อาจจะไม่ใช่คำถามซะทีเดียว ออกแนวระบายหน่อยๆ ^^
เข้าเรื่องเลยนะคะ
พ่อกับแม่เราแยกทางกัน พ่อไปมีคนอื่น ตั้งแต่เราเด็กๆ จำความได้พ่อก็ไม่อยู่แล้ว เรากับแม่และพี่สาวของเราอยู่กับครอบครัวฝั่งพ่อ(ย่า,ปู่,อา..) ย่าเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ว่าจะการเรียนการกิน ได้เรียนโรงเรียนที่ดีอยู่ อยากมีอยากได้อะไรก็ได้ ส่วนแม่ไม่ได้อยู่เฉยๆมีงานทำ อาจจะมีรายได้ไม่มาก แต่พอที่จะไม่รบกวนย่า พ่อเราจะแวะมาหามารับเราไปกินข้าวไปเที่ยวบ้างนานๆที พอช่วงประมาณ ม.ต้น นี้แทบไม่ได้เจอเลย เราเองไม่รู้สึกว่าขาดพ่อสักเท่าไหร่ รู้สึกสงสารแม่มากกว่า เรากับแม่อยู่ที่บ้านย่ามาตลอด วันหนึ่งไม่รู้ว่าแม่เราไปได้ยินอะไรมา แม่เราเลยย้ายออกจากบ้านย่า ตอนนั้นเราอยู่ประมาณม.3แม่ก็ให้เราอยู่บ้านย่านั้นแหละ เราสงสารแม่มากต้องไปเช่าหออยู่กว่าจะได้ที่อยู่เป็นหลักดีๆ พอเราขึ้นม.4 เราดื้อมากกลับบ้านดึก/ไม่กลับบ้านเลยทะเลาะกับปู่ถูกตีจากที่ไม่เคยโดนมาก่อน เราเลยบอกจะไปอยู่กับแม่ ย่าเสียใจร้องไห้ ไม่อยากให้เราไป แต่เราก็ไป
หลังจากนั้นเราก็ย้ายไปอยู่กับแม่(พี่เราไปเรียนตจว.) เรื่องการเรียนเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เริ่มมาดีขึ้นตอนเราอยู่ม.5 จาก1-2กว่า กลายมาเป็น3กว่าๆ พอจบม.6 เรียนต่อปริญญาตรี ย่าดูแลค่าเทอมเหมือนเดิม แม่เริ่มมีรายได้มากขึ้นเลยดูแลเรื่องเงินประจำวันของเราและพี่ด้วย(พี่เรียนตจว.ค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ ค่าหอค่ากินการเดินทาง แทบจะมากกว่าค่าเทอม)
ขอเล่าเรื่องพ่อเพิ่มหน่อยนะคะ พ่อเรากับแฟนเค้ามีลูกด้วยกัน เราจำไม่ได้ว่ามีลูกตั้งแต่เราอายุเท่าไหร่ คนแรกยังไม่มี มามีกับคนที่สอง เราเฉยๆ แต่แม่เราคงมัวแต่เสียใจ เลยไม่ค่อยได้เอาใจใส่เรา เช่น อย่างบ้านของอา จะตรวจการบ้านลูกเขาว่ามีไหม ทำได้รึป่าว ไม่ได้ก็จะสอน แม่เราแทบไม่เคยเช็คเลย ไม่เคยถามว่าที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง จนกว่าจะมีปัญหา เช่น เราไม่ยอมไป รร. ถึงจะถาม แบบเรากลัวครูดุ การบ้านไม่เสร็จ ข้าวเช้าบ้านอาจะได้กิน ถ้าไม่ได้กินก็จะเป็นนมกล่อง แม่เราไม่เคยเตรียมข้าวเช้าให้เรา เราไม่เคยกินข้าวเช้าเลย แต่ความสัมพันธ์ของเรากับแม่ไม่ได้แย่ เรารักกันมาก นอนกอดกันทุกคืน กลับมาต่อตรงพอเข้าเรียนปริญญาตรี เราอ่านหนังสือ เหมือนเราโตขึ้นเราเลยรู้ว่าเราต้องทำอะไร เราไม่ใช่เด็กเรียน เราค่อนข้างเรียนรู้ง่าย และจำเร็ว เราเที่ยวกลางคืนบ่อยมากๆ แต่เกรดเราไม่ตกเลย สามกว่าตลอด บางวิชาติดท็อปห้อง จะอยู่อันดับต้นๆตลอด
