สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกคน การเขียนกระทู้ของเราวันนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องราวดราม่าในชีวิตเรานิดนึง เราก็ไม่เคยเจอเรื่องอะไรแบบนี้เหมือนกัน จึงขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้เขียนเรื่องราวของตัวเองขึ้นมานะคะ
เมื่อเดือนที่แล้วเราได้มีโอกาสไปฟิตเนสครั้งแรกค่ะ หลังจากที่เพิ่งเริ่มทำงานไปได้ 4 เดือน เนื่องจากพี่ที่ทำงานเค้าไปแล้วดีเลยมาแนะนำต่อ ราคาก็ไม่แพงมาก ประกอบกับที่เราเริ่มอ้วนขึ้นเลยตัดสินใจได้ไม่ยาก ช่วงแรกก็ผ่านไปด้วยดี ทุกวันเราจะวิ่ง เล่นเวท ซาวน่าบ้าง จนวันหนึ่งมีพี่ที่ฟิตเนส ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร คิดว่าคงเป็นเทรนเนอร์ที่จ้างมาสอนสมาชิก ขอแทนว่า พี่ A เค้าเริ่มเข้ามาทักทายเรา ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่คุยด้วย เพราะเราไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า จนมันเป็นแบบนี้บ่อยมาก เวลาเค้าเจอเราเค้าจะเข้ามาคุย เค้ามาเล่นด้วยประจำ เราก็เอออ เค้าเล่นไปเรื่อยหรือเค้าจีบเราวะ เราเลยปรึกษาพี่ที่ไปด้วยกัน ค้าก็บอกว่าเหมือนเค้าชอบเรา จะบอกว่าเราไม่ได้สนใจอะไรเลยนะคะ คือตั้งใจไปออกกำลังกายคือไปออกจริงๆ ไม่มาสนใจเรื่องอะไรแบบนี้
พอมันเริ่มบ่อยขึ้น ถี่ขึ้นเราก็เลยไปหาข้อมูลว่าใครเคยโดนเทรนเนอร์จีบบ้าง สรุปคือหาแล้วผลมันลบค่ะ บางคนโดนหลอกขายคอร์สบ้าง โดนหลอกเอาฟรีบ้าง เป็นเมียน้อยบ้าง เราก็กลัวและตั้งใจว่าจะไม่ไปยุ่งเพราะไม่อยากตกอยู่ในสภาพนั้น จนแล้วจนรอดมันก็มาถึงวันที่เป็นเราจนได้ วันนั้นเราออกกำลังกายเสร็จก็กำลังจะกลับหอ เค้ารีบออกมาถามว่าไปยังไง แล้วเค้าก็ขอไปส่งเรา เราก็ตกใจว่าทำไมเค้าถึงทำดีกับเรา นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้สัมผัสได้พูดคุยกับเค้าแบบจริงๆ ดูเผินๆ ก็แลดูเป็นผู้ชายนุ่มนวล อ่อนโยน ตอนนั้นจิตใจเราอ่อนแอเราเลยเผลอไปประทับใจตัวเค้า เพราะค่อนข้างถูกเสปค เราชอบผู้ชายฉลาด เก่ง สมาร์ท ใจดี และเค้าก็เป็นแบบนั้น เอออ เชื่อคนง่ายไปอีกกกกกกกก วันนั้นคุยกันนานมาก เค้าบอกว่าเคยเห็นเราเมื่อ 2 ปีที่แล้วเพราะไปรับน้องใน ม รู้จักเพื่อนเรา รู้จักเรามาก่อนหน้านี้ เราก็แบบเออ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นวะ ไม่เข้าใจ แต่ก็เชื่อเค้าไป พี่ A บอกว่า เค้าเป็นคนดูแลฟิตเนสทั้งหมด 4 สาขา ไม่ใช่เทรนเนอร์ และพี่ A ก็บอกว่าเค้าเป็นอาจารย์นิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอีก 2 ที่ มีสอนทุกวันเลย ก่อนกลับเค้าก็ขอไลน์ไป เราก็ให้อีกกก เพราะคิดว่าคงไม่มีไร ถ้าไม่ได้ชอบก็ไม่มีใครมาทำอะไรเราได้
แต่เราลืมคิดไปว่าแล้วถ้าวันหนึ่งเราคิดขึ้นมาจะทำยังไง? เค้าจีบเราหนักมาก โทรหาบ้าง ไลน์มาคุยบ้าง นัดกินข้าวบ้าง และเราก็เผลอหลงใหลไปกับคำพูดเค้า วันแรงงานที่ผ่านมาเราไม่ได้กลับบ้าน เค้าเลยขออาสาพาเราไปกินข้าว ชวนเล่นบอร์ดเกม ดูแล เทคแคร์เรา เราก็ประทับใจเค้ามากขึ้น วันนั้นเราก็ให้เค้ามานอนด้วยค่ะ แต่ไม่ได้มีอะไรกัน เราก็ไม่เข้าใจเราถามตัวเองว่ามันเร็วไปไหม ถ้าเร็วไปแล้วจะให้มานอนทำไม คำตอบคือเหงาา เรารู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ ช่วงแรกมาหาเรา 3 วันติดเลยจ้าาาา เข้าใจละต่อให้ไม่มีเวลาแต่อยากมา ยังไงก็หาเวลามาจนได้ แล้วแล้วคืนที่ 3 เรากินเหล้าค่ะ และเมา เค้าก็ไม่ทำอะไรนะคะ เราก็คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก ไม่ใช่แต่ตัวเค้าที่ต้องห้ามใจตัวเอง เราก็ต้องห้ามตัวเองเหมือนกันว่าอย่าเผลอไปกับบรรยากาศ และเราก็มีจนได้ในเช้าวันรุ่งขึ้น เพราะเราให้เค้าเอง ทำไมเราทำแบบนั้นเราก็หาคำตอบไม่ได้ แต่ส่วนลึกเราคิดว่าถ้าเราไม่ให้เค้าเค้าจะเบื่อที่ต้องรอเราไหม
หลังจากมีอะไรกันไปเค้าก็มาส่งที่ทำงาน แต่รู้ไหมคะ จิตเราตกทั้งวันเพราะเรารู้สึกไม่ดีที่มีอะไรกับเค้า อยู่ๆ เราก็เริ่มอยากรู้เรื่องราวของพี่ A มากขึ้นค่ะ เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยตามค้นข้อมูลของเขา จนเราตัดสินใจสืบจริงจังว่าเค้าทำอะไร อยู่ที่ไหนบ้าง เรียนจบจากที่นี่จริงไหม เพราะเค้าบอกเราว่าเค้าจบ ม เดียวกัน คือดูแล้วโปรไฟล์ดีจนเราเอะใจ เราก็หลับหูหลับตาเชื่อเค้าไป แบบไม่เคยโง่อะไรขนาดนี้มาก่อนเลย สรุปคือไม่เจอรายชื่อเค้าเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยที่แรกค่ะ แต่อีกที่ยังไม่ได้เชค เราก็แบบ เห้ย ทำไมไม่เจออะ แต่ก็ยังคุยนะคะ เค้าก็คุยกับเราอยู่แต่เริ่มไม่ค่อยมีเวลาเหมือนเดิมละ อ้างนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยมาก ตอนนั้นคือคิดอย่างเดียวจะโดนหลอกฟันไหมวะ แต่ก็กัดฟันคุยต่อ ไหนๆ จะโดนหลอกแล้วขออยู่ต่อไปอีกนิด เผื่อจะรู้อะไรเพิ่ม
