โพสนี้ขอเล่ากรณีตัวอย่างของการมั่วหรือเมคผลการทดลองของอดีตนักวิจัยแห่ง Bell Labs ที่สุดท้ายถูกจับได้ จึงทำให้หมดอนาคต โดนไล่ออกจากงาน โดนยกเลิกเปเปอร์ที่เคยตีพิมพ์ไว้ รวมถึงโดนยึดวุฒิปริญญาเอกไปอีกด้วย
โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อคณะกรรมการสอบสวนการกระทำผิดของ Jan Hendrik Schön ซึ่งในขณะนั้นเป็นนักวิจัยด้านสารกึ่งตัวนำอยู่ที่ Bell Labs ได้ตัดสินว่า Schön ไม่ได้ทำงานวิจัยตามหลักทางวิชาการจริง และเคยตีพิมพ์บทความวิจัยที่ไม่ได้ศึกษาตามหลักทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องถึง 16 ชิ้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้จิตสำนึกและไม่สามารถยอมรับได้ จึงมีมติให้ไล่ออกจากการเป็นนักวิจัยที่ Bell Labs
ที่มาของการตั้งคณะกรรมการสอบสวนการกระทำความผิดของ Schön ครั้งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากมีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านพบว่า ไม่มีใครสามารถทำการทดลองแล้วได้ผลตามที่ Schön เคยรายงานไว้ในเปเปอร์ที่ตีพิมพ์ได้เลยซักคน รวมถึงมีนักฟิสิกส์กลุ่มหนึ่งก็ดันไปเจอว่ามีเปเปอร์ 3 ชิ้นที่ศึกษาในหัวข้อที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย แต่แสดงกราฟผลการทดลองเดียวกัน จึงเป็นที่มาของการตั้งข้อสงสัยว่าอะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ทำให้พอเรื่องนี้ไปเข้าหูคนใน Bell Labs จึงมีการตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นทันที จนพบว่าไม่ได้มีเปเปอร์แค่ 3 ชิ้นเท่านั้นนะที่เข้าข่ายต้องสงสัย แต่มีถึง 24 ชิ้นตามมาให้คณะกรรมการได้ปวดหัวเพิ่มอีก
ท้ายที่สุดแล้วหลังจากที่คณะกรรมการได้พิจารณาสอบสวน ก็พบว่า Schön ได้ทำการแก้ไขภาพผลการทดลองที่เอามาจากเปเปอร์ของคนอื่น โดยไปลบจุดข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับทฤษฎีของเขาออกไปดื้อๆ แล้วใส่จุดข้อมูลที่มาจากการคำนวณของตัวเองเข้าไปแทน นอกจากนี้ข้อมูลดิบที่จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่า Schön ได้ทำการทดลองจริงตามที่เคยรายงานในเปเปอร์ทั้งหลายก็ดันไม่มีซะอีก โดย Schön อ้างว่าจำเป็นต้องลบข้อมูลเหล่านี้ทิ้งเพราะฮาร์ดดิสก์ของตัวเองเต็ม ซึ่งดูแล้วคงฟังไม่ขึ้น คณะกรรมการเลยตัดสินให้ไล่ออกทันที แม้ว่า Schön จะยอมรับว่าเสียใจที่ไม่ซื่อตรงต่อการรายงานผลวิจัยของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่าเปเปอร์ที่เขาตีพิมพ์ไปทั้งหมดนั้นพัฒนามาจากผลการทดลองจริง (หรอ?)
