BROTHERHOOD - นิชคุณ หรเวชกุล ที่รักสุดเนี้ยบ
จาก HAMBURGER MAGAZINE
อ่ายสัมภาษณ์เต็มๆที่
https://hamburger-magazine.com/brotherhood-nichakun.html
คาแร็กเตอร์ของโมจิกับนิชคุณเหมือนกันหรือเปล่า
ผมว่าก็ไม่ได้แตกต่างมากนะครับ ยกเว้นความเป็นเนิร์ด (หัวเราะ) ผมไม่ได้เรียนเก่ง ชอบความเรียบร้อย ความสะอาด
เวลาทำงานก็ค่อนข้างทำเต็มที่เหมือนกัน โมจิจะเป็นผ้าพับไว้ที่ไม่เคยยับ ทำอะไรก็ต้องตามกฎ แต่ผมมีแหกกฎบ้างเล็กๆ น้อยๆ
โมจิเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เป็นคนค่อนข้างเนิร์ด เรียบง่าย มีระเบียบ ทุกอย่างต้องเพอร์เฟ็กต์ มาเมืองไทยทำงาน
แล้วได้พบกับเจน (ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์) แล้วก็ชอบกัน แต่มีพี่ชัช (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) เข้ามาคอยกัน
ต้องทำดีกับน้องสาวฉันนะ ไม่งั้นจะไม่ให้เป็นแฟนกัน ก็เป็นเรื่องตลกๆ น่ารักสนุกสนานในภาพยนตร์เรื่องนี้
นิชคุณเป็นคนหวงน้องสาวไหม
ผมก็น่าจะเป็นคนที่หวงน้องสาว เป็นเรื่องธรรมดาของพี่ชายที่รักน้องสาว แล้วก็ต้องหวง ใช่ไหมครับ
เมื่อก่อนอาจจะมากไปนิดนึง น้องสาวแค่ออกไปข้างนอก เดินห้างกับเพื่อน เราก็จะบอกเขาว่ากางเกงสั้นหรือกระโปรงสั้นไปหรือเปล่า
ก็มีมุมนั้นด้วยเหมือนกัน แต่จริงๆ ผมไม่ได้หวงถึงขั้นโหดกับผู้ชายที่มาจีบน้องสาวหรอกนะครับ แต่ก็นิดนึงแหละ
น้องอาจจะเกรงใจหรือกลัวก่อนที่จะมาบอกผมว่ามีผู้ชายมาจีบ
ในเรื่องรับบทเป็น “โมจิ” หนุ่มที่เข้าไปจีบน้องสาวของคนอื่น แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งมีคนเข้ามาจีบน้องสาวของเรา
แล้วผู้ชายคนนั้นไม่ถูกใจเราจริงๆ จะทำอย่างไร
เบิ๊ดกะโหลกครับ (หัวเราะ) เป็นคำที่ผมอยากทำจริงๆ แต่ในส่วนของพี่ชาย ผมรู้สึกว่า ความรักมันมีทั้งดีและร้าย
เราไม่ได้เจอเรื่องที่ดีตลอดเวลา ถ้าคนนั้นไม่ใช่คนโรคจิต หรือคนที่ร้ายจริงๆ ผมก็คงต้องปล่อยให้น้องได้เจอกับคนแบบนั้น
เวลาที่เขาเจอคนที่ดีจริงๆ เขาจะได้ไม่พลาด สิ่งที่ผมทำได้มากที่สุดคือคอยอยู่ข้างๆ คอยสนับสนุน
หรืออยู่ด้วยตอนช่วงอกหักผมไม่มีสิทธิจะไปห้ามไม่ให้เขาคบใคร
เราก็มีแอบถามบ้าง คุยกับใครบ้างไหม คนนี้เป็นยังไงบ้าง ไม่มีกำแพงกั้น เราจะไม่ไปถามจี้ อยากคุยก็คุยมา
มีถามบ้างเพื่อให้เขารู้ว่าเราเป็นห่วง แต่ถ้าน้องเล่าให้ฟังผมก็จะดีใจ และพร้อมให้คำแนะนำอยู่ตลอดเวลา
“พี่ชาย” ในความหมายของนิชคุณ
คนที่ยอมเสียสละให้น้อง ตอนเด็กๆ ผมทะเลาะกับญาณินบ่อยมาก ผมกับพี่ชายเป็นผู้ชายสองคนในบ้าน
ส่วนญานินเป็นน้องสาวอีกคนที่อายุพอๆ กัน ห่างกันแค่ 2 ปี ผมก็อยากเล่นกับ พี่ชาย ผู้ชายสองคนเล่นด้วยกันแล้วมันสนุกกว่า
พอน้องเข้ามาเล่นด้วย เราก็จะกันออกไป เธอเป็นผู้หญิงเล่นกับพวกเราไม่ได้หรอก แต่พอเริ่มโตเราก็อยากทำหน้าที่ของ
การเป็นพี่ให้ดีที่สุดซึ่งตอนนี้ก็รักกันดีครับ
จุดเปลี่ยนที่ทำให้คิดอยากเป็นพี่ชายที่ดีคืออะไร
ตั้งแต่ผมไปเรียนเมืองนอกครับ ตอนนั้นไปกับพี่ชายแค่สองคน เขาไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ก่อน
