⚡️💦⚡️ หลงกาล Episode-35 ท่องไอยคุปต์ ภาค 2/10 (ปฐมกาลไอยคุปต์ ตอนที่ 10) ⚡️💦⚡️

กระทู้คำถาม


แอนดี้ ช่วยนำคนที่รออยู่เหนือช่องวงกลมข้างบน คือองค์ฟาโรห์คูฟู นักบวชอียิปต์ผู้ดำรงตำแหน่งสังฆราช เจ้าหญิงเล็กออเรร่า เอ็มม่าพร้อมลูกสาวแอนนา และผู้ติดตามของเธอสองคน แซม เอก สาวจอยผู้ได้เป็นพระกนิษฐาอามุนต้า และสาวเล็ก ลงมาสมทบกันที่พื้นเบื้องล่าง จากนั้นทุกคนจึงไปห้อมล้อมโลงแก้ว ซึ่งภายในมีร่างของวิทยาเทพ อิมโฮเทป นอนสงบนิ่งอยู่

บรรยากาศรอบตัวทุกคนอยู่ในความเงียบงันและเยือกเย็นและอุณหภูมิเย็นคงที่เหมือนมีอะไรบางอย่างควบคุมอุณหภูมิไว้ตลอดเวลา

"หนาวจัง" สาวเล็กบ่นด้วยอาการสั่นสะท้าน "กี่องศาเนี่ย ทำไมมันหนาวเย็นขนาดนี้"

"10 องศาเซ็นเซียสครับ คุณเล็ก" แอนดี้เอ่ยตอบ และเขาตั้งใจเรียกหล่อนด้วยคำนำหน้าใหม่แทนที่คำว่า "นายหญิง" เหมือนอย่างที่เคยเรียกมาตลอดก่อนหน้านี้

"หูยย.......สิบองศา!" สาวเล็กห่อปาก "ถ้ามีฮีตเตอร์ก็คงดีเนอะ"

"จัดให้เลยซี่...แอนดี้" กัปตันวันชนะบอกยิ้มๆ

"ครับผม เจ้านาย" แอนดี้โค้งคำนับ แล้วแผ่รังสีความร้อนออกจากทั่วทั้งร่าง ให้ทุกคนได้รับความอบอุ่นโดยทั่วกัน

"อาา....ค่อยยังชั่วหน่อย อุ่นสบายจัง" สาวเล็กยิ้มร่า ทำท่าจะเข้ามากอดแอนดรอยด์สารพัดประโยชน์ แล้วก็ถูกเขายกมือห้ามไว้

"อ๊ะๆ อย่าครับ คุณเล็ก!"

"ทำไมอ้ะ!" สาวเล็กชะงักเข้ากึกแล้วถามอย่างข้องใจ

"ห้ามใครแตะต้องตัวผมเด็ดขาดในเวลานี้ครับ เพราะผมกำลังเป็น ฮีตเตอร์ ให้ทุกคนอยู่ ถ้าเอามือมาโดนผมเข้า ก็เหมือนเอามือไปโดนเตารีดละครับ!"

"อ้อ...เข้าใจแระ" สาวเล็กพยักหน้าหงึก แล้วก็เกิดนึกขึ้นมาได้ จึงร้องเรียกแอนดรอยด์คนโปรดด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ

"แอนดี้ !!"

"ครับ ?" ผู้ถูกร้องเรียกหันมาขานรับเหมือนถามว่ามีอะไรด้วยหน้าเปื้อนยิ้ม

"มะ...เมื่อตะกี้ เธอ เรียกชั้นว่าไงนะ ?"

แอนดี้ขยับเข้าไปใกล้นิดหนึ่งแล้วกระซิบตอบเบาๆ "ก็เรียก คุณเล็ก น่ะสิครับ"

"ฮืมม....เธอไม่เคยเรียกชั้นแบบนี้นิ" หล่อนกระซิบแสดงความข้องใจตอบ

"แปลกหรือครับ ? หรือว่าไม่ชอบ ผมจะได้กลับไปเรียกเหมือนเดิม!"

"ไม่เอาๆๆ เรียกแบบนี้แหละ ชั้นชอบ!"

"So let it be written! So let it be done!" แอนดี้ตอบด้วยประโยคอมตะจากภาพยนตร์เรื่อง 'บัญญัติสิบประการ' ในศตวรรษที่ 20 ยุคปี 60

"แล้วจะบันทึกไว้ในไหนจ๊ะ ?"

