[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"สมมติ ฉุดวังวน"
-----------------------------------------------------
บทนำ : https://pantip.com/topic/37668769
ตอนที่ 1 แม่ : ปัจจุบัน
ตอนที่ 2 กัลยาณมิตร : https://pantip.com/topic/37677286
"ตายกันหมดนี่แหละ " เสียงอาปัตตะโกนลั่นในรถยนต์ ระหว่างทางกลับบ้าน
อาปัตแฟนใหม่ของแม่ ที่พบแม่ตอนที่ฉันยังอยู่มัธยมต้น กำลังสติหลุดเร่งความเร็วรถ จนเกือบถึง 200กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปตามถนนที่เป็นทางกลับบ้านของเรา หลังจากที่เราไปเยี่ยมยายที่บ้าน ซึ่งอยู่ในอีกตำบลของจังหวัดราชบุรี
“หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณ อย่ามาทำบ้าๆแบบนี้นะ สติอยู่ไหนหมด บอกให้หยุด!"
แม่ที่นั่งข้างๆ หันไปพูดตะคอกอาปัต แต่อาปัตทำเหมือนไม่ได้ยิน และเหยียบคันเร่งไปเรื่อยๆ ด้วยสายตาแดงก่ำ
“ผมมันไม่มีอะไรดีเลย จะไปสู้ไอ้คนที่มันมาจีบคุณได้ยังไง" อาปัตตะคอกลั่น โดยไม่ลดละการเร่งความเร็วของรถ
"อาคะ พรุ่งนี้เตยมีสอบเอนทรานส์วันแรก เตยอยากมีชีวิตอยู่ อยากเรียนสูงๆ อาอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ หยุดเถอะคะอามีอะไรไปคุยกันดีๆที่บ้านนะคะ" ฉันเริ่มร้องไห้
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาปัตโกรธแบบนี้ หลายครั้งที่เรื่องราวแบบนี้จบลงด้วยการทำลายข้าวของภายในบ้าน ไม่ก็แมวหรือหมาละแวกบ้านที่พลอยจะโดนหางเลขไปด้วย
หลายครั้งที่ฉันต้องทนได้ยินแม่กับอาปัตมีปากเสียงกันมาตลอด เพราะอาปัตต้องยอมตกงานเพื่อนำเงินก้อนมาใช้หนี้ให้แม่ในช่วงที่แม่ลำบาก ด้วยความถือตัวที่ตัวเองเคยทำงานในระดับสูง หลังจากตกงานจึงไม่ยอมหางานใหม่ทำถ้าไม่ใช่ตำแหน่งที่ต้องการหรือต่ำกว่าที่เคยทำได้
ส่วนแม่ฉันเป็นข้าราชการ หลายครั้งที่เงินไม่พอก็จะมีการกู้หนี้ยืมสินจากธนาคาร จากคนรอบข้าง อย่างน้อยก็เพื่อให้ฉันได้มีกินมีใช้ไม่อดอยากและได้เรียนหนังสือ
ด้วยความที่แม่เป็นแม่หม้าย (พ่อของฉันเสียไปตั้งแต่เด็ก) และหน้าตาสวย จึงมีหนุ่มใหญ่แวะเวียนมาจีบอยู่เสมอ แม่เป็นคนอัธยาศัยดีแต่ไม่เคยคิดนอกใจ หลายครั้งที่อาปัตคิดมากและขี้หึงจนเกินควร ความหยาบคายและการใช้กำลังจึงค่อยๆเผยธาตุแท้ของเขาออกมา ฉันสงสารแม่ทุกครั้งที่เขาทะเลาะกัน
"แม่รักหนูนะเตย คาดเข็มขัดด้วยลูก" แม่หันมามองฉันที่เบาะหลังด้วยน้ำตาคลอเบ้า เหมือนจะร่ำลาและหันกลับไปนั่งเงียบๆและหลับตา
ฉันรีบคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วก้มหน้าเอนตัวมุดลงไปในระดับต่ำเพราะกลัวว่าอาปัตจะทำจริงๆ แต่ในใจก็คิดว่าเดี๋ยวอาปัตคงอารมณ์เย็นลงเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา
ฉันร้องไห้ตลอด ฉันไม่อยากให้มันเกิดอะไรแบบนี้เลย ได้แต่ภาวนา
เสียงรถเร่งความเร็วและดังขึ้นๆ เสียงอาปัตหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกัน เหมือนคนเสียสติทั้งที่ไม่ได้ดื่มเหล้า ส่วนเสียงแม่ ฉันแทบจะไม่ได้ยินเลยสักนิด
ไม่ถึงเสี้ยวนาที เหมือนรถมีแรงกระแทกกับของแข็งด้านหน้าอย่างจัง เบาะเก้าอี้ที่นั่งแม่กระแทกมาทับตัวฉันที่กำลังนั่งห่อตัว เสียงหลังคาโดดบีบอัดเหมือนเหล็กโดนของแข็งอันใหญ่ทุบลงมา เสียงกระจกไม่รู้ด้านหน้าหรือด้านหลังแตก เสียงแห่งความเจ็บปวดที่ฉันไม่อาจทราบได้ว่าของใคร รวมทั้งความเจ็บปวดจากแรงอัดกระแทกรอบตัวฉัน ฉันทนมันได้สักพักในความมืดจากการหลับตาด้วยความกลัวหลังจากนั้นฉันจึงไม่รู้สึกตัวอีกเลย
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
"เตย เตยได้ยินยายมั้ยลูก" ฉันได้ยินเสียงยายแว่วๆผ่านหู แต่ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้
ฉันหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ พอฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมา ฉันเห็นพยาบาลกำลังเปลี่ยนน้ำเกลือขวดใหม่ให้ฉัน
ฉันมองไปทางซ้ายพบว่ายายและน้าขวัญน้องสาวของแม่ กำลังหลับบนโซฟาเยี่ยมคนไข้
"ยายจ๋า น้าจ๋า ยายจ๋า น้าจ๋า"
ฉันเรียกยายและน้าด้วยเสียงแหบและเหมือนไม่มีแรง แต่เหมือนไม่มีใครได้ยิน
พี่พยาบาลจึงไปสะกิดเรียกยายและน้าให้ตื่น พวกเขาสองคนจึงรีบกรูกันเข้ามา
ฉันร้องไห้และจับมือยายกับน้า เมื่อภาพความทรงจำอันเลวร้ายมันเริ่มปรากฎมาในสมอง
"เตยไหวมั้ยลูก หิวมั้ย น้าจะให้เขาเตรียมข้าวต้มมา"
"หิวค่ะ นี่เตยหลับไปนานกี่วันละคะน้า"
"2 วันจ๊ะ ตอนแรกน้าเป็นห่วงมาก แผลเต็มตัว แล้วหมอบอกว่าอวัยวะข้างในของหนูบอบช้ำนิดหน่อย”
ฉันเพิ่งรู้สึกว่ามีผ้าพันแผลที่แขนและขาเต็มไปหมด
"แม่อยู่ไหนคะยาย เตยคิดถึงแม่จัง"
ยายหันไปมองหน้าน้าและหันมาบอกกับฉันว่า “แม่อยู่ไม่ไกลลูก ไว้เตยดีขึ้นยายจะพาไปหาแม่นะลูก ตอนนี้ต้องพักเยอะๆเอาแรงไปก่อน” สีหน้ายายดูมีความกังวล และในใจลึกๆ ฉันเหมือนรู้สึกจะพบคำตอบอะไรบางอย่าง
ตอนนั้นฉันสลึมสลือ อีกทั้งยังหิวข้าวมาก น้าจึงเอาข้าวต้มมาป้อนให้และเคลิ้มหลับไปด้วยฤทธิ์ของยาแก้ปวด
"เตย เตยเจ็บตรงไหนมั้ยลูก"
ฉันค่อยลืมตามา เห็นแม่นั่งข้างๆฉันทางฝั่งขวาที่ติดกับหน้าต่าง
