สวัสดีจ้า เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ PANTIP
ยังคงอยู่ในช่วงพักฟื้นจากการผ่าตัดใหญ่ก็เลยว่างอัพกระทู้การท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ต้องบอกว่าไปทำงานมากกว่า เพราะเราทำธุรกิจท่องเที่ยว วันนี้เอาภาพตอนที่พาลูกค้าไปดูงาน ณ เมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นมาฝากกันนะจ้ะ
ช่วงที่เราพาลูกค้าเดินทางไป เป็นช่วงประมาณกลางเดือน กันยายน ปี 2016 อากาศกำลังสบายๆ ไม่ร้อน ไม่หนาว แต่อาจจะเจอฝนบ้างประปราย ทริปนี้ เป็นทริปดูงาน ซึ่งออฟฟิศสำนักงานใหญ่ลูกค้าอยู่ในเมืองซัปโปโร และอยู่แถวๆทะเลสาบโทยะ เลยได้มีโอกาศทำเป็น
เส้นทาง Sapporo - Hakodate - Lake Toya ให้ลูกค้าเรากันนะจ้ะ เราจะไม่พูดถึงการดูงานนะ เราจะพาไปเที่ยวกัน
วันแรก ระหว่างทางได้มีโอกาสพาแวะท่องเที่ยว ณ หมู่บ้านนินจา ดาเตะจิไดมูระ ซึ่งอยู่ที่เมืองโนโบริเบทสึ
เป็นหมู่บ้านจำลองวิถีชีวิตของชาวเอโดะในสมัยโบราณ ภายในพื้นที่หมู่บ้านมีทั้ง หอสังเกตการณ์ โรงละคร วัด ร้านค้า หมู่บ้านนินจา หมู่บ้าน ซามูไร แลอื่นๆ อีกมากมาย โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสบรรยากาศได้เหมือนอยู่ในหนังญี่ปุ่นโบราณเลยทีเดียว ที่นี่มีค่าเข้าชมนะคะ
ค่าเข้าชม ท่านล่ะประมาณ 2900 เยน (ข้อมูลจาก
http://edo-trip.jp/lng_english/ )
บ้านทรงโบราณ
ทางเข้าเราก็มาถ่ายรูปกับคนญี่ปุ่นกันนะจ้ะ
และเราก็มาเจอน้องแมวที่เป็นแมสคอต ของที่นี่ นางน่ารักมากมายขอถ่ายนิดนึง
วันที่สอง หลังจากดูงาน เรียบร้อย ได้มีโอกาสพาคณะฯ ขึ้นไปชม
ภูเขาไฟโชวะ หรือที่เค้าเรียกกันว่า่
"โชวะ ชินซัง" เป็นภูเขาไฟลูกเล็กที่เกิดใหม่ล่าสุดเมื่อปี 1944 ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยมี
"ภูเขาไฟอุสุ" ซึ่งเป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้กัน
ขึ้น Ropeway ไปดูบนยอดเขานะจ้ะ
ข้างล่างนั้นคือทะเลสาบโทยะ นะจ้ะ
บนยอดภูเขาไฟนั้น อากาศดีมากๆ แต่เดินขึ้นเล่นเอาหอบเหมือนกันนะคะ
ใครมาที่นี่ สามารถแวะเที่ยวฟาร์มหมีสีน้ำตาล ซึ่งอยู่ในอาณาเขตเดียวกันได้นะคะ น้องหมีน่ารักมาก นั่งขอของกินตลอดเวลา
นอกจากหมีแล้วก็มีน้องแรคคูนนะคะ ภาพไม่ค่อยชัดเลยไม่ได้เอามาลงให้ดูค่ะ อ่อ เค้ามีอาหารเป็นเหมือนบิสกิต เอาให้น้องหมีนะคะ ถ้าจำไม่ผิดถุงล่ะ 500 เยน ณ ตอนนั้น ไม่รู้ตอนนี้ขึ้นราคาหรือยังนะคะ
จากนั้น เราก็มุ่งหน้าสู่เมือง Hakodate ซึ่งเรามาถึงตอนกลางคืน คืนนี้หลังทานอาหาร เลยพาลูกค้าขึ้นไปชมวิวสวยๆ ของเมืองนี้กันจ้า