ผมตามไปอยู่ด้วยกันสักพัก หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกา
ช่วงนั้นผมเลยต้องอยู่คนเดียว ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์
เจออะไรมาก็ต้องอยู่ด้วยตัวเอง มันทำให้ผมรู้สึกถึงความสัมพันธ์ของครอบครัว ตอนเด็กพ่อแม่สั่งสอนอะไรมา
เราจะไม่ฟัง แต่พอผมต้องอยู่คนเดียว ทำอะไรผิดขึ้นมา ผมก็จะนึกกับตัวเองว่าพ่อแม่เคยบอกเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้ว
ทำไมไม่ฟัง ซึ่งตอนนี้ผมอยู่ห่างจากครอบครัวเป็นเวลา 18 ปีแล้วนะครับ สำหรับผมครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญมาก
พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่เราควรรักมากที่สุด รักก่อนที่เราจะรักใครด้วยซ้ำ
ตอนนั้นเป้าหมายของพ่อแม่คือการส่งลูกไปใช้ชีวิตคนเดียวเหรอ
จริงๆ พ่อแม่อยากให้เรียนภาษาอังกฤษครับ เลยส่งพวกเราไป พ่อผมเป็นผู้ชายที่มีระเบียบมาก
พ่อพูดอยู่เสมอว่าไม่ต้องรักพ่อแม่ก็ได้ แต่พี่น้องทั้ง 4 คน ต้องรักกัน เพราะพ่อแม่คงไม่ได้อยู่กับพวกหนูไปตลอดชีวิตหรอก
หนู 4 คนต้องรักกัน เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันต่อไป ซึ่งเป็นคำพูดที่ตอนเด็กๆ ผมมักจะ ไม่ฟัง (หัวเราะ)
พอโตมาถึงเห็นความสำคัญของคำพูดนั้น และเห็นความสำคัญของพี่น้องของผมครับ
นิชคุณเป็นคนมีระเบียบเหมือนพ่อไหม
แรกๆ ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ช่วงนี้แก่แล้วล่ะ อายุก็ไม่น้อย ก็ต้องมีระเบียบหน่อย เรียกว่าเป็นคนดุในการทำงานก็ได้ครับ
ผมค่อนข้างซีเรียสกับการทำงาน ไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ผมจะเช็กแล้วเช็กอีก
เพื่อที่เราจะไม่ผิดพลาด หรือไม่ต้องวนกลับมาอีก แต่ระหว่างการถ่ายทำก็สนุกสนาน ยิ้มและหัวเราะทั้งวันครับ
เวลาทำงานก็คือทำงาน ช่วงพักก็หยอกล้อเล่นกันไปตามปกติ ผมไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น แต่เราไม่อยากทำแบบลวกๆ
อยากทำให้มันดีที่สุด
ความรู้สึกที่ได้กลับมาร่วมงานกับ GDH อีกครั้ง คิดนานไหมกว่าจะตกลง
การร่วมงานกับ GDH เป็นความสนุกสนาน ทุกคนร่าเริง ผมมีความสุขกับการได้ร่วมงานกับ GDH อีกครั้ง
ตอนที่ทาง GDH ติดต่อมา ผมตอบตกลงก่อนจะได้รับบทเสียอีก มารู้ทีหลังว่าจะได้แสดงประกบคู่กับพี่ซันนี่
และน้องญาญ่า จะไม่รับแสดงได้ยังไง
ข้อคิดหลายสิ่งหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวหนัง GDH มันไม่ใช่แค่หนังผี หนังโรแมนติกหรือหนังตลก
แต่ยังมีสิ่งที่คนดูเอาไปใช้ได้ ทำให้คนดูเก็บไปคิดตาม พอจับจุดได้ มีข้อคิดหลายอย่างกลับบ้านหลังจากดูหนังจบไป
ภาพยนตร์เรื่อง น้อง.พี่.ที่รัก ว่าด้วยเรื่องราวของความรักหลายแบบ ผมเชื่อว่าเรื่องราวในภาพยนตร์เป็นสิ่งที่ทุกคนเคยได้สัมผัสมาก่อน
มาดูแล้วจะเข้าใจคำว่า “รัก” ไม่ว่าจะเป็นแฟน พี่น้อง พ่อแม่ ลูก ทุกความรักสำคัญจริงๆ ทุกคนควรจะทำความเข้าใจกับตรงนี้ให้มากขึ้น
หลังจากที่ทุกคนดูแล้วจะเข้าใจคำนี้มากขึ้นครับ
