รีวิวประสบการณ์ฝึกงานที่เวียดนาม ไม่ยากอย่างที่คิด

Xin chao From Danang, Vietnam

                 สวัสดีค่ะ นี่จะเป็นกระทู้แรกที่จะเขียนรีวิวชีวิตในช่วงฝึกงานตัวเองและเพื่อนๆ (เอ้ย แค่ตัวเองก็น่าจะไม่รอดแล้ว เอาเป็นว่าแค่กล่าวถึงบ้างเป็นระยะๆแทนแล้วกันนะคะ>_<) ที่พวกเราได้มาฝึกงานที่ดานังประเทศเวียดนามค่ะ เริ่มแรกต้องอนุญาตทุกท่านผู้อ่านได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าของกระทู้ก่อนเป็นอันดับแรก เราชื่อ โอปอ หรือเรียกสั้นๆว่า ปอ ก็ได้ค่ะ ตอนนี้ปอก็เป็นนักศึกษาชั้นปีที่4 มหาวิทยาลัยที่มีริทเดอะสตาร์เป็นหมอมีอธิการหล่อกว่าดารา และอยากออกสหกิจ(หรือการฝึกงาน)ที่ต่างประเทศมากกกกกกกกก อยากออกไปท่องโลก ท่องอวกาศ เจอผู้คน สังคมใหม่ๆ ด้วยความที่ตอนเป็นศปี3 ก็ไปฟังรุ่นพี่ที่พึ่งกลับมาจากสหกิจที่ต่างประเทศ จุดไฟในตาและในใจเราโชติช่วงมากค่ะ เราเลยตัดสินใจปรึกษากับรุ่นพี่ในคณะว่าเราต้องทำยังไงถึงจะได้ไปฝึกงานที่ต่างประเทศบ้าง รุ่นพี่ในคณะเลยแนะนำให้เราติดต่อโครงการที่รุ่นพี่เคยไป คือศูนย์นักศึกษาแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัย FPT (FPT international program exchange center เรียกสั้นๆว่า FISEC) เป็นองค์กรภายใต้มหาลัยค่ะ ซึ่งโชคดีมากที่มหาลัยของปอก็เป็น partnership กับโครงการนี้ เข้าทางเลยสิ! เริ่มปรึกษากับเพื่อนหรือเรียกง่ายๆ หาเพื่อนไป 5555 ในที่สุด เรามาดานังด้วยกัน 4 คนค่ะ เราเริ่มติดต่อโครงการและทำเรื่องต่างๆในช่วงที่เราอยุ่ เทอม1 เพื่อที่เราจะได้ออกสหกิจในเทอม2 หลังจากที่เราติดต่อจนท.โครงการเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการไปฝึกงานที่เวียดนาม เจ้าหน้าที่ก็จะสอบถามถึงความต้องการของเราในเรื่องต่างๆ และแจกแจงค่าใช้จ่ายในโครงการ สิ่งที่เราจะได้รับ การดูแล หลังจากนั้นทางเราก็จะส่งเรซูเม่ให้กับทางโครงการ และเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินเรื่องให้เราค่ะ ระหว่างนั้นก็ปั่นโปรเจคงานตัวจบของคุณพ่อคาร์ลรอการติดต่อกลับมาวนไปจ้า วันเวลาผ่านไป...เราก็ได้รับอีเมลล์เกี่ยวกับสถานที่งานที่เขาจัดหามาให้แจ้งกลับมาค่ะ จนท.ก็จะนัดวันสัมภาษกับทางบริษัทให้ แนะนำคำพูดภาษาเวียดนามง่ายๆ แนวทางการตอบคำถามวันสัมภาษจริง และยังบอกให้เราแต่งหน้าวันสัมภาษอีกด้วยค่ะ 5555 (ทำเป็นกลัวหน้าสดของเราไปได้แหม) และเราก็จะได้สัมภาษกับบริษัทไอทีค่ะ รอผลประกาศ วนไปอีกรอแต่ไม่นานมากค่ะ ทันทีที่รู้ผลว่า ได้ที่ฝึกงานแล้ว จนท.ก็ยังถามเราอีกว่าเราอยากลองสัมภาษบริษัทอื่นเพิ่มเติมมั้ย เราก็บอกไม่ เอาที่นี้แหละด้วยความใจง่าย5555 ท้ายที่สุดเราก็ได้ฝึกงานที่บริษัทไอทีนั้นค่ะ และเพื่อนคนอื่นๆก็ได้งานตามๆกันมาค่ะ (งานที่พวกเราได้ก็คือ ปอได้งานเป็น event organizer โมนา ได้งาน program coordinator อู๊ดอี๊ดและด้อน ได้งาน receptionist ของโรงแรมชื่อดังติดทะเล) ก็ดำเนินการเรื่องทำวีซ่า จองตั๋ว และในที่สุด วันเดินทางก็มาถึงค่ะ….



