากเมือง hanthawadi ซึ่งเป็นชื่อของนกสาริกาครับ]นั้นไม่ไกลเลยครับ ดูจากกูเกิ้ลแมพก็แค่ร้อยกว่ากิโล แต่เพราะไอ้ถนนหง่อกแหง่กนี่แหละ ทำให้เราใช้เวลากันไปกว่าสามชั่วโมง ซึ่งน้องข่องบอกว่าเป็นปกติสำหรับเวลาการเดินทางเท่านี้
และเราก็เริ่มเข้าเขต
เมืองหงสาวดีครับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แรกที่เราแวะไปคือ
พระนอนชเวตาเลียว เขาว่ากันว่าเป็นพระนอนที่สวยที่สุดของพวกมอญ ผมทึ่งคือทึ่งในความใหญ่ขององค์พระมากกว่า ใหญ่มากกกก ศิลปะตกแต่งก็สวยงาม และสิ่งที่ผมชอบมากตั้งแต่มาที่นี่ก็คือช่อดอกไม้ที่คนพม่าเขาใช้ไหว้พระนี่แหละครับ มันไม่ได้เป็นพวงมาลัยเหมือนบ้านเรา แต่มันมาเป็นช่อเลยครับ ผมชอบที่มันเป็นสีเขียวๆ มีต้นอะไรบ้างก็ไม่รู้ รู้แต่อยากเก็บกลับเมืองไทยมากแต่ก็ทำไม่ได้
เราไหว้พระกันไม่นานหรอกครับ แต่เสียเวลานานไปกับการช๊อปปิ้งตามร้านค้าที่มีเป็นสิบๆร้านตามทางลงของพระนอนมากกว่า คุณนายแม่บังเกิดเกล้าของผมปรี่ไปหาร้านผ้าถุงทันทีเพราะคุณนายท่านไม่ได้พกมาจากเมืองไทย ท่านบอกว่ามาพม่าก็ต้องใส่ผ้าถุงพม่าสิ ซึ่งน้องคนขายก็ใจดีมาก รื้อออกมาให้คุณแม่ผมเลือกทั้งร้าน ผมเองก็ได้มาผืนนึงจากการบังคับครับ
ดูรวยมั้ยครับ 555
จากนั้นเราก็ไปทานข้าวกันครับ อาหารมื้อแรกที่พม่าเป็นร้านอาหารพม่าฟิวชั่น ข่องบอกว่าสั่งอาหารเซ็ทเมนูไว้ให้แล้ว พอมาถึง...อาหารร้อนๆก็วางรออยู่แล้วว (ประทับใจสุดๆ ถึงปุ๊บได้กินปั๊บ เพราะหิวตาลายมากๆ) ร้านนี้ชื่อร้าน Golden key มีแอร์ให้นั่งครับ ห้องน้ำก็สะอาด หน้าตาอาหารโอเคเลย (ตามภาพ) ส่วนรสชาติ...มันอร่อยกว่าที่ผมคิดไว้ครับ!! อ่านรีวิวมาผ่านๆ เขาบอกว่าให้ระวังอาหารพม่าไว้หน่อยเพราะไม่ค่อยสะอาด แต่อาหารที่ร้านนี้ดีเลยรสชาติโอเคย มีเผ็ด เค็ม หวาน เปรี้ยว ครบหมด หรือถ้าใครบางคนกลัวจริงๆ อย่างน้อยก็มีไข่เจียว ไม่อดตายครับ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็ออกเดินทางสู่
เมืองไจ๊โท บนเส้นทางที่ซำงอกซำแง่กเหมือนเดิมครับ ขับมาไกลพอควร คุณลุงสมบูรณ์ขับเฟี้ยวฟ้าวดูชินทางมากทีเดียว เราเดินทางมาถึงที่ที่เรียกว่า
คิ้มปูนแคมป์ตอนประมานห้าโมงเย็นแล้วครับ ข่องแจ้งให้เราทราบว่ารถอัลพาทส่วนตัวของเราจะขึ้นไปบนพระธาตุไม่ได้ จำเป็นต้องเปลี่ยนรถเป็นรถเฉพาะสำหรับขึ้นพระธาตุที่คิ้มปูนแคมป์ ซึ่งลักษณะที่นี่ก็เหมือน บขส. บ้านเราแหละครับ แต่เป็นบขส.รถขนหมูที่มีปลายทางที่เดียวกันหมดคือขึ้นพระธาตุอินแขวน และเป็น บขส. ที่ งง ที่สุดในสามโลก เพราะไม่มีคนขายตั๋ว ไม่มีคิวรถ มีแต่คนวิ่งเฮกันไปขึ้นรถที่มันว่างๆ ไม่รู้ว่าเขาจัดระเบียบกันยังไง
