Mitsumine shrine เที่ยววันหยุดตามสไตล์คุณลุงญี่ปุ่น


เราเรียนอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (Thai-Nichi Institute of Technology : TNI) คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ International Business (IB) เราเป็นเด็กที่หลงรักญี่ปุ่นมากและเคยขอทุนสถาบันไปฮอกไกโดมาแล้ว 1 ครั้ง ใครสนใจเข้ามาอ่านกระทู้ที่เราเคยแชร์ประสบการณ์ไว้ได้นะ (ขายของ) https://pantip.com/topic/37566889

ครั้งนี้เราได้ทุนมาฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่นของโครงการ Internship Program in Japan By JTECS (Japan-Thailand Economic Cooperation Society) เรามาบอกทุนคร่าวๆที่เราได้จากโครงการนี้ก่อนคือ สถาบันจะเป็นคนหาที่ฝึกงานให้เราเราจะไม่สามารถเลือกบริษัทได้หลังจากผ่านการคัดเลือกแล้วรู้ตัวอีกทีก็คือสถาบันจะติดต่อมาบอกว่าได้ฝึกที่บริษัทอะไร เราจะได้เงิน 2200 เยน/วัน ที่อยู่ในญี่ปุ่น บริษัทจะเป็นคนจัดการเรื่องหอพักให้ฟรี(ส่วนเรื่องทีวี wifi ครัว ฯลฯ แต่ละหอไม่เหมือนกันอันนี้ก็เหมือนเสี่ยงดวงกันไป ) แล้วเราก็จะได้ค่าเดินทางตามจำนวนที่บริษัทวางแพลนไว้ให้ว่าเราไปกลับที่ทำงานยังไง คร่าวๆก็จะประมาณนี้นะ

อะๆ พอแล้วเนอะไปเที่ยวกันดีกว่า ปกติเวลาวันหยุดคนส่วนมากก็จะไปห้างสรรพสินค้าซื้อของช็อปปิ้ง แต่คนญี่ปุ่นวัยกลางคนไปจนถึงสูงวัยเขาไม่ค่อยไปที่คนเยอะแบบนี้กันแล้ว เขาชอบไป กางเตนท์ ไปเดินเขา ! เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เนินเขา ภูเขาเยอะทั้งเตี้ยทั้งสูงและโดยพื้นฐานคนญี่ปุ่นเป็นคนชอบเดินอยู่แล้ว ใส่ใจสุขภาพมากเว่อ และใช่แล้วค่ะ ทางเราโดนพาไปเดินเขา! ปกติเคยแต่นั่งรถขึ้นเขา นี่ฉันจะต้องมาเดินเขาจริงๆหรอเนี่ย!!!!

เราไป三峰神社(Mitsumine shrine)เมืองชิชิบุ  จังหวัดไซตะมะ



เรานั่งรถไฟจาก Ikebukuro ใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่งมีความแอบนานแค่นั่งรถไฟก็เปื่อยแล้ว แต่ว่าชานชะลาที่จะออกคือต้องเป็นตั๋วเท่านั้น บัตร Pasmo  ส่วนบัตร Suica ที่คนญี่ปุ่นนิยมใช้กันจะใช้กับที่นี่ไม่ได้ก็ต้องไปจ่ายเงินค่าตั๋วกันที่ชานชาลา พอออกจากชานชาลามาฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่รอขึ้นรถบัสที่ไปศาลเจ้าที่เราจะไป แต่มากับสายลุย บัสเราไม่ขึ้นเราจะเดินขึ้นเขากันเอง! แบ่งส่วนเดินเป็น 2 ท่อน ท่อนแรกคือเดินจากสถานีรถไฟไปทางเข้าวัด ท่อนนี้จะเป็นเดินบนถนนที่รถวิ่งก็จะสบายๆหน่อยเพราะเป็นทางเรียบใช้เวลาเดินประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็ยังชิลนะ คือเราไปตอนต้นเดือนพฤษภาคม ก็แดดแรงแต่อากาศเย็นๆตามประสาฤดูใบไม้ผลิ อากาศก็เลยไม่ค่อยร้อนแค่แดดแรง





พอเดินเข้าทางเข้าวัดมาจะมีร้านคุณยายขายของอยู่  เราเลยแอบขอคุณยายเข้าห้องน้ำ คุณยายคุยเก่งเว่อคุยกันไป 15-20 นาที รูปด้านล่างเป็นของที่คุณยายขายและบรรยากาศในร้าน ถ้าใครเดินขึ้นมาเหนื่อยๆมาแวะคุยกับคุณยายก่อนเดินต่อก็ได้นะ

    