ร่วมงานครั้งแรกกับซันนี่และญาญ่า รวมถึงผู้กำกับ บอล-วิทยา ทองอยู่ยง เป็นอย่างไรบ้าง
พี่ซันนี่เป็นคนน่ารักครับ ตั้งใจทำงาน การแสดงของเขาเรียกว่าเป็นอาจารย์เลย พอได้ทำงานกับพี่เขา ผมได้เรียนรู้หลายอย่าง
เมื่อคืนเพิ่งส่งข้อความหากัน ผมก็บอกเขาว่าดีใจที่ได้ร่วมงานด้วย และยินดีที่ได้รู้จักกัน อยากได้พี่ชายแบบพี่
ส่วนน้องญาญ่า ใครที่เห็นน้องเขาก็จะคิดถึงความสวยสดใส ความน่ารักเอาใจใส่คนรอบข้าง
ตั้งใจเตรียมตัวทำการบ้านมาทุกครั้งก่อนเข้าฉาก ทำงานกับสองคนนี้แล้วมีความสุข ทำให้ผมนึกถึงตัวเองว่าเราน่าจะทำให้ได้
เหมือนพวกเขา
เรามีจุดที่เหมือนกัน แต่ก็มีหลายจุดที่แตกต่างกัน แต่เป้าหมายของเราคืออันเดียวกันครับ เราพยายามทำสิ่งที่เราทำอยู่ให้ดีที่สุด
ทำดีกับคนรอบข้าง คนที่ทำงานให้กับเรา สิ่งเหล่านี้เป็นจุดคลิกที่ทำให้เราคุยกัน หัวเราะด้วยกัน คุยเรื่องเดียวกันได้
ผมเจอพี่บอลครั้งแรกตอนกลับมาเวิร์กช็อป ก่อนหน้านั้นไม่เคยคุยหรือรู้จักกันมาก่อน เขาเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงมากครับ
ไม่ว่าจะเข้าฉากไหน เขาจะหยิบมุกหรือสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงว่าตัวละครตัวนี้จะสามารถทำออกมาได้ ทุกอย่างพี่เขาเข้ามาหยิบจับ
ร่วมคิดร่วมทำด้วย เราจะทำยังไงให้บทนี้หรือหนังเรื่องนี้ดีขึ้น ให้คนที่ดูรักหนังเรื่องนี้ช่วยกันคิดมากกว่า
ความยากในการทำงาน
ยากสุดน่าจะเป็นการท่องภาษาไทยนะครับ (หัวเราะ) ผมอยู่ต่างประเทศไม่ได้ใช้ภาษาไทยบ่อยขนาดนี้
จะมีบ้างที่โทรหาที่บ้าน ก่อนจะกลับมาเวิร์กช็อป พอได้บทมาผมก็นั่งท่องบทเหมือนอ่านหนังสือเลยครับ
ท่องหลายรอบ พูดให้ชัด แต่เรื่องนี้มีคนคอยช่วย ทั้งพี่ซันนี่ น้องญาญ่า ครูปราง พี่บอล พี่เก้ง ช่วยดูแลอยู่ข้างๆ
เรื่องการแสดงไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่ห่วงเรื่องบทนี่แหละครับว่าเราจะพูดชัดหรือเปล่า เราจะพูดผิดหรือเปล่า ไม่อยากทำให้งานช้า
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกขั้นของการเป็นนักแสดงของเราเลยหรือเปล่า
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าที่ผ่านมาแสดงไปเป็นยังไง ผมไม่ค่อยได้กลับมาดูการแสดงของตัวเอง เท่าไหร่
แต่ในวันแถลงข่าวพี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) เข้ามาบอกกับผมว่านิชคุณเป็นนักแสดงเต็มตัวแล้วนะ ผมก็ดีใจมาก
เพราะพี่เก้งเห็นผมมาตั้งแต่แสดงหนังเรื่องแรกอย่าง รัก 7 ปี ดี 7 หน (2555) จนมาถึงวันนี้พอพี่เขามาชม
มันคงเป็นเหมือนพ่อชมลูก เราก็ปลื้มใจครับผม
ถ้าเทียบกับสิ่งที่พี่เก้งบอกมา คิดว่าตัวเองสอบผ่านเลยไหม
ผมเป็นคนค่อนข้างเข้มงวดกับตัวเองครับ ไม่ปล่อยให้ตัวเองคิดว่าดีแล้ว เว้นที่ว่างสำหรับการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
ไม่คิดว่าฉันทำดีหรือเก่งแล้วนะ อาจจะคิดปลอบใจตัวเองว่าเออวันนี้ทำดีแล้วล่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเอาใหม่
