คำปลอบโยนที่อาจฟังดูใจร้าย แต่ใช้ได้จริงสำหรับน้องที่อกหัก

ลูกน้องที่รักคนหนึ่งถูกแฟนที่อยู่ด้วยกันมา 6 ปี เป็นสามีมา 2 ปี รวมเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกันคือ 8 ปี บอกเลิกโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด

ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งอะไรเลย ไม่มีคำอธิบายใด ๆ มาก นอกจากงัดข้อขัดแย้งที่เคยเถียงกันบ้างสมัยหลายปีมาแล้ว มาบอกว่า “ไม่มีความสุขตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” พูดจบ ก็ไปบอกครอบครัวผู้หญิง ครอบครัวตัวเอง แล้วเก็บกระเป๋าจากไปเงียบ ๆ ปล่อยให้น้องผู้หญิงใจสลาย ไม่เข้าใจ งงกับเหตุการณ์ สับสน และ ถ้าจะแซวแบบใจร้ายก็ต้องบอกว่า เป็นวิธีการลดน้ำหนักที่เร็วอย่างน่ามหัศจรรย์คือประมาณ 8 กิโล ในระยะเวลาสามอาทิตย์กว่า ๆ

ถามน้องว่าจะทำยังไงต่อไป น้องบอกว่า “จะรอ”

อิลูกพี่อย่างอิชั้นตกใจมากว่า เฮ้ย...คิดอะไรอยู่คุณน้อง ทำไมล่ะลูก

น้องตอบว่า “หนูไม่อยากมีผู้ชายหลายคน”

โอเค ... เราจะพักเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์อะไรไว้ก่อน เดี๋ยวรายละเอียด เราค่อยว่ากัน

ขอป้าสาธยายอะไรสั้น ๆ ให้ฟังก่อนว่าควรทำอย่างไรเมื่อ อกหัก โดนทิ้ง ทิ้งเค้าแต่เรารู้สึกแย่ หรือ บางกรณี เราอาจรู้สึกว่าเทพีแห่งโชคดียืนอยู่ข้างคุณแล้วการที่คุณโดนทิ้ง มันกลับเป็นพรอันประเสริฐ

สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่เราได้เห็น ได้ยิน และบางอย่างเองก็ได้ทำมาเองด้วย อิอิ แต่เราจะไม่บอกคุณหรอกว่า เราเคยโง่เง่าเรื่องอะไรบ้าง ลองเดาเอาเองขำ ๆ ละกัน

เจ้าคิกคัก

1. พยายามหาคำตอบให้ได้ว่า ทำไมเค้าถึงบอกเลิกเรา ถ้าเค้าไม่ตอบ เราก็จะเค้น ๆ ๆ เหมือนจะทำให้ตัวเราเองและอีกฝ่ายบ้ากันไปข้าง

2. เราอาจจะรู้อยู่แล้วว่า ทำไมโดนบอกเลิก แต่อาจจะเพิ่งสำนึก ฟูมฟาย ร่ำไห้ กอดแข้งกอดขา งอนง้อ ขอโอกาส

3. โทร.ไปหาเพื่อน เม้า เม้า เม้า ระบาย มโน จินตนาการทำงานสุดฤทธิ์ รวมหัวกันคิดวิเคราะห์ราวซีไอเอ นำสืบทั้งทางลับและทางแจ้ง เพื่อให้รู้ให้ได้ว่า “ใคร” ที่เป็นตัวแปร

4. ทำอะไรไม่ได้ ก็ร้องไห้ ฟังเพลงเศร้า แล้วก็เมา เมา เมา ถ้าสูบบุหรี่ก็อัดเข้าไปสักวันละสองซอง ทีนี้ข้าวก็จะกินไม่ลง ทรุดโทรมประชดตัวเองให้เต็มที่ไปเลย

5. หาหมอดู เอาเจ้าที่แม่นที่สุด เพื่อถามคำถามว่า “เค้าจะกลับมาไหมคะ ?” หรือ “เค้ากับเราใช่เนื้อคู่กันไหม ?” บางคนไปไกลกว่านั้น มีพิธีกรรมอะไรต่อมิอะไรเป็นออพชั่นเสริมมาด้วย
เม่าปัดรังควาน

