หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ทุกขโต ทุกขถานัง ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว

ปัญหาเสียงดนตรีประกอบดังกลบเสียงตัวละครสนทนา ได้แก้ไขจนฟังง่ายขึ้น
ไม่ต้องเร่งเสียงโทรทัศน์ดังเพิ่ม เสียงดนตรีกับสนทนาไม่ตีกัน ฟังง่ายขึ้นทั้งคู่
ดนตรีประกอบไพเราะ ใช้เครื่องดนตรีไทยเดิมบรรเลง เล่นทำนองร่วมสมัย ช่วยเพิ่มอรรถรสในการชม
การจัดจังหวะลงเสียงดีขึ้น ไม่เร็วไปช้าไป มีช่วงว่างให้ฟังบทเจรจาจนจบความ แล้วต่อด้วยดนตรีเพื่อเปลี่ยนและเร้าอารมณ์

คิวบู๊
ตอนที่สี่ ตัดต่อลื่นไหล ดูง่ายกว่าสามตอนแรก ดีที่ผกก.วางแผนถ่ายทำแบบสองมุมกล้อง คือ กว้างกับแคบ ในครั้งเดียว
ทำให้ตัดต่อในแต่ละมุมกล้องได้ขนาดของคนกับฉากที่พอดีกับจอโทรทัศน์ตามบ้าน ที่เล็กกว่าจอภาพยนตร์มาก
สามตอนแรกยังสลับภาพกว้างกับแคบขาดๆเกินๆอยู่ ภาพดูใกล้ไปจนไม่เห็นการต่อสู้ชัดเจน ในการต่อยตี ออกแม่ไม้หลายมุม

ในตอนที่สาม ที่หลวงพิชัยอาสา ใช้เพลงดาบคู่แบบจีนเข้าต่อตี จนอีกฝ่ายจับทางดาบไม่ได้ ภาพมืดเกินไป มองไม่เห็นรายละเอียด
ฉากกลางคืนเป็นทุกตอน มีไวท์บาลานซ์อมฟ้าเล็กน้อยในตอนที่สี่

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ARRI Alexa 65 ถ่ายหนังสั้นในไทย เป็นกล้องที่ถ่ายทำ Avenger Infinity War มีให้เช่าเท่านั้น

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ถ้าใช้กล้องวีดีโอฟูลเฟรม iso12800-102000 ขึ้นไป คงเก็บแสงได้กว่า
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เพราะต้องนำมาแก้สี ทำให้ภาพเข้มคมขึ้น การใช้ไฟราวแลดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่งบต้องเพิ่มขึ้นอีก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ตอนที่สี่พระเอกบู๊ได้จะแจ้ง คิวบู๊ดีมากมีที่มาที่ไป พระเอกดึงผ้าคาดเอวผู้ร้ายมาไว้คว้าข้อมือเบี่ยงคมดาบ
พระเอกใช้ท่าวิรุณหกกลับ(รับเตะด้วยถีบ) สะบัดผ้าอัดลมปราณกระแทกคอหอย ต่อด้วยหนุมานถวายแหวน
แล้วโน้มศัตรูมาตีศอกสอง เข่าหนึ่ง ตามด้วยกระโดดหมุนตัวเตะเสยปลายคางปิดท้าย
ใครจะคิดว่าขันทีหน้าหยก จะเปี่ยมด้วยวรยุทธเช่นนี้ สงสัยฝึกคัมภีร์ทานตะวันที่ญาติทางจีนมอบให้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

พระเจ้าตากปรากฏตัว พร้อมกับทหารเอกหลวงพิชัยอาสา ภายหลังอวยยศเป็น พระยาพิชัยดาบหัก
นักดาบคู่ฝีมือไร้คู่เปรียบ ชื่อ จ้อย หรือนายทองดีฟันขาว มาช่วยชีวิตพระเอกพร้อมชี้แนะทางมวยให้ชำนะศัตรู
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ทั่งสองท่านอาจร่ำเรียนเพลงมวย และเพลงอาวุธจีน สายเส้าหลินใต้ที่ต้าชิงกวาดล้าง แล้วหนีไปกบดานที่จังหวัดแต้จิ๋ว
จอมยุทธที่เหลือรอดได้ถ่ายทอดวิชาเส้าหลินใต้ โดยปรากฏหลักฐาน เพลงหมัดเสือดาว ที่หมู่บ้านเล็กๆ ในอำเภอเก็กเอี๊ย
ซึ่งชายทุกคนในหมู่บ้านทุกคนต้องฝึกเพลงมวยและอาวุธ เพื่อป้องกันหมู่บ้านจากโจรป่ามาปล้นสะดม
จากนั้นจอมยุทธบางท่านลี้ภัยมาอาศัยแถบอยุธยา จึงจัดตั้งชุมชนคนจีนและถ่ายทอดเพลงมวยและอาวุธสายเส้าหลินใต้