ทำให้เต็มที่กว่านี้อีก ผมอยากจะพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ครับ ทั้งเรื่องของการแสดง ร้องเพลง หรือการใช้ชีวิตประจำวัน
ซึ่งที่ผ่านมาผมไม่เคยให้ตัวเองสิบเต็มสิบ มากสุดก็แปด เหลือไว้อีกสองให้ตัวเองพัฒนาต่อไปอีก
คาดหวังกับภาพยนตร์เรื่องนี้แค่ไหน
หลายคนอาจมองว่ารายได้คือจุดพิสูจน์ความสำเร็จของภาพยนตร์ แต่ถ้าคนมาดูหนังเรื่องนี้ แล้วกลับไปรักครอบครัว
พ่อแม่ พี่น้องมากขึ้น อยู่ในความทรงจำของคนดูไปนานๆ แค่นี้ก็ประสบความสำเร็จแล้วครับ มันไม่ใช่หนังที่ผมเล่นเสร็จแล้วก็จบกันไป
แต่หนังเรื่องนี้เป็นลูกของพวกเราทั้งกอง ทั้งผม พี่ซันนี่ และน้องญาญ่า ก็คงคิดเหมือนกันว่ามันเป็นลูกของเราที่ต้องดูแล
อยากให้คนรัก ประทับใจ มีความทรงจำกับเรื่องนี้ไปนานๆ
สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตวงการบันเทิง
การที่ผมสามารถทำให้คนที่ติดตามมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำแล้วมีความสุขครับ ผมอยู่บนเวทีมองแฟนคลับมีความสุข
ผมก็มีความสุข มันเป็นอาชีพที่วิเศษสุดๆ ครับ ตอนนี้เรานั่งสัมภาษณ์กันอยู่แค่นี้ แต่คนที่เข้ามาดูหลังจากนี้ก็ไม่รู้จะมีกี่พัน
กี่หมื่น หรือเป็นแสนคน ไม่สามารถรู้ได้ แต่คนที่ดูแล้วได้อะไรจากที่ผมพูดไปในวันนี้ ทำให้เขามีความสุขมีแรงบันดาลใจ
แค่นี้ก็ทำให้ผมมีแรงที่จะเดินหน้าต่อไปในวงการบันเทิงแล้วครับ
จริงๆ การเป็นดาราเป็นสิ่งที่ค่อนข้างเหงานะครับ ยิ่งเป็นไอดอลที่คนจับตามอง จะออกไปไหนยิ่งต้องระวัง ใส่แว่นใส่หมวก
ซึ่งบางทีจะหาเพื่อนจริงใจอย่างแท้จริง มันยากมาก แต่ละคนที่เข้ามาหาเราก็ไม่รู้ว่าเขาอยากได้อะไรจากเราหรือเปล่า
ส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่เชื่อใจคนง่ายๆ อยู่แล้ว ก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทเท่าไร แต่การที่ผมทำงานแบบนี้ ขึ้นเวที ร้องเพลง
แสดงหนังมีคนมาชอบมารัก นี่เป็นสิ่งตอบแทน เป็นรางวัลที่ดีที่สุดในอาชีพของผมครับ ต้องขอบคุณ ทุกๆ คน
มองอนาคตของตัวเองในวงการบันเทิงอย่างไรบ้าง คิดว่าปลายทางจะอยู่ที่ไหน
มีขึ้นก็ต้องมีลงครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะลงเร็วลงช้าแค่ไหน อาจจะลงแล้วไม่ขึ้นมาอีกเลยก็ได้
ผมก็คงจะทำตรงนี้ให้ดีและนานที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ซึ่งก็ยังไม่รู้เลยว่าสุดท้ายผมจะไปอยู่ที่ประเทศไหน
แต่ทุกครั้งที่ผมทำงาน ผมก็อยากทำให้แฟนคลับและครอบครัวของผมภูมิใจ
บางทีความเป็นมนุษย์ของผมก็ทำให้เรารู้สึกอิจฉา ทำไมเราไม่ดังเหมือนเมื่อก่อน มีเด็กใหม่เข้ามา หล่อกว่า สวยกว่า
มีความสามารถมากกว่า ถ้าตอนนี้ที่เราอายุเท่าพวกเขา เรารู้มากกว่าเด็กสมัยนี้ เราก็คงไปได้ไกลกว่านี้ แต่ผมเกิดมาเป็นแบบนี้
มาถึงจุดนี้ก็เป็นบุญสูงสุดแล้วล่ะ แค่ทำให้คนที่ยังรักเราชอบเรามีความสุข เหมือนว่าเราแก่ไปด้วยกัน ผมว่าผมเองก็เป็นคนที่โชคดี
ที่มาถึงจุดนี้ได้ เรื่องที่ใครจะชอบหรือไม่ชอบ เราไม่สามารถควบคุมได้ แค่วันนี้เราทำให้ดีที่สุดก็พอแล้วครับ