แต่สบายหน่อยเพราะข่องจองรถไว้ให้เราแล้ว มันคือรถขนหมูดีๆนั่นเอง เป็นรถหกล้อคันเล็กที่มีไม้พาดเพื่อทำเป็นที่นั่ง คันนึงนั่งได้สักเกือบสิบแถว บางคันมีหลังคาบางคันไม่มี พวกผมโชคดีหน่อยเพราะว่าน้องข่องจองให้นั่งข้างหน้าคู่กับคนขับเลย มีแอร์ด้วย นั่งข้างหน้าคนนึง อีกสามคนนั่งเบาะหลัง ส่วนไกด์ไปนั่งส่วนบรรทุกด้านหลัง ถือว่าได้ที่นั่งสบายเลยครับ
ถ้าใครยังไม่เคยนั่งรถขึ้นพระธาตุอินแขวนแล้วอยากจะซ้อมนั่ง รถไฟเหาะที่ดรีมเวิลด์อาจจะพอช่วยคุณได้ แม่มมมโคตะระจะหวาดเสียวเลยครับ และความเสียวมันจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อคุณเห็นว่าคนขับหน้านิ่งมากในจังหวะที่แกเลี้ยวบนโค้งหักศอก 355° หน้าพวกผมนี่แทบจะชนกับภูเขาห่างไม่เกินเมตรหนึ่ง โอ้โห! อยากบอกว่าทางขึ้นมันสุดใจจริงๆ เขาคิชกูฏบ้านเราชิดซ้าย ปายแม่ฮ่องสอนชิดขวา ถนนก็เป็นทางโค้งเล็กๆย่อยๆไต่ขึ้นไปบนเขาตลอดเวลา คือมันจะไม่น่ากลัวอะไรหรอกครับถ้าพวกพี่เขาขับกันช้าๆ ดีๆ แต่นี่ซิ่งกันหน้านิ่งความเร็วพอๆกับหนังเรื่อง fast 8 บอกได้คำเดียวว่าผมเกร็งจนเมื่อยครับ สภาพก็เป็นตามรูปครับ
แต่ในที่สุดด้วยฝีมือระดับพระกาฬของพี่คนขับ พวกเราก็มาถึงยอดพระธาตุโดยสวัสดิภาพ พอลงรถมาได้ก็จะต้องฝ่าดงพี่ๆน้องๆที่มาอาสาช่วยรับขนของพร้อมส่งเสียงเย้วๆขอค่าบริการ แต่พวกเราไม่ได้ใช้บริการอะไรเพราะกระเป๋าพวกเราไม่ได้หนักมาก ขอแนะนำนะครับสำหรับผู้สูงอายุ ที่นี่มีบริการเสลี่ยงให้นั่งค่าเช่าประมานหนึ่งร้อยบาท ซึ่งโอเคเลยนะครับไม่น่ากลัว สามารถใช้บริการดูได้
เดี๋ยวมาต่อนะครับ ดูภาพทิ้งท้ายกันไปก่อนเนอะ
[CR] รีวิวไปพม่า กับทัวร์ส่วนตัว!! ทริปทัวร์แบบชิลๆ นึกว่าไปเที่ยวกับเพื่อนครับ
ขอเล่าที่มาของทริปที่ไม่ได้ตั้งใจนี่ก่อนนะครับ ขอแนะนำตัวก่อนว่าผมเองเป็นคนชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ อาจจะเป็นด้วยบ้านผมอยู่เชียงรายติดชายแดนพม่าแค่เดินข้ามสะพานไป ทำให้ผมไม่ค่อยนึกสนใจประเทศนี้เท่าไหร่ แต่คนที่ริเริ่มทริปนี้ขึ้นมาจริงๆเป็นหม่อมแม่ผู้บังเกิดเกล้าของผมเองครับ แม่ดูสารคดีจนซาบซึ้งในความงามเลยร้องขึ้นมาว่าอยากไปเที่ยวพม่า พอแม่อยากไป ก็ต้องจัดให้ครับ!!