จนครั้งที่ 2 ที่เรามีอะไรกับพี่ A เค้ามานอนกับเราค่ะ แต่มันผิดปกติตรงที่ว่ามีสายโทรเข้าตอนดึกๆ ประมาณตี 2 ได้ โทรมาเป็น 10 สาย เราเลยกดรับแต่ไม่พูด สรุปคือเป็นผู้หญิงค่ะ เราไม่ค่อยตกใจเท่าไรเพราะเซ้นส์ผู้หญิงเราบอกอยู่แล้วว่าเค้าไม่ได้คุยกับเราคนเดียว เราก็ไปเห็นแจ้งเตือนไลน์ มีผู้หญิงทักมาขอร้อง อ้อนวอนให้ยอมคุยด้วย ไม่งั้นจะมาหาที่ฟิตเนส อารมณ์แบบขาดเธอไม่ได้ไรงี้ เราก็แบบโห นี่

มีคุยกับคนอื่นจริงด้วย แล้ววันนั้นคือเค้าเอามอเตอร์ไซต์มาหาเรา เราก็คิดในใจว่าแบบ พอได้แล้วนั่งมอเตอร์ไซต์เลยนะงง 5555555555555 แต่เราคิดว่าเค้าน่าจะโกหกผู้หญิงอีกคนว่านอนฟิตเนส เลยกลัวว่าจะโดนเชคเลยจอดรถไว้หน้าร้านแล้วมาด้วยวิธีอื่น สุดยอดเลยจ่ะ !! มือถือก็สั่นทั้งคืน จนเราแกล้งบอกว่ามือถือดังนะคะ ลองรับสายไหม เค้าก็เดินไป แต่ไปปิดเครื่องจ้าาาา แถมบอกเราว่าลูกน้องโทรมาลางาน อืมมมมมม จ้าาา ตอนตี 2 นี่เรอะ
จนครั้งที่สาม เมื่อไม่กี่วันก่อนเค้าก็มานอนอีก เราเลยกะว่าจะเชค

ให้หมด ละเราก็เจอจริงๆ จ้าาาา เค้าคุยกับคนเยอะแยะไปจบ จีบไปทั่วเลย มีทั้งแฟนเก่า คนใหม่ที่ไปจีบ แต่เราโป๊ะแตกดันเอามาเชคในห้องน้ำแล้วพี่ A ตื่นขึ้นมาหามือถือ เราเลยเดินเอามือถือเข้าไปให้ เค้าก็แบบนิสัยไม่ดีเอามือถือไปเชค เรา็เลยถามไปว่าใครไม่ดีกว่ากันอะ เค้าก็หน้าซีดไปที่เรารู้ความจริง เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เค้ารู้หรอกว่าเราจับได้หมดแล้ว แต่ดันตื่นขึ้นมาเองนิ แต่เค้าก็ให้เราเลือกนะคะว่าจะเอายังไงต่อไป แต่เราคิดว่าเค้าคงไม่คุยกับเราแล้วแหละ เราดัน

ไปรู้เรื่องของเค้าหมดแล้ว ขนาดจับได้เค้าก็ยังบอกอีกว่าพี่ยังไม่มีแฟนนะ เออออ!!!! แล้วเค้าก็นอนต่อค่ะ เราก็ไม่จบ ไปลื้อกระเป๋าตังดูบัตรประชาชน สรุป ขนาดนามสกุลเค้ายังไม่บอกความจริงเราเล้ยยยย --" แต่ตอนนั้นเรารีบไปทำงานเลยไม่ได้ถามอะไรต่อ