นิชคุณ ที่รักสุดเนี้ยบ "ไม่เคยให้ตัวเองสิบเต็มสิบ มากสุดก็แปด เหลือไว้อีกสองให้ตัวเองพัฒนาต่อไป"
จาก HAMBURGER MAGAZINE
อ่ายสัมภาษณ์เต็มๆที่ https://hamburger-magazine.com/brotherhood-nichakun.html
คาแร็กเตอร์ของโมจิกับนิชคุณเหมือนกันหรือเปล่า
ผมว่าก็ไม่ได้แตกต่างมากนะครับ ยกเว้นความเป็นเนิร์ด (หัวเราะ) ผมไม่ได้เรียนเก่ง ชอบความเรียบร้อย ความสะอาด
เวลาทำงานก็ค่อนข้างทำเต็มที่เหมือนกัน โมจิจะเป็นผ้าพับไว้ที่ไม่เคยยับ ทำอะไรก็ต้องตามกฎ แต่ผมมีแหกกฎบ้างเล็กๆ น้อยๆ
โมจิเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เป็นคนค่อนข้างเนิร์ด เรียบง่าย มีระเบียบ ทุกอย่างต้องเพอร์เฟ็กต์ มาเมืองไทยทำงาน
แล้วได้พบกับเจน (ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์) แล้วก็ชอบกัน แต่มีพี่ชัช (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) เข้ามาคอยกัน
ต้องทำดีกับน้องสาวฉันนะ ไม่งั้นจะไม่ให้เป็นแฟนกัน ก็เป็นเรื่องตลกๆ น่ารักสนุกสนานในภาพยนตร์เรื่องนี้
นิชคุณเป็นคนหวงน้องสาวไหม
ผมก็น่าจะเป็นคนที่หวงน้องสาว เป็นเรื่องธรรมดาของพี่ชายที่รักน้องสาว แล้วก็ต้องหวง ใช่ไหมครับ
เมื่อก่อนอาจจะมากไปนิดนึง น้องสาวแค่ออกไปข้างนอก เดินห้างกับเพื่อน เราก็จะบอกเขาว่ากางเกงสั้นหรือกระโปรงสั้นไปหรือเปล่า
ก็มีมุมนั้นด้วยเหมือนกัน แต่จริงๆ ผมไม่ได้หวงถึงขั้นโหดกับผู้ชายที่มาจีบน้องสาวหรอกนะครับ แต่ก็นิดนึงแหละ
น้องอาจจะเกรงใจหรือกลัวก่อนที่จะมาบอกผมว่ามีผู้ชายมาจีบ
ในเรื่องรับบทเป็น “โมจิ” หนุ่มที่เข้าไปจีบน้องสาวของคนอื่น แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งมีคนเข้ามาจีบน้องสาวของเรา
แล้วผู้ชายคนนั้นไม่ถูกใจเราจริงๆ จะทำอย่างไร
เบิ๊ดกะโหลกครับ (หัวเราะ) เป็นคำที่ผมอยากทำจริงๆ แต่ในส่วนของพี่ชาย ผมรู้สึกว่า ความรักมันมีทั้งดีและร้าย
เราไม่ได้เจอเรื่องที่ดีตลอดเวลา ถ้าคนนั้นไม่ใช่คนโรคจิต หรือคนที่ร้ายจริงๆ ผมก็คงต้องปล่อยให้น้องได้เจอกับคนแบบนั้น
เวลาที่เขาเจอคนที่ดีจริงๆ เขาจะได้ไม่พลาด สิ่งที่ผมทำได้มากที่สุดคือคอยอยู่ข้างๆ คอยสนับสนุน
หรืออยู่ด้วยตอนช่วงอกหักผมไม่มีสิทธิจะไปห้ามไม่ให้เขาคบใคร
เราก็มีแอบถามบ้าง คุยกับใครบ้างไหม คนนี้เป็นยังไงบ้าง ไม่มีกำแพงกั้น เราจะไม่ไปถามจี้ อยากคุยก็คุยมา
มีถามบ้างเพื่อให้เขารู้ว่าเราเป็นห่วง แต่ถ้าน้องเล่าให้ฟังผมก็จะดีใจ และพร้อมให้คำแนะนำอยู่ตลอดเวลา
“พี่ชาย” ในความหมายของนิชคุณ
คนที่ยอมเสียสละให้น้อง ตอนเด็กๆ ผมทะเลาะกับญาณินบ่อยมาก ผมกับพี่ชายเป็นผู้ชายสองคนในบ้าน
ส่วนญานินเป็นน้องสาวอีกคนที่อายุพอๆ กัน ห่างกันแค่ 2 ปี ผมก็อยากเล่นกับ พี่ชาย ผู้ชายสองคนเล่นด้วยกันแล้วมันสนุกกว่า
พอน้องเข้ามาเล่นด้วย เราก็จะกันออกไป เธอเป็นผู้หญิงเล่นกับพวกเราไม่ได้หรอก แต่พอเริ่มโตเราก็อยากทำหน้าที่ของ
การเป็นพี่ให้ดีที่สุดซึ่งตอนนี้ก็รักกันดีครับ
จุดเปลี่ยนที่ทำให้คิดอยากเป็นพี่ชายที่ดีคืออะไร