เพลงมวยและอาวุธ โดยเฉพาะดาบคู่ของพระยาพิชัย จึงเป็นการผสมผสานไทยกับจีนอย่างลงตัว
ดาบคู่(ซวงเตา 双刀) อาวุธทหารม้าต้าชิง ต้นศตวรรษที่ 19
ใบดาบยาว 65.8 ซม.  ความยาวรวมด้าม 80.2 ซม.
ใบดาบเซาะร่องเลือด
สันดาบหนา 5-4-2 มม.
ใบดาบกว้าง 35-32-30 มม.
ด้ามหนังถัก ฝักหุ้มหนังฉลาม กระบัง ด้าม ปลายฝักหุ้มหัวท้ายด้วยทองเหลือง


เช่นนั้นลักษณะดาบคู่ จึงอาจมีความพิศดาร เช่น ใบดาบกว้าง สันหนา แต่ขนาดเล็กกว่าดาบคู่จีน
คมดาบ บางเล่มอาจมีคมครึ่ง ไว้เฉือดคอศัตรูจากด้านหลัง หรือปลายดาบมีจะงอยไว้แทง

อาวุธประจำตัว และกระบวนท่าแต่ละตัวละครในเรื่อง มีเอกลักษณ์ เช่น

เสือขุนทอง ใบดาบยาวและหนักกว่าปกติ ท่วงท่าหนักแน่น เน้นพลังทำลาย แต่พลิกแพลงแก้ท่าดาบเบากว่าได้
ด้วยท่าเท้าที่กะระยะต่อสู้ได้แม่นยำ ดาบสั้นแต่เบาเข้าไม่ถึงตัว แต่ดาบยาวรุกไล่ทะลวงฟันได้

หลวงพิชัยอาสา ดาบคู่ขนาดกลาง รูปทรงผสมผสาน ท่วงท่ารุกรับ แยกประสาทมือเท้า ซ้าย ขวาได้ ต่างจากคนธรรมดา
ทางดาบจึงพลิกแพลงพิศดาร คาดเดาเป็นจังหวะ ย่างก้าวได้ยาก สร้างแรงเหวี่ยงทุกทิศทางเป็นแรงทำลายได้

ผกก.คิวบู๊เก่งมาก ชำนาญเรื่องลักษณะและทางอาวุธ แยกสกุลมวยชัดเจน ทำให้บทเจรจาเรื่อง ทางดาบในละครมีน้ำหนัก



CGฉากนางเอกแก้กลบทหมากรุก ทำได้ดีเข้าใจง่าย

ลบภาพดอกบัวออก

แล้วอักษรเคลื่อนตัวตามตาเดินหมากรุก

แต่อักษรตั้งบนเส้นแบบหมากรุกจีน

ไม่ได้ตั้งบนตากระดานแบบหมากรุกไทย นางเอกอัฉจริยะโดยแท้

กระดานหมากรุกไทย อายุ200กว่าปี นำหอยเบี้ย มาเป็นตัวเบี้ย


ตาเดิน โคน หมากรุกไทย

ตาเดิน ม้า หมากรุกไทย


อ่าน ตาโคน ออกตัวเดียว ตาม้า ตาเรือ เทียบได้หมด

สำหรับผู้สนใจถอดกลบทภาพ ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก
โคลงกลบทในสมุดแบบโคลงมีสารพัด
โดย ดอกรัก พยัคศรี ศูนย์วิจัยสิรินธร
http://www.sac.or.th/databases/manuscripts/files/article/20/blog-Various%20Klongs%20book.pdf


บทละครบรรยายความกลัดกลุ้ม ร้อนใจของแต่ละตัวละครได้ดีมาก ไม่มีใครเป็นสุขกับชนักติดหลัง มีแต่หาทางปลดแอกโดยเร็ว
จนปัญหาบานปลาย จากเป็นต่อกับกลายเป็นรอง ดั่งพุทธภาษิตว่า

ทุกขะโต ทุกขะถานัง
ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว


ปรากฏใน  สาลิยชาดก ว่าด้วยให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภคำว่า

ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัตไม่อาจเพื่อแม้จะกระทำความสะดุ้งแก่พระพุทธองค์ได้

ในครั้งนั้น พระศาสดาตรัสว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตนี้ก็ไม่อาจเป็นผู้แม้จะกระทำความสะดุ้งแก่เราได้
แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
              
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดในตระกูลกฎุมพีในหมู่บ้าน
ในคราวมีอายุยังน้อย เล่นอยู่ที่โคนต้นไทร ใกล้ประตูบ้านกับพวกเด็กที่เล่นฝุ่นกัน
              
ครั้งนั้น มีหมอทุรพลคนหนึ่งไม่ได้การงานอะไรในบ้าน จึงออกไปถึงที่นั้น
เห็นงูตัวหนึ่งนอนหลับโผล่หัวออกมาจากระหว่างคาคบไม้ จึงคิดว่า

เราไม่ได้อะไรในบ้าน เราจักลวงเด็กพวกนี้ให้งูกัดแล้วเยียวยารักษา คงจะได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งทีเดียว