พอเริ่มวางแผน ปัญหาแรกก็มาเลยครับและก็เป็นปัญหาที่เป็นที่มาของกระทู้นี้เลย แม่ผมอยากไปทัวร์ครับ แต่ผมไม่ชอบไปทัวร์! เพราะผมเป็นคนชอบอะไรชิลๆไม่ชอบเที่ยวเร่งร้อนแบบทัวร์ แต่หม่อมแม่ผมก็ยืนยันและไม่ยอมง่ายๆจนสุดท้ายลูกชายอย่างผมก็ต้องยอมแพ้บุญคุณค่าน้ำนม ผมเลยลองมานั่งหาทัวร์ในอินเตอร์เน็ทดู(จริงๆก็ดูจากรีวิวตามพันทิปเอานี่แหละครับ) เจอเป็นสิบเลยครับ แต่ไปเจอเจ้านึง เขาขึ้นว่าเป็นทัวร์ส่วนตัว ผมชอบไอ้คำว่า 'ส่วนตัว' เนี่ยแหละก็เลยติดต่อเข้าไป
ติดต่อกันง่ายๆครับ คุยกันง่ายๆเลย เซลล์ที่เราติดต่อชื่อคุณฟ้า คุยดีมากแนะนำทุกอย่าง แนะนำจนสมองตื้อๆของผมเริ่มมีไอเดียขึ้นมาว่าเราอยากไปเที่ยวไหนบ้าง คือทัวร์ที่นี่เป็นทัวร์ที่เน้นกลุ่มเล็ก เป็นทัวร์ที่เราเลือกเองได้หมดว่าอยากได้รถอะไร โรงแรมอะไร แต่ผมก็ไม่ได้เลือกอะไรมากหรอกครับ (เพราะไอ้เราก็ไม่รู้หรอกว่าที่ไหนมันดีไม่ดี) ผมรู้แค่ว่าผมขอจองตั๋วเครื่องบินเองและให้เขาบริการด้านอื่นๆให้ จนสุดท้ายเราตกลงกันที่ ทริป 3 วัน 2 คืน ย่างกุ้ง หงสาวดี อินแขวน จากนั้นก็ยิ่งง่ายเลยครับ พอถึงวันเดินก็พาแม่เก็บกระเป๋า หอบผ้าหอบผ่อนไปพม่ากันล่ะครับ
คือขออนุญาติแจ้งก่อนเลยนะครับ ถ้าใครอยากหาสาระจากรีวิวของผมนั้นหามีไม่ครับ 555 รีวิวการขึ้นรถลงเรือ ค่าแท๊กซี่ก็ไม่มีครับ ประวัติศาสตร์ก็ไม่มีครับเพราะผมหลับตลอดที่ขึ้นรถ เนื้อหาคงไม่ได้ครึ่งรีวิวของท่านอื่นๆ แต่ผมขอรีวิวบรรยากาศ อาหารการกิน สถานที่ที่ผมมั่นใจว่าทัวร์อื่นอาจจะไม่มี หรือแบคแพกเกอร์สามารถแวะไปได้ และมันน่าลองไปเที่ยวดู ลองดูนะครับ
แม้เราจะไปกับทัวร์ แต่ผมจองตั๋วเครื่องบินเองครับ ซึ่งทางทัวร์เขาก็ยินดีเนื่องจากเราไปกรุ๊ปเล็ก ถึงจะให้เขาจองให้ เขาก็จองราคากรุ๊ปทัวร์ไม่ได้อยู่ดี ผมอยากสะสมแต้มของผมด้วยเลยจองเองดีกว่า ผมเลือกใช้บริการสายการบินของแอร์เอเชีย เลือกไฟล์ทตามที่ทางทัวร์แนะนำครับ FD251 06:00 – 7:15 ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดอะไรกันเลยนะครับสำหรับไฟล์ทเช้าขนาดนี้ หลับตั้งแต่เครื่องขึ้นยันเครื่องลง 555 แต่ก็ยังเลือกไฟล์ทนี้เพราะทางทัวร์บอกว่าบินไฟล์ทนี้จะได้เที่ยวคุ้มและค่อยไปนอนในรถเอา
