เริ่มกลายเป็นคนที่ไม่ถูกยอมรับในสายตาของคนในตระกูล

เริ่มเรื่องเลยนะครับ เมื่อก่อนผมเคยอาศัยอยู่กรุงเทพฯกับพ่อแม่ มีความสุขเลยครับ แต่พอกำลังจะขึ้นม.ต้น แม่ผมจับว่าพ่อของผมแอบมีเมียน้อย นั้นทำให้แม่ของผมเสียใจมากครับ หนีไปอยู่กับญาติฝั่งแม่ ผมตอนนั้นยังเด็กแต่ก็พอรับรู้เรื่องราวทั้งหมดได้ครับ ผมต้องอาศัยอยู่กับพ่อต่อไปเพราะยังติดเรื่องเรียนตอนป.5 ให้จบอยู่ครับ ระหว่างนั้นพ่อผมก็ตัดสินใจจะปลูกบ้านไว้ในที่ดินของเขาที่บ้านเกิดพ่อผมเพื่อให้แม่ผมอยู่ครับ พอปลูกเสร็จแม่ก็อาศัยอยู่ไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้รับรู้เรื่องทางกรุงเทพเลยครับว่าตั้งแต่แม่จากไปพ่อก็ได้พาเมียน้อยคนนั้นเข้ามาในบ้านครับ เข้ามาแบบผมก็ยังอยู่กับพ่อครับ ไอ่ตอนนั้นที่ผมเป็นเด็กเลยไม่สามารถอยู่ในสถานะที่ผมพูดอะไรได้ครับ ก็เฉยๆไป แต่อย่างน้อยเมียใหม่พ่อผมเขาก็ใจดีกับผม เอ็นดูผมเลยไม่ได้ทำให้ผมเกลียดเขามากครับ แต่ผมอยู่กรุงเทพไปจนเรียนจบป.5 แม่ก็อยากให้ผมไปเรียนที่ต่างจังหวัดมากกว่าครับจะได้อยู่ใกล้แม่ ส่วนตัวผมเองเป็นคนติดแม่ด้วย อ่อ น้องชายผมด้วยนะครับ ผมจึงย้ายที่เรียนเพื่อมาอยู่กับแม่ครับ ตั้งแต่นั้นเรื่องทางกรุงเทพผมตัดการรับรู้ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวเลยครับ แต่พี่ชายผมได้ย้ายไปอยู่แทนผมในกรุงเทพเพราะแกต้องไปทำงานกับพ่อ แล้วทีนี้ผมมาเรียนต่อป.6 ที่ตจว.จบ ผมก็ต่อ ม.1 ที่ รร. ใกล้บ้านเลยครับเพราะแม่ไม่อยากให้ไปไกล (บ้านที่อยู่ตจว.อยู่ไกลตัวเมืองครับ ต้องนั่งรถเข้าตัวเมืองประมาณ 30-40 กิโลได้) อ่อลืมบอกครับแม่ผมมาอยู่นี้ใหม่ๆแก่ทำพนง.โรงงานครับ ทุกวันแม่จะเลิกงานประมาณ 17.30 น. เนื่องจากแม่เลิกเย็นครับทำให้กลัวผมสองคนพี่น้องจะหิวข้าวหรืออะไรจึงฝากผมไว้ป้าแท้ๆที่บ้านอยู่ใกล้ๆกันครับ ให้ไปกินอยู่บ้านเขาครับ ผมก็ได้เรียนมาก็เรื่อยๆก็เริ่มมีเพื่อนสนิทบ้าง แล้วได้ครูที่ปรึกษาครับ อยู่คุมห้องผมมาสามปีตลอดชั้นม.ต้น สนิทกับครูมากครับ จนเกิดเรื่องที่น่าจะจุดชนวนการเกลียดขี้หน้าผมนี้แหละครับเกิดขึ้น คือวันนั้นเป็นวันเกิดครูที่ปรึกษาครับ ครูจะพาไปฉลองที่ร้านหมูกระทะในตัวเมืองตอนค่ำครับ ซึ่งครูกะไว้ว่ากินเสร็จคงจะมืดไม่อยากให้เด็กกลับดึกๆดื่นๆ วันนั้นพอเรียนเสร็จผมก็เลยรีบโทรบอกแม่ครับว่าจะไปกินหมูกระทะกับค้างบ้านครูด้วย แม่ก็ให้ไปครับ พอผมกับมาถึงบ้านผมก็รีบเก็บเสื้อผ้าครับ ป้ามาเห็นผมกำลังเก็บเสื้อผ้า เขาก็ถามผมว่าจะไปไหน แม่รู้ยัง ด้วยความรีบกับตัวผมเองเป็นพูดด้วยน้ำเสียงที่เสียงดังครับ ผมจึงบอกไปว่าจะไปค้างบ้านครู