ถึงเวียดนามแล้นนนนน…. ด้อน ปอ อู๊ดอี๊ด ปล.ยังไม่ครบทีมนาจา ขาดโมนาที่กำลังจะมาวันถัดไป


รอตรวจเข้าเมืองจ้า




หลังจากเอากระเป๋าเรียบร้อย ก็มีเจ้าหน้าที่มายืนรอเราอยู่หน้าสนามบินค่ะ(แต่เราลืมถ่ายรูปมา)
เดินทางเข้าที่พักโดยด่วนจ้า เพราะกระเป๋า 40กิโล ของเรามันอยากได้ที่อยู่แล้ว
แถะแด้ม ม ม ม ม ม




ในห้องสามารถอยู่ได้ 2 คน ห้องโทนสีขาว-น้ำตาล ตามภาพเลย (แต่ภาพนี้เราขอยืมมาจากโมนา เพราะเราลืมถ่ายT^T)
ที่ประทับใจสุดที่คือ ห้องของเราเห็นวิวภูเขาค่ะ ถัดจากภูเขาในไปอีกก็จะเป็น Marble Mountain ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองดานังค่ะ




                 เริ่มการทำงานวันแรก ปอได้เข้าไปทำกับบริษัทญี่ปุ่นแห่งนึงเกี่ยวกับไอทีค่ะ ในตำแหน่ง event organizer วันแรกที่ไปทำงานจนท.จากโครงการก็ไปส่งเราที่ทำงานด้วยนะคะอุ่นใจขึ้นมาทันที เราถึงที่ทำงานตรงเวลาคือ 08.00 เราประหม่ามากกกกในตอนนั้น ตื่นเต้นจนใจเต้นตุ๊บๆ จนคิดว่ากำลังจะไปเดตกับกงยูรึเปล่า อ๋อเปล่าเลย แค่ไป ฝึ ก ง า น! วันแรกที่เราก็ไปแนะนำตัวเองกับพี่ๆในบริษัท พี่ๆในบริษัทใจดีและน่ารักมาก แบ่งปันของกินให้เราตลอด อย่างเช่น มันชิ้นนี้เป็นต้น



                 เราซาบซึ้งมาก เพราะเราชอบตื่นสายกินข้าวเช้าไม่ทัน55555 พี่แกแจกมันหวานต้มให้กิน จึงรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ตอนพักเที่ยงพนงทุกคนจะห่อกับข้าวมากินกัน เพราะไม่มีร้านขายอาหาร ขายแค่ขนมและกาแฟและน้ำผลไม้ต่างๆ ทุกคนกินข้าวอย่างรวดเร็วและรีบกลับเข้าไปในบริษัท และเราก็พบว่าไฟทั้งหมดถูกดับ…