สนามบินพม่าใหญ่กว่าที่ผมคิดไว้นะ(มารู้ทีหลังว่าที่เทอมินอลที่นู้นแบ่งเป็น 2 ตึกตามสายการบิน สำหรับแอร์เอเชียจะอยู่เทอนินอลใหม่ ถ้าใครงงว่าอันไหนใหม่เก่า เทอมินอลใหม่ก็คืออันที่มี KFC อ่ะครับ) เทอมินอลหญ่พอควร มีเคาน์เตอร์ให้บริการตรวจคนเข้าเมืองตั้งยาวเป็นสิบเคาน์เตอร์ แต่มีพนักงานมาทำงานอยู่สองเคาน์เตอร์ หน้าน้องพนักงานดูยังง่วงๆไม่ถามอะไรผมเลย สแตมป์ป๊าบๆละก็ปล่อยผมเข้าประเทศเขามา และแล้วนักท่องเที่ยวหน้ามนคนไทยสี่คนก็ผ่าน ตม มาได้อย่างปลอดภัยครับ
และจังหวะนี่แหละครับคือจังหวะที่ลุ้นกันมาก คือทางทัวร์เขาแจ้งผมว่า น้องไกด์จะถือป้ายชื่อผมยืนรอรับอยู่ที่ทางออก ผมก็รีบชะเง้อก่อนเลย ในใจก็ลุ้นไปด้วยนะ เพราะเราจ่ายเงินเขาไปหมดแล้ว ถ้าไม่มีใครมารับนี่ก็คือโดนลอยแพเป็นต่างด้าวแน่ๆครับ แต่ในที่สุดผมก็โล่งอกครับ ป้ายชื่อผมเด่นหราอยู่ตรงทางออก น้องไกด์ยืนโบกมือรอรับเราอยู่
น้องไกด์ผมชื่อ ‘ข่อง’ เรียกแรกๆจะไม่คุ้นลิ้นเรียกไปๆมาๆก็จะชินครับ ดูยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลยอายุน่าจะ 30 ต้นๆ (เด็กกว่าผมไม่มาก)พูดเก่งมากกกกและบริการก็ดีมากเช่นกันครับ ยิ้มแย้มแจ่มใส ตอบคำถามทุกคำถามของพวกเราแม้คำถามนั้นจะเป็นคำไร้สาระมากก็ตาม ส่วนรถของทัวร์นี้เป็นรถโตโยต้า อัลพาท ใหม่เลยครับ แอร์เย็นฉ่ำ ที่นี่จะใช้รถอัลพาทกันเยอะมาก ราคาถูกกว่าที่บ้านเรา(อาจจะเป็นเพราะเป็นรถมือสองด้วย) คนขับรถเป็นคุณลุงตัวใหญ่ เพราะชื่อพม่าแกออกเสียงยากเหลือเกินครับ ผมเลยขอเรียกแกว่า ‘ลุงสมบูรณ์’ หลังจากเก็บของขึ้นรถกันเรียบร้อย คณะของเราก็เริ่มปุเลงๆออกจากพม่ากัน
เนื่องจากกระทู้นี้เกี่ยวกับทัวร์ ผมจึงขออวยความดีงามของทัวร์ส่วนตัวนิดนึง คืออย่างน้อยผมก็ไม่ต้องรอใคร (ผมเป็นคนมีความอดทนต่ำมากครับ จึงชอบเที่ยวเองตลอด) ไม่ต้องรออาม่าอากง ไม่ต้องเดินตามธง ไม่ต้องรอคนวิ่งไปเข้าห้องน้ำ คือทั้งคณะมีแค่ ผม แม่ น้องข้างบ้าน และก็คุณแม่น้อง รู้สึกตัวเองโค ตะ ระ จะ VIP เลยครับ ผมบอกว่าผมปวดฉี่อยากเขาห้องน้ำ น้องข่องก็สั่งให้ลุงสมบูรณ์เลี้ยวหาห้องน้ำเลย ทำให้เราได้เจอกับที่เข้าห้องน้ำที่ดีงามมากครับระหว่างการเดินทางไปเมืองหงสาวดี แนะนำให้ทุกคนไปแวะพักกันได้ครับ
เราแวะพักเข้าห้องน้ำกันที่ Resort Shwe Pyi (รีสอร์ทชเวบี) เหมือนจะเป็นร้านอาหารผสมร้านกาแฟผสมที่ท่องเที่ยว ร้านหรูทีเดียวครับ พื้นที่หลังร้าน (ยาวไปอีกร้อยๆไร่ ว่ากันว่าเป็นที่ดินของเศรษฐีพม่า) มีเครื่องบินขนาดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป มีโรงไม้แกะสลัก มีสระน้ำ มีสวนเดินเข้าไปเที่ยวได้อีก ข่องบอกว่านั่งรถกอล์ฟเที่ยวได้แต่ต้องใช้เวลาทั้งวันในการเดิน หลังจากเข้าห้องน้ำ กินชา เป็นครั้งแรกที่ได้ลองชาพม่าครับ อร่อยกว่าที่คิด หวานๆ มันๆ ปะแล่มๆไม่เหมือนชาไทย แต่อร่อยอยู่ครับ (เห็นมั้ยครับ ได้พักกินกาแฟด้วย ชิลๆ)
