เนื่องจาก จขกท ได้เช่าห้องแถวพาณิชย์เพื่อที่จะทำการเปิดออฟฟิต แล้วมีห้องแถวติดกันทั้งหมด 4 ห้อง
ส่วนของเราคือห้องริม มีพื้นที่ว่างข้าง ๆ ออฟฟิตที่สามารถจอดรถยนต์ส่วนตัวได้ กว้างพอสมควร และห้องถัดไปที่ติดกัน คือเปิดเป็นร้านซักรีด ที่เปิดมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเราเห็นแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนห้อง ที่ถัดต่อจากร้านซักรีดอีก 2 ห้องที่เหลือ คือห้องว่าง ไม่มีใครมาเช่า.
ปัญหาคือ ออฟฟิตเราเป็นกระจก และทุกครั้งจะปิดจะเปิดด้วย ประตูเหล็กแบบเลื่อนเสียงดัง ๆ อ่ะค่ะ ต้องดึงปิดทุกวัน แต่ว่ามีป้ายชื่อหน้าร้าน เพียงแต่ว่าเราเลือกที่จะปล่อยให้หน้าร้านเราโล่ง และเราไม่เคยคิดเลยว่า นิสัยคนเรา คำที่ว่า เห็นแก่ตัว และ เอาเปรียบคนอื่น จะมาเห็นมาเจอกับตัวเองตอนนี้แหละค่ะ
เนื่องจาก เราเน้นงานออนไลน์ ส่วนใหญ่ทำงานอยู่บ้าน แต่จำเป็นต้องเช่าออฟฟิตเพราะต้องมาทำงานที่ออฟฟิตบ้าง เราจึงไม่ค่อยมาเปิดร้าน มาบางทีก็เกือบเที่ยง หรือบางวันก็ไม่มาเลย และช่วงที่มาเช่าแรก ๆ เราจะมาเจอ ราวตากผ้า ของร้านซักรีด มาตากวางที่หน้าร้านเรา พอเค้าเห็นเรามาจอดรถ เค้าก็จะมาย้ายออก ซึ่งเรายังไม่อยากจะพูดอะไร หรือ บางที่ ลูกค้าที่เอาผ้ามาซัก หรือมารับผ้า จะมาจอดรถตรงที่ว่าง หน้าร้านเรา. เราก็เลือกที่จะเฉย เพราะคิดว่า มาจอดแปปเดียวก็ไป เราอะลุ้มอะล่วยมาตลอด
แต่ฟางเส้นสุดท้าย คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราไปต่างประเทศ ประมาณ อาทิตย์นึง ร้านคิอปิดปกติ เราไม่ได้ห่วงร้านเลย เพราะแค่ดึงประตูเหล็กล็อคกุญแจ คือจบละ ไม่ห่วง. เมื่อเช้ามาเปิดร้านค่ะ สิ่งที่เห็นคือ ราวตากผ้า ตากเรียงราย เต็มหน้าร้านเรา แล้วสภาพร้านเราคือ เหมือนมันร้างอ่ะค่ะ ในส่วนของที่จอดรถข้างร้านไม่ต้องพูดถึง เต็มไปด้วยราวตากผ้า สภาพคือโดนยึดพื้นที่ไปหมดแล้ว เราคือโมโหมากกกกกก แต่ยังค่ะ ยังข่มอารมณ์ เพราะว่าเค้ามายกราวออกให้ ส่วนเราก็เปิดร้านปกติ.
ทีนี้ เราเคลียงานในร้านเสร็จ เราเลยเดินไปคุยกับเค้าว่า "โหพี่ หนูไม่อยู่นี่ตากเต็มหน้าร้านเลยเหรอ?" พี่เค้าตอบเรามาว่า " ก็ไม่เห็นมาซักที " หือ????