                 พอเดินถึงโต๊ะทำงาน เจอพี่ปูผ้า มีผ้าห่ม มีหมอน อยู่ใต้โต๊ะทำงาน โอ้โห นี้มันปิกนิกย่อมๆ ชัดๆ เครื่องนอนพร้อมไปไหนค่ะคุณ เราถึงรู้ว่า พนงส่วนใหญ่หลังจากกินเสร็จก็จะรีบนอนเพื่อพักผ่อน พี่เลี้ยงเรากวักมือเรียกเราให้ช่วยถือหมอน ผ้าห่ม เรียกเราไปนอนด้วย(พี่เลี้ยงเราใจดีเบอร์ใหญ่ไฟกระพริบ) และตื่นขึ้นมาทำงานอีกทีในตอน 13.30 น. ทำงานต่อและเลิกงานในตอน 17.30
กิจวัตรประจำวันเราก็ดำเนินไปสักพักจนในที่สุดเราเริ่มรู้สึกว่าการทำงานเราที่นี้ดีทุกอย่างเลยนะ แต่ เ เ ต่….. เ เ ต่….. ไม่ค่อยมีงานให้ทำ T____T ร้องไห้ในใจ งานที่เราทำก็เล็กๆน้อยๆมาก วันไหนมีงานให้ทำคือจะดีใจเลย จนเรารู้สึกว่าความสามารถของเราไม่ค่อยได้ใช้ในบริษัทนั้นเนื่องจากเป็น บริษัทระหว่างญี่ปุ่น-เวียดนาม จริง จริง ซึ่งเรามีแค่ภาษาอังกฤษไก่กาอาราเล่ของเราเท่านั้น จึงตัดสินใจปรึกษาอาจารย์ และติดต่อเจ้าหน้าที่ของโครงการ FISEC ถึงปัญหาของเรา โดยมีการคุยกันเรื่อยๆค่ะ และในสุดเราก็ตัดสินใจที่จะย้ายเพื่อที่จะได้นำความรู้ของตัวเองมาใช้และพัฒนาในการฝึกงานนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีเจ้าหน้าที่โครงการคอยช่วยดำเนินการ และจัดหางานใหม่ให้เราค่ะ
และงานที่ปอทำต่อมาก็คือ Program coordinator ให้กับโครงการที่ปอเข้าร่วมนั้นเองงง ได้ทำงานกับโมนา(เพื่อนที่มาเวียดนามด้วยกัน) คือที่ FISEC – FPT international program exchange center และเจ้าหน้าที่ที่ปอเคยติดต่อเพื่อเข้าร่วมโครงการได้กลายมาเป็น supervisor ค่ะ (โลกกลมไปอีก)
                 หัวหน้าของปอใจดีมาก แต่ก็แอบเข้มงวดเรื่องงานเบาๆ เราจะประชมกันทุกวันอังคารและพฤหัสเพื่อ มอบหมาย อัพเดทข้อมูลและงานต่างๆว่าดำเนินการถึงไหนแล้ว และหากเรามีปัญหาอะไรหรือสงสัย ก็ถามหัวหน้าได้ทันที ไม่ต้องกลัวที่จะถามเลย นอกจากเราและโมนา ยังมีเพื่อนเวียดนามอีกคนร่วมงานกันในฐานะเด็กฝึกงานของ FISEC ค่ะ ก็จะขอยกตัวอย่างงานเล็กๆน้อยๆที่ปอได้รับมอบหมายให้ทำก็คือการหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาลัยต่างๆในต่างประเทศเพื่อจะใช้ข้อมูลเหล่านี้ติดต่อและสานสัมพันธ์กันระหว่างมหาลัยและมหาลัย

                 สถานที่การทำงานนั้นจะมีอยู่ 2 ที่ค่ะ คือ สำนักงานใหญ่ หรือเราจะเรียกกันว่า massda และอีกทีคือ office ที่ smart nano building(หอพักของเราเองจ้า) ทุกครั้งที่เราประชุมเราจะไปที่สำนักงานใหญ่และ โดยปกติจะทำงานอยู่ที่ office ที่หอพักค่ะ แต่!! ที่พิเศษกว่านั้นเลยคือ หัวหน้าบอกว่า เรามาสารถทำงานที่ไหนก็ได้ ตราบใดที่เรายังทำงานเสร็จตรงตามเวลา และเสียงสวรรค์นี้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฟรีแลนซ์มากๆค่ะ อยากทำงานตอนไหนทำ ไม่อยากทำตอนไหน ก็พักสายตาบ้างอะไรบ้าง 55555