ขอบอกว่าถนนพม่านี่สุดติ่งจริงๆครับ ไม่มีตรงไหนเลยที่มันเรียบ ในย่างกุ้งไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ครับ แต่พอออกต่างจังหวัดมาจะเริ่มเห็น ซึ่งมอเตอร์ไซค์พวกนี้เขาไม่ขับแอบๆกันเหมือนบ้านเรานะครับ นู้นครับ!! ขับกันติดเกาะกลางเลย เห็นแล้วเสียวว่าจะโดนเฉี่ยวไปกิน ระยะทางจากย่างกุ้งมายังเมืองหงสาวดีหรือที่ภาษาพม่าเรียกว่าเมือง พะโค (Bago) [ปวศ: คือว่าเหมือนว่ามันจะจากเมือง hanthawadi ซึ่งเป็นชื่อของนกสาริกาครับ]นั้นไม่ไกลเลยครับ ดูจากกูเกิ้ลแมพก็แค่ร้อยกว่ากิโล แต่เพราะไอ้ถนนหง่อกแหง่กนี่แหละ ทำให้เราใช้เวลากันไปกว่าสามชั่วโมง ซึ่งน้องข่องบอกว่าเป็นปกติสำหรับเวลาการเดินทางเท่านี้
และเราก็เริ่มเข้าเขตเมืองหงสาวดีครับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แรกที่เราแวะไปคือพระนอนชเวตาเลียว เขาว่ากันว่าเป็นพระนอนที่สวยที่สุดของพวกมอญ ผมทึ่งคือทึ่งในความใหญ่ขององค์พระมากกว่า ใหญ่มากกกก ศิลปะตกแต่งก็สวยงาม และสิ่งที่ผมชอบมากตั้งแต่มาที่นี่ก็คือช่อดอกไม้ที่คนพม่าเขาใช้ไหว้พระนี่แหละครับ มันไม่ได้เป็นพวงมาลัยเหมือนบ้านเรา แต่มันมาเป็นช่อเลยครับ ผมชอบที่มันเป็นสีเขียวๆ มีต้นอะไรบ้างก็ไม่รู้ รู้แต่อยากเก็บกลับเมืองไทยมากแต่ก็ทำไม่ได้
เราไหว้พระกันไม่นานหรอกครับ แต่เสียเวลานานไปกับการช๊อปปิ้งตามร้านค้าที่มีเป็นสิบๆร้านตามทางลงของพระนอนมากกว่า คุณนายแม่บังเกิดเกล้าของผมปรี่ไปหาร้านผ้าถุงทันทีเพราะคุณนายท่านไม่ได้พกมาจากเมืองไทย ท่านบอกว่ามาพม่าก็ต้องใส่ผ้าถุงพม่าสิ ซึ่งน้องคนขายก็ใจดีมาก รื้อออกมาให้คุณแม่ผมเลือกทั้งร้าน ผมเองก็ได้มาผืนนึงจากการบังคับครับ
ดูรวยมั้ยครับ 555
จากนั้นเราก็ไปทานข้าวกันครับ อาหารมื้อแรกที่พม่าเป็นร้านอาหารพม่าฟิวชั่น ข่องบอกว่าสั่งอาหารเซ็ทเมนูไว้ให้แล้ว พอมาถึง...อาหารร้อนๆก็วางรออยู่แล้วว (ประทับใจสุดๆ ถึงปุ๊บได้กินปั๊บ เพราะหิวตาลายมากๆ) ร้านนี้ชื่อร้าน Golden key มีแอร์ให้นั่งครับ ห้องน้ำก็สะอาด หน้าตาอาหารโอเคเลย (ตามภาพ) ส่วนรสชาติ...