[BR] ชวนครอบครัวไปสัมผัส เชียงราย แต้ แต้ เมืองแห่งธรรมชาติ ศิลปะ และแรงบันดาลใจ

กระทู้ผู้สนับสนุน
ไป ไปเต๊อะ ไปแอ่ว จังหวัดเจียงฮาย...

ทริปนี้เราไปเที่ยวจังหวัดเชียงรายเจ้า ซึ่งเราจะเน้นไปที่วิถีชุมชน และสถานที่บางพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จัก เลยได้พักผ่อนแบบชิลๆ ได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ ตามมาเพียบเลย ตามไปดูกันนะเจ้าว่าจะมีอะไรบ้าง เริ่มกันที่อำเภอแม่สาย

วันแรกเรามีจุดหมายที่จะไปพักที่หมู่บ้านปางห้า เราเลยแวะเที่ยวกันก่อนถึงที่พัก เริ่มต้นกันที่วัดหิรัญญาวาส ตั้งอยู่ที่ อ.แม่สาย หรือบางคนเรียก วัดพระสาน เนื่องจากวัดนี้มีพระพุทธรูปที่สานจากไม้ไผ่เป็นหมื่นๆ เส้น จนเป็นพระสิงห์สานชนะมาร ซึ่งเราได้ทราบที่มาจากท่านเจ้าอาวาสว่าในช่วงแรกๆ ของสงครามสีเสื้อที่เริ่มขัดแย้งกัน เมื่อท่านได้ไปเทศนาแสดงหลักธรรมคำสอนกับฝั่งไหนก็จะถูกอีกฝ่ายตำหนิกล่าวหา ท่านกลัวว่านับวันชาวบ้านในชุมชนจะยิ่งเกิดความขัดแย้งรุนแรงเพิ่มขึ้น ท่านจึงมีกุศโลบายให้ชาวชุมชนสมานฉันท์กันด้วยการร่วมกันสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้น เป็นองค์พระที่สานด้วยไม้ไผ่ เพื่อแสดงออกถึงการสานสัมพันธ์ของชาวชุมชน พร้อมทั้งถวายเป็นพุทธบูชา และที่สำคัญก็คือสร้างถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อีกด้วย


ท่านได้แนวคิดในการสร้างมาจาก “พระเจ้าอินทร์สาน” ที่เป็นพระพุทธรูปสานด้วยไม้ไผ่ของชาวไทเขินในเมืองเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศพม่า และทองที่ปิดก็ต้องนำมาจากประเทศพม่า เนื่องด้วยว่าเคยใช้แผ่นทองคำเปลวของไทย แต่ไม่ติดกับองค์พระพุทธรูป จึงต้องใช้ทองของประเทศพม่าแทน

ด้านหลังองค์พระพุทธรูปมีเจดีย์ที่สานด้วยไม้ไผ่เช่นกัน รวมถึงเสาในวิหารก็ครอบด้วยไม้ไผ่สาน ได้เห็นใกล้ๆ แล้วรู้สึกถึงพลังสามัคคีของคนในชุมชนมาก ซึ่งการมาที่นี่เหมือนได้เสพงานศิลปะเลย เพราะทุกสิ่งที่ได้พบได้เห็นดูสวยไปหมด ตรงฐานนพระพุทธรูปจะมีช่องด้านล่างให้ลอดสะเดาะเคราะห์ได้


ด้านหน้าก่อนเข้าไปที่วิหารวัด จะมีช้างอยู่ด้านหน้า ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องลอดท้องช้างเข้าไป ก่อนลอดท้องช้าง เราต้องถอดรองเท้านะจ๊ะ ซึ่งทางวัดจะมีตู้ไว้ให้เก็บรองเท้าซึ่งอยู่หลังป้าย แล้วทางเดินจะเป็นพรมพื้นหญ้า ทำให้ไม่ร้อนเท้า

ชุมชนบ้านปางห้า
อยู่ห่างจากวัดหิรัญญาวาส ประมาณ 10 นาที เราได้เข้าไปเที่ยวสัมผัสวิถีชุมชนบ้านปางห้า ซึ่งที่นี่มีโฮมสเตย์รับรองนักท่องเที่ยวเพื่อให้มาเรียนรู้วิถีชุมชน เอาจริงๆ มันเป็นการเที่ยวแบบใหม่สำหรับเราเลย และตัดสินใจไม่ผิดที่ลองมาเที่ยวแบบนี้ดูบ้าง