6. ไหว้พระ สวดมนต์ กัดฟันนั่งสมาธิทั้งน้ำตาและความปั่นป่วนเพื่อเรียกสติให้คืนมาให้ได้
เม่าฝึกจิต

เม่าชอปปิ้ง

7. กิน กิน กิน เที่ยว เที่ยว เที่ยว ช้อป ช้อป ช้อป ตอนที่ใจกำลังปั่นป่วน และพบว่า ที่นี่ ก็เคยมากินกับเค้า อาหารแบบนี้เป็นของชอบของเค้า ของชิ้นนี้ เค้าเคยซื้อให้ หลังจากกลับมา อาการเครียดก็อาจจะไม่ทุเลา แต่ที่เบาลงคือเงินในกระเป๋า

เม่าตาสว่างเม่าตกอับ

แต่ดิฉันก็พบว่าไม่ผิด ถ้าการทำอะไรในข้อ 1-7 จะช่วย “บรรเทา” ความเจ็บปวด ร้อนรุ่มให้บรรเทาไปได้บ้าง สิ่งที่บรรยายเล่ามาในข้อ 1-7 ด้านบน มันเหมือนยา “พารา” ถ้าไข้หนักนัก อาจจะต้องซัดไปซะสองเม็ด พอให้ทุเลาหน่อยแล้ว คุณถึงหาทางออกที่ยั่งยืนให้กับตัวเองในระยะยาวได้

กลับมาที่น้องคนนี้ใหม่ สมมติว่าชื่อข้าวละกัน ด้วยความที่เป็นลูกน้องที่รักและไว้ใจมาก น้องเศร้า พี่ก็ที่นั่งร้อนเหมือนกัน ทั้งสงสาร ทั้งกลัวงานจะไม่มีคนทำต่อ

วันหนึ่ง คุยเรื่องนี้กับเพื่อนรุ่นพี่หนุ่มใหญ่ เพราะเพื่อนก็รู้จักเจ้าข้าวเหมือนกัน

พอเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ รู้เรื่อง ก็สรุปสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเฉย ๆ เหมือนคนเคยฟังเรื่องทำนองนี้มาเยอะแล้วว่า

“พอผู้ชายเรียนจบสักพัก ก็เลิกใช่ไหม”

ดิฉันก็ตอบไปเสียงเซ็ง ๆ ว่า “อืม...ทำนองนั้นแหละ แต่จะมีอะไรมากกว่านั้นอีก ดิฉันไม่รู้ เนี่ย ... น้องมันบอกว่า จะรอภาส (แฟน) กลับมา”

เพื่อนคนนั้นก็เสียงแข็งขึ้นมาเลยแล้วบอกว่า “อย่าเชียวนะ นี่พูดในฐานะผู้ชายเลย อย่าไปลดศักดิ์ศรี ทำตัวเป็นของตายแบบนั้น ผู้ชายจะยิ่งไม่เห็นค่า และไม่เคารพ จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ เลิกกันแบบสง่างามดีกว่า แฟนเก่า ๆ ผมที่เลิกกันไป ผมยังมีความนับถือให้ทุกคน”

อืม... เราฟังแล้วก็คิดตาม ก็น่าจะใช่นะ คุณเพื่อนคุณพี่คนนี้ ยังรู้สึกดีกับแฟนเก่า (ที่ตอนนี้ต่างคนต่างไม่มีใคร) พอที่จะซื้อแหวนเพชรให้ตามสัญญาที่เคยให้ไว้ในวัยหนุ่มแรกรุ่น แต่คุณแฟนเก่ากับคุณเพื่อนก็ไม่รีเทิร์น ยังรู้สึกดี คบกันดี ไม่มี hard feeling

แล้วเพื่อนก็ถามกลับว่า “แล้วแนะนำน้องไปว่าไง ?”

