[CR] รีวิวเมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม และ โรงแรม Tulip 3 ทริป 3 วัน 2 คืน

สำหรับการเริ่มต้นทริปครั้งนี้ ต้องขอบอกก่อนเลยว่าไปแบบงงมากๆ สาเหตุที่ทำให้เลือกเมืองดาลัดเป็นเพราะว่าเห็นโพสต์ที่แชร์ใน Facebook จากนั้นตกลงกับแฟนว่าเราจะไปเมืองดาลัดกัน.....05/05/2561 - 07/05/2561

เนื่องจากการจองตั๋วเครื่องบินบังเอิญเป็นช่วงราคา 99 บาท(แต่มีค่าธรรมเนียมอีก 2500 กว่าบาท) จึงทำให้ตัดสินใจว่าป่ะไปลองให้รู้....เชื่อว่าหลายๆคนเจ็บมาเยอะกับคำๆนี้ 555 จากนั้นก็จองทันที จองวันศุกร์ บินวันเสาร์หน้าเลย มีเวลาเตรียมตัวและเรียนรู้ 1 อาทิตย์ ก่อนอื่นผมขออธิบายก่อน ผมอยากเขียนรีวิวนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนที่กำลังหาข้อมูล หรือศึกษาได้ข้อมูลให้มากที่สุดนะครับ โอเคมาเริ่มกันเลย
สิ่งที่เกือบทุกคนที่จะเดินทางไปเวียดนาม หรือเมืองดาลัด ในครั้งแรกมักจะต้อง งงๆกับเรื่องการแลกเงิน หรือซื้อซิม ว่าต้อไปแลกที่ไหนหรือซื้อซิมจากไหน???

จากข้อมูลทั้งหมดที่หามาได้ คือให้เราแลกเงินเป็น ดอลล่า จากที่สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วค่อยไปแลกเป็นเงินดองที่สนามบินเวียดนาม สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้เพราะว่าจะได้ค่าเงินที่สูงกว่าทำให้ได้เงินเยอะกว่านั่นเอง ข้อมูลนี้ใช้ได้จริงครับ(โฮจิมิน) แต่......(แม่มเอ๋ย....เจ็บใจ) ถัดมาเรื่องของซิม ให้เราซื้อซิมได้จากที่สนามบินเวียดนามได้เลยครับ(โฮจิมิน) แต่.....(แม่มเอ๋ย....เจ็บใจ)

อ่อลืมบอกไป! ผมกับแฟนเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกนะครับ
เมื่อถึงวันเริ่มเดินทาง เครื่องบินของเราออกตอน 11:30น.ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ซึ่งโดยปกติถ้าเป็นบินในประเทศเราจะมีเวลาเช็คอินค่อนข้างเยอะและดูจะง่ายกว่าไปต่างประเทศมากมายยิ่งนัก ส่วนการบินต่างประเทศ ต้องไปเช็คอินก่อนเวลาบิน 3 ชั่วโมง เห้ยเอาจริงดิ! แต่ 3 ชั่วโมงจริงๆ เช็คอินออนไลน์ไม่ได้อีก “- - หรือเป็นเฉพาะบางสายการบินอันนี้ผมไม่แน่ใจ พอไปถึงก็เช็คอินให้เรียบร้อย ทีนี้ก็ถึงเวลานั่งชิว นอนรอ อะไรก็ว่ากันไป มันนานสะเหลือเกิน กว่าจะครบ 3 ชั่วโมง ก่อนเวลาออกเดินทางพนักงานจะเรียกให้ขึ้นเครื่องก่อนเวลา ประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง แล้วแต่เค้าครับ 555

และแล้วการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้นครับ ตัดมาถึงตอนเครื่องลงเลยละกัน พนักงานจะพาเราเดินจากเครื่องมาเข้าตัวอาคาร บอกก่อนว่าไม่มีภาพครับ เพราะไม่มั่นใจตรงไหนให้ถ่ายตรงไหนไม่ให้ถ่าย