ต่อไปจะมาถึงใช้ชีวิตยังไงให้รอดในเวียดนาม
เรื่องแรก การเดินทาง
                 ตอนแรกๆ เดินทางโดยใช้รถบัส ทางโครงการจะให้บัตรผ่านมาตั้งแต่วันแรกที่เจอเราเลยค่ะ เราต้องแสดงบัตรทุกครั้งที่ขึ้นรถ เพราะถ้าเราไม่โชว์เขาจะเก็บเงินเราตามระเบียบ หอพักค่อนข้างไกลจากเมือง ทำให้เราต้องจัดการเรื่องเวลาให้ดี ไม่งั้นสายแน่นอนค่ะ เพราะบัสขับไม่เร็วมาก และจอดทุกป้าย และป้ายถี่มาก(ยอมใจ) ดังนั้นเวลาจะเดินทางไปไหนเราต้องเผื่อเวลาตลอด และท้ายที่สุด ยอมรับตรงๆค่ะว่ายอมแพ้ ไม่ไหว คุยกับโมนา(เพื่อนที่ฝึกงานที่เดียวกัน)ว่าอยากเช้ามอไซเพราะว่าเวลาอยากไปไหนก็จะได้ไปทัน กินอะไรก็จะได้กิน555 (สิ่งไหนจะสำคัญไปกว่าปากท้องของเรา) และตัดสินใจเช่ามอไซและหารค่าเช่ากับเพื่อนค่ะ ตกคนละพันนิดๆต่อเดือน แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นเหมือนสวรรค์ค่ะ Let’s go everywhere in Danang เพิ่มเติมอีกนิดถ้าลืมเรื่องนี้ก็คงเหมือนไม่ได้มาเวียดนามเลยล่ะค่ะ ถนนที่นี้เหมือนเป็นเอกลักษณ์อย่างนึงเลย คือ เสียงแตรที่ดังแทบจะตลอดเวลาค่ะ บีบมันเข้าไป บริหารนิ้วระหว่างขี่มอไซหรือขับรถยนต์ ไฟเลี้ยวไม่ต้องค่ะ ไปเลย ระวังหน้า ระวังหลังกันเอา 55555 ตอนแรกๆก็กลัวค่ะไม่กล้า ซ้อนเพื่อนอย่างเดียว สักพักเริ่มชิน ขี่เองเพื่อนซ้อน ขี่จนตอนนี้ก็กลายเป็นคนเวียดนามคนนึงแล้วค่ะ แต่ข้อดี คือ คนเวียดนามไม่ขี่รถมอไซเร็วค่ะ
เรื่องที่ 2 อาหาร
                 อาหารที่นี้ไม่เผ็ดค่ะ เน้นผัก รสชาติเป็นพวก มัน เค็ม หวาน อืมมมมม เรื่องนี้เล่ายาก ขอข้ามแล้วกันค่ะ55555 รสชาติอาหารมันแล้วแต่คนชอบเนาะ ส่วนตัวเราชอบบางอย่าง บางอย่างก็กินไม่ได้   แต่สิ่งที่เรากินประจำเลยคือ Cơm Gà  (อ่านว่า เกิมก่า) หรือ ข้าวไก่ค่ะ



บางร้านก็คล้ายๆข้าวมันไก่ บางร้านก็เหมือนข้าวไก่ทอด ชอบมากกกกกกก เพื่อนคนอื่นๆก็ชอบ Cơm Gà  เหมือนกันค่ะ นอกจากนี้ยังมี Bánh xèo อ่านว่า บั๋นแซว




Phở อ่านว่า เฝอ เป็นต้นจ้า




ปล.เดี๋ยวมาต่อนะคะ อิอิอิ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่