ตั้งแต่ผมไปเรียนเมืองนอกครับ ตอนนั้นไปกับพี่ชายแค่สองคน เขาไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ก่อน
ผมตามไปอยู่ด้วยกันสักพัก หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกา
ช่วงนั้นผมเลยต้องอยู่คนเดียว ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์
เจออะไรมาก็ต้องอยู่ด้วยตัวเอง มันทำให้ผมรู้สึกถึงความสัมพันธ์ของครอบครัว ตอนเด็กพ่อแม่สั่งสอนอะไรมา
เราจะไม่ฟัง แต่พอผมต้องอยู่คนเดียว ทำอะไรผิดขึ้นมา ผมก็จะนึกกับตัวเองว่าพ่อแม่เคยบอกเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้ว
ทำไมไม่ฟัง ซึ่งตอนนี้ผมอยู่ห่างจากครอบครัวเป็นเวลา 18 ปีแล้วนะครับ สำหรับผมครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญมาก
พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่เราควรรักมากที่สุด รักก่อนที่เราจะรักใครด้วยซ้ำ
ตอนนั้นเป้าหมายของพ่อแม่คือการส่งลูกไปใช้ชีวิตคนเดียวเหรอ
จริงๆ พ่อแม่อยากให้เรียนภาษาอังกฤษครับ เลยส่งพวกเราไป พ่อผมเป็นผู้ชายที่มีระเบียบมาก
พ่อพูดอยู่เสมอว่าไม่ต้องรักพ่อแม่ก็ได้ แต่พี่น้องทั้ง 4 คน ต้องรักกัน เพราะพ่อแม่คงไม่ได้อยู่กับพวกหนูไปตลอดชีวิตหรอก
หนู 4 คนต้องรักกัน เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันต่อไป ซึ่งเป็นคำพูดที่ตอนเด็กๆ ผมมักจะ ไม่ฟัง (หัวเราะ)
พอโตมาถึงเห็นความสำคัญของคำพูดนั้น และเห็นความสำคัญของพี่น้องของผมครับ
นิชคุณเป็นคนมีระเบียบเหมือนพ่อไหม
แรกๆ ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ช่วงนี้แก่แล้วล่ะ อายุก็ไม่น้อย ก็ต้องมีระเบียบหน่อย เรียกว่าเป็นคนดุในการทำงานก็ได้ครับ
ผมค่อนข้างซีเรียสกับการทำงาน ไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ผมจะเช็กแล้วเช็กอีก
เพื่อที่เราจะไม่ผิดพลาด หรือไม่ต้องวนกลับมาอีก แต่ระหว่างการถ่ายทำก็สนุกสนาน ยิ้มและหัวเราะทั้งวันครับ
เวลาทำงานก็คือทำงาน ช่วงพักก็หยอกล้อเล่นกันไปตามปกติ ผมไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น แต่เราไม่อยากทำแบบลวกๆ
อยากทำให้มันดีที่สุด
ความรู้สึกที่ได้กลับมาร่วมงานกับ GDH อีกครั้ง คิดนานไหมกว่าจะตกลง
การร่วมงานกับ GDH เป็นความสนุกสนาน ทุกคนร่าเริง ผมมีความสุขกับการได้ร่วมงานกับ GDH อีกครั้ง
ตอนที่ทาง GDH ติดต่อมา ผมตอบตกลงก่อนจะได้รับบทเสียอีก มารู้ทีหลังว่าจะได้แสดงประกบคู่กับพี่ซันนี่
และน้องญาญ่า จะไม่รับแสดงได้ยังไง
ข้อคิดหลายสิ่งหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวหนัง GDH มันไม่ใช่แค่หนังผี หนังโรแมนติกหรือหนังตลก
แต่ยังมีสิ่งที่คนดูเอาไปใช้ได้ ทำให้คนดูเก็บไปคิดตาม พอจับจุดได้ มีข้อคิดหลายอย่างกลับบ้านหลังจากดูหนังจบไป
ภาพยนตร์เรื่อง น้อง.พี่.ที่รัก ว่าด้วยเรื่องราวของความรักหลายแบบ ผมเชื่อว่าเรื่องราวในภาพยนตร์เป็นสิ่งที่ทุกคนเคยได้สัมผัสมาก่อน
มาดูแล้วจะเข้าใจคำว่า “รัก” ไม่ว่าจะเป็นแฟน พี่น้อง พ่อแม่ ลูก ทุกความรักสำคัญจริงๆ ทุกคนควรจะทำความเข้าใจกับตรงนี้ให้มากขึ้น