แสงในยามเย็นส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องดูเป็นสีเหลืองหม่น ฉันเห็นแม่กำลังร้องไห้และเข้ามาจูบฉันที่หน้าผาก
"แม่ เตยคิดถึงแม่จัง แม่เจ็บตรงไหนมั้ย เตยนึกว่าแม่จะเป็นอะไรไปแล้ว" ฉันร้องไห้และเอามือขวาที่กำลังให้น้ำเกลือจับมือแม่
“แล้วอาปัตเป็นอย่างไรบ้างคะแม่” แม่ยิ้มและส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน แทนคำตอบ
"เตยพักเยอะๆนะลูก หนูจะได้หายไวๆ แม่และอาปัตไม่เป็นไรเลยลูก เราเจ็บกันนิดหน่อยแต่เดี๋ยวก็หาย"
"หนูปวดหัวจังแม่ หนูอยากได้ยาแก้ปวดหัว โอ้ย หัวเตยจะระเบิดแล้ว" ฉันหลับตาร้องไห้และเอามือซ้ายบีบหน้าผากเพื่อช่วยคลาย จนเผลอหลับไปอีก
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
"น้องเตยคะ น้องเตย" พี่พยาบาลสาวคนเดิมยิ้มให้ในช่วง6โมงเช้า
“กินยาแก้ปวดหัวเนาะ”
"เตยปวดหัวเหรอลูกทำไมไม่บอกน้าล่ะ" น้ากำลังประคองยายออกมาจากห้องน้ำที่อยู่หลังโซฟารับแขกในห้องพัก
"เตยบอกแม่ไปเมื่อคืนคะ สงสัยแม่คงจะไปบอกพี่พยาบาลให้ ใช่มั้ยคะ" ฉันหันไปหาพี่พยาบาลที่อยู่ทางขวามือ
"ค่ะ เมื่อเช้าตรู่มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาวประบ่า หน้าคม คล้ายๆน้องเตย ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์มาแจ้งน้องๆที่อยู่เวรดึกไว้นะคะ น้องๆเลยบอกดิฉันมาอีกที จึงให้หมอสั่งยาให้แล้วค่ะ"
ยายกับน้ามองหน้ากัน แล้วน้ำตายายก็ไหลออกมาแต่ไม่มีเสียง
"ยายร้องทำไมจ๊ะ"
"กินยานะลูกจะได้หายปวดหัวไวๆ ถ้าวันนี้เตยพอเดินไหว เดี๋ยวยายจะพาไปหาแม่แล้วหล่ะ ยายขอหมอไว้แล้ว"
ฉันดีใจมากที่จะได้เจอแม่อีกครั้ง แม่คงจะไม่เป็นอะไรมากเพราะเมื่อคืนเรายังเจอกัน
น้าเลือกชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงเลย์สีขาวเพื่อไม่ให้รัดผ้าพันแผลที่มีอยู่เต็มขา
น้าขวัญขับรถพาฉันและยายออกจากโรงพยาบาลและเลี้ยวไปทางตลาด
"ทำไมมาทางนี้ล่ะคะ นี่มันทางไปตลาดกลาง ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่" ฉันถามน้าขวัญ ด้วยความสงสัย
ไม่มีใครตอบ สักพักรถเลี้ยวขวาเข้าวัดกลางใหญ่ ซึ่งเป็นวัดที่แม่ชอบพาฉันมาตักบาตรและฟังธรรมกันบ่อยๆ
ฉันเริ่มใจคอไม่ดี แน่นหน้าอกบอกไม่ถูก น้ำตาเริ่มคลอเบ้าเหมือนไม่ต้องมีใครบอกฉันก็ทราบว่ามันหมายถึงอะไร
ฉันค่อยๆลงจากรถ มองไปที่ศาลาใกล้ๆที่จอดรถเห็นญาติสนิทของยายและเพื่อนๆของแม่นั่งอยู่ในวัด
ฉันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ยายและน้าเข้ามากอดฉันและร้องไห้ไปด้วย