มันอร่อยกว่าที่ผมคิดไว้ครับ!! อ่านรีวิวมาผ่านๆ เขาบอกว่าให้ระวังอาหารพม่าไว้หน่อยเพราะไม่ค่อยสะอาด แต่อาหารที่ร้านนี้ดีเลยรสชาติโอเคย มีเผ็ด เค็ม หวาน เปรี้ยว ครบหมด หรือถ้าใครบางคนกลัวจริงๆ อย่างน้อยก็มีไข่เจียว ไม่อดตายครับ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็ออกเดินทางสู่เมืองไจ๊โท บนเส้นทางที่ซำงอกซำแง่กเหมือนเดิมครับ ขับมาไกลพอควร คุณลุงสมบูรณ์ขับเฟี้ยวฟ้าวดูชินทางมากทีเดียว เราเดินทางมาถึงที่ที่เรียกว่าคิ้มปูนแคมป์ตอนประมานห้าโมงเย็นแล้วครับ ข่องแจ้งให้เราทราบว่ารถอัลพาทส่วนตัวของเราจะขึ้นไปบนพระธาตุไม่ได้ จำเป็นต้องเปลี่ยนรถเป็นรถเฉพาะสำหรับขึ้นพระธาตุที่คิ้มปูนแคมป์ ซึ่งลักษณะที่นี่ก็เหมือน บขส. บ้านเราแหละครับ แต่เป็นบขส.รถขนหมูที่มีปลายทางที่เดียวกันหมดคือขึ้นพระธาตุอินแขวน และเป็น บขส. ที่ งง ที่สุดในสามโลก เพราะไม่มีคนขายตั๋ว ไม่มีคิวรถ มีแต่คนวิ่งเฮกันไปขึ้นรถที่มันว่างๆ ไม่รู้ว่าเขาจัดระเบียบกันยังไง
แต่สบายหน่อยเพราะข่องจองรถไว้ให้เราแล้ว มันคือรถขนหมูดีๆนั่นเอง เป็นรถหกล้อคันเล็กที่มีไม้พาดเพื่อทำเป็นที่นั่ง คันนึงนั่งได้สักเกือบสิบแถว บางคันมีหลังคาบางคันไม่มี พวกผมโชคดีหน่อยเพราะว่าน้องข่องจองให้นั่งข้างหน้าคู่กับคนขับเลย มีแอร์ด้วย นั่งข้างหน้าคนนึง อีกสามคนนั่งเบาะหลัง ส่วนไกด์ไปนั่งส่วนบรรทุกด้านหลัง ถือว่าได้ที่นั่งสบายเลยครับ
ถ้าใครยังไม่เคยนั่งรถขึ้นพระธาตุอินแขวนแล้วอยากจะซ้อมนั่ง รถไฟเหาะที่ดรีมเวิลด์อาจจะพอช่วยคุณได้ แม่มมมโคตะระจะหวาดเสียวเลยครับ และความเสียวมันจะยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อคุณเห็นว่าคนขับหน้านิ่งมากในจังหวะที่แกเลี้ยวบนโค้งหักศอก 355° หน้าพวกผมนี่แทบจะชนกับภูเขาห่างไม่เกินเมตรหนึ่ง โอ้โห! อยากบอกว่าทางขึ้นมันสุดใจจริงๆ เขาคิชกูฏบ้านเราชิดซ้าย ปายแม่ฮ่องสอนชิดขวา ถนนก็เป็นทางโค้งเล็กๆย่อยๆไต่ขึ้นไปบนเขาตลอดเวลา คือมันจะไม่น่ากลัวอะไรหรอกครับถ้าพวกพี่เขาขับกันช้าๆ ดีๆ แต่นี่ซิ่งกันหน้านิ่งความเร็วพอๆกับหนังเรื่อง fast 8 บอกได้คำเดียวว่าผมเกร็งจนเมื่อยครับ สภาพก็เป็นตามรูปครับ
แต่ในที่สุดด้วยฝีมือระดับพระกาฬของพี่คนขับ พวกเราก็มาถึงยอดพระธาตุโดยสวัสดิภาพ พอลงรถมาได้ก็จะต้องฝ่าดงพี่ๆน้องๆที่มาอาสาช่วยรับขนของพร้อมส่งเสียงเย้วๆขอค่าบริการ แต่พวกเราไม่ได้ใช้บริการอะไรเพราะกระเป๋าพวกเราไม่ได้หนักมาก ขอแนะนำนะครับสำหรับผู้สูงอายุ ที่นี่มีบริการเสลี่ยงให้นั่งค่าเช่าประมานหนึ่งร้อยบาท ซึ่งโอเคเลยนะครับไม่น่ากลัว สามารถใช้บริการดูได้
เดี๋ยวมาต่อนะครับ ดูภาพทิ้งท้ายกันไปก่อนเนอะ