"ในเมมโมรี่ของผมไงครับ"

"แอนดี้ เธอเปลี่ยนไปนะ..."

"ครับผม...รู้สึกเป็นผู้เป็นคนมากขึ้นครับ!"

สาวเล็กหัวเราะคิกๆ และคนอื่นๆก็มองเธอพร้อมกับยิ้มไปตามๆกัน

"เอาละ ทุกท่าน หายหนาวกันแล้ว เราจะทำการเปิดฝาโลงแก้วกัน จากนั้นก็ลองปลุกท่านอิมโฮเทปกัน ดูทีรึ ว่าท่านจะฟื้นตื่นขึ้นมาหรือไม่" เอ็มม่ากล่าวขึ้น แล้วเธอพร้อมกับสาวน้อยแอนนาและผู้ติดตามสองคนซึ่งแปลงร่างเป็นมนุษย์ผู้ชายอยู่ก็เข้าไปใกล้ๆโลงแก้ว หนึ่งในสองคนนั้นเอื้อมมือไปกดปุ่มสองสามปุ่มบริเวณขอบโลง แล้วฝาโลงแก้วก็เปิดขึ้นช้าๆ

"ฟี๊ดดดด..........."

ฝาโลงแก้วเปิดอ้าขึ้นและค้างไว้โดยทำมุม 90 องศา มนุษย์ต่างดาวชายคนนั้นกดปุ่มต่างๆที่มองเห็นบนขอบโลงอีก แล้วอากาศบริเวณนั้นก็อบอุ่นขึ้นทีละน้อยๆ

"อิมโฮเทป ท่านตื่นเถิด" เอ็มม่าก้มลงไปเรียกเบาๆ ที่ข้างหูทางขวามือ

"ชีพจรและหัวใจเขา เริ่มเต้นเป็นปกติแล้วครับ" แอนดี้บอกกับทุกคน

เวลาผ่านไปราวสามนาที ร่างกายของวิทยาเทพก็เริ่มขยับ ตาเริ่มกะพริบ แล้วลืมโพลงขึ้น

"ขอต้อนรับกลับมาค่ะ ท่านอิมโฮเทป" เอ็มม่ากล่าวและเอื้อมมือไปแตะแขนเขา

วิทยาเทพพยักหน้าให้นิดหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ แล้วค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง วางม้วนกระดาษปาปิรุสม้วนใหญ่ไว้บนตัก

"ข้าหลับไปนานเท่าไรแล้วนี่ ?" เขาถามเอ็มม่า แล้วหันไปมองทุกคน หยุดอยู่ที่ฟาโรห์คูฟู

"ท่านคือฟาโรห์หรือ ?"

"ถูกแล้ว ท่านวิทยาเทพ" ฟาโรห์คูฟูตรัสตอบ

"ท่านเป็นฟาโรห์ลำดับที่เท่าไรแล้ว ?"

"สี่สิบห้า..."

"แสดงว่า ข้าหลับไปประมาณสามร้อยปี หลังจากสร้างปิรามิดบันไดสวรรค์เสร็จ"

"ทำไม ท่านจึงไม่กลับสู่ดาวบ้านเกิดของพวกเรา หลังจากสร้างปิรามิดนั้นเสร็จแล้วเล่า ?" เอ็มม่าถามแทรก

"เพราะข้าได้ออกแบบปิรามิดเพิ่มขึ้น และต้องการควบคุมการก่อสร้างต่อไปน่ะสิ! แต่ปิรามิดที่ข้าออกแบบไว้ต้องใช้เวลานาน เมื่อสร้างเสร็จแล้ว มันจะเป็นเครื่องชี้นำทาง และเปิดประตูมิติอวกาศ ให้พวกเราเดินทางกลับได้ทันที! การก่อสร้างต้องถูกต้องตามที่ข้าออกแบบและคำนวณไว้ทุกอย่าง จะผิดเพี้ยนมิได้ ซึ่งแบบแปลนการสร้าง ข้าเขียนไว้บนแผ่นปาปิรุสม้วนนี้แล้ว!" วิทยาเทพกล่าวแล้วตบม้วนกระดาษปาปิรุสบนตักสองสามครั้ง