"ไม่เอานะเตย อย่าทำให้แม่เป็นห่วงสิลูก ถ้าเราอยากให้คนที่จากไปสบาย เราต้องไม่ดึงเขาไว้ด้วยความอาลัยนะลูก" น้าบอกฉัน
ในตอนนั้น ต่อให้ใครก็คงทำใจได้ยาก ฉันนึกถึงภาพวันที่ฉันเอาใบเกรดไปให้แม่ดูว่าฉันสอบได้เกรดดีตามที่แม่หวังไว้ และฉันเคยสัญญากับแม่ว่าฉันจะเลี้ยงดูแม่ให้ดีสมกับที่แม่ลำบากเพื่อฉันมามาก แต่นี่ฉันยังไม่ได้ตอบแทนอะไรแม่เลย
ยายและน้าจูงมือและประคองฉันให้เดินเข้าไปในศาลาวัด เพราะฉันยังระบมกับแผลที่ขา เมื่อมาถึงภายในศาลา ทุกคนในงานส่งสายตาอาวรณ์มาที่ฉันเหมือนกำลังส่งกำลังใจมาให้ฉัน
แนน ลูกพี่ลูกน้อง เป็นหลานของน้องสาวยาย เดินเข้ามาจับมือฉันด้วยตาแดงก่ำ "ไหว้พระก่อนนะพี่เตย แล้วมาไหว้แม่พี่นะ หนูจุดธูปให้" แนนพาฉันมานั่งข้างหน้าโรงศพ
ภาพแม่ในชุดข้าราชการดูสวยสมวัย ข้างๆคือภาพของอาปัต ที่โลงวางคู่กัน
สายตาแม่ในภาพดูเศร้า ทั้งที่ตอนแรกดูเหมือนกำลังยิ้ม ส่วนภาพอาปัตฉันไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเพราะฉันโกรธที่เขาคือตัวการที่ทำให้ชีวิตฉันต้องมาพังลง
"แม่จ๋า เตยมาไหว้แม่แล้วนะจ๊ะ ขอบคุณแม่ที่เมื่อคืนอุตส่าห์ไปหาเตย เตยขอแม่อย่าเป็นห่วงเตยนะจ๊ะ เตยจะดูแลตัวเองให้ดี จะตั้งใจเรียน เตยจะทำบุญไปให้แม่บ่อยๆนะจ๊ะ" ฉันพูดไปน้ำตาอาบแก้มไป จนแนนต้องเอาทิชชู่ยื่นให้
หลังจากที่ฉันกราบพระ กราบแม่และน้าปัตแล้ว ฉันจึงพบว่า เพื่อนๆฉันต่างก็มาแสดงความเสียใจด้วยหลายคน เราจึงมานั่งฟังพระสวดจนงานเลิก ก่อนกลับไปนอนโรงพยาบาล
"ฉันกับแจงไปเยี่ยมแกเย็นวันหลังสอบเอนทรานส์ มีแต่คนโทรหาแกรู้มั้ย ตอนเช้า แต่ไม่ติด พอรู้ข่าวจากน้าสาวแก พวกฉันแทบช็อค" เปิ้ลพูดเสียงอ่อยๆและดึงฉันไปกอดเบาๆ
"มันดวงไม่ดีจริงๆ เดี๋ยวฉันคงรอผลสอบโควต้าของมหิดล 4 จังหวัดที่ไปสอบไว้เดือนก่อนแทนไปละกัน ถ้าไม่ติดเภสัชเดี๋ยวปีหน้าคงเอาใหม่ ขอรักษาตัวไปก่อนช่วงนี้ ระหว่างนี้ฉันคงขอไปหาที่ทำใจสักพักนะ"
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
สมมติฉุดวังวน - ตอนที่ 1 แม่
"ตายกันหมดนี่แหละ " เสียงอาปัตตะโกนลั่นในรถยนต์ ระหว่างทางกลับบ้าน
อาปัตแฟนใหม่ของแม่ ที่พบแม่ตอนที่ฉันยังอยู่มัธยมต้น กำลังสติหลุดเร่งความเร็วรถ จนเกือบถึง 200กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปตามถนนที่เป็นทางกลับบ้านของเรา หลังจากที่เราไปเยี่ยมยายที่บ้าน ซึ่งอยู่ในอีกตำบลของจังหวัดราชบุรี
“หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณ อย่ามาทำบ้าๆแบบนี้นะ สติอยู่ไหนหมด บอกให้หยุด!"