จนช่วงสายของเมื่อวานเราเลยหาข้อมูลทั้งหมด สรุปคือเค้าโกหกเราเกือบหมดค่ะ สถานที่เรียนก็ไม่ได้จบจากที่เดียวกับเรา ไม่ได้รู้จักเรามาก่อน ไม่ได้รู้จักเพื่อนเรา ไม่ได้เป็นอาจารย์สอนพิเศษ นามสกุลก็ไม่ใช่ เรื่องตำแหน่งในฟิตเนสเราก็ไม่รู้นะคะว่าตกลงเป็นอะไร แต่พี่ที่ทำงานไปสืบมาบอกว่าใหญ่พอสมควร สุดท้ายเราก็ไม่ได้บอกเค้านะว่าเรารู้หมดแล้วทุกเรื่อง ก็ยังคุยกันไปเรื่อยเปื่อย เมื่อคืนเราก็ทักไปงี่เง่าเรื่องผู้หญิงที่ค้นเจอในไลน์ เค้าเลยรำคาญไม่อยากจะคุยด้วย จนบัดนี้ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย เค้าไม่ทักมาและเราก็ไม่ทักไป มันก็เป็นอารมณ์ที่แบบว่า เออ ชั้นเดินมาถึงจุดนึงที่มาโดนหลอกฟันตอนทำงานแล้วรึไงนะ รอดมาได้เพราะความขี้สอใส่เกือกของตัวเองแท้ๆ เลยแม้ช่วงแรกจะโง่ไปบ้าง
เราไม่ได้พาดพิงว่าผู้ชายที่ทำงานในฟิตเนสไม่ดีนะคะ แต่เราแค่เล่าเรื่องของเราให้ฟังว่าเราเจออะไรบ้าง และเราก็ไม่ได้โทษฝั่งเค้าทั้งหมด เราเองก็ผิดที่ไม่มีสติในการรักชอบใคร สุดท้ายเวลาก็ยังเป็นเครื่องมือที่ดีในการพิสูจน์คน
เมื่อฉันรู้จักกับผู้ชายในฟิตเนส...
เมื่อเดือนที่แล้วเราได้มีโอกาสไปฟิตเนสครั้งแรกค่ะ หลังจากที่เพิ่งเริ่มทำงานไปได้ 4 เดือน เนื่องจากพี่ที่ทำงานเค้าไปแล้วดีเลยมาแนะนำต่อ ราคาก็ไม่แพงมาก ประกอบกับที่เราเริ่มอ้วนขึ้นเลยตัดสินใจได้ไม่ยาก ช่วงแรกก็ผ่านไปด้วยดี ทุกวันเราจะวิ่ง เล่นเวท ซาวน่าบ้าง จนวันหนึ่งมีพี่ที่ฟิตเนส ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร คิดว่าคงเป็นเทรนเนอร์ที่จ้างมาสอนสมาชิก ขอแทนว่า พี่ A เค้าเริ่มเข้ามาทักทายเรา ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่คุยด้วย เพราะเราไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า จนมันเป็นแบบนี้บ่อยมาก เวลาเค้าเจอเราเค้าจะเข้ามาคุย เค้ามาเล่นด้วยประจำ เราก็เอออ เค้าเล่นไปเรื่อยหรือเค้าจีบเราวะ เราเลยปรึกษาพี่ที่ไปด้วยกัน ค้าก็บอกว่าเหมือนเค้าชอบเรา จะบอกว่าเราไม่ได้สนใจอะไรเลยนะคะ คือตั้งใจไปออกกำลังกายคือไปออกจริงๆ ไม่มาสนใจเรื่องอะไรแบบนี้
พอมันเริ่มบ่อยขึ้น ถี่ขึ้นเราก็เลยไปหาข้อมูลว่าใครเคยโดนเทรนเนอร์จีบบ้าง สรุปคือหาแล้วผลมันลบค่ะ บางคนโดนหลอกขายคอร์สบ้าง โดนหลอกเอาฟรีบ้าง เป็นเมียน้อยบ้าง เราก็กลัวและตั้งใจว่าจะไม่ไปยุ่งเพราะไม่อยากตกอยู่ในสภาพนั้น จนแล้วจนรอดมันก็มาถึงวันที่เป็นเราจนได้ วันนั้นเราออกกำลังกายเสร็จก็กำลังจะกลับหอ เค้ารีบออกมาถามว่าไปยังไง แล้วเค้าก็ขอไปส่งเรา เราก็ตกใจว่าทำไมเค้าถึงทำดีกับเรา นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้สัมผัสได้พูดคุยกับเค้าแบบจริงๆ ดูเผินๆ ก็แลดูเป็นผู้ชายนุ่มนวล อ่อนโยน ตอนนั้นจิตใจเราอ่อนแอเราเลยเผลอไปประทับใจตัวเค้า เพราะค่อนข้างถูกเสปค เราชอบผู้ชายฉลาด เก่ง สมาร์ท ใจดี และเค้าก็เป็นแบบนั้น เอออ เชื่อคนง่ายไปอีกกกกกกกก วันนั้นคุยกันนานมาก เค้าบอกว่าเคยเห็นเราเมื่อ 2 ปีที่แล้วเพราะไปรับน้องใน ม รู้จักเพื่อนเรา รู้จักเรามาก่อนหน้านี้ เราก็แบบเออ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นวะ ไม่เข้าใจ แต่ก็เชื่อเค้าไป พี่ A บอกว่า เค้าเป็นคนดูแลฟิตเนสทั้งหมด 4 สาขา ไม่ใช่เทรนเนอร์ และพี่ A ก็บอกว่าเค้าเป็นอาจารย์นิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอีก 2 ที่ มีสอนทุกวันเลย ก่อนกลับเค้าก็ขอไลน์ไป เราก็ให้อีกกก เพราะคิดว่าคงไม่มีไร ถ้าไม่ได้ชอบก็ไม่มีใครมาทำอะไรเราได้
แต่เราลืมคิดไปว่าแล้วถ้าวันหนึ่งเราคิดขึ้นมาจะทำยังไง? เค้าจีบเราหนักมาก โทรหาบ้าง ไลน์มาคุยบ้าง นัดกินข้าวบ้าง และเราก็เผลอหลงใหลไปกับคำพูดเค้า วันแรงงานที่ผ่านมาเราไม่ได้กลับบ้าน เค้าเลยขออาสาพาเราไปกินข้าว ชวนเล่นบอร์ดเกม ดูแล เทคแคร์เรา เราก็ประทับใจเค้ามากขึ้น วันนั้นเราก็ให้เค้ามานอนด้วยค่ะ แต่ไม่ได้มีอะไรกัน เราก็ไม่เข้าใจเราถามตัวเองว่ามันเร็วไปไหม ถ้าเร็วไปแล้วจะให้มานอนทำไม คำตอบคือเหงาา เรารู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ ช่วงแรกมาหาเรา 3 วันติดเลยจ้าาาา เข้าใจละต่อให้ไม่มีเวลาแต่อยากมา ยังไงก็หาเวลามาจนได้ แล้วแล้วคืนที่ 3 เรากินเหล้าค่ะ และเมา เค้าก็ไม่ทำอะไรนะคะ เราก็คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก ไม่ใช่แต่ตัวเค้าที่ต้องห้ามใจตัวเอง เราก็ต้องห้ามตัวเองเหมือนกันว่าอย่าเผลอไปกับบรรยากาศ และเราก็มีจนได้ในเช้าวันรุ่งขึ้น เพราะเราให้เค้าเอง ทำไมเราทำแบบนั้นเราก็หาคำตอบไม่ได้ แต่ส่วนลึกเราคิดว่าถ้าเราไม่ให้เค้าเค้าจะเบื่อที่ต้องรอเราไหม