ปัจจุบันเราเรียนจะจบแล้วอีกไม่กี่วัน พอเราเรียนรู้อะไรมากขึ้น เหมือนเรารู้ไปหมด แต่เรากลับรู้จักตัวเองน้อยลง เราไม่รู้ว่าเราชอบอะไร เราคิดว่าอันนี้ชั้นก็ทำได้ อันนั้นก็ทำได้ ไม่รู้ว่าเราจะทำงานอะไรดี และยังอยากให้มันเป็นงานที่ดีที่สุดสำหรับเราอีก เราคิดว่ามันเป็นก้าวแรก ก้าวแรกควรจะดี เพื่อการเติบโตในอนาคต ไม่ใช่งานอะไรก็ได้ แค่คิดเราก็เหนื่อยแล้ว
และยังมีเรื่องมาเพิ่มอีก คือ พ่อเราอยากจะหย่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่อกับแม่เรา ไม่ได้หย่ากัน ล้ะจู่ๆมาวันนี้จะมาขอหย่า เรารู้ว่าแม่เราจะรู้สึกยังไง มันเหมือนก่อนหน้านี้แม่เรายังมีที่ยึดเหนียวจิตใจว่ามันยังมีอยู่ ยังไม่จบทั้งหมด พอตอนนี้คือจะไม่เหลือแล้ว เราเรียนจะจบแล้ว ลูกพ่อเขาจะได้ขอเบิกค่าเรียนค่ารักษาได้(ถ้าหย่าลูก/แฟนเขาจะได้ใช้สิทธิ์ตรงนั้น) เราไม่ได้เกลียดพ่อ ปกติเราก็ดีกับพ่อเวลาเราได้อยู่กับพ่อก็จะอยู่กับแฟนเขาด้วย เราก็ไม่ได้เกลียดอะไรเขา แต่ถ้าเลือกได้ครอบครัวที่พร้อมหน้าคงดีที่สุด เรื่องหย่าเราไม่แคร์นะ ถามว่าเราอยากได้ผลประโยชน์อะไรจากฝั่งครอบครัวพ่อหรือตัวพ่อเองไหมในอนาคต เราไม่อยากได้เลย เราบอกกับพี่ตลอดว่าอย่าไปอยากได้หรือคิดว่าจะได้อะไรเขาเลย เรื่องหย่าเราสงสารแม่ มันทำให้เรารู้สึกว่า เราต้องมีชีวิตที่ดี มีงานที่ดีเงินเดือนสูง เหมือนเราอยากเอาชนะด้วยการมีชีวิตที่ดีกว่าเค้า แต่เราเหนื่อยอ่ะ แค่ไม่มีเรื่องนี้เราก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงแล้ว เรารู้สึกกดดันมากๆ
บางครั้งเรามองดูเพื่อนเรา เขาอยากจะทำงานอะไรก็ได้ พอไม่ไหว หรือไปทางนั้นไม่สำเร็จ ครอบครัวเขา ทั้งพ่อทั้งแม่ หรือบางคนมีแต่แม่ พ่ออาจจะเสียแล้ว แบบที่ไม่ได้ไปมีครอบครัวใหม่ ครอบครัวเขาก็จะปลอบใจ ให้กำไรใจ ทั้งหมดของครอบครัว สำหรับเรา เราคิดว่าเราจะล้มไม่ได้ โดยนิสัยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนไม่ชอบง้อใคร คิดว่าตัวเองทำได้ดีในระดับนึง มันยิ่งบวกเข้าไปอีก ถ้าเราพลาด โอเค แม่เรา พี่เรา ให้กำลังใจเราอยู่แล้ว เราทำได้แค่ไหน นั้นคือดีมากสำหรับเค้าแล้ว แต่เรายังมีอีกครอบครัวนึง ที่ถ้าเราไปไม่ได้ไกล เค้าคงคิดว่า ก็แค่นั้นแหละ จะให้ไม่ต้องสนใจทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ลึกๆมันก็ยังคิดอยู่
ทุกคนที่อ่านมีความคิดเห็นว่ายังไงเกี่ยวกับเรื่องเราบ้างคะ จะให้ความเห็นในทิศทางตรงกันข้ามกับเราก็ได้นะ เผื่อเราจะได้คิดในหลายแง่