เราเลยเลือกที่จะไม่พูดต่อ เลยเดินกลับมาที่ร้าน แล้วส่งข้อความไปหาคนที่ดูแลปล่อยเช่า ว่าเราไม่โอเค ที่เค้าทำแบบนี้. ทางนั้นตอบมาแค่ว่า "จะคุยให้"
ซักพัก พี่ร้านซักรีด เดินมาหาเราที่ร้าน แล้วน้ำเสียงแบบ นางเป็นคนถูกกระทำ พร้อมคำพูดว่า " พี่แค่ตากวันนี้วันเดียวเอง วันอื่นฝนตก พี่ก็ไม่ได้ตาก " หือ?????
นี่เลยไม่ตอบ พะยักหน้าอย่างเดียว แล้วทำงานต่อ แต่ในใจคืออยากจะเดินไปพูดรายละเอียด ไปอธิบายว่าสิ่งที่นางทำคือ มันผิดค่ะ
แต่เค้าทำเหมือนกับว่า เราเป็นคนผิดที่ไปวีนเรื่องที่เอาผ้ามาตากหน้าร้านเรา
เราเคยคิดว่าจะหาเอาอะไรมาวางหน้าร้าน แต่เนื่องจากร้านเป็นกระจก จึงไม่อยากจะเอาอะไรมาวางขวาง อยากให้มันโล่ง ๆ
คือสิทธิ์ในการใช้พื้นที่ ที่เราจ่ายค่าเช่าทุกเดือน เราแทบจะไม่ได้ใช้เลย เพราะข้างร้านรอฉวยโอกาสทุกครั้ง เราถือว่า เค้ามักง่าย และ เห็นแก่ตัวค่ะ
ในใจอยากจะเดินไปด่า แต่เนื่องจาก มันต้องอยู่ร่วมโลกกันไปอีก หลายปี จขกท ก็เลยเลือกที่จะเงียบ เพราะถือว่า เป็นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายค่ะ
ควรที่จะมีความคิดมากกว่านี้ จนบางทีมานั่งคิด ทำไมคนส่วนใหญ่ ถึงคิดกันไม่ได้ในเรื่องแค่นี้ ความรู้สึกตอนนี้คือ เออ เราโดนเอาเปรียบ แล้วกลายเป็นนางมารร้ายเฉยเลย

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
ขอความคิดเห็น กรณีโดนเบียดเบียนจากร้านข้าง ๆ
ส่วนของเราคือห้องริม มีพื้นที่ว่างข้าง ๆ ออฟฟิตที่สามารถจอดรถยนต์ส่วนตัวได้ กว้างพอสมควร และห้องถัดไปที่ติดกัน คือเปิดเป็นร้านซักรีด ที่เปิดมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเราเห็นแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนห้อง ที่ถัดต่อจากร้านซักรีดอีก 2 ห้องที่เหลือ คือห้องว่าง ไม่มีใครมาเช่า.
ปัญหาคือ ออฟฟิตเราเป็นกระจก และทุกครั้งจะปิดจะเปิดด้วย ประตูเหล็กแบบเลื่อนเสียงดัง ๆ อ่ะค่ะ ต้องดึงปิดทุกวัน แต่ว่ามีป้ายชื่อหน้าร้าน เพียงแต่ว่าเราเลือกที่จะปล่อยให้หน้าร้านเราโล่ง และเราไม่เคยคิดเลยว่า นิสัยคนเรา คำที่ว่า เห็นแก่ตัว และ เอาเปรียบคนอื่น จะมาเห็นมาเจอกับตัวเองตอนนี้แหละค่ะ