วันที่สาม เช้านี้พาลูกค้ามาชมตลาดเช้า Hakodate หรือเรียกอีกชื่อว่า Hakodate Morning Market เป็นตลาดสดซึ่งเปิดบริการตั้งแต่ตี 5 ไปจนถึงเวลาประมาณเที่ยงวัน ด้วยเมืองนี้ล้อมรอบไปด้วยทะเลทั้ง 3 ด้าน ตลาดนี้จึงจำหน่ายอะไรไม่ได้เลยนอกจากอาหารทะเลสดๆ หลากหลายชนิดที่เรียงรายให้เลือกจนลายตา ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ไข่หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน และอื่นๆ อีกมากมาย
จริงๆ มีรูป uni (รังไข่หอยเม่น) สดๆ หลายรูป แต่มีรูปลูกค้าอยู่เลยไม่ได้นำมาให้ชมกันนะจ้ะ มาที่นี่อย่าลืมมาซื้อชิมกันนะ มันดีงามมากๆกับรสชาติสดๆ ซึ่ง เค้าขายแค่ฝาล่ะ 1000 เยนเท่านั้นนะจ้ะ
เสร็จจากที่ตลาดเกือบ 2 ชั่วโมง เราก็พาคณะฯ ไปเที่ยวชมสถานที่เที่ยวดังอีก 1 แห่ง คือ
“โกดังอิฐแดง” โดดเด่นด้วยอาคารอิฐแดงที่ตั้งอยู่ริมถนนทอดยาวเลียบอ่าวติดทะเลโดยมีฉากหลังเป็นยอดเขาฮาโกดาเตะ อาคารอิฐแดงที่เห็นตั้งเรียงรายกันอยู่นี้ เมื่อก่อนคือโกดังเก็บสินค้าที่ขนส่งมาทางเรือ เพราะบริเวณนี้ในอดีตคือท่าเรือเก่าที่เป็นประตูการค้ากับต่างชาติ อาคารที่เห็นในปัจจุบันไม่ได้เป็นของดั้งเดิมเสียเลยทีเดียว แต่เป็นโกดังที่สร้างขึ้นใหม่ แทนของเดิมที่ถูกไฟไหม้เสียหายเมื่อปี พ.ศ. 2450 จนกระทั่งเมื่อท่าเรือถูกย้ายออกไปทางตอนเหนือของเมือง โกดังเหล่านี้จึงถูกดัดแปลงให้เป็นร้านค้าน่ารักๆ ภัตตาคาร ร้านกาแฟที่ตกแต่งได้สุดเก๋ไก๋น่านั่ง กลายเป็นสถานที่น่าเดินสุดแสนโรแมนติกในบรรยากาศย้อนยุคอีกแห่งหนึ่งของโกดาเตะ
เอาจริงๆ แอบบอกทุกท่าน ตอนคณะฯเราไป สินค้าพวก Anello หรือของในร้านขายยา drug store ที่นี่ราคาถูกกว่าใน Sapporo นะคะ อย่าลืมไปดูสินค้ากันที่นี่นะ ถ้ามีเวลาที่นี่เยอะๆ นะคะ
จากนั้น เราก็พาคณะฯ ไปเที่ยวที่
“ป้อมโกะเรียวคะคุ (Goryokaku)” เป็นป้อมรูปดาวห้าแฉกที่สร้างเป็นอนุสรณ์สถานแก่ผู้ที่เสียสละ
ต่อสู้เพื่อเกาะฮ็อกไกโด สร้างขึ้นในปี 1864 เป็นป้อมสไตล์ตะวันตกแห่งแรกในญี่ปุ่น ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม ภายในมีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงช่วงสงครามในระหว่างปี 1868-1869 และยังมีหอคอยที่สูง 60 เมตรสามารถชมวิวความงามรอบๆได้จากที่นี่
Ticket เข้าชมป้อม นะจ้ะ
จริงๆ ถ้ามาชมฤดูซากุระ หรือใบไม้เปลี่ยนสี จะสวยกว่านี้นะจ้ะ
วันที่สี่ เนื่องจากคืนวันที่สามพาลูกค้านอนริมทะเลสาบโทยะเลยจ้า เช้ามาก็มาเจออากาศดีดีแบบนี้กันนะ
ถ่ายตอนพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นนะจ้ะ ที่โรงแรมนี้ อยู่ติดริมทะเลสาบเลยจ้า เราใส่ที่อยู่และชื่อโรงแรมไว้ให้แล้วเผื่อใครสนใจ ที่นี่มีบ่อแช่เท้าออนเซนอยู่ด้านหน้าทะเลสาบให้ด้วยนะ เผื่อใครไม่กล้าที่จะแช่ออนเซนรวมในห้องอาบน้ำออนเซน ก็มาแช่เท้ากันได้ จะบอกว่าแช่เท้าแค่ประมาณ 15 นาที หายปวดเมื่อยเลยนะจ้ะ