บอกแม่แล้ว แล้วผมก็ไปเลยครับ เพราะครูรออยู่ ตั้งแต่กลับมาจากวันนั้นครับ ป้าเขาไม่คุยกับผมอีกเลยครับ เดินเจอหน้านี้คือไม่มองเลยครับ ปกติเวลากินข้าวจะเรียกผมกับน้องชายผมไปด้วย แต่ตั้งแต่กลับมาจากบ้านครู เขาไม่อะไรกับผมเลยครับ ผมก็เลยงงครับว่าเป็นอะไร ทำไมไม่พูดกับผม แต่ผมก็ไม่ได้ไปถามหาเหตุผลนะครับเพราะผมเองก็ไม่กล้าที่จะถามแต่แม่ก็มาบอกทีหลังครับว่าเพราะเขาเห็นผมตะคอกใส่เขาเลยงอน ไม่พูดกับผมครับ ตั้งแต่นั้นมาก็เลยไม่พูดกันครับ จนมาเรื่อยๆก็ไม่ได้คุยกันครับ ก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในตระกูลขึ้นอีกครับ คือช่วงสงกรานต์ครับ ก็รวมญาติพี่น้องกันเต็มครับ ประมาณวันที่ 13 ก็มีสังสรรค์ปกติครับ พ่อผมและพี่ชายก็กลับมาบ้านที่ตจว.ด้วย แล้วเหมือนพ่อผมแกรู้ปัญหาเรื่องผมกับป้าครับบวกกับตอนนั้นแกเมาด้วยแล้วป้าผมก็นั่งอยู่ตรงนั้นครับ พ่อเขาเรียกผมให้ยกมือไหว้ขอโทษป้าครับ ตอนนั้นจริงๆลึกในใจอยากขอโทษแกมานานแล้วครับ ก็เลยไหว้ขอโทษไป ก็เหมือนจะดีขึ้นนะครับแกก็ทำยิ้มรับครับ แต่แล้วพอมาวันรุ่งขึ้น วันนี้แหละครับเรื่องใหญ่อีกเรื่องครับ ตระกูลบ้านผมก็ได้เช่ารถเมล์คันใหญ่ครับพาคนในตระกูลรวมทั้งในหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ๆกันไปเที่ยวตามรีสอร์ทแถวเขื่อนน้ำในจังหวัดครับ ก็เตรียมของกินเหล้ายาปาปิ้งไปพร้อมครับ ขาไปก็สนุกสนานครับ แต่ขากลับเหมือนเริ่มเมากันแบบเกินลิมิตครับ พี่ชายผมเริ่มเมาแล้วไประลานคนอื่นเลยครับตอนแรกคนในรถก็นึกว่าแกเมาแล้วหยอกปกติจนไปหยอกแฟนของลูกชายคนในหมู่บ้านจนเขาเริ่มหึงครับ จนมีปากเสียงกันแล้วพี่ผมก็เมาแล้วไม่หยุดจนพ่อผมโมโหครับ โยนปืนฉีดน้ำที่ไปเล่นสงกรานต์มาไปทางพี่ชายผมแล้วบอกให้หยุด เท่านั้นแหละครับพี่ชายผมมีเรื่องกับพ่อผมครับแล้วจะต่อยพ่อผมทะเลาะกันไปมาจนพี่ชายผมเมาแล้วพูดเรื่องเมียน้อยพ่อครับ ว่าตั้งแต่ผมจากไปนั้น เมียน้อยพ่อเขาไม่ชอบขี้หน้าพี่ชายผมครับ ชอบไปใส่ร้ายพี่ผมให้พ่อฟังทุกวันครับว่าพี่ผมจะฆ่าเขา ทั้งที่จริงๆผมกล้าพูดและรู้จักพี่ผมดีเลยนะครับว่าพี่ชายผมไม่ใช่คนแบบนี้แน่นอน ทำให้เหมือนวันนั้นพี่ชายระบายหมดเลยครับเรื่องเมียน้อยพ่อผมว่าตั้งแต่แม่ ผมและน้องจากไป พ่อหลงเขามากครับ หลงจนเชื่อเมียน้อยมากกว่าพี่ชายผม แล้วเหมือนเรื่องที่พี่ผมพูดมาครับทำให้พ่อผมโมโหกลายเป็นจะต่อยกันอีก ถึงขนาดตะโกนตัดพ่อตัดลูกครับ ตอนนั้นผมอายุ 15 ปี พอรู้เรื่องแล้วครับ ผมเข้าไปห้าม ณ จุดๆนั้น สิ่งที่ผมห่วงและความรู้สึกคือแม่ครับ แม่ที่ต้องมาเห็นลูกแท้มาต่อยกับพ่อตัวเองครับ จังหวะนั้นเลยแยกทั้งคู่ออกครับผมแยกพ่อ แม่แยกพี่ผม เรื่องถึงสงบครับ พ่อผมกลับกทม.