ได้เวลาลุยต่อแล้ว! ทางต่อจากนี้สิของจริงไรจริง ทั้งไกล ทั้งชัน ไกลเนี่ยก็ไม่ค่อยเป็นปัญหาหรอกนะ แต่ความชันนี่สิเล่นเอาขาพับขาอ่อนกันเป็นแถวๆ พอข้ามสะพานจากร้านคุณยายมาแล้วก็จะเป็นต้นไม่เยอะทำให้บังแดดได้ อากาศตอนเริ่มเดินแรกก็กำลังสบายๆอยู่หรอกนะ แต่เดินกันไป เดินกันไป เหงื่อไหลไคลย้อย แหมะๆกันเลยทีเดียว ช่วงแรกๆก็จะยังตื่นเต้นกับวิวโดยรอบที่มีความร่มรื่นสวยงามเดินเพลินๆกันไป


    





หมดความเพลิดเพลินก็เริ่มเข้าสู่ความอ่อนล้า ด้วยความชันที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ขาเริ่มอ่อนแรงแต่ว่าเขาก็จะมีเก้าอี้เป็นจุดพักเหนื่อยเป็นระยะๆ พร้อมมีป้ายคอยบอกว่าเดินมาแล้วกี่กิโลฯ แล้วยังเหลืออีกกี่กิโลฯ แรกๆเห็นมันก็จะต้อแต้หน่อยๆ เพราะเดินยังไงก็ยังดูเหลืออีกไกลแต่พอใกล้ถึงตัวเลขเริ่มน้อยลงเรื่อยๆแรงก็จะฮึดขึ้นมาอีกครั้ง


    


ถึงแล้ว!!!!!
    



    

เราไปช่วงวันหยุดยาวคนรอต่อแถวเข้าศาลเจ้าเยอะเหมือนกัน หลังจากไหว้เสร็จก็ได้เวลาหาของกิน ><
“หมด” นี่คือคำตอบที่ได้จากคนขาย เศร้าแท้เน้อเดินมาสามชั่วโมงครึ่งคิดว่าขึ้นมาจะได้กินของอร่อยๆ หมดกันความฝันของหมูๆอย่างเรา บัสกำลังจะมา! เศร้ายังไม่ทันหายนี่คือคำพูดต่อมาจากเพื่อนร่วมงาน เราตกลงกันไว้แล้วว่าจะเดินขึ้นและนั่งบัสลงเพราะถ้าลงด้วยน่าจะเป็นลมอยู่กลางป่า ถ้าไม่ทันบัสรอบนี้ต้องรออีกเกือบสองชั่วโมงซึ่งไม่มีข้าวกิน ถ้าจะต้องรอบัสอีกชีวิตก็จะเศร้าไป เลยตกลงกันว่าจะไปให้ทันบัสรอบนี้แต่พอดีมีร้านมันย่างอยู่เลยจัดไปคนละหนึ่งไม้แล้วรีบเดินไปรอบัส



พอกินเสร็จรีบลงไปรอบัสแต่คือ คนเยอะมากกกกกกกก บัสจะมารอบละ 2 คันแต่คนต่อแถว น่าจะประมาณ 80กว่าคน เพราะบัส 2 คันทั่งนั่งเก้าอีกทั้งยืนโหนกันไปยังแน่นทั้งคัน โหนบัสลงมาอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่งขาแทบจะไม่มีแรงอยู่แล้วเลยรีบหาของกินลงท้องทันที ใกล้ๆสถานีมีร้านขายเนื้อย่างก็ไม่รอช้าอยู่ใยจัดการโลดด ก็คือหิวจนรูปอะไรไม่ถ่ายแล้ว รูปนี้ก็แอบจิ๊กจากคนที่ทำงานมาซึ่งมีอยู่รูปเดียวเพราะทุกคนสนใจแต่เนื้อ



หลังจากเติมของกินใส่ท้องก็ได้เวลาต้องเดินทางกลับแล้ว ขากลับนี่ก็หลับกันคอพับคอตกกันจนถึงโตเกียวเลย




สิ่งที่ต้องเตรียมจากทริปนี้คือ น้ำอย่างน้อย 2 ขวด / ผ้าเช็ดเหงื่อ / ใส่รองเท้าผ้าใบที่ถนัดไป / คนญี่ปุ่นจะเอาไม่ที่ถือตอนเดินป่าไปด้วย / ลูกอมเอย ช็อกโกแลตเอย ไว้เติมพลังระหว่างทาง / สิ่งสุดท้ายที่จะขาดไม่ได้เลยคือความแข็งแกร่งของร่างกาย !



หวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับการเดินเขาครั้งแรกของเรานะ เราว่าชิชิบุเป็นเมืองที่ดีเลย นอกจากเดินเขาก็มีกิจกรรมอย่างอื่นอีกมากมายแต่จะออกแนวแอดแวนเจอร์นิดๆ อยู่กับป่า ภูเขา แม่น้ำ ใครที่ชอบความสงบของธรรมชาติ ปักหมุดแล้วรีบตามมาเที่ยวกันเล้ย
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่