ดิฉันก็ตอบกลับไปว่า “ก็ปลอบไปตามเรื่อง ฟังความทุกข์ที่น้องระบายออกมา แต่ไม่ได้แนะนำอะไรไปมาก นอกจากควักตังค์ให้ไปเรียนขับรถ บอกให้พึ่งพาตัวเองให้ได้”

ขอเล่าแบ็คกราวน์สั้น ๆ ของเรื่องนิดนึงนะคะ

ภาส อายุประมาณสามสิบนิด ๆ เรียนไปทำงานไป หาเงินส่งเสียตัวเองจนเรียนจบปริญญาตรีวิชาชีพแขนงหนึ่งในสถาบันด้านเทคนิคเก่าแก่กลางเมือง ส่วนข้าวอายุมากกว่าภาสประมาณหกเจ็ดปี เคยทำงานเป็นผู้จัดการร้านกาแฟและขนมที่มีสาขาอยู่หลายแห่ง

ข้าวดูหน้าอ่อนกว่าอายุมาก ยืนเทียบกัน ถ้าไม่รู้มาก่อน ไม่มีใครบอกได้ว่าข้าวอายุมากกว่า

สองคนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เงินเดือนแค่เจ็ดแปดพัน ภาสทำงานเป็นช่างซ่อมบำรุงในตึกกลางเมืองตอนกลางวัน ไปเรียนเพิ่มเติมรอบค่ำจนจบปริญญาตรี ส่วนข้าวทำงานตามกะของร้าน ค่อย ๆ ไต่จากพนักงาน สอบเลื่อนขั้นไปถึงระดับผู้จัดการ

หลังภาสเรียนจบก็ไปสมัครงานที่โรงงานชานเมือง ข้าวตามมาด้วย และต้องทิ้งงานที่ทำอยู่เดิมมาเริ่มงานใหม่ที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน ข้าวเองไม่ได้มีการศึกษาในระบบมากนัก จบ ม.หกมาทาง กศน. แต่เป็นคนขยัน ฉลาด ทัศนคติในการทำงานดี ไม่เคยกลัวการทำงานที่ไม่เคยทำมาก่อน กระตือรือร้น พร้อมจะเรียนรู้ และยิ้มง่าย อัธยาศัยดี จิตใจงาม มีน้ำใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้เรียนรู้งานใหม่ได้เร็ว และใคร ๆ ก็เต็มใจที่จะสอนงานให้

ชีวิตก็เหมือนจะดี อยู่ด้วยกันมาหกปีแล้ว ก็แต่งงานกัน เป็นงานแต่งเล็ก ๆ เรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่เกินตัว

คู่นี้เป็นคู่ตัวอย่างของการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย พอดี และรู้จักประมาณตน ค่อย ๆ สร้างฐานะกันไปโดยไม่ก่อหนี้สินรุงรังจนจัดการไม่ได้

หลังแต่งงาน พี่สาวข้าวให้ยืมเงินซื้อรถมือสอง ข้าวขับรถไม่เป็น ภาสเป็นคนขับให้

และหนึ่งในข้อหาที่ภาสยกมาใช้ในการบอกเลิกคือ “เบื่อที่เวลาไปไหน ต้องไปด้วยกันตลอดเวลา”



นี่ล่ะค่ะ ที่ดิฉันถึงบอกน้องว่า ให้ไปหัดขับรถซะ พึ่งพาตัวเองให้ได้ ไม่ต้องเอาตัวไปติดไปพ่วงกับใคร ไม่ว่าภาสจะกลับหรือไม่กลับมา

และนี่คือสิ่งที่ป้าอยากฝากบอกหลาน ๆ ค่ะ

1. เวลาความสัมพันธ์จบ โดยเฉพาะเวลาโดนทิ้ง ... อย่าเพิ่งรีบด่วนหาข้อสรุปก่อนว่าเป็นเพราะอะไร หรือ เพราะใคร อาจมีหรืออาจไม่มีใครก็ได้ สิ่งที่ด่วนที่สุดคือ ประคองรักษาใจตัวเองก่อน

2. ก่อนจะยื้อ ตื๊อ ขอโอกาสที่สอง ที่สาม ที่สี่ ถามใจตัวเองให้แน่นะว่า จะไม่เสียใจ แล้วรู้สึกอึ๋ย ๆ กับตัวเองหลังจากเวลาผ่านไป

3. น้ำเชี่ยว อย่ารีบเอาเรือขวาง คนมันจะไป บางทีมันมีแผนมาในหัวเป็นสเต็ปแล้ว การพยายามจะคาดคั้น ค้นหาความจริง อาจทำให้เราแลดูเป็นคนหูตาสว่าง ฉลาดเฉลียวก็จริง แต่อย่าลืมว่า มันจะแลกกับความเจ็บปวดที่ได้ “รู้” ด้วย แล้วน้องพร้อมหรือยังคะที่จะได้ “รู้”