"ท่านซ่อนตัวหลับใหลอยู่ ณ ที่นี้ ซึ่งลึกลงมาใต้ดินมากทีเดียว" ฟาโรห์คูฟูตรัสเหมือนจะถามถึงเหตุผลว่าทำไม

"ใช่แล้ว ฟาโรห์! เพราะข้ารู้ดี ว่าที่ฝังร่างของข้าจะต้องถูกบุกรุกหรือถูกรบกวนแน่นอน จากชาวโลก ชาวอียิปต์พวกหัวขโมยนั้นไม่เท่าไร แต่จากชนเผ่าต่างดาวอื่นสิ สำคัญมาก ข้าต้องซ่อนตัวให้พ้นจากการค้นหาของพวกมัน บางพวกไม่หวังดีต่อโลกนี้ โดยเฉพาะพวกไซเมนนัส!"

"ท่านทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าด้วยหรือนี่ ?" ฟาโรห์ตรัสถามด้วยทรงรู้สึกทึ่ง

"ข้า อิมโฮเทป พอจะมี อนาคตังสญาณ อยู่บ้าง ฟาโรห์!"

"เพราะเหตุนี้ ท่านจึงฝากความลับเรื่องที่ซ่อนร่างของท่านแก่ฟาโรห์ทุกพระองค์ ตั้งแต่องค์นาเมอร์มาจนถึงพระบิดาของข้า แล้วพระบิดาของข้าก็บอกต่อมายังข้าอีกที เพื่อให้เป็นความลับ มีแต่ฟาโรห์เท่านั้นที่จะทราบที่อยู่ของท่าน"

"ถูกต้องแล้ว และข้า ก็คาดหมายระยะเวลาจากรัชสมัยของนาเมอร์มาจนถึงสมัยของท่านนี้ สำหรับการ 'พักผ่อนจำศีล' ซึ่งถ้าข้าคาดคะเนไม่ผิด พวกท่านคงได้ผ่านการต่อสู้กับพวกไซเมนนัสมาแล้ว!"

"เป็นเช่นนั้นจริงๆ ท่านวิทยาเทพ" เอ็มม่าเป็นฝ่ายตอบ

"ท่านสมกับที่ชาวไอยคุปต์ยกย่องเป็นเทพองค์หนึ่งโดยแท้" ฟาโรห์คูฟูทรงชื่นชม

"ไม่พึงเจริญเพียงศิลปวิทยาการหรือความก้าวหน้าทางด้านวัตถุแต่ฝ่ายเดียว ฟาโรห์ แต่ควรหาทางเจริญก้าวหน้าทางด้านจิตวิญญาณด้วย แล้วท่านจะเป็นดุจเดียวกันกับข้าไม่ยากเลย!"

ทุกคนล้วนทั้งตะลึงและชื่นชมกับคำพูดนั้น

อิมโฮเทป ยื่นม้วนกระดาษปาปิรุสให้แด่ฟาโรห์และบอก "นี่คือ แบบแปลนการก่อสร้างมหาปิรามิด และบริวารอีกสองซึ่งจะตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน ท่านจงรับไว้เถิด และจัดเตรียมคณะนายช่างสถาปนิกและคนงานสำหรับงานบนภาคพื้นดิน ส่วนงานประกอบองค์ปิรามิด ให้เป็นฝ่ายงานทางอากาศจัดการ เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปอย่างรวดเร็ว ถ้ามีเพียงแรงงานภาคพื้นดินแต่เพียงฝ่ายเดียว ก็จะต้องกินเวลานานไปอีกเป็นร้อยๆปี! กว่าจะสำเร็จเรียบร้อยทั้งสามองค์"

"ท่านพูดว่า มีแรงงานทางอากาศด้วยกระนั้นหรือ ?" ฟาโรห์ทรงสงสัย

"ถูกแล้ว ก็คือพวกของข้าซึ่งมาจากฟากฟ้าอย่างไรเล่า"

"หมายความว่า พวกท่านก็เฝ้ามองดูอยู่ตลอดเวลาหรือ ?"

"ถูกต้อง"

"พวกท่านนับเป็นเหล่าเทพารักษ์แห่งโลกโดยแท้"

"เราจับตามองดูความเจริญก้าวหน้าของดาวโลกแห่งนี้อยู่เรื่อยมา เรามายังโลกนี้นานมาแล้ว นานก่อนหน้าอารยธรรมแห่งไอยคุปต์เสียด้วยซ้ำ นับหมื่นๆปี!"