หลังจากที่ทุกคนดูแล้วจะเข้าใจคำนี้มากขึ้นครับ
ร่วมงานครั้งแรกกับซันนี่และญาญ่า รวมถึงผู้กำกับ บอล-วิทยา ทองอยู่ยง เป็นอย่างไรบ้าง
พี่ซันนี่เป็นคนน่ารักครับ ตั้งใจทำงาน การแสดงของเขาเรียกว่าเป็นอาจารย์เลย พอได้ทำงานกับพี่เขา ผมได้เรียนรู้หลายอย่าง
เมื่อคืนเพิ่งส่งข้อความหากัน ผมก็บอกเขาว่าดีใจที่ได้ร่วมงานด้วย และยินดีที่ได้รู้จักกัน อยากได้พี่ชายแบบพี่
ส่วนน้องญาญ่า ใครที่เห็นน้องเขาก็จะคิดถึงความสวยสดใส ความน่ารักเอาใจใส่คนรอบข้าง
ตั้งใจเตรียมตัวทำการบ้านมาทุกครั้งก่อนเข้าฉาก ทำงานกับสองคนนี้แล้วมีความสุข ทำให้ผมนึกถึงตัวเองว่าเราน่าจะทำให้ได้
เหมือนพวกเขา
เรามีจุดที่เหมือนกัน แต่ก็มีหลายจุดที่แตกต่างกัน แต่เป้าหมายของเราคืออันเดียวกันครับ เราพยายามทำสิ่งที่เราทำอยู่ให้ดีที่สุด
ทำดีกับคนรอบข้าง คนที่ทำงานให้กับเรา สิ่งเหล่านี้เป็นจุดคลิกที่ทำให้เราคุยกัน หัวเราะด้วยกัน คุยเรื่องเดียวกันได้
ผมเจอพี่บอลครั้งแรกตอนกลับมาเวิร์กช็อป ก่อนหน้านั้นไม่เคยคุยหรือรู้จักกันมาก่อน เขาเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงมากครับ
ไม่ว่าจะเข้าฉากไหน เขาจะหยิบมุกหรือสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงว่าตัวละครตัวนี้จะสามารถทำออกมาได้ ทุกอย่างพี่เขาเข้ามาหยิบจับ
ร่วมคิดร่วมทำด้วย เราจะทำยังไงให้บทนี้หรือหนังเรื่องนี้ดีขึ้น ให้คนที่ดูรักหนังเรื่องนี้ช่วยกันคิดมากกว่า
ความยากในการทำงาน
ยากสุดน่าจะเป็นการท่องภาษาไทยนะครับ (หัวเราะ) ผมอยู่ต่างประเทศไม่ได้ใช้ภาษาไทยบ่อยขนาดนี้
จะมีบ้างที่โทรหาที่บ้าน ก่อนจะกลับมาเวิร์กช็อป พอได้บทมาผมก็นั่งท่องบทเหมือนอ่านหนังสือเลยครับ
ท่องหลายรอบ พูดให้ชัด แต่เรื่องนี้มีคนคอยช่วย ทั้งพี่ซันนี่ น้องญาญ่า ครูปราง พี่บอล พี่เก้ง ช่วยดูแลอยู่ข้างๆ
เรื่องการแสดงไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่ห่วงเรื่องบทนี่แหละครับว่าเราจะพูดชัดหรือเปล่า เราจะพูดผิดหรือเปล่า ไม่อยากทำให้งานช้า
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกขั้นของการเป็นนักแสดงของเราเลยหรือเปล่า
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าที่ผ่านมาแสดงไปเป็นยังไง ผมไม่ค่อยได้กลับมาดูการแสดงของตัวเอง เท่าไหร่
แต่ในวันแถลงข่าวพี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) เข้ามาบอกกับผมว่านิชคุณเป็นนักแสดงเต็มตัวแล้วนะ ผมก็ดีใจมาก
เพราะพี่เก้งเห็นผมมาตั้งแต่แสดงหนังเรื่องแรกอย่าง รัก 7 ปี ดี 7 หน (2555) จนมาถึงวันนี้พอพี่เขามาชม
มันคงเป็นเหมือนพ่อชมลูก เราก็ปลื้มใจครับผม
ถ้าเทียบกับสิ่งที่พี่เก้งบอกมา คิดว่าตัวเองสอบผ่านเลยไหม
ผมเป็นคนค่อนข้างเข้มงวดกับตัวเองครับ ไม่ปล่อยให้ตัวเองคิดว่าดีแล้ว เว้นที่ว่างสำหรับการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
ไม่คิดว่าฉันทำดีหรือเก่งแล้วนะ อาจจะคิดปลอบใจตัวเองว่าเออวันนี้ทำดีแล้วล่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเอาใหม่