ก้าวแรกของการเหยียบลงประเทศเวียดนาม (อ่านมาเยอะๆ เย็นแน่ๆ) ประตูเครื่องเปิดปุ๊ะพุ่งออกไปรับอากาศ โอ้โห ร้อน!!!! ไหนบอกอากาศเย็นวะ หลังจากนั้นความรู้สึกแรกที่พอเดินเข้ามาตัวอาคารคือ เห้ยที่ไหนวะเนี่ย! มิงเปิดหรือยังเนี่ย! มีคนอยู่ไหมเนี่ย! จริงๆครับไว้คุณไปเห็น คุณจะรู้เอง เดินตามทางมาเรื่อยๆจะเห็น โต๊ะรูปตัว L 2 ตัว หัวหน้าเข้าหากัน  และมีเจ้าหน้าที่ ซึ่งแต่งตัวเหมือนทหาร 2 คน นั่งอยู่ข้างในตัว L โดยจุดนี้คือให้เรายืน Passport ให้เค้าตรวจสอบฮะ เค้าก็จะดูๆมองๆหน้าเรา มองเล่ม มองหน้า มองเล่ม อยู่อย่างนี้สักพัก ถ้าหน้าตาเรากวนเท้าหน่อยก็คงนาน ซึ่งของผมนาน และที่พีคกว่านั้นคือ ของแฟนผมก็เริ่มตรวจพร้อมกับผม ผมก็คอยมองอยู่ปรากฏว่าพอเค้าตรวจเสร็จปุ๊ป ก็ยื่นเล่มคืนให้ แล้วแฟนผมก็เดินไป ทีนี้มาที่ของผม เจ้าหน้าที่ตรวจๆ แล้วก็ล้วงกระเป๋า (คิดในใจว่าเห้ย ทำไรวะ) สิ่งที่หยิบออกมาคือโทรศัพท์ แม่มถ่ายรูปผมกับหน้า Passport ที่มีรายละเอียดทุกอย่างของผมลงในโทรศัพท์มัน แล้วถึงจะยื่นคืนให้ เอ้า!คือไรวะ ทำไมมิงทำไม่เหมือนไอตรงข้ามมิงอะ ไม่เข้าใจเอามากๆ หรืออาจจะเพราะหน้าตาผมกวนตีนก็เป็นได้  ผมก็เดินจากเจ้าหน้าที่มาแบบงงๆ ในขณะที่ยังงงอยู่นั้น ผมก็มองหาทางออกว่ามันต้องเดินไปทางไหนวะ มองไปเห็นเครื่องสแกนกระเป๋า อยู่ข้างหน้า จำนวน 1 เครื่อง ไม่รู้เปิดหรือปิดอยู่ หรือพังเปล่าก็ไม่รู้ คืองี้สนามบินที่นี่ผมไม่เห็นเค้าเปิดไฟสักดวง สภาพจะเรียกใหม่ก็ไม่ เก่าก็ใช่ ประมาณนี้อะ 555 กลับมาที่เครื่องสแกนกระเป๋า ผมไปยืนมึนๆกับแฟนอยู่หน้าเครื่องสักพักก็มีเจ้าหน้าที่ชุดทหารเหมือนเดิม วิ่งออกมาจากห้องแล้วบอกให้ผมยกกระเป๋าขึ้นไปวางบนเครื่องตรวจได้เลย ผมก็วาง นึกว่ามันจะไหลเข้าไปเอง เปล่าเลย! เค้าบอกให้ผมดันๆเข้าไปให้หน่อย ในใจก็คิดนะแล้วไอรางตรงกลางเครื่องมันเลื่อนเองไหมหรือกุต้องดันต่อไป -*- สรุปมันไหลนะด้านในอะ โอเคพอตรวจเสร็จแล้วผมก็เดินต่อไป

ผมลืมบอกไปว่า ทริปนี้ผมตั้งใจมาเที่ยว 3 วัน 2 คืน ซึ่งเท่าที่รู้มา ไม่น่าจะต้องใช้เงินเยอะมาก ถ้าเราไม่ได้ซื้ออะไรเยอะ เลยตัดสินใจแลกเงินกันคนละ 3,000 บาท รวมเป็น 6,000 บาทแต่ก็มีเงินไทยติดตัวเผื่อไว้หน่อยก็ได้นะ เพราะยังพอหาแลกเป็นเงินดองได้จากในตัวเมืองเลยตามร้านขายทองขายเพชรอะไรก็ว่าไป แต่ถ้าใครไม่มีสามารถกดจาก ATM ที่เวียดนามได้เลย ส่วนค่าธรรมเนียมอันนี้ลองศึกษากันดีๆ ผมไม่มั่นใจขอไม่ให้ข้อมูลส่วนนี้ครับ

