https://pantip.com/topic/37665161
“โรงเรียนในฝัน”
ในที่สุดลูกก็ได้เรียนที่โรงเรียนสมถวิล ครูให้เรียนซ้ำ ป.4 อีกรอบ และจัดให้อยู่ในห้องเด็กพิเศษ ถ้าจำไม่ผิด ในห้องจะมีเด็กไม่ถึง 10 คน เป็นเด็กพิเศษทั้งหมด หลากหลายอาการ ส่วนมากจะเป็นออทิสติก เด็กบางคนไม่พูดต้องมีพี่เลี้ยงมานั่งประกบทั้งวัน บางคนชอบพูดโวยวาย
ส่วนลูกเป็นเด็กที่ดูแล้วเหมือนเด็กปกติทั่วไป จึงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้อง
ครูอธิบายว่า การเรียนในห้องเด็กพิเศษแบบนี้จะเป็น แผนการเรียนเฉพาะบุคคล IEP ย่อมาจาก
INDIVIDUALIZED EDUCATION เอาจริงๆ แม่พยายามไปค้นหาข้อมูลใน Google แล้วก็ยังไม่
เข้าใจเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่า น่าจะดีกับลูก แม่ก็พอใจ
การเรียนที่นี่ก็เรียนเหมือนโรงเรียนทั่วไป แต่ใน 1 สัปดาห์ จะต้องฝึกพัฒนาการ 2 วัน วันละ 2 ชั่วโมง โดยจะฝึกในหลายๆ เรื่อง เช่น ในด้านร่างกาย ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ในด้านวิชาการจะมีการสอนในวิชาที่เด็กอ่อน ซึ่งจะใช้ครูที่จบด้านจิตวิทยาโดยตรง และมีวิธีการสอน เพื่อให้เด็กสามารถเข้าใจได้ง่าย และยังฝึกในเรื่องการช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวัน
ลูกดูมีความสุขกับโรงเรียนนี้ อาการร้องไห้ ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่เกิดขึ้นอีกเลย และเมื่อผลสอบเทอม 1 ออก ยิ่งทำให้ลูกมีความมั่นใจกับการไปโรงเรียน เพราะสอบได้ที่ 1 ถึงแม้ว่าจะเป็นที่ 1 ของห้องเด็กพิเศษ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกภูมิใจว่า เขาก็สามารถทำได้ และแม่ก็มีความสุขไปด้วย ตั้งใจจะให้เรียนที่นี่จนถึง ม.6
แต่ความสุขแบบนี้ก็อยู่กับเราแค่ 3 ปีความเครียด เกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ใกล้จะประกาศผลสอบ ป.6 เมื่อโรงเรียนแจ้งกับผู้ปกครองว่า โรงเรียนจะต้องปิดกิจการ อารมณ์ตอนนั้น อธิบายไม่ถูก มืดแปดด้านจริงๆ
โรงเรียนในฝัน (เมื่อลูกเป็นเด็กพิเศษ)
“โรงเรียนในฝัน”
ในที่สุดลูกก็ได้เรียนที่โรงเรียนสมถวิล ครูให้เรียนซ้ำ ป.4 อีกรอบ และจัดให้อยู่ในห้องเด็กพิเศษ ถ้าจำไม่ผิด ในห้องจะมีเด็กไม่ถึง 10 คน เป็นเด็กพิเศษทั้งหมด หลากหลายอาการ ส่วนมากจะเป็นออทิสติก เด็กบางคนไม่พูดต้องมีพี่เลี้ยงมานั่งประกบทั้งวัน บางคนชอบพูดโวยวาย
ส่วนลูกเป็นเด็กที่ดูแล้วเหมือนเด็กปกติทั่วไป จึงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้อง
ครูอธิบายว่า การเรียนในห้องเด็กพิเศษแบบนี้จะเป็น แผนการเรียนเฉพาะบุคคล IEP ย่อมาจาก
INDIVIDUALIZED EDUCATION เอาจริงๆ แม่พยายามไปค้นหาข้อมูลใน Google แล้วก็ยังไม่
เข้าใจเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่า น่าจะดีกับลูก แม่ก็พอใจ
การเรียนที่นี่ก็เรียนเหมือนโรงเรียนทั่วไป แต่ใน 1 สัปดาห์ จะต้องฝึกพัฒนาการ 2 วัน วันละ 2 ชั่วโมง โดยจะฝึกในหลายๆ เรื่อง เช่น ในด้านร่างกาย ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ในด้านวิชาการจะมีการสอนในวิชาที่เด็กอ่อน ซึ่งจะใช้ครูที่จบด้านจิตวิทยาโดยตรง และมีวิธีการสอน เพื่อให้เด็กสามารถเข้าใจได้ง่าย และยังฝึกในเรื่องการช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวัน
ลูกดูมีความสุขกับโรงเรียนนี้ อาการร้องไห้ ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่เกิดขึ้นอีกเลย และเมื่อผลสอบเทอม 1 ออก ยิ่งทำให้ลูกมีความมั่นใจกับการไปโรงเรียน เพราะสอบได้ที่ 1 ถึงแม้ว่าจะเป็นที่ 1 ของห้องเด็กพิเศษ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกภูมิใจว่า เขาก็สามารถทำได้ และแม่ก็มีความสุขไปด้วย ตั้งใจจะให้เรียนที่นี่จนถึง ม.6
แต่ความสุขแบบนี้ก็อยู่กับเราแค่ 3 ปีความเครียด เกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ใกล้จะประกาศผลสอบ ป.6 เมื่อโรงเรียนแจ้งกับผู้ปกครองว่า โรงเรียนจะต้องปิดกิจการ อารมณ์ตอนนั้น อธิบายไม่ถูก มืดแปดด้านจริงๆ