"พวกท่านในอดีต คงเป็นผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองในอาณาจักร แอตแลนติส กระมัง ?" สาวจอย หรือองค์หญิงอามุนต้าถาม

"ถูกต้อง สาวน้อย" วิทยาเทพพยักหน้า "พวกเราทำการผสมสายพันธ์ระหว่างสายพันธ์ของเรากับมนุษย์โลกได้สำเร็จ และอยู่อาศัย พัฒนาดินแดนต่างๆบนทวีปแห่งนั้นจนเจริญก้าวหน้าไปไกลมาก มากกว่าความเจริญก้าวหน้าของพวกเจ้าในอนาคตที่พวกเจ้าจากมาเสียด้วยซ้ำ"

"แล้ว แอตแลนติสล่มสลายไปด้วยเหตุอันใด ?" กัปตันวันชนะฝากคำถามมา

"เพราะด้วยธรรมชาติของมนุษย์บนโลกนี้ซึ่งแม้ผสมสายพันธ์กับเราแล้วก็แก้ไม่หาย เมื่อพวกเขาเจริญก้าวหน้าทางวัตถุมากขึ้น จิตใจก็เสื่อมทราม ถือดีในหลักความเชื่อและหลักการปกครองของตน แบ่งเป็นดินแดนใหญ่น้อย จากเบื้องต้นที่แผ่นดินแอตแลนติสเป็นปึกแผ่นเพียงหนึ่งเดียว จากนั้นก็มีการวิวาทขัดแย้งกัน ประหัตประหารกัน เกิดสงครามใหญ่ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ในที่สุดพวกเขาก็ทำลายล้างกันเองด้วยอาวุธมหาประลัย ถล่มทวีปทั้งทวีปจมหายไปใต้มหาสมุทร!!"

"พวกท่านเป็นผู้ที่หลงเหลือมาจากแอตแลนติสหรือ ?"

"สำหรับบรรพบุรุษของข้า ใช่! แล้วข้าก็ได้ทราบในภายหลังว่า อีกสายพันธ์หนึ่งในตัวข้า มาจากฟากฟ้า ห่างไกลจากโลกนี้มาก จากดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในระบบสุริยะหนึ่งในหมู่ดาวที่พวกท่านเรียกชื่อว่า กลุ่มดาวนายพราน!"

"และพวกเขาก็ติดต่อกับท่าน ?"

"ถูกต้อง ฟาโรห์! วิทยาการต่างๆที่ข้ามีที่ข้ารู้ ล้วนได้เรียนรู้มาจากพวกเขา"

"แล้วพวก ไซเมนนัส เล่า พวกเขามาจากไหนคะ ?" สาวจอยถาม

"พวกนั้น เป็นคนละสายพันธ์กับเราโดยสิ้นเชิง และอยู่ห่างไกลจากเรามาก จากหมู่ดาวซึ่งชาวโลกเรียกกันว่า กลุ่มดาวแมงป่อง! พวกมันเป็นอริกับพวกเรามาเนิ่นนาน โชคดีที่ไม่ได้อยู่ร่วมจักรวาลเดียวกัน เวลาที่ชาวโลกมองเห็นกลุ่มดาวนายพรานบนฟ้า ก็จะไม่เห็นกลุ่มดาวแมงป่อง ไม่มีวันที่จะได้เห็นสองกลุ่มดาวนี้ปรากฏขึ้นบนฟ้าพร้อมๆกัน เมื่อมีกลุ่มดาวนายพรานก็ต้องไม่มีกลุ่มดาวแมงป่อง ตลอดกาล!"

"โอ...สอดคล้องกับตำนานสองกลุ่มดาวพอดีเลย!"

"ตำนานนั้นว่าอย่างไรบ้างเล่า สาวน้อย ?" อิมโฮเทปถามยิ้มๆ

"ตำนานเล่าไว้อย่างนี้ค่ะ...

มีมนุษย์ครึ่งเทพคนหนึ่ง ชื่อว่า โอริออน (Orion) เป็นลูกของเทพโพไซดอน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล กับ ยูเรียล ราชินีแห่งลุ่มน้ำอะเมซอนผู้เป็นมนุษย์....