ที่พัก : TOYA KOHANTEI HOTEL
Address : 7-8 Toyako Onsen Toyako-cho Abuta-gun
Tel : +81- 142-75-2211; Fax :+81- 142-75-2753
Website : http://en.toya-kohantei.com/
หลังจากให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำธรรมชาติเต็มที่ เราก็ออกเดินทางเข้าเมืองซัปโปโรกันนะจ้ะวันนี้ โดยพาลูกค้าไปแวะเที่ยวคลองโอตารุกันก่อน ไม่แวะไม่ได้นะ
จากนั้น เราก็เข้าเมืองกันพาลูกค้าไปถึงช่วงเวลาที่รอคอยคือการปล่อยช้อปปิ้งที่แหล่งช้อปปิ้งย่านดัง "ซูซูกิโนะ"
จบทริปพาลูกค้าเที่ยว ตามนี้จ้า
จริงๆ ที่คลองโอตารุ จะมีร้านชีสเค้กชื่อดัง ซึ่งมาเปิดตัวที่เมืองไทย น่าจะเมื่อปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ไม่มีที่เมืองไทย ชื่อร้าน LETAO ทาง จขกท. ก็ไม่พลาดซื้อแจกให้ลูกค้าได้รับของหวานชื่อดังของที่นี่เลยทีเดียว
ไปยืนมองในตู้ขนม แล้วก็สั่งเลยจ้า เอาไปให้ลูกค้าได้ชิมกัน
ฟินฟินกันไปเลยจ้างานนี้
ส่งท้ายอีกเรื่อง ถ้าท่านใดไปญั่ปุนจะสังเกตท่อระบายน้ำบ้านเค้าเหมือน จขกท.หรือไม่นะ แต่ล่ะที่จะมีลวดลายไม่เหมือนกันเลยนะจ้ะ มีความเป็นศิลปะบนฝาท่อระบายน้ำ
จบกระทู้นี้ไว้เพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นะคะ ติดตามกระทู้ต่อไป ว่าเราจะเอาประเทศไหนมาให้ชมกันนะจ้ะ
Hokkaido - Hakodate - Lake Toya (ดองเค็ม เกือบ 2 ปีจ้า)
ยังคงอยู่ในช่วงพักฟื้นจากการผ่าตัดใหญ่ก็เลยว่างอัพกระทู้การท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ต้องบอกว่าไปทำงานมากกว่า เพราะเราทำธุรกิจท่องเที่ยว วันนี้เอาภาพตอนที่พาลูกค้าไปดูงาน ณ เมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นมาฝากกันนะจ้ะ
ช่วงที่เราพาลูกค้าเดินทางไป เป็นช่วงประมาณกลางเดือน กันยายน ปี 2016 อากาศกำลังสบายๆ ไม่ร้อน ไม่หนาว แต่อาจจะเจอฝนบ้างประปราย ทริปนี้ เป็นทริปดูงาน ซึ่งออฟฟิศสำนักงานใหญ่ลูกค้าอยู่ในเมืองซัปโปโร และอยู่แถวๆทะเลสาบโทยะ เลยได้มีโอกาศทำเป็น
เส้นทาง Sapporo - Hakodate - Lake Toya ให้ลูกค้าเรากันนะจ้ะ เราจะไม่พูดถึงการดูงานนะ เราจะพาไปเที่ยวกัน
วันแรก ระหว่างทางได้มีโอกาสพาแวะท่องเที่ยว ณ หมู่บ้านนินจา ดาเตะจิไดมูระ ซึ่งอยู่ที่เมืองโนโบริเบทสึ
เป็นหมู่บ้านจำลองวิถีชีวิตของชาวเอโดะในสมัยโบราณ ภายในพื้นที่หมู่บ้านมีทั้ง หอสังเกตการณ์ โรงละคร วัด ร้านค้า หมู่บ้านนินจา หมู่บ้าน ซามูไร แลอื่นๆ อีกมากมาย โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสบรรยากาศได้เหมือนอยู่ในหนังญี่ปุ่นโบราณเลยทีเดียว ที่นี่มีค่าเข้าชมนะคะ