ซึ่งโฮมสเตย์ที่เราเลือกพักกันคือ บ้านสวนอุ้ยคำ โดยที่นี่จะมีบ้านไม้หลังใหญ่ 1 หลัง มี 2 ชั้น ด้านล่างจะมีทีวี กับโต๊ะทานข้าวยาวให้ ชั้น 2 แบ่งเป็น 3 ห้องมีเครื่องปรับอากาศทุกห้อง แต่ตอนที่เราไปเป็นช่วงต้นปี อากาศดีมากๆ หลับสบาย ตื่นมารู้สึกสดชื่น คือได้พักผ่อนเหมือนอยู่บ้านจริงๆ บรรยากาศสงบ  ซึ่งหากไปเป็นครอบครัว หรือหมู่คณะก็สามารถพักได้ถึง 15 คนสบายๆ เลย ราคาจะอยู่ที่ คนละ 350 บาทรวมอาหารเช้า แล้วที่บ้านสวนอุ้ยคำก็มีร้านอาหาร ซึ่งจะมีอาหารเหนือและเครื่องดื่มไว้บริการด้วย ราคาไม่แพง แถมอร่อยมากๆ เลย

ซึ่งถ้าเป็นวันเสาร์ ทางบ้านสวนอุ้ยคำ จะมีเตี๋ยวโตกตองไว้บริการด้วยล่ะ

ที่บ้านปางห้าแห่งนี้ไม่ได้มีแค่บ้านพักโฮมสเตย์เท่านั้นนะจ๊ะ ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมาย เรียกว่าเป็นชุมชนท่องเที่ยวที่แฝงไปด้วยแหล่งเรียนรู้เลยก็ว่าได้ เราสามารถปั่นจักรยานไปตามจุดเรียนรู้ต่างๆ (จักรยานสามารถยืมที่โฮมสเตย์ได้) หรือถ้าใครไม่นิยมความเหนื่อย ก็สามารถนั่งรถอีต๊อกเที่ยวได้เหมือนกัน


ที่แรกที่เราไปคือ บ้านกระดาษสาจินนาลักษณ์ ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านสวนอุ้ยคำ  
ที่นี่จะมีกระดาษสาสวยๆ ลวดลายน่ารักๆ เยอะมากๆ  และมีที่นำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์เก๋ๆ มากมาย  เช่น ร่ม กล่องรูปแบบต่างๆ แถมเค้ายังส่งออกต่างประเทศอีกด้วยนะจ๊ะ

เราสามารถทำกระดาษสาแบบที่เราออกแบบเองได้เลย เช่น ใส่ดอกไม้ต่างๆ เอาเชือกมาเขียนเป็นชื่อเรา เป็นต้น เพลินมากๆ เลย  แล้วยังมีคาเฟ่ขายเครื่องดื่มเย็นๆ ไว้บริการด้วย มุมถ่ายรูปสวยเยอะเลย


บ้านตีมีด แหล่งตีมีดที่คุณลุงยังคงอนุรักษ์การตีมีดในแบบดั้งเดิมของชาวพม่า ซึ่งเราสามารถไปขอลองตีมีดได้ด้วยน้า
ที่บ้านตีมีดนี้ คุณป้าภรรยาของคุณลุงได้ทำข้าวซอยน้อยมาให้เราลองชิมกันด้วยค่ะ วิธีทำคือเอาแป้งเทไปในถาดใส่  ผักที่เราชอบ เช่น คุณป้าจะใส่ฟักทองกับต้นหอม แล้วนำไปนึ่งในหม้อที่ใส่น้ำ จากนั้นเอาออกมาทานกับน้ำจิ้มหวานๆ ใส่ถั่ว เหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว อร่อยดีจัง


โรงบ่มใบยาสูบเก่า เป็นสถานที่ที่คนชอบมาถ่ายรูปชิกๆ กัน แต่ก่อนใช้เป็นโรงบ่มใบยา แต่ปัจจุบันร้างแล้วค่ะ พี่ๆที่ชุมชนบอกว่า บางคนมาขอถ่ายพรีเวดดิ้งที่นี่ด้วย


สวนบ๊ะก๋วยก๋า ได้ยินครั้งแรกงงมากว่าคืออะไร พอไปถึงสวน ถึงรู้ว่าคือฝรั่งกิมจูออร์แกนิก เจ้าของสวนคือคุณป้าลัดดา คุณป้าน่ารักมากๆ เตรียมฝรั่งไว้ให้ทานเยอะเลย ลูกใหญ่สะใจสุดๆ ที่สวนนี้มีส่วนที่ทำเป็นสะพานไม้ยื่นออกไปให้ได้ถ่ายรูปฮิปๆ ได้อีกด้วยจ้า