แม่ที่นั่งข้างๆ หันไปพูดตะคอกอาปัต แต่อาปัตทำเหมือนไม่ได้ยิน และเหยียบคันเร่งไปเรื่อยๆ ด้วยสายตาแดงก่ำ
“ผมมันไม่มีอะไรดีเลย จะไปสู้ไอ้คนที่มันมาจีบคุณได้ยังไง" อาปัตตะคอกลั่น โดยไม่ลดละการเร่งความเร็วของรถ
"อาคะ พรุ่งนี้เตยมีสอบเอนทรานส์วันแรก เตยอยากมีชีวิตอยู่ อยากเรียนสูงๆ อาอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ หยุดเถอะคะอามีอะไรไปคุยกันดีๆที่บ้านนะคะ" ฉันเริ่มร้องไห้
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาปัตโกรธแบบนี้ หลายครั้งที่เรื่องราวแบบนี้จบลงด้วยการทำลายข้าวของภายในบ้าน ไม่ก็แมวหรือหมาละแวกบ้านที่พลอยจะโดนหางเลขไปด้วย
หลายครั้งที่ฉันต้องทนได้ยินแม่กับอาปัตมีปากเสียงกันมาตลอด เพราะอาปัตต้องยอมตกงานเพื่อนำเงินก้อนมาใช้หนี้ให้แม่ในช่วงที่แม่ลำบาก ด้วยความถือตัวที่ตัวเองเคยทำงานในระดับสูง หลังจากตกงานจึงไม่ยอมหางานใหม่ทำถ้าไม่ใช่ตำแหน่งที่ต้องการหรือต่ำกว่าที่เคยทำได้
ส่วนแม่ฉันเป็นข้าราชการ หลายครั้งที่เงินไม่พอก็จะมีการกู้หนี้ยืมสินจากธนาคาร จากคนรอบข้าง อย่างน้อยก็เพื่อให้ฉันได้มีกินมีใช้ไม่อดอยากและได้เรียนหนังสือ
ด้วยความที่แม่เป็นแม่หม้าย (พ่อของฉันเสียไปตั้งแต่เด็ก) และหน้าตาสวย จึงมีหนุ่มใหญ่แวะเวียนมาจีบอยู่เสมอ แม่เป็นคนอัธยาศัยดีแต่ไม่เคยคิดนอกใจ หลายครั้งที่อาปัตคิดมากและขี้หึงจนเกินควร ความหยาบคายและการใช้กำลังจึงค่อยๆเผยธาตุแท้ของเขาออกมา ฉันสงสารแม่ทุกครั้งที่เขาทะเลาะกัน
"แม่รักหนูนะเตย คาดเข็มขัดด้วยลูก" แม่หันมามองฉันที่เบาะหลังด้วยน้ำตาคลอเบ้า เหมือนจะร่ำลาและหันกลับไปนั่งเงียบๆและหลับตา
ฉันรีบคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วก้มหน้าเอนตัวมุดลงไปในระดับต่ำเพราะกลัวว่าอาปัตจะทำจริงๆ แต่ในใจก็คิดว่าเดี๋ยวอาปัตคงอารมณ์เย็นลงเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา
ฉันร้องไห้ตลอด ฉันไม่อยากให้มันเกิดอะไรแบบนี้เลย ได้แต่ภาวนา
เสียงรถเร่งความเร็วและดังขึ้นๆ เสียงอาปัตหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกัน เหมือนคนเสียสติทั้งที่ไม่ได้ดื่มเหล้า ส่วนเสียงแม่ ฉันแทบจะไม่ได้ยินเลยสักนิด