หลังจากมีอะไรกันไปเค้าก็มาส่งที่ทำงาน แต่รู้ไหมคะ จิตเราตกทั้งวันเพราะเรารู้สึกไม่ดีที่มีอะไรกับเค้า อยู่ๆ เราก็เริ่มอยากรู้เรื่องราวของพี่ A มากขึ้นค่ะ เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยตามค้นข้อมูลของเขา จนเราตัดสินใจสืบจริงจังว่าเค้าทำอะไร อยู่ที่ไหนบ้าง เรียนจบจากที่นี่จริงไหม เพราะเค้าบอกเราว่าเค้าจบ ม เดียวกัน คือดูแล้วโปรไฟล์ดีจนเราเอะใจ เราก็หลับหูหลับตาเชื่อเค้าไป แบบไม่เคยโง่อะไรขนาดนี้มาก่อนเลย สรุปคือไม่เจอรายชื่อเค้าเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยที่แรกค่ะ แต่อีกที่ยังไม่ได้เชค เราก็แบบ เห้ย ทำไมไม่เจออะ แต่ก็ยังคุยนะคะ เค้าก็คุยกับเราอยู่แต่เริ่มไม่ค่อยมีเวลาเหมือนเดิมละ อ้างนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยมาก ตอนนั้นคือคิดอย่างเดียวจะโดนหลอกฟันไหมวะ แต่ก็กัดฟันคุยต่อ ไหนๆ จะโดนหลอกแล้วขออยู่ต่อไปอีกนิด เผื่อจะรู้อะไรเพิ่ม
จนครั้งที่ 2 ที่เรามีอะไรกับพี่ A เค้ามานอนกับเราค่ะ แต่มันผิดปกติตรงที่ว่ามีสายโทรเข้าตอนดึกๆ ประมาณตี 2 ได้ โทรมาเป็น 10 สาย เราเลยกดรับแต่ไม่พูด สรุปคือเป็นผู้หญิงค่ะ เราไม่ค่อยตกใจเท่าไรเพราะเซ้นส์ผู้หญิงเราบอกอยู่แล้วว่าเค้าไม่ได้คุยกับเราคนเดียว เราก็ไปเห็นแจ้งเตือนไลน์ มีผู้หญิงทักมาขอร้อง อ้อนวอนให้ยอมคุยด้วย ไม่งั้นจะมาหาที่ฟิตเนส อารมณ์แบบขาดเธอไม่ได้ไรงี้ เราก็แบบโห นี่
จนครั้งที่สาม เมื่อไม่กี่วันก่อนเค้าก็มานอนอีก เราเลยกะว่าจะเชค
จนช่วงสายของเมื่อวานเราเลยหาข้อมูลทั้งหมด สรุปคือเค้าโกหกเราเกือบหมดค่ะ สถานที่เรียนก็ไม่ได้จบจากที่เดียวกับเรา ไม่ได้รู้จักเรามาก่อน ไม่ได้รู้จักเพื่อนเรา ไม่ได้เป็นอาจารย์สอนพิเศษ นามสกุลก็ไม่ใช่ เรื่องตำแหน่งในฟิตเนสเราก็ไม่รู้นะคะว่าตกลงเป็นอะไร แต่พี่ที่ทำงานไปสืบมาบอกว่าใหญ่พอสมควร สุดท้ายเราก็ไม่ได้บอกเค้านะว่าเรารู้หมดแล้วทุกเรื่อง ก็ยังคุยกันไปเรื่อยเปื่อย เมื่อคืนเราก็ทักไปงี่เง่าเรื่องผู้หญิงที่ค้นเจอในไลน์ เค้าเลยรำคาญไม่อยากจะคุยด้วย จนบัดนี้ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย เค้าไม่ทักมาและเราก็ไม่ทักไป มันก็เป็นอารมณ์ที่แบบว่า เออ ชั้นเดินมาถึงจุดนึงที่มาโดนหลอกฟันตอนทำงานแล้วรึไงนะ รอดมาได้เพราะความขี้สอใส่เกือกของตัวเองแท้ๆ เลยแม้ช่วงแรกจะโง่ไปบ้าง
เราไม่ได้พาดพิงว่าผู้ชายที่ทำงานในฟิตเนสไม่ดีนะคะ แต่เราแค่เล่าเรื่องของเราให้ฟังว่าเราเจออะไรบ้าง และเราก็ไม่ได้โทษฝั่งเค้าทั้งหมด เราเองก็ผิดที่ไม่มีสติในการรักชอบใคร สุดท้ายเวลาก็ยังเป็นเครื่องมือที่ดีในการพิสูจน์คน