++ แมงเม่าเจ้าตัวดี ++




                    เท่าที่เจ้าของกระทู้ทราบ หลังจากละครเรื่องข้าบดินทร์ประสบความสำเร็จแล้ว ทางคุณปิ่นจึงมีโปรเจ็กต่อเนื่องที่จะสร้างละครพีเรียดขึ้นอีกโดยขอใช้บริการนักเขียนท่านเดิม คือคุณวรรณวรรธน์ (ผิดพลาดประการใด ขอเชิญผู้รู้ช่วยชี้แจงด้วยค่ะ) แต่คราวนี้ขอเป็นตัวละครหญิงที่ไม่เรียบร้อย มีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างจากแม่หญิงทั่วไป แมงเม่าจึงได้ถือกำเนิดมาในบรรณพิภพ และถูกดัดแปลงเป็นตัวละครโทรทัศน์ในที่สุด

                    หลังจากได้ดูละครมาหกตอน รู้สึกประทับใจฉากต่างๆ ที่มีแมงเม่าเป็นตัวดำเนินเรื่อง ขอมาเขียนถึงบ้าง ไว้เป็นบันทึกชวนกันเข้ามาพูดคุย

ตัวตน

                    ตั้งแต่เริ่ม แมงเม่าสะท้อนตัวตนที่แก่นกล้า วาจาและกิริยาห้าวแบบลูกเศรษฐีมีแบ็กดี พ่อรวยและมีแต่คนเกรงใจ มีบ่าวชายคอยรับใช้ติดสอยห้อยตาม ไม่ห่มสไบ หรือนุ่งผ้าถุงผ้าซิ่น แต่สวมเสื้อและนุ่งโจงที่เหมาะกับกิจกรรมโลดโผนต่างๆ ตามพื้นนิสัย ทั้งเนื้อทั้งตัวตบแต่งด้วยเครื่องประดับเพียงน้อยชิ้น คือปิ่นและต่างหูวงเล็กๆ

                    ด้วยความที่แก่นกล้าจึงไม่ลงให้ชาย(หรือหญิง)ใด ไม่ยอมให้บิดาบังคับดูตัว มักโดดเรือนหนีไปกับบ่าวอยู่เนืองๆ จนบิดาอ่อนใจ ฉากอลเวงในครอบครัวเศรษฐีมิ่งเป็นพาร์ทที่เรียกรอยยิ้มได้เสมอ ประกอบกับเสียงดนตรีไทยเพราะๆ น่ารักๆ ที่มักจะดังคลออยู่ แสดงให้เห็นความรักใคร่เอ็นดูของบิดา จะดุด่าว่ากล่าวก็สงสารลูกกำพร้าแม่ จะบังคับให้ออกเรือนก็ไม่ได้เพราะกรมขุนวิมลฯ ท่านขอไว้ แมงเม่าจึงได้ใจ ทำเล่นแผลงๆ จนถึงขั้นไปแอบดูนางในที่ฉนวน จนได้เจอกับออกหลวงศรีขันทิน ส่วนนี้เรามองว่าสะท้อนความ “ไม่ขาว” ของแมงเม่า คือการเคยเป็นเด็กซนจนผู้ใหญ่เอือมระอา แต่ภายหลังเมื่อเจอออกหลวงฯ สั่งสอนก็คิดได้ ถือว่ายังเป็นตัวละครที่ “ไม่ดำ” ไปเสียทั้งหมด พูดจารู้ฟัง

                    ออกหลวงฯ น่าจะเป็นคนแรกๆ ที่ทำให้แมงเม่ายอมฟัง เพราะสิ่งที่ออกหลวงฯ พูดนั้นมีเหตุผล ตักเตือนว่าผู้อื่นไม่ได้มีจิตเมตตาให้เจ้าเหมือนพ่อแม่ ทำอะไรจึงต้องระวังไว้บ้าง และแมงเม่าก็รับฟัง รู้จักขอโทษขอโพย แสดงว่าเจ้าแมงเม่าเองก็ไม่ได้ทะโมนจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หากพบพานคนที่รู้จักใช้เหตุผลมากพอ นางก็พร้อมจะรับฟัง