(ย่อหน้าอาจจะเยอะไปหน่อยนะคะ กลัวจะอ่านลำบาก^^)
เหนื่อย กับ ความต้องการของตัวเอง
เข้าเรื่องเลยนะคะ
พ่อกับแม่เราแยกทางกัน พ่อไปมีคนอื่น ตั้งแต่เราเด็กๆ จำความได้พ่อก็ไม่อยู่แล้ว เรากับแม่และพี่สาวของเราอยู่กับครอบครัวฝั่งพ่อ(ย่า,ปู่,อา..) ย่าเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ว่าจะการเรียนการกิน ได้เรียนโรงเรียนที่ดีอยู่ อยากมีอยากได้อะไรก็ได้ ส่วนแม่ไม่ได้อยู่เฉยๆมีงานทำ อาจจะมีรายได้ไม่มาก แต่พอที่จะไม่รบกวนย่า พ่อเราจะแวะมาหามารับเราไปกินข้าวไปเที่ยวบ้างนานๆที พอช่วงประมาณ ม.ต้น นี้แทบไม่ได้เจอเลย เราเองไม่รู้สึกว่าขาดพ่อสักเท่าไหร่ รู้สึกสงสารแม่มากกว่า เรากับแม่อยู่ที่บ้านย่ามาตลอด วันหนึ่งไม่รู้ว่าแม่เราไปได้ยินอะไรมา แม่เราเลยย้ายออกจากบ้านย่า ตอนนั้นเราอยู่ประมาณม.3แม่ก็ให้เราอยู่บ้านย่านั้นแหละ เราสงสารแม่มากต้องไปเช่าหออยู่กว่าจะได้ที่อยู่เป็นหลักดีๆ พอเราขึ้นม.4 เราดื้อมากกลับบ้านดึก/ไม่กลับบ้านเลยทะเลาะกับปู่ถูกตีจากที่ไม่เคยโดนมาก่อน เราเลยบอกจะไปอยู่กับแม่ ย่าเสียใจร้องไห้ ไม่อยากให้เราไป แต่เราก็ไป
หลังจากนั้นเราก็ย้ายไปอยู่กับแม่(พี่เราไปเรียนตจว.) เรื่องการเรียนเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เริ่มมาดีขึ้นตอนเราอยู่ม.5 จาก1-2กว่า กลายมาเป็น3กว่าๆ พอจบม.6 เรียนต่อปริญญาตรี ย่าดูแลค่าเทอมเหมือนเดิม แม่เริ่มมีรายได้มากขึ้นเลยดูแลเรื่องเงินประจำวันของเราและพี่ด้วย(พี่เรียนตจว.ค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ ค่าหอค่ากินการเดินทาง แทบจะมากกว่าค่าเทอม)
ขอเล่าเรื่องพ่อเพิ่มหน่อยนะคะ พ่อเรากับแฟนเค้ามีลูกด้วยกัน เราจำไม่ได้ว่ามีลูกตั้งแต่เราอายุเท่าไหร่ คนแรกยังไม่มี มามีกับคนที่สอง เราเฉยๆ แต่แม่เราคงมัวแต่เสียใจ เลยไม่ค่อยได้เอาใจใส่เรา เช่น อย่างบ้านของอา จะตรวจการบ้านลูกเขาว่ามีไหม ทำได้รึป่าว ไม่ได้ก็จะสอน แม่เราแทบไม่เคยเช็คเลย ไม่เคยถามว่าที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง จนกว่าจะมีปัญหา เช่น เราไม่ยอมไป รร. ถึงจะถาม แบบเรากลัวครูดุ การบ้านไม่เสร็จ ข้าวเช้าบ้านอาจะได้กิน ถ้าไม่ได้กินก็จะเป็นนมกล่อง แม่เราไม่เคยเตรียมข้าวเช้าให้เรา เราไม่เคยกินข้าวเช้าเลย แต่ความสัมพันธ์ของเรากับแม่ไม่ได้แย่ เรารักกันมาก นอนกอดกันทุกคืน กลับมาต่อตรงพอเข้าเรียนปริญญาตรี เราอ่านหนังสือ เหมือนเราโตขึ้นเราเลยรู้ว่าเราต้องทำอะไร เราไม่ใช่เด็กเรียน เราค่อนข้างเรียนรู้ง่าย และจำเร็ว เราเที่ยวกลางคืนบ่อยมากๆ แต่เกรดเราไม่ตกเลย สามกว่าตลอด บางวิชาติดท็อปห้อง จะอยู่อันดับต้นๆตลอด
