รีวิวประสบการณ์ฝึกงานที่ไม่ได้อะไรเลย process engineer

รีวิวประสบการณ์ฝึกงานที่ไม่ได้อะไรเลย process engineer พูดแล้วจะร้องไห้
ขอบอกก่อนว่าเรียนสายวิศวะเคมี เราได้ฝึกงานที่โรงงานน้ำตาลแห่งหนึ่ง สาเหตุที่เลือกที่นี่ เพราะเป็นโรงงานที่อยู่ในจังหวัดบ้านเกิดเรา คิดว่าน่าจะสะดวกในการจัดการ ไม่มีปัญหาการเดินทาง การอยู่ เราก็ยื่นสมัครมา hr ก็รับทันทีเลย ไม่มีการสัมภาษณ์แบบทางการ แค่คุยทางโทรศัพท์ว่าอยู่ได้ไหม เป็นคนไหนใดๆ บอกว่าไม่มีเบี้ยงเลี้ยงนะ เราก็โอเค ขอแค่ได้มีที่ฝึกงาน ได้ฝึกออนไซต์ได้เห็นโรงงานจริง อยากฝึกออนไซต์มาก เราได้เรียนในยุคโควิดคือมีแต่ออนไล์ ไม่ได้เห็นของจริง ทำงานจริงสักเท่าไหร่เลย เลยคิดว่าจะได้มาเรียนรู้ที่นี่ ก็จบ รอวันได้เข้ามาฝึกแบบสบายๆ พอเข้ามาพี่hrก็แนะนำโรงงานคร่าวๆว่าโรงงานผลิตอะไรบ้าง กฎระเบียบยังไง เราก็โอเค จากนั้นพี่hrก็พาไปแผนกวิศวะพาไปเจอพี่เลี้ยง ก็ได้ทำความรู้จักพี่เลี้ยง แล้วก็ได้เจอว่ามีพี่ผญ2คนมาฝึกเหมือนกันทำสหกิจมาจากมหาลัยอื่น ก็ได้รู้ว่าพี่เขาฝึกมา3เดือนแล้ว เหลืออีกแค่เดือนเดียว (เราคือฝึกงาน2เดือน) มาวันแรกพี่เลี้ยงพาเข้าห้องประชุมเล็ก พาเขียนflow chart กระบวนการการผลิตน้ำตาลแบบคร่าวก็อธิบายให้เราฟัง เราก็ตั้งใจฟัง เขียน จด ประมาณ1-2ชม ได้ หลังจากนั้นพี่เลี้ยงก็เอาภาพdrawing พวกunitในโรงงานมาให้ดู แล้วก็ให้คำนวณน้ำเหล็กที่อยู่ในภาพdrawingนั้น ตอนแรกเราก็งงๆว่า วิศวะเคมีเขาทำอะไรแบบนี้ด้วยหรอ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้การฝึก เราก็ทำไป หาได้แล้วเราก็ไปบอกพี่เลี้ยงเขาก็จะเปิดดูค่าให้ว่าตรงหรือใกล้เคียงไหม แล้วพี่เขาก็เอาหน้งสือที่เกี่ยวกับโรงงานน้ำตาลเล่มแบบหนามากกกกกมาให้เราดูเล่นๆ พี่เขาบอกว่างั้น เราก็เปิดดูเล่นๆบ้างแต่มันเยอะมากกกกกกก แล้ววันนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย พอวันต่อมา พี่เลี้ยงก็บอกว่าให้ตามพี่สหกิจ2คนเข้าไปโรงงานด้วย เราก็ตามพี่เขาไปดูว่าทำอะไร คือก็ได้รู้ว่าที่เขาจะคอยมาเก็บตัวอย่างน้ำตาลที่หน้าหม้อเคี่ยว วัดค่าความหวาน แล้วก็ไปส่องกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูขนาดของเม็ดน้ำตาล ก็ได้คุยกับพี่เขา ได้รู้ว่าพี่เขาทำโปรเจคสหกิจเกี่ยวกับจะทำยังไง จะควบคุมยังไงให้ขนาดของเม็ดน้ำตาลมีขนาดเท่ากันและมาตรฐาน เพราะของที่นี้ เม็ดน้ำตาลไม่เท่ากันเลย แล้วพี่เขาก็แอบกระซิบว่า ที่จริงมันทำไม่ได้หรอก โรงงานคืออุปกรณ์ไม่พร้อมให้สามารถวัดหรือทำอะไรได้เลย อุปกรณ์ในโรงงานก็เก่า นั้นก็เป็นสิ่งที่เราเริ่มรู้ว่าโรงงานเริ่มแปลกๆ มีอะไรไม่ดีแล้ว คือตอนได้เดินเข้ามาในโรงก็ตะหงิดอยู่ว่า รู้สึกว่าข้างในกระบวนการผลิตค่อนข้างสกปรกมาก เราก็สงสัยเหมือนกันว่าผ่านisoได้ยังไง เราก็ไม่ค่อยได้ทำอะไร ขึ้นมาหน้าหม้อเคี่ยวพี่เขาก็ให้ลองช่วยชักน้ำตาลจากหม้อเคี่ยว ก็ได้ลองทำนิดหน่อย โดยทั้งวันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ได้แต่นั่งเล่น ไม่มีงานอะไรเลย โดยส่วนใหญ่ก็วนๆอยู่แบบนี้ไม่ค่อยได้ทำอะไร ตามพี่เขาไป เราก็รู้ว่าเราไม่ค่อยได้ทำอะไร ไม่ค่อยได้อะไรเลย คือจะบอกก่อนว่าอาจจะผิดที่เรารึเปล่า คือในตอนแรกที่มาพี่เลี้ยงก็ถามว่าต้องทำโปรเจคไหม คือตอนนั้นด้วยความที่อาจารย์และก็มหาลัยไม่ได้บอกเป้าหมาย จุดประสงค์อะไรใดๆว่าต้องทำโปรเจคไหม เราก็บอกพี่เขาตามตรงว่า มหาลัยไม่ได้บอกอะไรเลย พี่เขาก็เลยไม่ได้ให้โปรเจค จนกระทั้งผ่านมาเกือบ10วันได้ อาจารย์ที่ปรึกษาก็แชทมาในกลุ่มเด็กตัวเองว่าให้นัดวันอบรมกับบริษัท เราถึงได้รู้ว่าต้องมีโปรเจคทำบ้าง ไม่งั้นก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปพรีเซนว่าได้เรียนรู้ได้ทำอะไรจากที่นี่บ้าง เราก็เลยได้ไปบอกพี่เลี้ยงว่าขอโปรเจคทำหน่อยต้องมีพรีเซนให้อาจารย์ พี่เขาก็บอกว่าโอเค เดี๋ยวหาอะไรให้ทำ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่มีที่เป็นงานให้ทำจริงๆเลย ได้แต่นั่งเฉยปล่อยเวลาไป ไม่มีสั่งงานใดๆ งานอื่นๆที่เคยทำมาเล็กๆน้อย เช่น คือเข้าโรงงานไปเก็บค่าที่พนักงานจดใส่กระดาษมากรอกในexcel เป็นพวกค่าph ปริมาณปูนขาว ไฟฟ้า น้ำ น้ำเกลือ อะไรประมาณนี้ พี่สหกิจ2คนก็พาไปดูว่าไปเก็บค่าตรงไหน ก็คือพี่เขาก็เคยทำมาก่อน ก็คือจะส่งงานต่อให้เรานั่นเอง เราก็กรอกไป จนไปรู้ว่าพี่เขาให้กรอกเล่นๆ ไม่ได้เอาไปใช้อะไรเลย เหมือนหางานให้ทำ เพื่อไม่ให้ดูเหมือนว่าง ที่ได้ใช้จริงๆมีแค่อันเดียวคือกรอกค่าน้ำเกลือที่ใช้ไปเพื่อทำเป็นใบจ่ายเงิน ว่าใช้น้ำเกลือเท่าไหร่ คือมันก็เป็นแบบฟอร์มในexcelมาให้อยู่แล้วแค่กรอกข้อมูลลงไป อีกอันที่ได้ทำคือหัวหน้าฝ่ายผลิตเข้ามาแล้วก็ให้ช่วยคำนวณหาให้หน่อยว่าน้ำเกลือดอันไหนถูกกว่ากัน อันไหนคุ้มค่ากว่า แบบให้เรา3คนกับพี่สหกิจช่วยกัน เหมือนว่าเขาก็ให้หาอะไรให้ทำ ซึ่งเราก็คำนวณให้เขาคือ เรื่องมีอยู่ว่าน้ำเกลือเจ้าเก่าจะขึ้นราคา กับมีเจ้าใหม่ที่เป็นเกลือเม็ดมาเสนอราคา ซึ่งดูเป็นตัวเลขราคามันถูกกว่า เราเลยน้ำนวณเป็นปริมาณเกลือซึ่งราคามันใกล้กันเลยต่างนิดเดียว เราก็บอกเขาไปว่ามันเท่ากัน ได้ปริมาณเกลือเหมือนกัน แต่ถ้าเอาเจ้าเก่าจะเป็นน้ำเกลือเอามาใช้ได้เลย แต่ถ้าเกลือเม็ดต้องมาละลายเอง แล้วต้องจ้างคนงานเพิ่ม ก็ที่ได้ทำเล็กๆน้อยก็ประมาณนี้ หลังจากนั้นพี่เลี้ยงก็เอาแฟ้มp&idของโรงงานมาให้ดู เขาก็บอกว่าให้ลองอ่านดู เราก็ได้ดูอ่านกระบวนการเองหมดเลย ได้เห็นว่ามีกระบวนการอะไรบ้าง ได้เห็นทั้งหมด ที่ตอนไปเดินดูของจริง อาจจะมีบางจุดที่เข้าไปดูไม่ได้หรือไม่เห็น ลืมบอกว่าคือพี่เลี้ยงเคยพาไปเดินดูโรงงาน2ครั้ง ครั้งแรก ก็พาไปเดินดูตั้งแต่เอาน้ำตาลทรายดิบไปผ่านกระบวนการต่างๆ มาจนได้ออกมาเป็นน้ำตาลทรายขาว ครั้งที่2คราวนี้ได้ดูพวกวาล์วนิดหน่อย พาเข้าไปไล่ดูท่อเข้าevaporatorพาเข้าไปในห้องevapว่าเป็นยังไง ซึ่งเป็นเครื่องevapที่ปิดซ่อมบำรุงอยู่นะถึงเข้าไปได้555 ก็ได้ดูคร่าวๆประมาณนั้น หลังจากผ่านไปได้สักพักก็เริ่มสนิทกับพี่สหกิจ ได้พูดคุยกันเราก็ได้รู้ว่าพี่เลี้ยงกำลังจะลาออก มีปัญหาภายในเยอะ โรงงานทำงานไม่เป็นระบบ เราก็พอจะรู้ว่าไม่เป็นระบบจริง ไม่มีสั่งงาน ให้ทำงานไรเลย รู้ไม่ได้อะไรเลย อยู่มาวันนึงพี่เลี้ยงก็เอาข้อสอบเป็นheat exchanger กับ evaporator มาให้ทำ มาสอน พาคำนวณพลังงานที่ใช้ ต้องใช้stream เข้าออกเท่าไหร่ ถึงได้น้ำอ้อยความหวานความเข้มข้นตามที่ต้องการ พอได้ลองคำนวณเป็น พี่เขาก็ให้งานว่าให้ลองคำนวณแบบเดิมเปรียบเทียบevaporator 5effectกับ 6 effect เราก็คำนวณออกมาจนได้ค่าออกมา เราก็ได้มาวิเคราะห์ว่าอันไหนดีกว่ากันยังไง แต่พอทำคือมันเปรียบเทียบได้ยากมากเพราะconditionทั้งหมดเหมือนกัน ต่างกันที่streamที่เข้ากับพื้นที่แลกเปลี่ยนความร้อน คือผลรวมปริมาณการใช้stream แบบ6effectจะดีกว่า แต่พื้นที่แลกเปลี่ยนความร้อนของ5 effectเยอะกว่า ซึ่งข้อดีแตกต่างกัน ตัดสินได้ยาก แต่ในความคิดเราก็คิดว่าในเมื่อเราผลลัพธ์ที่เท่ากัน5 effectก็ดีกว่าเพราะไม่ต้องเสียค่าซื้อevapเพิ่ม เราคิดแบบนี้นะ แล้วนี้ก็คืองานทั้งหมดที่ได้ทำจริงๆ คือพอหมดเดือนแรก พี่สหกิจก็ฝึกจบ พี่เลี้ยงก็ออก แล้วก็มีพนักงานอื่นออกอีก อย่างพี่วิศกรสิ่งแวดล้อมที่นั่งโต๊ะข้างเราก็ลาออก เห็นได้ถึงปัญหา คนออกเยอะมาก เราก็ยังคงเดิม ไม่มีไรทำ แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย พอพี่เลี้ยงออก หัวหน้าฝ่ายผลิตก็ได้มาเป็นพี่เลี้ยงแทน คือก็ไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่ เอาตามตรงพี่เลี้ยงคนแรกยังไม่ค่อยได้เจอเยอะเลย เจอน้อยมาก1เดือนได้เจอประมาณ10วันมั้ง แล้วไม่ได้เจอทั้งวันด้วยนะ แล้วหัวหน้าฝ่ายผลิตก็ไม่ได้จบวิศวะเคมีเขาจบไฟฟ้าวิทยาลัยประมาณนั้น  แล้วไต่เต้าจนมาเป็นหัวหน้า แล้วเขาเหมือนไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าวิศวะเคมีทำอะไร เขาพูดว่าในโรงงานก็มีที่ใช้สารเคมีน้อยไม่รู้จะให้ทำอะไร เราก็เลยงงเลยว่า วิศวะเคมีไม่จำเป็นต้องทำเกี่ยวกับสารเคมีนี่นา พอมาเดือนที่2 พี่hr ก็พาเด็กใหม่เข้ามาเป็นผช จากมหาลัยอื่น มาฝึกสหกิจที่นี่วิศวเคมีเหมือนกัน ในใจอยากจะบอกว่า หนีไป มันไม่มีอะไรให้ทำ สักพักเราก็ได้คุยกับเขา เราก็บอกไปตามตรงว่าโรงงานเป็นยังไงตอนนี้ที่เราอยู่มาหนึ่งเดือน หลังจากนั้นเราก็ได้เรียนรู้เพิ่มมาอีกหน่อยได้ไปดูplantน้ำของโรงงานกับผชสหกิจ ก็ได้เรียนรู้ขึ้นมานิดหนึ่ง ได้รู้ว่าน้ำเสียในโรงงานผ่านกระบวนอะไรบ้าง ก็ได้ไปประมาณวันสองวัน ก็ไม่มีอะไรทำ พี่เขาก็ไม่มีอะไรให้ทำเหมือนกัน เวลาก็ผ่านไป แบบไม่ได้ทำอะไรเลยจริง เราก็ว่างมากเราก็เอาp&idมาอ่านเล่นๆหลายสิบรอบ เราอ่านเองทำความเข้าใจเอง ซึ่งไม่มีใครมาสอนหรือบอกอะไรเลย คือที่จริงเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดประสงค์ที่ให้เราอ่านจะให้เราได้อะไรจากการอ่านนี้ คือเราก็ยังเด็กไม่รู้อะไรเราก็ได้แต่ทำความเข้าใจในแบบเรา ได้เห็นกระบวนการว่ามีอะไรบ้าง อะไรเข้า อะไรออกบ้าง ที่เราได้และรู้ก็มีแค่นั้น จนถึงวันอบรมได้คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาและก็มีหัวหน้าฝ่ายผลิตที่มาเป็นพี่เลี้ยงคือเราก็แบบอับจนหนทาง ก็เอากระบวนการของการผลิตน้ำตาลไปพรี และก็ที่คำนวณเปรียบเทียบevap ที่แลดูมีสาระไป ในใจตอนนั้นก็คิดว่าจะโดนอะไรบ้างรึเปล่า เพราะจากที่ถามเพื่อนๆคือเขาได้เรียนรู้ได้ทำงานที่มันแลดูยิ่งใหญ่มาก ในขณะที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีงานให้ทำเลย แต่สรุปก็ไม่ได้โดนว่าอะไร คิดว่าอาจจะเกรงใจเพราะมีพี่เลี้ยงอยู่ หลังจากนั้นผ่านมาจนวันที่เราเอาใบไปให้ประเมินซึ่งพี่เลี้ยงที่เป็นหัวหน้านั่น ก็ให้คะแนนเราแบบให้เห็นคะแนนเลย เราเขียนคอมเมนว่าให้กระตือร้นอะไรประมาณนั้น เราแบบงงๆเลย คือเขาไม่ให้งาน ไม่สอนงาน ไม่สั่งงานอะไรใดๆเลย แบบเลย คือเราต้องทำอะไรหรอ พอเขาให้คะแนนเสร็จเขาก็ถามว่ามีอะไรอยากในโรงงานปรับปรุงไหมเราก็บอกไปตามตรงเลยว่าอยากให้สั่งงานหน่อย อยากมีอะไรทำ แต่เขากลับบอกว่าที่นี่เขาไม่สั่งงานอะไรทำ ความหมายคือเขาอยากให้เข้าไปโรงงานหาอะไรทำเอง ดูอะไรเอง เราก็งงหนักเลย ในขณะที่เราถูกสอนมาจากอาจารย์เซฟตี้ว่า ห้ามเข้าโรงงานไปโดยไม่มีพี่เลี้ยงหรือพนักงาน เพราะอาจเกิดอันตรายได้จากการที่เราไม่รู้ เพราะโรงงานมันก็ค่อนข้างอันตรายอ่ะนะ เราก็ได้แต่น้อมรับมา และยิ้มกลับ วันต่อมาถ้าจำไม่ผิดน่าจะวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่นี่พี่เลี้ยงก็พาไปเดินดูโรงงานแบบพี่เลี้ยงคนแรกแต่เป็นแบบคร่าว ถ้าเป็นพี่เลี้ยงคนแรกจะรู้เลยว่าสอนแบบวิศวะเคมี เพราะมีการให้ความรู้อธิบายความลงรายละเอียดหน่อย ก็คือมาดูโรงงานอีกรอบนั่น โดยที่ได้รู้ว่ามีกระบวนการอะไรบ้างมากี่รอบแล้วก็ไม่รู้ เขาก็พาเดินดู แล้วก็บอกว่าไม่รู้จะให้ทำอะไร แล้วเขาก็เล่าเรื่องเขาว่าแต่ก่อนเขาต้องคำนวณมือเองว่าต้องเข้าสารเท่าไหร่ขาดเท่าไหร่Balanceมัน อยากจะบอกเขามากนั่นวิศวะเคมีก็ทำค่ะ และนั่นแหล่ะที่ได้ทำอะไรมาบ้างในการฝึกงานนี้ คือเราก็ยังไม่รู้หรอกน่ะสรุปว่าProcess engineerที่พี่เขาบอกว่าให้เรามาฝึกตำแหน่งนี้ สรุปจริงๆแล้วถ้าทำงานจริงเขาก็ต้องทำอะไรบ้าง พอเราได้มาหางานแล้วสัมภาษณ์มันเป็นอะไรที่รู้สึกเจ็บปวดมาก เพราะไม่สามารถที่จะบอกเขาได้เลยว่าทำอะไรมาบ้าง แล้วรู้ท้อมากเพราะก็เป็นเด็กจบใหม่ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์แล้วยังจะมามีประสบการณ์ฝึกงานที่ไม่ได้ทำอะไรอีก มันพูดยากมากเลยอ่ะ แบบไม่ผ่านสัมภาษณ์ ไม่มีงานทำสักที จนเราท้อ แล้วเราคิดว่าอยากที่จะฝึกงานใหม่อีกครั้ง อยากได้ประการณ์มากๆ ตอนนี้ไม่ได้หวังเงินอะไรขนาดนั้น หวังแค่อยากทำงาน อยากมีประสบการณ์ ขอบคุณสำหรับคนที่อ่านจนจบ มันค่อนข้างยาวมากจริงๆ555

ลืมบอกไปนิดว่าตอนช่วงที่เราเข้าไปฝึกงานมันไม่ใช่ช่วงที่มีอ้อยมาหีบอ้อยทำน้ำตาล ตอนที่เราเข้าเป็นช่วงละลายน้ำตาลทรายดิบมาละลายทำเป็นน้ำตาลทรายขาว งานเลยอาจจะน้อย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่