ไม่ถึงเสี้ยวนาที เหมือนรถมีแรงกระแทกกับของแข็งด้านหน้าอย่างจัง เบาะเก้าอี้ที่นั่งแม่กระแทกมาทับตัวฉันที่กำลังนั่งห่อตัว เสียงหลังคาโดดบีบอัดเหมือนเหล็กโดนของแข็งอันใหญ่ทุบลงมา เสียงกระจกไม่รู้ด้านหน้าหรือด้านหลังแตก เสียงแห่งความเจ็บปวดที่ฉันไม่อาจทราบได้ว่าของใคร รวมทั้งความเจ็บปวดจากแรงอัดกระแทกรอบตัวฉัน ฉันทนมันได้สักพักในความมืดจากการหลับตาด้วยความกลัวหลังจากนั้นฉันจึงไม่รู้สึกตัวอีกเลย
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
"เตย เตยได้ยินยายมั้ยลูก" ฉันได้ยินเสียงยายแว่วๆผ่านหู แต่ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้
ฉันหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ พอฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมา ฉันเห็นพยาบาลกำลังเปลี่ยนน้ำเกลือขวดใหม่ให้ฉัน
ฉันมองไปทางซ้ายพบว่ายายและน้าขวัญน้องสาวของแม่ กำลังหลับบนโซฟาเยี่ยมคนไข้
"ยายจ๋า น้าจ๋า ยายจ๋า น้าจ๋า"
ฉันเรียกยายและน้าด้วยเสียงแหบและเหมือนไม่มีแรง แต่เหมือนไม่มีใครได้ยิน
พี่พยาบาลจึงไปสะกิดเรียกยายและน้าให้ตื่น พวกเขาสองคนจึงรีบกรูกันเข้ามา
ฉันร้องไห้และจับมือยายกับน้า เมื่อภาพความทรงจำอันเลวร้ายมันเริ่มปรากฎมาในสมอง
"เตยไหวมั้ยลูก หิวมั้ย น้าจะให้เขาเตรียมข้าวต้มมา"
"หิวค่ะ นี่เตยหลับไปนานกี่วันละคะน้า"
"2 วันจ๊ะ ตอนแรกน้าเป็นห่วงมาก แผลเต็มตัว แล้วหมอบอกว่าอวัยวะข้างในของหนูบอบช้ำนิดหน่อย”
ฉันเพิ่งรู้สึกว่ามีผ้าพันแผลที่แขนและขาเต็มไปหมด
"แม่อยู่ไหนคะยาย เตยคิดถึงแม่จัง"
ยายหันไปมองหน้าน้าและหันมาบอกกับฉันว่า “แม่อยู่ไม่ไกลลูก ไว้เตยดีขึ้นยายจะพาไปหาแม่นะลูก ตอนนี้ต้องพักเยอะๆเอาแรงไปก่อน” สีหน้ายายดูมีความกังวล และในใจลึกๆ ฉันเหมือนรู้สึกจะพบคำตอบอะไรบางอย่าง
ตอนนั้นฉันสลึมสลือ อีกทั้งยังหิวข้าวมาก น้าจึงเอาข้าวต้มมาป้อนให้และเคลิ้มหลับไปด้วยฤทธิ์ของยาแก้ปวด
"เตย เตยเจ็บตรงไหนมั้ยลูก"
ฉันค่อยลืมตามา เห็นแม่นั่งข้างๆฉันทางฝั่งขวาที่ติดกับหน้าต่าง
แสงในยามเย็นส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องดูเป็นสีเหลืองหม่น ฉันเห็นแม่กำลังร้องไห้และเข้ามาจูบฉันที่หน้าผาก