คราวนี้ถือเป็นจุดพีคสุดของทริปนี้ครับ (ซึ่งผมแนะนำให้ทุกคนที่กำลังหาข้อมูล ศึกษาดีๆลองหาข้อมูลเยอะๆอย่างทำเหมือนผมT-T)
สิ่งแรกที่ต้องหาคือ สถานที่แลกเงิน เพราะในตัวเรามีเฉพาะเงินดอลล่า หลังจากที่มองรอบตัวแล้ว พบว่า มันไม่มีให้แลก!!!!
สิ่งที่สองที่ต้องหาคือ Internet SIM เพราะอย่างน้อยเราจะได้ค่อยๆลองหาดูว่ามันขายอยู่ตรงไหนของสนามบินน้า แล้วก็ พบว่า มันไม่มีให้ซื้อ!!!!
เอาแล้วไงชีวิตกุ ตอนแลกเงินมาก็ไม่รู้ว่าจะแลกแบงค์ย่อยของดอลล่ามาทำไมเอาแบงค์ 100 ดอลล่า มาใบเดียวเลยจ้า ลงมาก็แลกเป็นดองเลยกลัวอะไร มีกันคนละใบกับแฟนผม ซวยเลย! จะจ่ายค่ารถคงโดนเค้าลากไปตบเอา สรุปผมเจอกลุ่มทัวร์ ซึ่งนั่งกินกาแฟอยู่ ไม่รู้เค้าเพิ่งมาถึงหรือกำลังจะกลับ แต่ถ้าคุณกำลังอ่านอยู่ผมบอกเลยว่า ขอบคุณครับ^^ ไม่รอช้า เดินเข้าไปคุยกับพี่เค้าทันที(เป็นคนเวียดนามแต่พูดไทยได้) ซึ่งผมได้ข้อมูลมาตามนี้ คือ ขออธิบายเป็นข้อๆเลยนะครับ
1.สนามบินที่นี่เพิ่งเปิดระบบรักษาความปลอดภัยจะยังไม่ค่อยดีมากนัก อาจจะเป็นเหตุผลให้เจ้าหน้าที่คนนั้น มันถ่ายรูป Passport ผมไปแต่ไม่ต้องกังวลอะไร (หรือผมคิดมากไปเองก็ไม่รู้)
2.สำหรับท่านไหนที่กำลังจะมาเที่ยวเวียดนาม แล้วมาลงที่สนามบินดาลัด จำไว้ให้แลกเงินและซื้อ Internet Sim มาเลย เพราะที่สนามบินดาลัด ไม่มี! (แม่มเอ๋ย....เจ็บใจ)

ผมได้รับความช่วยเหลือจากพี่เค้าโดยให้ผมแลกเงินมาจำนวนนึง พอสำหรับนั่งรถบัสไปที่พัก ค่ารถ 60 บาท ต่อคน รวม 120 บาท ครับ ถึงที่พักเลย ก่อนขึ้นถ้าคนขับไม่ถามเราบอกได้เลยว่าไปที่ไหน เดี๋ยวคนขับเค้าจะไปส่งให้ใกล้ที่สุด หรือถึงที่เลยครับ จากสนามบินดาลัด ใช้เวลาเดินไปทางที่พักของผม 30 นาที ทริปนี้ผมเลือกพักที่ Tulip 3 (ทิวลิป 3) เพราะใกล้ตลาดดาลัด+มีรีวิวเกี่ยวกับที่นี่ดีๆค่อนข้างเยอะ ระหว่างทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้ ป่าเขา รู้สึกได้ถึงอากาศเย็นตามที่ได้อ่านรีวิวมา (แอร์รถเย็นดีครับ) รถบัสที่นี่จะเป็นแบบเปิดกระจกไม่ได้ จะเป็นกระจกบานใหญ่ๆ นั่งดูบรรยากาศมาสักพักรถก็มาจอดที่ๆนึง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน ใกล้หรือยัง แต่คนขับตะโกนไปคุยกับคนข้างๆ บลา บลา บลา แล้วหันมาบอกผมว่า ให้ย้ายไปนั่งรถตู้คันนั้น ทำตามสิครับรออะไร แล้วรถคันที่ 2 ก็ไปส่งผมถึงหน้าที่พักเลยพอมาถึงที่(ประมาณ 13:30 น.) เวลานี้แดดยังร้อนอยู่นะ มีลมเย็นเบาๆ(แอบคิดในใจว่าที่อ่านมาเค้าโกหกเปล่าวะ ไหนเย็น ไหนหนาว).......พนักงานที่โรงแรมจะมาช่วยยกกระเป๋า ขึ้นไปวางด้านในให้