ผลกระทบจากเรื่องนี้ยังส่งผลให้วารสารทางวิชาการต่างๆ เช่น Nature หรือ Science และอื่นๆที่ Schön เคยได้ตีพิมพ์ไว้ก็ประกาศเพิกถอนเปเปอร์ของเขารวมทั้งหมด 28 ชิ้น และยังมีเปเปอร์อีก 8 ชิ้นที่ถูกตั้งข้อสงสัย รวมถึงมหาวิทยาลัยที่ Schön เรียนจบปริญญาเอกมาก็ยึดวุฒิปริญญาเอกของเขาทันทีที่ทราบข่าวด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบไปถึงผู้แต่งร่วม (co-authors) และผู้ประเมินบทความ (reviewers) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเปเปอร์ที่ถูกถอดของ Schön ก็ยังมาถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าควรมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบหรือไม่
นับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ Schön อดีตนักวิจัยหนุ่มดาวรุ่งชาวเยอรมัน ที่กำลังมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทรานซิสเตอร์ที่เป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่ แถมยังเคยได้รับรางวัลมากมายจากองค์กรและนิตยสารทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ (ที่สุดท้ายก็โดนยึดคืนเช่นกัน) ต้องมาจบอาชีพที่ตัวเองรักลงเพียงเพราะการกระทำที่ไม่ซื่อตรงของตัวเอง
------------------------------------------------------
จากกรณีตัวอย่างของ Schön นี้ จึงอยากฝากข้อคิดทิ้งท้ายให้กับนักเรียนทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับปริญญาโท/เอกที่เน้นการทำวิจัย ว่าเราควรทำงานวิจัยอย่างตรงไปตรงมา เก็บข้อมูล/ทำการทดลอง/วิเคราะห์ผลออกมาได้อย่างไร ก็ควรรายงานผลออกไปตามจริง แต่ถ้าเห็นว่าผลออกมาไม่สอดคล้องกับทฤษฎี ก็ควรตรวจสอบว่าเป็นเพราะเหตุใดก่อน โดยอาจลองทำซ้ำเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เราค้นพบนั้นถูกต้องจริง ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของตัวผู้ทำวิจัยเอง ยอมเสียเวลาในการวิเคราะห์/ตรวจสอบเพิ่มอีกนิดดีกว่าที่จะต้องมาเสียอนาคตภายหลังเหมือนกับ Schön
------------------------------------------------------
แหล่งที่มา :
https://www.facebook.com/allaboutstudents/posts/2117253284965489
https://www.nature.com/n…/2002/020923/full/news020923-9.html
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Schön_scandal
เรื่องจริงของการมั่วผลงานวิจัย
โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อคณะกรรมการสอบสวนการกระทำผิดของ Jan Hendrik Schön ซึ่งในขณะนั้นเป็นนักวิจัยด้านสารกึ่งตัวนำอยู่ที่ Bell Labs ได้ตัดสินว่า Schön ไม่ได้ทำงานวิจัยตามหลักทางวิชาการจริง และเคยตีพิมพ์บทความวิจัยที่ไม่ได้ศึกษาตามหลักทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องถึง 16 ชิ้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้จิตสำนึกและไม่สามารถยอมรับได้ จึงมีมติให้ไล่ออกจากการเป็นนักวิจัยที่ Bell Labs
ที่มาของการตั้งคณะกรรมการสอบสวนการกระทำความผิดของ Schön ครั้งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากมีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านพบว่า ไม่มีใครสามารถทำการทดลองแล้วได้ผลตามที่ Schön เคยรายงานไว้ในเปเปอร์ที่ตีพิมพ์ได้เลยซักคน รวมถึงมีนักฟิสิกส์กลุ่มหนึ่งก็ดันไปเจอว่ามีเปเปอร์ 3 ชิ้นที่ศึกษาในหัวข้อที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย แต่แสดงกราฟผลการทดลองเดียวกัน จึงเป็นที่มาของการตั้งข้อสงสัยว่าอะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ทำให้พอเรื่องนี้ไปเข้าหูคนใน Bell Labs จึงมีการตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นทันที จนพบว่าไม่ได้มีเปเปอร์แค่ 3 ชิ้นเท่านั้นนะที่เข้าข่ายต้องสงสัย แต่มีถึง 24 ชิ้นตามมาให้คณะกรรมการได้ปวดหัวเพิ่มอีก