                    สิ่งที่น่าชื่นชมอีกอย่างของตัวละครนี้ก็คือไม่ได้มีแต่ความกล้าที่จะ “ออกหน้า” แต่เป็นความกล้าที่จะ “ปกป้อง” เห็นได้ในฉากที่ตัวเองจะถูกดักฉุดโดยไอ้กล้าที่ปิดหน้าปิดตา ถึงจะกลัวแต่ก็ไม่ทิ้งบ่าวไพร่หนีเอาตัวรอด ยังมีไหวพริบ กระชากไอ้กล้าจากด้านหลังจนล้ม แล้วรุมสำเร็จโทษจนประทับใจผู้ชม

                    อีกฉากที่เห็นออกหลวงฯ วิ่งไล่ตามคนร้ายที่มาแอบดูนางในอาบน้ำในป่า แมงเม่าก็เป็นห่วงออกหลวงฯ จนไปหยิบเสื้อขุนรักษ์เทวามาสวม วิ่งตามไปหวังจะช่วยอีกแรงแม้ไม่รู้จะช่วยได้หรือไม่ จนได้เห็นวิชาต่อสู้ออกหลวงฯ เข้าโดยบังเอิญ (กุมความลับออกหลวงฯ ไปอีก) น่าจะเป็นฉากที่ทำให้ออกหลวงฯ เริ่มเห็นน้ำใจแม่แมงเม่า จนไปขอตีเนียนนั่งใกล้ๆ นาง แสร้งขอดูการแสดงด้วยในคืนนั้น จนกลายเป็นเหตุให้ถูกจับ “สะบั้นความเป็นชาย” ในตอนต่อมา

                    ฉากที่แสดงน้ำใจจนได้เห็นอกเห็นใจกันอีกฉาก ก็คือการต่อสู้หนีผู้ร้ายตอนที่ตามเสด็จประพาสป่า ถึงจะรู้ว่ามีภัย ทั้งยังเห็นกับตาว่าออกหลวงฯ อยู่ในสภาพสิ้นเรี่ยวแรง ก็ไม่ทอดทิ้ง ประคองคนร่างยักษ์พาหนีอย่างทุลักทุเล ขอไปตายเอาดาบหน้า ใจใหญ่อย่างนี้ คงไม่แปลกที่ออกหลวงฯ จะนึกรักเข้าแม้จะพยายามห้ามใจแล้ว

สติและไหวพริบ  

                    ฉากที่ไอ้กล้าโดนถีบหลังแทบหัก ผู้ชมคงได้เห็นว่านี่เป็นครั้งแรกที่แมงเม่าไม่หนีการดูตัว นางไม่ขอสินสอดจ้า แต่พูดลวงอ่อนหวานให้ตายใจ แล้วขอให้กราบเท้าแทน เพราะนางรู้พื้นนิสัยเย่อหยิงของไอ้กล้าที่ยังไงก็คงไม่ยอมกราบเท้าหญิงเพื่อจะได้แต่งงาน เป็นอันหนีพ้นการดูตัวไปได้อีกครั้ง  ความซนที่ตะลอนไปทั่ว มีปฏิสัมพันธ์กับคนทั้งหลาย ทำให้แมงเม่าไม่ “ตัน” มองนิสัยคนบางคนออก จึงช่วยให้รอดตัวมาได้หลายครั้ง ดังจะได้เห็นในตอนต่อๆ ไป

                    เรื่องกลบท แม้บทจะบอกว่าแมงเม่าเก่ง แต่โลกกลบทนั้นกว้างใหญ่เกินกว่านางจะรู้ได้ทั้งหมด ตรงนี้เราว่าผู้เขียนเขียนได้ดีตรงที่ทำให้เห็นว่าแมงเม่าเองก็ไม่ได้เก่งเกินคน ยังมีจุดที่ “อับจนปัญญา” กับเขาเหมือนกัน แต่ด้วยความที่พอมีความรู้พื้นฐานมาบ้าง รู้เรื่องการเดินหมาก และแก้กลบทได้อยู่แล้ว เพียงได้รับการชี้แนะเล็กน้อยจากออกหลวงฯ นางก็ “คลิก” ได้ทันที  จากเหตุการณ์นี้ แมงเม่าเองได้รับรู้ว่าออกหลวงฯ นั้นให้เกียรติตนด้วยการไม่เฉลยทั้งหมด แต่ให้ไปคิดต่อเอง ในขณะที่ออกหลวงฯ ก็ได้รู้ว่าแมงเม่านั้นมีความรู้ไม่น้อย เพียงแต่ขาดผู้ชี้แนะเท่านั้น นี่เป็นความเก่งของคนเขียนที่ทำให้สองตัวละครมีเหตุให้ได้ใกล้ชิดจนได้เรียนรู้นิสัยกันและกันไปด้วย