ค่าเข้าชม ท่านล่ะประมาณ 2900 เยน (ข้อมูลจาก http://edo-trip.jp/lng_english/ )
บ้านทรงโบราณ
ทางเข้าเราก็มาถ่ายรูปกับคนญี่ปุ่นกันนะจ้ะ
และเราก็มาเจอน้องแมวที่เป็นแมสคอต ของที่นี่ นางน่ารักมากมายขอถ่ายนิดนึง
วันที่สอง หลังจากดูงาน เรียบร้อย ได้มีโอกาสพาคณะฯ ขึ้นไปชม ภูเขาไฟโชวะ หรือที่เค้าเรียกกันว่า่ "โชวะ ชินซัง" เป็นภูเขาไฟลูกเล็กที่เกิดใหม่ล่าสุดเมื่อปี 1944 ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยมี "ภูเขาไฟอุสุ" ซึ่งเป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้กัน
ขึ้น Ropeway ไปดูบนยอดเขานะจ้ะ
ข้างล่างนั้นคือทะเลสาบโทยะ นะจ้ะ
บนยอดภูเขาไฟนั้น อากาศดีมากๆ แต่เดินขึ้นเล่นเอาหอบเหมือนกันนะคะ
ใครมาที่นี่ สามารถแวะเที่ยวฟาร์มหมีสีน้ำตาล ซึ่งอยู่ในอาณาเขตเดียวกันได้นะคะ น้องหมีน่ารักมาก นั่งขอของกินตลอดเวลา
นอกจากหมีแล้วก็มีน้องแรคคูนนะคะ ภาพไม่ค่อยชัดเลยไม่ได้เอามาลงให้ดูค่ะ อ่อ เค้ามีอาหารเป็นเหมือนบิสกิต เอาให้น้องหมีนะคะ ถ้าจำไม่ผิดถุงล่ะ 500 เยน ณ ตอนนั้น ไม่รู้ตอนนี้ขึ้นราคาหรือยังนะคะ
จากนั้น เราก็มุ่งหน้าสู่เมือง Hakodate ซึ่งเรามาถึงตอนกลางคืน คืนนี้หลังทานอาหาร เลยพาลูกค้าขึ้นไปชมวิวสวยๆ ของเมืองนี้กันจ้า
วันที่สาม เช้านี้พาลูกค้ามาชมตลาดเช้า Hakodate หรือเรียกอีกชื่อว่า Hakodate Morning Market เป็นตลาดสดซึ่งเปิดบริการตั้งแต่ตี 5 ไปจนถึงเวลาประมาณเที่ยงวัน ด้วยเมืองนี้ล้อมรอบไปด้วยทะเลทั้ง 3 ด้าน ตลาดนี้จึงจำหน่ายอะไรไม่ได้เลยนอกจากอาหารทะเลสดๆ หลากหลายชนิดที่เรียงรายให้เลือกจนลายตา ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ไข่หอยเม่น ไข่ปลาแซลมอน และอื่นๆ อีกมากมาย
จริงๆ มีรูป uni (รังไข่หอยเม่น) สดๆ หลายรูป แต่มีรูปลูกค้าอยู่เลยไม่ได้นำมาให้ชมกันนะจ้ะ มาที่นี่อย่าลืมมาซื้อชิมกันนะ มันดีงามมากๆกับรสชาติสดๆ ซึ่ง เค้าขายแค่ฝาล่ะ 1000 เยนเท่านั้นนะจ้ะ
เสร็จจากที่ตลาดเกือบ 2 ชั่วโมง เราก็พาคณะฯ ไปเที่ยวชมสถานที่เที่ยวดังอีก 1 แห่ง คือ “โกดังอิฐแดง” โดดเด่นด้วยอาคารอิฐแดงที่ตั้งอยู่ริมถนนทอดยาวเลียบอ่าวติดทะเลโดยมีฉากหลังเป็นยอดเขาฮาโกดาเตะ อาคารอิฐแดงที่เห็นตั้งเรียงรายกันอยู่นี้ เมื่อก่อนคือโกดังเก็บสินค้าที่ขนส่งมาทางเรือ เพราะบริเวณนี้ในอดีตคือท่าเรือเก่าที่เป็นประตูการค้ากับต่างชาติ อาคารที่เห็นในปัจจุบันไม่ได้เป็นของดั้งเดิมเสียเลยทีเดียว แต่เป็นโกดังที่สร้างขึ้นใหม่ แทนของเดิมที่ถูกไฟไหม้เสียหายเมื่อปี พ.ศ. 2450 จนกระทั่งเมื่อท่าเรือถูกย้ายออกไปทางตอนเหนือของเมือง โกดังเหล่านี้จึงถูกดัดแปลงให้เป็นร้านค้าน่ารักๆ ภัตตาคาร ร้านกาแฟที่ตกแต่งได้สุดเก๋ไก๋น่านั่ง กลายเป็นสถานที่น่าเดินสุดแสนโรแมนติกในบรรยากาศย้อนยุคอีกแห่งหนึ่งของโกดาเตะ