จึงได้กล่าวกะพระโพธิสัตว์ว่า ถ้าเธอจะพบลูกนกสาลิกา เธอจะจับเอาไหม
              
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า จ้ะ ฉันจะจับเอา
              
หมอกล่าวว่า จงดูนั่นลูกนกสาลิกา มันนอนอยู่ระหว่างคาคบไม้

พระโพธิสัตว์นั้นไม่รู้ว่านั้นเป็นงู จึงขึ้นไปยังต้นไม้ จับที่คอมัน พอรู้ว่าเป็นงูจึงไม่ให้มันหดเข้าไป จับไว้มั่นแล้วรีบเหวี่ยงไป
งูนั้นปลิวไปตกลงที่คอหมอ รัดคออยู่กัดเสียงดังกรุ๊บๆ ทำให้หมอนั้นล้มลงตรงที่นั้น แล้วเลื้อยหนีไป คนทั้งหลายพากันห้อมล้อม
              
พระมหาสัตว์ เมื่อจะแสดงธรรมแก่บริษัทผู้ประชุมพร้อมกันอยู่ จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า

ผู้ใดลวงให้เราจับงูเห่าว่า นี่ลูกนกสาลิกา ผู้นั้นตามพร่ำสอนสิ่งที่ลามก ถูกงูนั้นกัดตายแล้ว

คนใดปรารถนาจะฆ่าบุคคลผู้ไม่ฆ่าเอง และผู้ไม่ใช้คนอื่นให้ฆ่าตน
คนนั้นถูกฆ่าแล้วนอนตายอยู่ เหมือนกับบุรุษผู้ถูกงูกัดตายแล้ว ฉะนั้น

คนใดปรารถนาจะฆ่าบุคคลผู้ไม่เบียดเบียนตน และไม่ฆ่าตน
คนนั้นถูกฆ่าแล้วนอนตายอยู่ เหมือนกับบุรุษถูกงูกัดตายแล้ว ฉะนั้น

บุรุษผู้กำฝุ่นไว้ในมือ พึงซัดฝุ่นไปในที่ทวนลม ละอองฝุ่นนั้น
ย่อมหวนกลับมากระทบบุรุษนั้นเอง เหมือนบุรุษถูกงูกัดตายแล้ว ฉะนั้น

ผู้ใดประทุษร้ายคนผู้ไม่ประทุษร้ายตน เป็นคนบริสุทธิ์ ไม่มีความผิดเลย
บาปย่อมกลับมาถึงคนพาลผู้นั้นเอง เหมือนกับละอองละเอียด
ที่บุคคลซัดไปทวนลม ฉะนั้น


พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า
หมอทุรพลในครั้งนั้น ได้เป็น พระเทวทัต
ส่วนเด็กที่เป็นบัณฑิต คือ เราตถาคต ฉะนี้แล

จบ สาลิยชาดกที่ ๗

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑


ออกพระราชาข่าน คิดตอนพระเอก กรรมตามสนองสะใจแม่ยกไปตามๆกัน ช้างเชื่องมาก แสดงดี เหยียบกล้องได้เหมาะ
ถึงตอนสำเร็จ พระเอกคงเสียเลือดมากและติดเชื้อที่บาดแผลจนตาย กริชลนไฟแล้วยังไปวางที่พื้นให้เย็นอีก ยาฆ่าเชื้อไม่มี
บ้านเราอากาศร้อนชื้น กว่าจะผ่าตัดระดับนี้ได้ปลอดภัยล่วงไปสมัยร.5แล้ว เมื่อมียาฆ่าเชื้อและสาธารณสุขจากตะวันตกเข้ามา
ราชสำนักอยุธยาจึงนำเข้านักเทศขันทีจากต่างประเทศด้วยเหตุนี้

ออกญามีชื่อคิดฆ่านางเอก แต่ทำให้เจ้าจอมเพ็ญตกใจวิ่งมากจนแท้งลูก ที่คิดจะได้กลับเสียการสิ้น

พระเอกเล่านิทานความหลังให้นางเอกฟัง มีแม่งามระดับนางเอก พ่อกล้าหาญจำใจเป็นเสือเพราะถูกแขกโต้ระกี่ใส่ความ
เสียดายแขกไม่หนวดเคราเฟื้อม จะได้ดูดุร้ายหน่อย ผัวเข้าหอเลวได้ใจผลักไปรับมีดแทน สมกันทั้งพ่อตา ลูกเขย
เสือแบบไทย ปล้นคนรวยช่วยคนจน ประกาศวันปล้นพร้อมจำนวนอัฐที่ต้องการ จากขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง
และที่ขาดไม่ได้ คือ ลูกสาวผู้ร้ายต้องรักกับพระเอก แบบหนังพิศาล อัครเศรณี แนว อุ้มมือมาร จำเลยรัก


ขอขอบคุณช่อง3 ผู้จัดและคณะ ที่รับฟังเสียงผู้ชม ใส่ใจปรับปรุงการผลิตเพื่ออรรถรสของผู้ชม

ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ


อ้างอิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่