ทางพนักงานต้อนรับแจ้งว่าห้องผมจะพร้อมในอีกประมาณ 30 นาที ระหว่างนั่งรอเช็คอินบนโต๊ะจะมีชุดแก้ว วางเรียงสวยงามมาก ก็งงว่ามีไว้ทำไม อยู่ๆพนักงานต้อนรับก็เดินมาเอื้อมมือไปหยิบกระติกใต้โต๊ะแล้วก็รินน้ำชาให้กินระหว่าง ซึ่งพอกินเข้าไปคำแรก โอ้วโห....ร้อน ผ่างๆ ไม่ใช่ฮะ หอมมาก ตามความคิดผมว่ามันอร่อยดีนะ ก็กินกันไป 3 - 4 แก้ว ตาแข็งกันเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปนานมาก(ตอนนี้ประมาณ 15:30 น.) ห้องยังไม่ได้ฝนดันตกสะงั้น ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเกิดปัญหาอะไรบางอย่าง จึงทำให้ห้องผมได้ช้าผิดปกติ แต่ก่อนได้ห้องก็แอบเห็นว่ามีคนลงมาเช็คเอาท์หลังบ่าย 2 เลยคิดว่าจะเป็นห้องนี้หรือเปล่านะ ผมเลยไม่ได้ไปถามหรือเร่งอะไรกับพนักงาน ตอนที่เช็คอินพนักงานจะขอ Passport ทั้ง 2 เล่มไปนะครับ ไม่ต้องตกใจ เพราะผมตกใจแทนให้ละ ตอนแรกผมก็งงว่าอ่าวแล้วถ้าเราจะไปโน้นนี่ ถ้ามันต้องใช้จะทำยังไง แต่พอลองถามก็เข้าใจว่า ไม่จำเป็นต้องใช้เลย โอเคเอาไปเลยยยย อ่อแล้วผมก็ขอแลกเงินกับพนักงานของทางโรงแรมเลย โดยผมตัดสินใจแลกไปเลย 200 ดอลล่า ได้เงินมา 4,400,000 ดอง  (ในภาพมีแค่ 2,200,000 อีกครึ่งแฟนผมเอาไปซ่อน)

พอขึ้นมาที่ห้อง เปิดประตูเข้าไปก็ตะลึงฮะ ไม่มีแอร์จริงด้วย คือที่พักนี้ไม่มีแอร์และเท่าที่หารีวิวมาเป็นเพราะว่าที่เมืองดาลัด ค่อนข้างจะมีอากาศเย็น จึงทำให้ที่พักส่วนใหญ่จะไม่มีแอร์ แต่ไม่ต้องห่วงมีพัดลมให้ครับ ลืมบอกไปว่าที่โรงแรมจะมี Wifi ให้ใช้นะครับ และจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่มี Internet sim ใช้ ซึ่งเกือบลืมไปแล้วว่ามันสำคัญ

อันนี้ผมชอบส่วนตัว โทรศัพท์ในโรงแรมจะเป็นสไตล์นี้หมดเลยครับ


หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาหาอะไรกิน แต่ด้วยความที่ในตอนนั้นเป็นเวลา 4 - 5 โมงเย็น ฝนกำลังตกอย่างหนักเลยฮะ ผมกับแฟนจึงตัดสินใจกินร้านเบอร์เกอร์อยู่ด้านซ้ายมือซึ่งอยู่ติดกับโรงแรมเลย โดยที่ผมกับแฟนสั่งเบอร์เกอร์มากินกันคนละชิ้น ในร้านจะมีเป็นเซ็ตเบอร์เกอร์+น้ำ(น้ำเปล่าหรือน้ำอัดลม เลือกได้ 1 อย่าง)+เฟรนฟราย หลังจากที่กินเสร็จเสียค่าเสียหายไป 280,000 ดอง !! หรือประมาณเกือบ 450 บาท ได้ครับ ในใจตอนนั้นก็คิดว่า เอ๊ะหรือว่าอาหารมันก็ราคาประมาณนี้แหละ ที่เราแลกเงินมามันจะพอไหมเนี่ย มื้อแรกก็โดนไปเยอะเลย หลังจากนั้นก็ทำอะไรต่อไม่ไหวครับ อิ่มมากเบอร์เกอร์เค้าชิ้นใหญ่จริงจัง แล้วผมกับแฟนก็เดินขึ้นไปตั้งหลักบนห้องครับ รอเวลาฝนหยุด
ชื่อสินค้า:   เมืองดาลัด ประเทศเวียดนาม และ โรงแรม Tulip 3
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่