ทำให้เต็มที่กว่านี้อีก ผมอยากจะพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ครับ ทั้งเรื่องของการแสดง ร้องเพลง หรือการใช้ชีวิตประจำวัน
ซึ่งที่ผ่านมาผมไม่เคยให้ตัวเองสิบเต็มสิบ มากสุดก็แปด เหลือไว้อีกสองให้ตัวเองพัฒนาต่อไปอีก
คาดหวังกับภาพยนตร์เรื่องนี้แค่ไหน
หลายคนอาจมองว่ารายได้คือจุดพิสูจน์ความสำเร็จของภาพยนตร์ แต่ถ้าคนมาดูหนังเรื่องนี้ แล้วกลับไปรักครอบครัว
พ่อแม่ พี่น้องมากขึ้น อยู่ในความทรงจำของคนดูไปนานๆ แค่นี้ก็ประสบความสำเร็จแล้วครับ มันไม่ใช่หนังที่ผมเล่นเสร็จแล้วก็จบกันไป
แต่หนังเรื่องนี้เป็นลูกของพวกเราทั้งกอง ทั้งผม พี่ซันนี่ และน้องญาญ่า ก็คงคิดเหมือนกันว่ามันเป็นลูกของเราที่ต้องดูแล
อยากให้คนรัก ประทับใจ มีความทรงจำกับเรื่องนี้ไปนานๆ
สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตวงการบันเทิง
การที่ผมสามารถทำให้คนที่ติดตามมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำแล้วมีความสุขครับ ผมอยู่บนเวทีมองแฟนคลับมีความสุข
ผมก็มีความสุข มันเป็นอาชีพที่วิเศษสุดๆ ครับ ตอนนี้เรานั่งสัมภาษณ์กันอยู่แค่นี้ แต่คนที่เข้ามาดูหลังจากนี้ก็ไม่รู้จะมีกี่พัน
กี่หมื่น หรือเป็นแสนคน ไม่สามารถรู้ได้ แต่คนที่ดูแล้วได้อะไรจากที่ผมพูดไปในวันนี้ ทำให้เขามีความสุขมีแรงบันดาลใจ
แค่นี้ก็ทำให้ผมมีแรงที่จะเดินหน้าต่อไปในวงการบันเทิงแล้วครับ
จริงๆ การเป็นดาราเป็นสิ่งที่ค่อนข้างเหงานะครับ ยิ่งเป็นไอดอลที่คนจับตามอง จะออกไปไหนยิ่งต้องระวัง ใส่แว่นใส่หมวก
ซึ่งบางทีจะหาเพื่อนจริงใจอย่างแท้จริง มันยากมาก แต่ละคนที่เข้ามาหาเราก็ไม่รู้ว่าเขาอยากได้อะไรจากเราหรือเปล่า
ส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่เชื่อใจคนง่ายๆ อยู่แล้ว ก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทเท่าไร แต่การที่ผมทำงานแบบนี้ ขึ้นเวที ร้องเพลง
แสดงหนังมีคนมาชอบมารัก นี่เป็นสิ่งตอบแทน เป็นรางวัลที่ดีที่สุดในอาชีพของผมครับ ต้องขอบคุณ ทุกๆ คน
มองอนาคตของตัวเองในวงการบันเทิงอย่างไรบ้าง คิดว่าปลายทางจะอยู่ที่ไหน
มีขึ้นก็ต้องมีลงครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะลงเร็วลงช้าแค่ไหน อาจจะลงแล้วไม่ขึ้นมาอีกเลยก็ได้
ผมก็คงจะทำตรงนี้ให้ดีและนานที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ซึ่งก็ยังไม่รู้เลยว่าสุดท้ายผมจะไปอยู่ที่ประเทศไหน
แต่ทุกครั้งที่ผมทำงาน ผมก็อยากทำให้แฟนคลับและครอบครัวของผมภูมิใจ
บางทีความเป็นมนุษย์ของผมก็ทำให้เรารู้สึกอิจฉา ทำไมเราไม่ดังเหมือนเมื่อก่อน มีเด็กใหม่เข้ามา หล่อกว่า สวยกว่า
มีความสามารถมากกว่า ถ้าตอนนี้ที่เราอายุเท่าพวกเขา เรารู้มากกว่าเด็กสมัยนี้ เราก็คงไปได้ไกลกว่านี้ แต่ผมเกิดมาเป็นแบบนี้
มาถึงจุดนี้ก็เป็นบุญสูงสุดแล้วล่ะ แค่ทำให้คนที่ยังรักเราชอบเรามีความสุข เหมือนว่าเราแก่ไปด้วยกัน ผมว่าผมเองก็เป็นคนที่โชคดี
ที่มาถึงจุดนี้ได้ เรื่องที่ใครจะชอบหรือไม่ชอบ เราไม่สามารถควบคุมได้ แค่วันนี้เราทำให้ดีที่สุดก็พอแล้วครับ