โอริออนเป็นพรานหนุ่มรูปงามสง่า กล้าหาญ และมีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดา เพราะเป็นครึ่งคนครึ่งเทพ เขามีสุนัขตัวใหญ่คู่ใจตัวหนึ่งชื่อว่า "ซีรีอุส"
      
ต่อมา โอริออนได้พบหญิงสาวเลอโฉมนามว่า "อาร์ทีมีส" ผู้เป็นเทพีพรหมจรรย์แห่งดวงจันทร์และเทพีแห่งการล่าสัตว์ อาร์ทีมีสก็มิใช่หญิงสาวธรรมดา แต่เป็นน้องสาวฝาแฝดของสุริยเทพ "อพอลโล"
     
โอริออนและอาร์ทีมีสออกล่าสัตว์ด้วยกันบ่อยครั้ง จนเริ่มรักและผูกพันซึ่งกันและกัน เมื่อสุริยเทพอพอลโลรู้เข้าก็ไม่พอใจ เพราะเห็นว่าโอริออนเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา และกลัวว่าน้องสาวจะละทิ้งหน้าที่ จึงวางแผนกำจัดโอริออน โดยจัดการประลองความสามารถขึ้น และไปฟ้องบิดาคือ "มหาเทพซีอุส" ว่าโอริออน ยโสโอหัง มักอวดตัวว่าเป็นพรานผู้เก่งกาจปราบสัตว์ร้ายมามากมาย

มหาเทพซีอุสก็ทรงเชื่อและรู้สึกพิโรธในความโอหังของโอริออน จึงมอบแมงป่องพิษให้อพอลโลนำไปจัดการโอริออน

ระหว่างการประลอง โอริออนเอาชนะสิงโตตัวยักษ์ที่ดุร้ายลงได้ แต่ถูกแมงป่องต่อยเอาจนสิ้นใจไปต่อหน้าหญิงสาวคนรักหลังจากเอ่ยชื่อของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้อาร์ทีมีสโศกเศร้าเสียใจมาก

เมื่อรู้ว่าลูกสาวของตนเอาแต่ร่ำไห้หาชายคนรักผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ มหาเทพซีอุสก็เสียพระทัย จึงทรงส่งดวงวิญญาณของโอริออนขึ้นไปบนท้องฟ้าให้กลายเป็น "กลุ่มดาวนายพราน" พร้อมกับซีรีอุส สุนัขคู่ใจที่ได้เป็น "กลุ่มดาวสุนัขใหญ่" ติดตามไปด้วยกันตลอดเวลา และให้ทั้ง 2 กลุ่มดาวนี้อยู่ห่างไกลจากกลุ่มดาวแมงป่องมากที่สุด ไม่ให้ปรากฏบนท้องฟ้าพร้อมกันเลย ชั่วนิจนิรันดร์"


"อืมม...." อิมโฮเทปส่งเสียงครางในลำคอ "คนที่แต่งตำนานเรื่องนี้ชาญฉลาดนัก เพราะมันมีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง!"

"อย่างนั้นหรือคะ ?" สาวจอยทำตาโต

"ใช่...ข้าจะเล่าให้ฟังคร่าวๆนะ

มีชาวดาวโซรอสคนหนึ่ง ชื่อว่า ออริออนน่า เป็นโอรสของจักรพรรดิ์ โพสไซดอเน่ ผู้เป็นเจ้าแห่งดาราจักรซึ่งชาวโลกเรียกกันว่า ทางช้างเผือก กับ ยูเรอัลเลย์ ราชินีแห่งดาวอัมมาซาโน่

ออริออนน่าเป็นนักรบหนุ่มผู้ทั้งมีรูปงาม และเก่งกล้าสามารถเหนือกว่าใครๆในจักรวรรดิ เขามียานรบลำใหญ่คู่ชีพลำหนึ่งชื่อว่า "เซเรียส" ปราบศัตรูและอาชญากรในอวกาศมาแล้วมากมาย
      
ต่อมา เขาได้พบหญิงงามนามว่า "อาร์เทมิซ่า" ผู้เป็นพรหมจรรย์ เธอทำหน้าที่พิทักษ์รักษาความสงบบนดวงจันทร์บริวารแห่งดาวยูเรอัลเลย์ นาง ก็มิใช่หญิงธรรมดา แต่เป็นน้องสาวฝาแฝดของ "เอพอลล่า" จักรพรรดินีแห่งดาราจักรซึ่งชาวโลกเรียกกันว่า "แอนโดรเมด้า"
     
(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่