เอาจริงๆ แอบบอกทุกท่าน ตอนคณะฯเราไป สินค้าพวก Anello หรือของในร้านขายยา drug store ที่นี่ราคาถูกกว่าใน Sapporo นะคะ อย่าลืมไปดูสินค้ากันที่นี่นะ ถ้ามีเวลาที่นี่เยอะๆ นะคะ
จากนั้น เราก็พาคณะฯ ไปเที่ยวที่ “ป้อมโกะเรียวคะคุ (Goryokaku)” เป็นป้อมรูปดาวห้าแฉกที่สร้างเป็นอนุสรณ์สถานแก่ผู้ที่เสียสละ
ต่อสู้เพื่อเกาะฮ็อกไกโด สร้างขึ้นในปี 1864 เป็นป้อมสไตล์ตะวันตกแห่งแรกในญี่ปุ่น ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม ภายในมีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงช่วงสงครามในระหว่างปี 1868-1869 และยังมีหอคอยที่สูง 60 เมตรสามารถชมวิวความงามรอบๆได้จากที่นี่
Ticket เข้าชมป้อม นะจ้ะ
จริงๆ ถ้ามาชมฤดูซากุระ หรือใบไม้เปลี่ยนสี จะสวยกว่านี้นะจ้ะ
วันที่สี่ เนื่องจากคืนวันที่สามพาลูกค้านอนริมทะเลสาบโทยะเลยจ้า เช้ามาก็มาเจออากาศดีดีแบบนี้กันนะ
ถ่ายตอนพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นนะจ้ะ ที่โรงแรมนี้ อยู่ติดริมทะเลสาบเลยจ้า เราใส่ที่อยู่และชื่อโรงแรมไว้ให้แล้วเผื่อใครสนใจ ที่นี่มีบ่อแช่เท้าออนเซนอยู่ด้านหน้าทะเลสาบให้ด้วยนะ เผื่อใครไม่กล้าที่จะแช่ออนเซนรวมในห้องอาบน้ำออนเซน ก็มาแช่เท้ากันได้ จะบอกว่าแช่เท้าแค่ประมาณ 15 นาที หายปวดเมื่อยเลยนะจ้ะ
ที่พัก : TOYA KOHANTEI HOTEL
Address : 7-8 Toyako Onsen Toyako-cho Abuta-gun
Tel : +81- 142-75-2211; Fax :+81- 142-75-2753
Website : http://en.toya-kohantei.com/
หลังจากให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำธรรมชาติเต็มที่ เราก็ออกเดินทางเข้าเมืองซัปโปโรกันนะจ้ะวันนี้ โดยพาลูกค้าไปแวะเที่ยวคลองโอตารุกันก่อน ไม่แวะไม่ได้นะ
จากนั้น เราก็เข้าเมืองกันพาลูกค้าไปถึงช่วงเวลาที่รอคอยคือการปล่อยช้อปปิ้งที่แหล่งช้อปปิ้งย่านดัง "ซูซูกิโนะ"
จบทริปพาลูกค้าเที่ยว ตามนี้จ้า
จริงๆ ที่คลองโอตารุ จะมีร้านชีสเค้กชื่อดัง ซึ่งมาเปิดตัวที่เมืองไทย น่าจะเมื่อปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ไม่มีที่เมืองไทย ชื่อร้าน LETAO ทาง จขกท. ก็ไม่พลาดซื้อแจกให้ลูกค้าได้รับของหวานชื่อดังของที่นี่เลยทีเดียว
ไปยืนมองในตู้ขนม แล้วก็สั่งเลยจ้า เอาไปให้ลูกค้าได้ชิมกัน
ฟินฟินกันไปเลยจ้างานนี้
ส่งท้ายอีกเรื่อง ถ้าท่านใดไปญั่ปุนจะสังเกตท่อระบายน้ำบ้านเค้าเหมือน จขกท.หรือไม่นะ แต่ล่ะที่จะมีลวดลายไม่เหมือนกันเลยนะจ้ะ มีความเป็นศิลปะบนฝาท่อระบายน้ำ
จบกระทู้นี้ไว้เพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นะคะ ติดตามกระทู้ต่อไป ว่าเราจะเอาประเทศไหนมาให้ชมกันนะจ้ะ