"แม่ เตยคิดถึงแม่จัง แม่เจ็บตรงไหนมั้ย เตยนึกว่าแม่จะเป็นอะไรไปแล้ว" ฉันร้องไห้และเอามือขวาที่กำลังให้น้ำเกลือจับมือแม่
“แล้วอาปัตเป็นอย่างไรบ้างคะแม่” แม่ยิ้มและส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน แทนคำตอบ
"เตยพักเยอะๆนะลูก หนูจะได้หายไวๆ แม่และอาปัตไม่เป็นไรเลยลูก เราเจ็บกันนิดหน่อยแต่เดี๋ยวก็หาย"
"หนูปวดหัวจังแม่ หนูอยากได้ยาแก้ปวดหัว โอ้ย หัวเตยจะระเบิดแล้ว" ฉันหลับตาร้องไห้และเอามือซ้ายบีบหน้าผากเพื่อช่วยคลาย จนเผลอหลับไปอีก
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿
"น้องเตยคะ น้องเตย" พี่พยาบาลสาวคนเดิมยิ้มให้ในช่วง6โมงเช้า
“กินยาแก้ปวดหัวเนาะ”
"เตยปวดหัวเหรอลูกทำไมไม่บอกน้าล่ะ" น้ากำลังประคองยายออกมาจากห้องน้ำที่อยู่หลังโซฟารับแขกในห้องพัก
"เตยบอกแม่ไปเมื่อคืนคะ สงสัยแม่คงจะไปบอกพี่พยาบาลให้ ใช่มั้ยคะ" ฉันหันไปหาพี่พยาบาลที่อยู่ทางขวามือ
"ค่ะ เมื่อเช้าตรู่มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาวประบ่า หน้าคม คล้ายๆน้องเตย ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์มาแจ้งน้องๆที่อยู่เวรดึกไว้นะคะ น้องๆเลยบอกดิฉันมาอีกที จึงให้หมอสั่งยาให้แล้วค่ะ"
ยายกับน้ามองหน้ากัน แล้วน้ำตายายก็ไหลออกมาแต่ไม่มีเสียง
"ยายร้องทำไมจ๊ะ"
"กินยานะลูกจะได้หายปวดหัวไวๆ ถ้าวันนี้เตยพอเดินไหว เดี๋ยวยายจะพาไปหาแม่แล้วหล่ะ ยายขอหมอไว้แล้ว"
ฉันดีใจมากที่จะได้เจอแม่อีกครั้ง แม่คงจะไม่เป็นอะไรมากเพราะเมื่อคืนเรายังเจอกัน
น้าเลือกชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงเลย์สีขาวเพื่อไม่ให้รัดผ้าพันแผลที่มีอยู่เต็มขา
น้าขวัญขับรถพาฉันและยายออกจากโรงพยาบาลและเลี้ยวไปทางตลาด
"ทำไมมาทางนี้ล่ะคะ นี่มันทางไปตลาดกลาง ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่" ฉันถามน้าขวัญ ด้วยความสงสัย
ไม่มีใครตอบ สักพักรถเลี้ยวขวาเข้าวัดกลางใหญ่ ซึ่งเป็นวัดที่แม่ชอบพาฉันมาตักบาตรและฟังธรรมกันบ่อยๆ
ฉันเริ่มใจคอไม่ดี แน่นหน้าอกบอกไม่ถูก น้ำตาเริ่มคลอเบ้าเหมือนไม่ต้องมีใครบอกฉันก็ทราบว่ามันหมายถึงอะไร