                    ในตอนที่หก ผู้ชมได้เห็นฉากพระองค์เจ้าเชษฐ์ซึ่งถูกใจเจ้าแมงเม่าจนตามมาขอกึ่งบังคับจะเอามาลัย จากที่เดิมแมงเม่ากำลังจะยกให้ออกญาวัง  มาลัยนั้นอาจบังคับฝืนเอาได้ หากคนที่ขอเป็นผู้มีอำนาจ ฉากนี้แสดงให้เห็นว่าแมงเม่าเองก็ไม่ได้แก่นกล้าเสียจนเอาแต่วิ่งชนตอ แต่ฉลาดพอจะถวายมาลัยให้พระองค์เจ้าเชษฐ์ก่อน แล้วค่อยมอบอีกพวงให้ออกญาวัง เพราะได้ร้อยมาลัยไว้สองพวง  ทั้งเป็นการแสร้ง "ยอม" เจ้านาย และไม่เสียเพื่อนที่อุตส่าห์มาขอไว้ก่อน แต่เจ้านายอาจมีเคืองเล็กน้อยที่ได้ของไปเหมือนๆ กัน ไม่ใช่ของพิเศษอะไร

                    แต่ต่อให้มีปัญญาอย่างไร หญิงก็สู้แรงชายชั่วไม่ได้ จนเกือบเสียทีไอ้กล้าในงานวันลอยกระทง ฉากนี้แสดงความธรรมดาของนาง ในมุมที่สุดท้ายแล้วก็ต้องมีบางอย่างที่ไม่สามารถทำได้ ไม่สามารถก้าวข้าม อันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่อาจฝืน และกลายเป็นฉากเปิดเผยความในใจที่สมควรแก่เวลา เพราะสองคนได้เรียนรู้กันมาในระดับหนึ่ง ได้รู้น้ำใจกันมาพอสมควรแล้ว จากนี้เป็นต้นไปจะยิ่งมีโอกาสได้รู้จักกันมากขึ้น เก็บแต้มไว้ในใจ ทดบวกกันขึ้นไปเรื่อยๆ

                    สำหรับเรา ตัวละครมีนี้ทั้งแง่มุมที่ฉลาด และอับจนปัญญา มีทั้งความกล้า และความขลาดกลัว และแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตามกาลเทศะอันเหมาะควร

แต้ว ญฐพร เตมีรักษ์

                    แว่วว่าแต้วเป็นนักแสดงที่คุณปิ่นเลือกไว้ก่อนแล้ว ก่อนจะมีการคัดเลือกออกพระศรีขันทินเสียอีก (ผิดถูกประการใดรบกวนช่วยแก้) ณ วันนี้เราคิดว่าเป็นการเลือกที่เหมาะสมลงตัว

                    การหานักแสดงอายุน้อยๆ ในวงการบันเทิงไทยไม่ใช่เรื่องยาก แต่คนที่ดูทั้งอ่อนวัยและมีคุณสมบัติหลายๆ อย่างที่แสดงความเป็นแมงเม่าออกมาได้อย่างที่กล่าวมาข้างต้น เราว่าหาได้ยากยิ่งกว่า  แต้วเป็นนักแสดงเก่งที่เราคิดว่ามีอยู่ไม่กี่คนที่ทำได้ในระดับนี้ การสวมบทบาทอย่างกลมกลืน แสดงแววตาช่างคิดในดวงหน้าที่สวยหวาน วาจากล้าหาญคมคาย และต้องมีสายตาแกร่งไม่กลัวใคร แต่ก็ต้องสะท้านหวั่นไหวได้เหมือนเด็กน้อยเวลาเผชิญอันตราย เราคิดถึงใครไม่ออกแล้วในเวลานี้นอกจากแต้ว ขอชื่นชมในการแสดงที่พลิกบทบาทจากเรื่องก่อนๆ ทำให้แมงเม่ามีตัวตนขึ้นมาจริงๆ




แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่