ปัจจุบันเราเรียนจะจบแล้วอีกไม่กี่วัน พอเราเรียนรู้อะไรมากขึ้น เหมือนเรารู้ไปหมด แต่เรากลับรู้จักตัวเองน้อยลง เราไม่รู้ว่าเราชอบอะไร เราคิดว่าอันนี้ชั้นก็ทำได้ อันนั้นก็ทำได้ ไม่รู้ว่าเราจะทำงานอะไรดี และยังอยากให้มันเป็นงานที่ดีที่สุดสำหรับเราอีก เราคิดว่ามันเป็นก้าวแรก ก้าวแรกควรจะดี เพื่อการเติบโตในอนาคต ไม่ใช่งานอะไรก็ได้ แค่คิดเราก็เหนื่อยแล้ว
และยังมีเรื่องมาเพิ่มอีก คือ พ่อเราอยากจะหย่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่อกับแม่เรา ไม่ได้หย่ากัน ล้ะจู่ๆมาวันนี้จะมาขอหย่า เรารู้ว่าแม่เราจะรู้สึกยังไง มันเหมือนก่อนหน้านี้แม่เรายังมีที่ยึดเหนียวจิตใจว่ามันยังมีอยู่ ยังไม่จบทั้งหมด พอตอนนี้คือจะไม่เหลือแล้ว เราเรียนจะจบแล้ว ลูกพ่อเขาจะได้ขอเบิกค่าเรียนค่ารักษาได้(ถ้าหย่าลูก/แฟนเขาจะได้ใช้สิทธิ์ตรงนั้น) เราไม่ได้เกลียดพ่อ ปกติเราก็ดีกับพ่อเวลาเราได้อยู่กับพ่อก็จะอยู่กับแฟนเขาด้วย เราก็ไม่ได้เกลียดอะไรเขา แต่ถ้าเลือกได้ครอบครัวที่พร้อมหน้าคงดีที่สุด เรื่องหย่าเราไม่แคร์นะ ถามว่าเราอยากได้ผลประโยชน์อะไรจากฝั่งครอบครัวพ่อหรือตัวพ่อเองไหมในอนาคต เราไม่อยากได้เลย เราบอกกับพี่ตลอดว่าอย่าไปอยากได้หรือคิดว่าจะได้อะไรเขาเลย เรื่องหย่าเราสงสารแม่ มันทำให้เรารู้สึกว่า เราต้องมีชีวิตที่ดี มีงานที่ดีเงินเดือนสูง เหมือนเราอยากเอาชนะด้วยการมีชีวิตที่ดีกว่าเค้า แต่เราเหนื่อยอ่ะ แค่ไม่มีเรื่องนี้เราก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงแล้ว เรารู้สึกกดดันมากๆ
บางครั้งเรามองดูเพื่อนเรา เขาอยากจะทำงานอะไรก็ได้ พอไม่ไหว หรือไปทางนั้นไม่สำเร็จ ครอบครัวเขา ทั้งพ่อทั้งแม่ หรือบางคนมีแต่แม่ พ่ออาจจะเสียแล้ว แบบที่ไม่ได้ไปมีครอบครัวใหม่ ครอบครัวเขาก็จะปลอบใจ ให้กำไรใจ ทั้งหมดของครอบครัว สำหรับเรา เราคิดว่าเราจะล้มไม่ได้ โดยนิสัยส่วนตัวแล้วเราเป็นคนไม่ชอบง้อใคร คิดว่าตัวเองทำได้ดีในระดับนึง มันยิ่งบวกเข้าไปอีก ถ้าเราพลาด โอเค แม่เรา พี่เรา ให้กำลังใจเราอยู่แล้ว เราทำได้แค่ไหน นั้นคือดีมากสำหรับเค้าแล้ว แต่เรายังมีอีกครอบครัวนึง ที่ถ้าเราไปไม่ได้ไกล เค้าคงคิดว่า ก็แค่นั้นแหละ จะให้ไม่ต้องสนใจทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ลึกๆมันก็ยังคิดอยู่
ทุกคนที่อ่านมีความคิดเห็นว่ายังไงเกี่ยวกับเรื่องเราบ้างคะ จะให้ความเห็นในทิศทางตรงกันข้ามกับเราก็ได้นะ เผื่อเราจะได้คิดในหลายแง่
(ย่อหน้าอาจจะเยอะไปหน่อยนะคะ กลัวจะอ่านลำบาก^^)