เนื่องจาก เราเน้นงานออนไลน์ ส่วนใหญ่ทำงานอยู่บ้าน แต่จำเป็นต้องเช่าออฟฟิตเพราะต้องมาทำงานที่ออฟฟิตบ้าง เราจึงไม่ค่อยมาเปิดร้าน มาบางทีก็เกือบเที่ยง หรือบางวันก็ไม่มาเลย และช่วงที่มาเช่าแรก ๆ เราจะมาเจอ ราวตากผ้า ของร้านซักรีด มาตากวางที่หน้าร้านเรา พอเค้าเห็นเรามาจอดรถ เค้าก็จะมาย้ายออก ซึ่งเรายังไม่อยากจะพูดอะไร หรือ บางที่ ลูกค้าที่เอาผ้ามาซัก หรือมารับผ้า จะมาจอดรถตรงที่ว่าง หน้าร้านเรา. เราก็เลือกที่จะเฉย เพราะคิดว่า มาจอดแปปเดียวก็ไป เราอะลุ้มอะล่วยมาตลอด
แต่ฟางเส้นสุดท้าย คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราไปต่างประเทศ ประมาณ อาทิตย์นึง ร้านคิอปิดปกติ เราไม่ได้ห่วงร้านเลย เพราะแค่ดึงประตูเหล็กล็อคกุญแจ คือจบละ ไม่ห่วง. เมื่อเช้ามาเปิดร้านค่ะ สิ่งที่เห็นคือ ราวตากผ้า ตากเรียงราย เต็มหน้าร้านเรา แล้วสภาพร้านเราคือ เหมือนมันร้างอ่ะค่ะ ในส่วนของที่จอดรถข้างร้านไม่ต้องพูดถึง เต็มไปด้วยราวตากผ้า สภาพคือโดนยึดพื้นที่ไปหมดแล้ว เราคือโมโหมากกกกกก แต่ยังค่ะ ยังข่มอารมณ์ เพราะว่าเค้ามายกราวออกให้ ส่วนเราก็เปิดร้านปกติ.
ทีนี้ เราเคลียงานในร้านเสร็จ เราเลยเดินไปคุยกับเค้าว่า "โหพี่ หนูไม่อยู่นี่ตากเต็มหน้าร้านเลยเหรอ?" พี่เค้าตอบเรามาว่า " ก็ไม่เห็นมาซักที " หือ????
เราเลยเลือกที่จะไม่พูดต่อ เลยเดินกลับมาที่ร้าน แล้วส่งข้อความไปหาคนที่ดูแลปล่อยเช่า ว่าเราไม่โอเค ที่เค้าทำแบบนี้. ทางนั้นตอบมาแค่ว่า "จะคุยให้"
ซักพัก พี่ร้านซักรีด เดินมาหาเราที่ร้าน แล้วน้ำเสียงแบบ นางเป็นคนถูกกระทำ พร้อมคำพูดว่า " พี่แค่ตากวันนี้วันเดียวเอง วันอื่นฝนตก พี่ก็ไม่ได้ตาก " หือ?????
นี่เลยไม่ตอบ พะยักหน้าอย่างเดียว แล้วทำงานต่อ แต่ในใจคืออยากจะเดินไปพูดรายละเอียด ไปอธิบายว่าสิ่งที่นางทำคือ มันผิดค่ะ
แต่เค้าทำเหมือนกับว่า เราเป็นคนผิดที่ไปวีนเรื่องที่เอาผ้ามาตากหน้าร้านเรา
เราเคยคิดว่าจะหาเอาอะไรมาวางหน้าร้าน แต่เนื่องจากร้านเป็นกระจก จึงไม่อยากจะเอาอะไรมาวางขวาง อยากให้มันโล่ง ๆ
คือสิทธิ์ในการใช้พื้นที่ ที่เราจ่ายค่าเช่าทุกเดือน เราแทบจะไม่ได้ใช้เลย เพราะข้างร้านรอฉวยโอกาสทุกครั้ง เราถือว่า เค้ามักง่าย และ เห็นแก่ตัวค่ะ
ในใจอยากจะเดินไปด่า แต่เนื่องจาก มันต้องอยู่ร่วมโลกกันไปอีก หลายปี จขกท ก็เลยเลือกที่จะเงียบ เพราะถือว่า เป็นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายค่ะ
ควรที่จะมีความคิดมากกว่านี้ จนบางทีมานั่งคิด ทำไมคนส่วนใหญ่ ถึงคิดกันไม่ได้ในเรื่องแค่นี้ ความรู้สึกตอนนี้คือ เออ เราโดนเอาเปรียบ แล้วกลายเป็นนางมารร้ายเฉยเลย
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