ท้ายที่สุดแล้วหลังจากที่คณะกรรมการได้พิจารณาสอบสวน ก็พบว่า Schön ได้ทำการแก้ไขภาพผลการทดลองที่เอามาจากเปเปอร์ของคนอื่น โดยไปลบจุดข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับทฤษฎีของเขาออกไปดื้อๆ แล้วใส่จุดข้อมูลที่มาจากการคำนวณของตัวเองเข้าไปแทน นอกจากนี้ข้อมูลดิบที่จะสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันว่า Schön ได้ทำการทดลองจริงตามที่เคยรายงานในเปเปอร์ทั้งหลายก็ดันไม่มีซะอีก โดย Schön อ้างว่าจำเป็นต้องลบข้อมูลเหล่านี้ทิ้งเพราะฮาร์ดดิสก์ของตัวเองเต็ม ซึ่งดูแล้วคงฟังไม่ขึ้น คณะกรรมการเลยตัดสินให้ไล่ออกทันที แม้ว่า Schön จะยอมรับว่าเสียใจที่ไม่ซื่อตรงต่อการรายงานผลวิจัยของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่าเปเปอร์ที่เขาตีพิมพ์ไปทั้งหมดนั้นพัฒนามาจากผลการทดลองจริง (หรอ?)
ผลกระทบจากเรื่องนี้ยังส่งผลให้วารสารทางวิชาการต่างๆ เช่น Nature หรือ Science และอื่นๆที่ Schön เคยได้ตีพิมพ์ไว้ก็ประกาศเพิกถอนเปเปอร์ของเขารวมทั้งหมด 28 ชิ้น และยังมีเปเปอร์อีก 8 ชิ้นที่ถูกตั้งข้อสงสัย รวมถึงมหาวิทยาลัยที่ Schön เรียนจบปริญญาเอกมาก็ยึดวุฒิปริญญาเอกของเขาทันทีที่ทราบข่าวด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบไปถึงผู้แต่งร่วม (co-authors) และผู้ประเมินบทความ (reviewers) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเปเปอร์ที่ถูกถอดของ Schön ก็ยังมาถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าควรมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบหรือไม่
นับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ Schön อดีตนักวิจัยหนุ่มดาวรุ่งชาวเยอรมัน ที่กำลังมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทรานซิสเตอร์ที่เป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่ แถมยังเคยได้รับรางวัลมากมายจากองค์กรและนิตยสารทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ (ที่สุดท้ายก็โดนยึดคืนเช่นกัน) ต้องมาจบอาชีพที่ตัวเองรักลงเพียงเพราะการกระทำที่ไม่ซื่อตรงของตัวเอง
------------------------------------------------------
จากกรณีตัวอย่างของ Schön นี้ จึงอยากฝากข้อคิดทิ้งท้ายให้กับนักเรียนทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับปริญญาโท/เอกที่เน้นการทำวิจัย ว่าเราควรทำงานวิจัยอย่างตรงไปตรงมา เก็บข้อมูล/ทำการทดลอง/วิเคราะห์ผลออกมาได้อย่างไร ก็ควรรายงานผลออกไปตามจริง แต่ถ้าเห็นว่าผลออกมาไม่สอดคล้องกับทฤษฎี ก็ควรตรวจสอบว่าเป็นเพราะเหตุใดก่อน โดยอาจลองทำซ้ำเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เราค้นพบนั้นถูกต้องจริง ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของตัวผู้ทำวิจัยเอง ยอมเสียเวลาในการวิเคราะห์/ตรวจสอบเพิ่มอีกนิดดีกว่าที่จะต้องมาเสียอนาคตภายหลังเหมือนกับ Schön
------------------------------------------------------
แหล่งที่มา :
https://www.facebook.com/allaboutstudents/posts/2117253284965489
https://www.nature.com/n…/2002/020923/full/news020923-9.html
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Schön_scandal