[CR] รีวิวไปพม่า กับทัวร์ส่วนตัว!! ทริปทัวร์แบบชิลๆ นึกว่าไปเที่ยวกับเพื่อนครับ

รีวิวนี้เพราะสำหรับนักท่องเที่ยวรักสบายครับ  มาไปพม่าแบบชิลๆกันครับ

ขอเล่าที่มาของทริปที่ไม่ได้ตั้งใจนี่ก่อนนะครับ  ขอแนะนำตัวก่อนว่าผมเองเป็นคนชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ อาจจะเป็นด้วยบ้านผมอยู่เชียงรายติดชายแดนพม่าแค่เดินข้ามสะพานไป ทำให้ผมไม่ค่อยนึกสนใจประเทศนี้เท่าไหร่  แต่คนที่ริเริ่มทริปนี้ขึ้นมาจริงๆเป็นหม่อมแม่ผู้บังเกิดเกล้าของผมเองครับ  แม่ดูสารคดีจนซาบซึ้งในความงามเลยร้องขึ้นมาว่าอยากไปเที่ยวพม่า  พอแม่อยากไป ก็ต้องจัดให้ครับ!!

พอเริ่มวางแผน ปัญหาแรกก็มาเลยครับและก็เป็นปัญหาที่เป็นที่มาของกระทู้นี้เลย  แม่ผมอยากไปทัวร์ครับ แต่ผมไม่ชอบไปทัวร์! เพราะผมเป็นคนชอบอะไรชิลๆไม่ชอบเที่ยวเร่งร้อนแบบทัวร์  แต่หม่อมแม่ผมก็ยืนยันและไม่ยอมง่ายๆจนสุดท้ายลูกชายอย่างผมก็ต้องยอมแพ้บุญคุณค่าน้ำนม ผมเลยลองมานั่งหาทัวร์ในอินเตอร์เน็ทดู(จริงๆก็ดูจากรีวิวตามพันทิปเอานี่แหละครับ) เจอเป็นสิบเลยครับ  แต่ไปเจอเจ้านึง  เขาขึ้นว่าเป็นทัวร์ส่วนตัว  ผมชอบไอ้คำว่า 'ส่วนตัว' เนี่ยแหละก็เลยติดต่อเข้าไป  

ติดต่อกันง่ายๆครับ คุยกันง่ายๆเลย  เซลล์ที่เราติดต่อชื่อคุณฟ้า คุยดีมากแนะนำทุกอย่าง  แนะนำจนสมองตื้อๆของผมเริ่มมีไอเดียขึ้นมาว่าเราอยากไปเที่ยวไหนบ้าง คือทัวร์ที่นี่เป็นทัวร์ที่เน้นกลุ่มเล็ก เป็นทัวร์ที่เราเลือกเองได้หมดว่าอยากได้รถอะไร โรงแรมอะไร  แต่ผมก็ไม่ได้เลือกอะไรมากหรอกครับ (เพราะไอ้เราก็ไม่รู้หรอกว่าที่ไหนมันดีไม่ดี)  ผมรู้แค่ว่าผมขอจองตั๋วเครื่องบินเองและให้เขาบริการด้านอื่นๆให้ จนสุดท้ายเราตกลงกันที่ ทริป 3 วัน 2 คืน ย่างกุ้ง หงสาวดี อินแขวน    จากนั้นก็ยิ่งง่ายเลยครับ  พอถึงวันเดินก็พาแม่เก็บกระเป๋า  หอบผ้าหอบผ่อนไปพม่ากันล่ะครับ
คือขออนุญาติแจ้งก่อนเลยนะครับ  ถ้าใครอยากหาสาระจากรีวิวของผมนั้นหามีไม่ครับ 555  รีวิวการขึ้นรถลงเรือ ค่าแท๊กซี่ก็ไม่มีครับ ประวัติศาสตร์ก็ไม่มีครับเพราะผมหลับตลอดที่ขึ้นรถ เนื้อหาคงไม่ได้ครึ่งรีวิวของท่านอื่นๆ  แต่ผมขอรีวิวบรรยากาศ อาหารการกิน  สถานที่ที่ผมมั่นใจว่าทัวร์อื่นอาจจะไม่มี  หรือแบคแพกเกอร์สามารถแวะไปได้  และมันน่าลองไปเที่ยวดู ลองดูนะครับ

วันที่ 1 [ ย่างกุ้ง – หงสาวดี – อินแขวน ]

แม้เราจะไปกับทัวร์  แต่ผมจองตั๋วเครื่องบินเองครับ  ซึ่งทางทัวร์เขาก็ยินดีเนื่องจากเราไปกรุ๊ปเล็ก ถึงจะให้เขาจองให้  เขาก็จองราคากรุ๊ปทัวร์ไม่ได้อยู่ดี  ผมอยากสะสมแต้มของผมด้วยเลยจองเองดีกว่า  ผมเลือกใช้บริการสายการบินของแอร์เอเชีย  เลือกไฟล์ทตามที่ทางทัวร์แนะนำครับ FD251 06:00 – 7:15  ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดอะไรกันเลยนะครับสำหรับไฟล์ทเช้าขนาดนี้  หลับตั้งแต่เครื่องขึ้นยันเครื่องลง 555  แต่ก็ยังเลือกไฟล์ทนี้เพราะทางทัวร์บอกว่าบินไฟล์ทนี้จะได้เที่ยวคุ้มและค่อยไปนอนในรถเอา

สนามบินพม่าใหญ่กว่าที่ผมคิดไว้นะ(มารู้ทีหลังว่าที่เทอมินอลที่นู้นแบ่งเป็น 2 ตึกตามสายการบิน  สำหรับแอร์เอเชียจะอยู่เทอนินอลใหม่  ถ้าใครงงว่าอันไหนใหม่เก่า  เทอมินอลใหม่ก็คืออันที่มี KFC อ่ะครับ)  เทอมินอลหญ่พอควร  มีเคาน์เตอร์ให้บริการตรวจคนเข้าเมืองตั้งยาวเป็นสิบเคาน์เตอร์  แต่มีพนักงานมาทำงานอยู่สองเคาน์เตอร์  หน้าน้องพนักงานดูยังง่วงๆไม่ถามอะไรผมเลย  สแตมป์ป๊าบๆละก็ปล่อยผมเข้าประเทศเขามา  และแล้วนักท่องเที่ยวหน้ามนคนไทยสี่คนก็ผ่าน ตม มาได้อย่างปลอดภัยครับ  

และจังหวะนี่แหละครับคือจังหวะที่ลุ้นกันมาก  คือทางทัวร์เขาแจ้งผมว่า น้องไกด์จะถือป้ายชื่อผมยืนรอรับอยู่ที่ทางออก  ผมก็รีบชะเง้อก่อนเลย ในใจก็ลุ้นไปด้วยนะ เพราะเราจ่ายเงินเขาไปหมดแล้ว  ถ้าไม่มีใครมารับนี่ก็คือโดนลอยแพเป็นต่างด้าวแน่ๆครับ  แต่ในที่สุดผมก็โล่งอกครับ  ป้ายชื่อผมเด่นหราอยู่ตรงทางออก  น้องไกด์ยืนโบกมือรอรับเราอยู่

น้องไกด์ผมชื่อ ‘ข่อง’    เรียกแรกๆจะไม่คุ้นลิ้นเรียกไปๆมาๆก็จะชินครับ  ดูยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลยอายุน่าจะ 30 ต้นๆ (เด็กกว่าผมไม่มาก)พูดเก่งมากกกกและบริการก็ดีมากเช่นกันครับ  ยิ้มแย้มแจ่มใส  ตอบคำถามทุกคำถามของพวกเราแม้คำถามนั้นจะเป็นคำไร้สาระมากก็ตาม ส่วนรถของทัวร์นี้เป็นรถโตโยต้า อัลพาท  ใหม่เลยครับ แอร์เย็นฉ่ำ  ที่นี่จะใช้รถอัลพาทกันเยอะมาก  ราคาถูกกว่าที่บ้านเรา(อาจจะเป็นเพราะเป็นรถมือสองด้วย)  คนขับรถเป็นคุณลุงตัวใหญ่ เพราะชื่อพม่าแกออกเสียงยากเหลือเกินครับ  ผมเลยขอเรียกแกว่า ‘ลุงสมบูรณ์’  หลังจากเก็บของขึ้นรถกันเรียบร้อย  คณะของเราก็เริ่มปุเลงๆออกจากพม่ากัน


เนื่องจากกระทู้นี้เกี่ยวกับทัวร์  ผมจึงขออวยความดีงามของทัวร์ส่วนตัวนิดนึง  คืออย่างน้อยผมก็ไม่ต้องรอใคร (ผมเป็นคนมีความอดทนต่ำมากครับ จึงชอบเที่ยวเองตลอด) ไม่ต้องรออาม่าอากง ไม่ต้องเดินตามธง ไม่ต้องรอคนวิ่งไปเข้าห้องน้ำ คือทั้งคณะมีแค่ ผม แม่ น้องข้างบ้าน และก็คุณแม่น้อง  รู้สึกตัวเองโค ตะ ระ จะ VIP เลยครับ  ผมบอกว่าผมปวดฉี่อยากเขาห้องน้ำ  น้องข่องก็สั่งให้ลุงสมบูรณ์เลี้ยวหาห้องน้ำเลย   ทำให้เราได้เจอกับที่เข้าห้องน้ำที่ดีงามมากครับระหว่างการเดินทางไปเมืองหงสาวดี แนะนำให้ทุกคนไปแวะพักกันได้ครับ  

เราแวะพักเข้าห้องน้ำกันที่ Resort Shwe Pyi (รีสอร์ทชเวบี) เหมือนจะเป็นร้านอาหารผสมร้านกาแฟผสมที่ท่องเที่ยว ร้านหรูทีเดียวครับ  พื้นที่หลังร้าน (ยาวไปอีกร้อยๆไร่ ว่ากันว่าเป็นที่ดินของเศรษฐีพม่า) มีเครื่องบินขนาดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป  มีโรงไม้แกะสลัก  มีสระน้ำ มีสวนเดินเข้าไปเที่ยวได้อีก  ข่องบอกว่านั่งรถกอล์ฟเที่ยวได้แต่ต้องใช้เวลาทั้งวันในการเดิน  หลังจากเข้าห้องน้ำ กินชา เป็นครั้งแรกที่ได้ลองชาพม่าครับ อร่อยกว่าที่คิด หวานๆ มันๆ ปะแล่มๆไม่เหมือนชาไทย แต่อร่อยอยู่ครับ (เห็นมั้ยครับ ได้พักกินกาแฟด้วย ชิลๆ)


ขอบอกว่าถนนพม่านี่สุดติ่งจริงๆครับ ไม่มีตรงไหนเลยที่มันเรียบ ในย่างกุ้งไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ครับ แต่พอออกต่างจังหวัดมาจะเริ่มเห็น  ซึ่งมอเตอร์ไซค์พวกนี้เขาไม่ขับแอบๆกันเหมือนบ้านเรานะครับ  นู้นครับ!! ขับกันติดเกาะกลางเลย  เห็นแล้วเสียวว่าจะโดนเฉี่ยวไปกิน  ระยะทางจากย่างกุ้งมายังเมืองหงสาวดีหรือที่ภาษาพม่าเรียกว่าเมือง พะโค (Bago) [ปวศ: คือว่าเหมือนว่ามันจะจากเมือง hanthawadi ซึ่งเป็นชื่อของนกสาริกาครับ]นั้นไม่ไกลเลยครับ  ดูจากกูเกิ้ลแมพก็แค่ร้อยกว่ากิโล  แต่เพราะไอ้ถนนหง่อกแหง่กนี่แหละ  ทำให้เราใช้เวลากันไปกว่าสามชั่วโมง  ซึ่งน้องข่องบอกว่าเป็นปกติสำหรับเวลาการเดินทางเท่านี้

และเราก็เริ่มเข้าเขตเมืองหงสาวดีครับ  สิ่งศักดิ์สิทธิ์แรกที่เราแวะไปคือพระนอนชเวตาเลียว เขาว่ากันว่าเป็นพระนอนที่สวยที่สุดของพวกมอญ  ผมทึ่งคือทึ่งในความใหญ่ขององค์พระมากกว่า ใหญ่มากกกก ศิลปะตกแต่งก็สวยงาม  และสิ่งที่ผมชอบมากตั้งแต่มาที่นี่ก็คือช่อดอกไม้ที่คนพม่าเขาใช้ไหว้พระนี่แหละครับ มันไม่ได้เป็นพวงมาลัยเหมือนบ้านเรา  แต่มันมาเป็นช่อเลยครับ ผมชอบที่มันเป็นสีเขียวๆ มีต้นอะไรบ้างก็ไม่รู้  รู้แต่อยากเก็บกลับเมืองไทยมากแต่ก็ทำไม่ได้



เราไหว้พระกันไม่นานหรอกครับ  แต่เสียเวลานานไปกับการช๊อปปิ้งตามร้านค้าที่มีเป็นสิบๆร้านตามทางลงของพระนอนมากกว่า  คุณนายแม่บังเกิดเกล้าของผมปรี่ไปหาร้านผ้าถุงทันทีเพราะคุณนายท่านไม่ได้พกมาจากเมืองไทย  ท่านบอกว่ามาพม่าก็ต้องใส่ผ้าถุงพม่าสิ  ซึ่งน้องคนขายก็ใจดีมาก รื้อออกมาให้คุณแม่ผมเลือกทั้งร้าน ผมเองก็ได้มาผืนนึงจากการบังคับครับ  


ดูรวยมั้ยครับ 555

จากนั้นเราก็ไปทานข้าวกันครับ  อาหารมื้อแรกที่พม่าเป็นร้านอาหารพม่าฟิวชั่น  ข่องบอกว่าสั่งอาหารเซ็ทเมนูไว้ให้แล้ว  พอมาถึง...อาหารร้อนๆก็วางรออยู่แล้วว (ประทับใจสุดๆ ถึงปุ๊บได้กินปั๊บ เพราะหิวตาลายมากๆ)  ร้านนี้ชื่อร้าน Golden key มีแอร์ให้นั่งครับ ห้องน้ำก็สะอาด หน้าตาอาหารโอเคเลย (ตามภาพ)  ส่วนรสชาติ...มันอร่อยกว่าที่ผมคิดไว้ครับ!!  อ่านรีวิวมาผ่านๆ เขาบอกว่าให้ระวังอาหารพม่าไว้หน่อยเพราะไม่ค่อยสะอาด  แต่อาหารที่ร้านนี้ดีเลยรสชาติโอเคย มีเผ็ด เค็ม หวาน เปรี้ยว ครบหมด  หรือถ้าใครบางคนกลัวจริงๆ  อย่างน้อยก็มีไข่เจียว ไม่อดตายครับ


หลังจากกินข้าวเสร็จ  เราก็ออกเดินทางสู่เมืองไจ๊โท บนเส้นทางที่ซำงอกซำแง่กเหมือนเดิมครับ ขับมาไกลพอควร คุณลุงสมบูรณ์ขับเฟี้ยวฟ้าวดูชินทางมากทีเดียว  เราเดินทางมาถึงที่ที่เรียกว่าคิ้มปูนแคมป์ตอนประมานห้าโมงเย็นแล้วครับ  ข่องแจ้งให้เราทราบว่ารถอัลพาทส่วนตัวของเราจะขึ้นไปบนพระธาตุไม่ได้  จำเป็นต้องเปลี่ยนรถเป็นรถเฉพาะสำหรับขึ้นพระธาตุที่คิ้มปูนแคมป์  ซึ่งลักษณะที่นี่ก็เหมือน บขส. บ้านเราแหละครับ  แต่เป็นบขส.รถขนหมูที่มีปลายทางที่เดียวกันหมดคือขึ้นพระธาตุอินแขวน  และเป็น บขส. ที่ งง ที่สุดในสามโลก  เพราะไม่มีคนขายตั๋ว ไม่มีคิวรถ มีแต่คนวิ่งเฮกันไปขึ้นรถที่มันว่างๆ  ไม่รู้ว่าเขาจัดระเบียบกันยังไง

แต่สบายหน่อยเพราะข่องจองรถไว้ให้เราแล้ว มันคือรถขนหมูดีๆนั่นเอง เป็นรถหกล้อคันเล็กที่มีไม้พาดเพื่อทำเป็นที่นั่ง  คันนึงนั่งได้สักเกือบสิบแถว บางคันมีหลังคาบางคันไม่มี  พวกผมโชคดีหน่อยเพราะว่าน้องข่องจองให้นั่งข้างหน้าคู่กับคนขับเลย มีแอร์ด้วย นั่งข้างหน้าคนนึง อีกสามคนนั่งเบาะหลัง   ส่วนไกด์ไปนั่งส่วนบรรทุกด้านหลัง  ถือว่าได้ที่นั่งสบายเลยครับ

ถ้าใครยังไม่เคยนั่งรถขึ้นพระธาตุอินแขวนแล้วอยากจะซ้อมนั่ง รถไฟเหาะที่ดรีมเวิลด์อาจจะพอช่วยคุณได้ แม่มมมโคตะระจะหวาดเสียวเลยครับ  และความเสียวมันจะยิ่งเพิ่มขึ้น  เมื่อคุณเห็นว่าคนขับหน้านิ่งมากในจังหวะที่แกเลี้ยวบนโค้งหักศอก 355° หน้าพวกผมนี่แทบจะชนกับภูเขาห่างไม่เกินเมตรหนึ่ง  โอ้โห! อยากบอกว่าทางขึ้นมันสุดใจจริงๆ  เขาคิชกูฏบ้านเราชิดซ้าย ปายแม่ฮ่องสอนชิดขวา  ถนนก็เป็นทางโค้งเล็กๆย่อยๆไต่ขึ้นไปบนเขาตลอดเวลา คือมันจะไม่น่ากลัวอะไรหรอกครับถ้าพวกพี่เขาขับกันช้าๆ ดีๆ  แต่นี่ซิ่งกันหน้านิ่งความเร็วพอๆกับหนังเรื่อง fast 8  บอกได้คำเดียวว่าผมเกร็งจนเมื่อยครับ สภาพก็เป็นตามรูปครับ


แต่ในที่สุดด้วยฝีมือระดับพระกาฬของพี่คนขับ  พวกเราก็มาถึงยอดพระธาตุโดยสวัสดิภาพ  พอลงรถมาได้ก็จะต้องฝ่าดงพี่ๆน้องๆที่มาอาสาช่วยรับขนของพร้อมส่งเสียงเย้วๆขอค่าบริการ  แต่พวกเราไม่ได้ใช้บริการอะไรเพราะกระเป๋าพวกเราไม่ได้หนักมาก  ขอแนะนำนะครับสำหรับผู้สูงอายุ  ที่นี่มีบริการเสลี่ยงให้นั่งค่าเช่าประมานหนึ่งร้อยบาท  ซึ่งโอเคเลยนะครับไม่น่ากลัว สามารถใช้บริการดูได้  


เดี๋ยวมาต่อนะครับ ดูภาพทิ้งท้ายกันไปก่อนเนอะ
ชื่อสินค้า:   ทัวร์พม่า
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่