จากบ้านปางห้า เราขับรถไปที่ อ.เชียงแสน เพราะจุดหมายของเราต่อไปคือดอยสะโง้ ก่อนที่จะมาที่นี่เราหาข้อมูล อ่านรีวิวต่างๆ มาบ้าง ที่จะกังวลคือห้องน้ำ เพราะที่พักที่นี่เค้าจะสร้างด้วยไม้ มุงจาก แล้วห้องน้ำมีแต่ห้องน้ำรวม แต่พอโทรไปติดต่อพี่อาผ่า ซึ่งเป็นคนดูแลที่นั่น เค้าแจ้งมาว่าตอนนี้ที่พักทุกหลังมีห้องน้ำในตัวทุกห้องแล้ว เราก็เลยเบาใจขึ้นมา 1 ระดับ ใครไปเที่ยวดอยนี้ เราต้องขับรถขึ้นไปเปลี่ยนเป็นรถ 4x4 ซึ่งเราจะต้องจอดรถไว้ที่หมู่บ้านก่อนขึ้นดอย เพราะทางหฤโหดมาก สะเทือนตับไตไส้พุงเลยทีเดียว แต่นั่งแป๊บเดียว ไม่นานเราก็ถึงยอดดอย ที่จุดชมวิวที่ถ้าอากาศดีๆ เราจะสามารถมองเห็นวิวทั้ง 3 ประเทศได้เลยคือ ไทย ลาว และพม่าและถ้าไปหน้าหนาว เราจะเห็นทะเลหมอกแบบ 360 องศากันเลย แต่ตอนที่เราไปเป็นช่วงปลายหนาวเลยไม่เห็นหมอก แต่ได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยมากๆ แล้วมีน้องๆ เผ่าอาข่ามาเล่นโล้ชิงช้าพอดี เลยได้รูปสวยๆ แบบนี้มาด้วย


ที่พักที่นี่จะใช้วัสดุจากธรรมชาติ สร้างจากไม้ หลังคามุงด้วยจาก พี่อาผ่าบอกว่า ใช้วัสดุแบบนี้ มีข้อเสียคือ ต้องเสียค่าบำรุงรักษาบ่อยมากๆ

เนื่องจากวันที่เราไปไม่มีแขกคนอื่นมาพัก พี่อาผ่าเลยให้เราเลือกห้องได้ตามสบาย เราเลยเลือกห้องที่วิวด้านหน้าไม่มีอะไรบดบัง เพื่อที่ตื่นเช้ามาแค่เปิดประตูก็จะเห็นวิวหลักล้าน นี่แหละคือความพิเศษของการมาเที่ยววันธรรมดา และไม่ใช่ช่วงเทศกาล เพราะเราจ่ายเท่าเดิม แต่สิ่งที่ได้เพิ่มเติมคือมูลค่าเพิ่มหลากหลายเท่า และที่สำคัญวิวหลักล้านที่อยู่ตรงหน้าเรานั้น ไม่ต้องมีใครมาแย่งดู แย่งถ่ายรูป ฟินเวอร์!

ที่นอนแต่ละหลัง นอนได้ห้องละ 2 คน มีฟูก มีหมอน มีผ้าห่ม และมีมุ้งให้ ห้องน้ำส่วนตัวของแต่ละหลัง รู้สึกจะเพิ่งทำเสร็จเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่น อาบน้ำไป กรี๊ดด้วยความหนาวไปทุกขันเลยจ้า

เนื่องจากตอนที่เราไปไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว ไม่มีอะไรขายบนดอย เราเลยสั่งอาหารเย็นกับทางที่พัก เป็นขันโตกอาหารชนเผ่า เป็นพวกหมูย่าง น้ำพริก ผักต้ม และมีข้าวห่อใบตองให้ พี่อาผ่าคิดหัวละ 250 บาท กินแทบไม่หมดเลยล่ะ และมีการแสดงของน้องๆ ชนเผ่าให้ดูระหว่างทานอาหารด้วย

ใครที่เคยไปเที่ยวดอยต่างๆ มาแล้ว ลองให้มาเที่ยวที่ดอยสะโง้กันดูนะคะ นอกจากจะได้สัมผัสความเป็นธรรมชาติ อากาศดีๆ แล้ว เรายังได้เรียนรู้วิถีชนเผ่าอาข่าอีกด้วยนะจ๊ะ


หลังจากที่เราทานอาหารเหนือมาหลายวัน เราเลยหาร้านคาเฟ่เก๋ๆ ปิดท้ายทริปกันซะหน่อย เลยไปจบที่ร้าน Hacienda Coffee House  ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นร้านที่ตกแต่งได้น่ารักมากกกก ออกสไตล์ยุโรป สาวๆ ที่รักการถ่ายรูปต้องชอบแน่ๆ นอกจากนี้ทั้งอาหาร เครื่องดื่มและขนมก็มีให้เลือกสั่งได้เยอะเลย  บรรยากาศร้านโซน Outdoor  เป็นระเบียงที่เห็นบรรยากาศภูเขา ทุ่งนา สบายตามากๆ นี่ถ้ามาช่วงหน้าหนาว น่าจะชิลไปอีกแบบ

จบทริปด้วยความอิ่มเอม ประทับใจกับทุกสถานที่ที่ไปเลย ใครที่ไม่ชอบท่องเที่ยวแบบพลุกพล่าน แนะนำให้ลองเที่ยวตามรูทเราดูได้จ้า


[Advertorial]
ชื่อสินค้า:   เหนือฝัน ล้านแรงบันดาลใจ
คะแนน:     

BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่