ฉันค่อยๆลงจากรถ มองไปที่ศาลาใกล้ๆที่จอดรถเห็นญาติสนิทของยายและเพื่อนๆของแม่นั่งอยู่ในวัด
ฉันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ยายและน้าเข้ามากอดฉันและร้องไห้ไปด้วย
"ไม่เอานะเตย อย่าทำให้แม่เป็นห่วงสิลูก ถ้าเราอยากให้คนที่จากไปสบาย เราต้องไม่ดึงเขาไว้ด้วยความอาลัยนะลูก" น้าบอกฉัน
ในตอนนั้น ต่อให้ใครก็คงทำใจได้ยาก ฉันนึกถึงภาพวันที่ฉันเอาใบเกรดไปให้แม่ดูว่าฉันสอบได้เกรดดีตามที่แม่หวังไว้ และฉันเคยสัญญากับแม่ว่าฉันจะเลี้ยงดูแม่ให้ดีสมกับที่แม่ลำบากเพื่อฉันมามาก แต่นี่ฉันยังไม่ได้ตอบแทนอะไรแม่เลย
ยายและน้าจูงมือและประคองฉันให้เดินเข้าไปในศาลาวัด เพราะฉันยังระบมกับแผลที่ขา เมื่อมาถึงภายในศาลา ทุกคนในงานส่งสายตาอาวรณ์มาที่ฉันเหมือนกำลังส่งกำลังใจมาให้ฉัน
แนน ลูกพี่ลูกน้อง เป็นหลานของน้องสาวยาย เดินเข้ามาจับมือฉันด้วยตาแดงก่ำ "ไหว้พระก่อนนะพี่เตย แล้วมาไหว้แม่พี่นะ หนูจุดธูปให้" แนนพาฉันมานั่งข้างหน้าโรงศพ
ภาพแม่ในชุดข้าราชการดูสวยสมวัย ข้างๆคือภาพของอาปัต ที่โลงวางคู่กัน
สายตาแม่ในภาพดูเศร้า ทั้งที่ตอนแรกดูเหมือนกำลังยิ้ม ส่วนภาพอาปัตฉันไม่ได้ให้ความสนใจมากนักเพราะฉันโกรธที่เขาคือตัวการที่ทำให้ชีวิตฉันต้องมาพังลง
"แม่จ๋า เตยมาไหว้แม่แล้วนะจ๊ะ ขอบคุณแม่ที่เมื่อคืนอุตส่าห์ไปหาเตย เตยขอแม่อย่าเป็นห่วงเตยนะจ๊ะ เตยจะดูแลตัวเองให้ดี จะตั้งใจเรียน เตยจะทำบุญไปให้แม่บ่อยๆนะจ๊ะ" ฉันพูดไปน้ำตาอาบแก้มไป จนแนนต้องเอาทิชชู่ยื่นให้
หลังจากที่ฉันกราบพระ กราบแม่และน้าปัตแล้ว ฉันจึงพบว่า เพื่อนๆฉันต่างก็มาแสดงความเสียใจด้วยหลายคน เราจึงมานั่งฟังพระสวดจนงานเลิก ก่อนกลับไปนอนโรงพยาบาล
"ฉันกับแจงไปเยี่ยมแกเย็นวันหลังสอบเอนทรานส์ มีแต่คนโทรหาแกรู้มั้ย ตอนเช้า แต่ไม่ติด พอรู้ข่าวจากน้าสาวแก พวกฉันแทบช็อค" เปิ้ลพูดเสียงอ่อยๆและดึงฉันไปกอดเบาๆ
"มันดวงไม่ดีจริงๆ เดี๋ยวฉันคงรอผลสอบโควต้าของมหิดล 4 จังหวัดที่ไปสอบไว้เดือนก่อนแทนไปละกัน ถ้าไม่ติดเภสัชเดี๋ยวปีหน้าคงเอาใหม่ ขอรักษาตัวไปก่อนช่วงนี้ ระหว่างนี้ฉันคงขอไปหาที่ทำใจสักพักนะ"
🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿🌿