ได้สัมผัสบรรยากาศการเลือกตั้งมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่อยู่มัธยมต้น ที่ได้รู้ได้เห็นวิธีการหาเสียงเลือกตั้งสมัยก่อน จนถึงปัจจุบัน แต่ขอบอกก่อนว่าเป็นวิธีคิด ทัศนคติ มุมมองของคนทางบ้านผมเท่านั้น กี่ทีกี่ครั้งก็เหมือนกันไม่ว่ายุคสมัยจะผ่านมานานแค่ไหน หัวคะแนนส่วนมากจะอยู่กับคนที่มีอิทธิพลกับชาวบ้านที่สุด นั่นคือผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน หรือคนสนิทที่ชาวบ้านเกรงใจ คือการขอร้องให้ช่วยเลือกซึ่งจะใช้วิธีพูดโน้มน้าวใจต่าง ๆ นานา คนบ้านเดียวกัน หรือเห็นแก่คนนั้นคนนู้นคนนี้ ช่วยกาด้วย หรืออ้างผลงานว่า เขาเคยทำสิ่งนันสิ่งนี้ให้หมู่บ้านเรา ซึ่งไอ้ความเกรงใจหัวคะแนนของหมู่บ้านนี่ มันไม่เคยลบเลือนจากสังคมแถวบ้านผมไปได้เลยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ส่ิงเหล่านี้มันทำให้เห็นถึงอิสระภาพทางความคิด ซึ่งมันขัดแย้งกับวัตถุประสงค์หรือแนวทางของระบอบประชาธิไตยอย่างแท้จริง อิสระภาพทางความคิด การรู้จักคิด รู้จักวิเคราะห์ และสังเคราะห์ออกมาเป็นการตัดสินใจที่มาจากตัวเราเองอย่างแท้จริง ถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้ สามารถทำให้คนตัดสินใจเองได้อย่างแท้จริง ส่วนตัวผมมองว่านั้นแหละ ประเทศเรากำลังจะก้าวข้ามสู้การพัฒนาอย่างแท้จริง แต่จากการคุยและลองถาม ๆ เด็กรุ่นใหม่ที่อายุไม่เกิน 30 ปี ในมุมมอง การตัดสินใจของคนเหล่านี้ ใช้หลักคิดแบบตรรกะ ไม่ยึดติด มองถึงเหตุและผล พวกเขามองถึงเป้าหมายชีวิต บ้าน รถ เศรษฐกิจ องค์ประกอบที่ช่วยส่งเสริมให้พวกเขาไปถึงจุดมุ่งหมายต่อสิ่งเหล่านี้ได้รวดเร็วและมันคงขึ้น ตัดสินในเด็ดขาดชัดเจน ไม่ลังเล ***(ถ้าผิดกฏลบได้เลยครับ)
อยากให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคต เปลี่ยนแนวคิดที่ว่าฉันเลือกเพราะความเกรงใจหัวคะแนนอย่างผู้ใหญ่บ้าน กำนัน