จากที่เห็นมา การยิ่งพยายามสืบ พยายามคาดคั้น หลาย ๆ ครั้ง มันกลับทำให้เราเห็นมุมมืด (ซึ่งจะบอกว่าใคร ๆ ก็มีกันทั้งนั้น) ของคนที่เราเคยรักและอาจถึงขั้นศรัทธา เจอข้อแก้ตัวที่ฟังแล้ว คิดว่า มัน ไซบีเรียนฮัสกี้ปอมเมอเรเนียนโกลเด้นรีทรีฟเวอร์หมา มาก

4. ถ้าทำได้ วางตัวให้สง่า อยู่ให้เป็น ร่มเย็นให้ได้ด้วยตัวเองดีกว่า คิดง่าย ๆ แต่เจ็บ ๆ เลยว่า “เค้าไม่ได้รักเราแล้ว เราต้องรักตัวเอง” คิดแบบนี้จะดีกว่า

ฝรั่งมีหนังสือที่เขียนได้แสบ ๆ คัน ๆ เล่มหนึ่งชื่อ He’s Just Not that Into You. ลองดูตามกระทู้นี้นะคะ
https://m.pantip.com/topic/37481504?

อ่านแล้วจะรู้สึกเหมือนโดนตบเรียกสติ แต่มันช่วยได้จริง ๆ
คนเขียนเค้าบอกว่า “อยู่ให้มีระดับ อย่าอยู่แบบบ้าคลั่ง”
Be classy not crazy.

5. ความรู้สึกที่ดีที่สุด ที่คน “เคย” รัก จะมีให้กันได้ คือ ความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน คนบางคน เราอาจไม่ได้อยากเห็นหน้าอีกแล้ว แต่พอนึกย้อนหลัง ถ้าคนคนนั้น ยังมีอะไรที่เรายังนับถือศรัทธาได้ ความรู้สึกมันก็ยังไม่ “หลอน” หรือ “น่าแขยง” นัก และหนทางที่เราจะคงความนับถือที่ “ผู้ชาย” มีต่อเราได้ คือ ปล่อยเค้าไปเถอะ

6. ยังไม่อยากรีบแนะนำว่า “เชื่อพี่เถอะน้อง เจอคนใหม่แซ่บกว่านี้เยอะ” (ถึงแม้หลายเคสจะเป็นแบบนี้ก็เถอะ 555) ถามว่า ทำไมเราถึงเจอคนที่ดีกว่า แซ่บกว่า เหมาะกว่า ก็เพราะ ตอนเจอคนใหม่ เราเองก็เป็นคนใหม่เช่นกัน เราอาจจะสามารถใช้บทเรียนที่ผิดพลาดจากรักครั้งเก่า มาปรับปรุงตัวเราใหม่ให้แซ่บ ให้ดี ให้เลิศได้เช่นกัน ...และแหงล่ะ เราทำตัวดี ๆ แซ่บ ๆ เดี๋ยวกฎแห่งแรงดึงดูด มันก็ดึงดูดคนแซ่บ ๆ เข้ามาเอง

แต่ถ้าเราไม่เรียนรู้บทเรียนอะไรเลย ยื้อ คุกเข่ากอดขา อ้อนวอน ลงไปกราบ จะไม่ช่วยอะไรเลย ยกเว้น จะทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองพอมองย้อนหลังกลับไป

อ้อ ตั้งแต่เกิดมา ได้ยินเรื่องมาประมาณสี่ห้ากรณีแล้วมั้ง ที่ผู้ชายลงไปกราบเท้าขอโอกาสจากผู้หญิง ซึ่งเกือบทุกรายในนั้น ท้ายสุด ก็เลิกกันหมดไปอีก

7. ความรักมีได้ ก็ดับได้ หวานได้ ก็จืดได้ สิ่งสำคัญคือ ความรับผิดชอบทั้งในด้านกายภาพ สังคม และจิตใจ

8. สิ่งที่ยั่งยืนกว่าความรัก คือ ความเคารพนับถือในกันและกันมากกว่า

จบห้วน ๆ สั้น ๆ แบบนี้ละนะคะ
สุขสันต์วันอาทิตย์ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่