คืนนั้นเลยครับ ส่วนพี่ชายผม แม่ให้อยู่ที่นี้เพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนครับแล้วค่อยกลับไปขอขมาลาโทษที่กทม.ในวันรุ่งขึ้นครับ ตั้งแต่วันนั้นมาครับคนในหมู่บ้านมองบ้านผมแปลกไปจากเมื่อก่อนเลยครับ ดูออกเลย ไม่ค่อยพูดคุยเหมือนแต่ก่อนครับ แล้วพอช่วงนั้นผ่านไป ผมก็จบม.3 พอดี แม่ก็อยากให้ผมไปต่อสายอาชีพในตัวเมืองครับ ก็เลยไปเรียนต่อในตัวเมืองซึ่งการที่ไปเรียนในตัวเมืองนั้นกว่าจะไปกลับก็ต้องใช้เวลาครับ กว่าจะเลิกเรียนกลับมาถึงบ้านก็เกือบ 6 โมงเย็นแล้วครับ ทำให้เหมือนผมก็ยิ่งห่างจากสังคมในหมู่บ้านเข้าไปอีกบวกกับการที่ผมได้ไปเรียนในตัวเมืองครับ ทำให้ได้เห็นสิ่งแวดล้อมต่างออกไปทำให้เหมือนเพิ่มอีโก้ตัวเองไปในตัวครับ ว่าจากที่เมื่อก่อนเราไปไหนก็หรือจะทำอะไรเราก็รู้จักอยู่ในสังคมแถวหมู่บ้าน ต้องแคร์ขี้ปากคนแถวหมู่บ้าน แต่พอไปอยู่ในเมืองเหมือนเราได้รู้ว่าเห้ย ไม่มีพวกเขากูก็อยู่ได้นี้หว่า ไม่ต้องสนใจใครด้วย มีเพื่อนพร้อมสนับสนุนตลอด ตั้งแต่นั้นแหละครับ เหมือนผมค่อยๆไปจากสังคมแถวบ้านอย่างแท้จริง แล้วด้วยความที่ว่าผมไปเรียนในเมืองครับ ทำให้เหมือนผมได้มีเวลาที่อยู่กับแม่มากขึ้นด้วย เพราะแม่เลิกงานโรงงานมาทำงานใกล้บ้าน รายได้ดีกว่า แถมได้มีเวลาได้ดูแลลูกมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนต้องอาศัยบ้านป้าเรื่องข้าวปลากลายเป็นครอบครัวสามารถอยู่กันได้สามคนแม่ลูกแบบมีความสุขครับ แล้วเหมือนการที่ไปเรียนในเมืองมาทำให้มีสกิลด้านช่างซ่อมอุปกรณ์ต่างๆครับ ด้วยความที่แม่เป็นคนอัธยาศัยดีครับ ทำให้เหมือนกับว่าอะไรใครเสียแม่ก็จะเอามาให้ผมซ่อมครับ ผมเป็นคนหัวดีครับ เรียนเก่ง สมัยอยู่กับป้าแกจะชมอยู่ประจำครับ อ่อลืมครับ ตอนที่ผมไปอาศัยข้าวบ้านแกครับ แกมีหลานแท้ๆครับ หลานรักแกเลยด้วย
ป้าจะชอบบ่นหลานเขาประจำแหละครับเรื่องเรียนเพราะหลานเขาเรียนไม่เก่ง ป้าแกจะชอบเอามาเทียบกับผมจนบางทีหลานเขาน้อยใจก็มีครับ กลับมาต่อครับ ก็ซ่อมพวกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้คนในหมู่บ้านครับจนเขาชมแล้วไปเข้าหูป้าครับ ป้าเขาก็เหมือนอิจฉาครับที่คนชมผมอย่างงั้นอย่างงี้ เวลาเจอแม่ผมเขาก็ชอบข่มแม่ผมประจำครับว่าหลานเขาดีอย่างงั้น หลานเขาเก่งอย่างงี้ แม่ผมก็ได้สนใจอะไรครับ แล้วจนผมฝึกงาน ผมก็เลิกรับซ่อมพวกอุปกรณ์ให้คนในหมู่บ้านครับเพราะต้องมาสนใจงานตรงที่ฝึกงาน แล้วช่วงนั้นงานเลิกประมาณ 1 ทุ่มกว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาไป 2 ทุ่มแล้วครับ ถึงบ้านก็อาบน้ำปิดไฟนอน ชีวิตเป็นอย่างงี้ตลอดจนผมเหมือนเอาตัวเองออกมาจากสังคมในหมู่บ้านอีกครั้งบวกกับเหมือนผมเขาน่าจะไปใส่ไฟอะไรสักอย่างเกี่ยวกับผมตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยไม่ค่อยได้พูดกับคนในหมู่บ้านเลยครับ พูดก็พูดกับแค่แม่กับน้องชายครับ ก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาเรื่อยๆ เจอป้าผมก็เดินสวนกัน ทำเป็นไม่มอง วันหยุดผมก็อยู่แต่บ้าน พอไปเรียนก็เจอเพื่อนฝูงที่วิทลัยซะมากกว่า ไม่ออกไปพบปะผู้คนในหมู่บ้านเลยครับ เหมือนไม่ชอบสายตาที่เขามองเรามาเหมือนตัวประหลาด ก็ใช้ชีวิตอย่างนั้นมาเรื่อยๆ จนเหมือนสังเกตุได้ว่าแม้แต่ญาติทั้งฝั่งพ่อผมเริ่มไม่ค่อยคุยกับผมเริ่มจากน้าที่เป็นแม่แท้ๆของหลานชายป้าผมครับ เจอผมยกมือไหว้ก็รับไหว้แบบขอไปที ไม่พูดกับผมครับ ผมก็อ่า พอรู้แหละว่าเขาไม่พูดกับผม ก็โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด ต่างคนต่างอยู่ไป จนลามไปเรื่อยๆ ลุง ป้าคนอื่นๆอีก จนแบบในใจผมเริ่มแล้วครับว่าญาติคนไหนไม่พูดกับกูอีกว่ะจน ทั้งที่จริงๆก็ยังมีคนที่มองเห็นผมจริงๆครับว่าผมเป็นคนยังไง แต่กลับกลายเป็นผมซะเองที่เริ่มปิดกั้นพวกเขาครับ พวกเขามาผมก็เอาแต่อยู่บ้าน เจอก็ไม่ค่อยคุยกับใครเลยครับ เหมือนในเมื่อมองผมเป็นคนอื่นไปแล้ว ผมก็จะมองพวกคุณให้เป็นคนอื่นสำหรับผมเช่นกัน โดยลืมคิดไปเลยครับว่ายังมีคนที่เขายังมองเห็นเราอยู่ จนล่าสุดเลยครับ พ่อผมโทรมาฟ้องแม่ผมครับ เรื่องพี่ชายผมขู่จะไปฆ่าเมียเขาครับ (ต้องบอกก่อนครับว่าตั้งแต่เกิดเรื่องวันสงกรานต์เหมือนแม่ผมเริ่มทำใจเรื่องเมียใหม่พ่อผมครับ แล้วเริ่มเข้าหาทางธรรมะครับ เหมือนแกเริ่มปลงว่าไม่มีพ่อผมก็ไม่เป็นไร เขาอยู่กับพวกผมก็มีความสุขดีครับ จนตอนนี้เหมือนเขามองพ่อผมเป็นแค่เพื่อนแล้วครับ) เหมือนพ่อผมโดนปั่นหัวจนแบบจะตัดพ่อตัดลูกครับ แล้วก็ฟ้องเรื่องผมครับว่าลุงเขามาเล่าให้พ่อผมฟังครับว่าทุกวันนี้เหมือนผมเป็นคนหยิ่งไม่เอาญาติพี่น้องครับ เอาตรงๆผมก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะไม่เอาญาติพี่น้องนะครับแต่เหมือนผมอยู่ในจุดที่เขามองเราเป็นคนอื่นไปแล้วครับ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง แม่ผมก็ได้แต่บอกว่างั้นเจอลุง ป้าที่ไหนก็ยกมือไหว้เขาเหมือนปกติ เขาจะรับไม่รับก็เรื่องของเขา อย่างน้อยเขาก็ญาติเรา ส่วนเรื่องพี่ชายผม ก็เตรียมจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นครับ เพราะเหมือนเมียใหม่พ่อผมเขายื่นคำขาดครับว่าถ้าพี่ผมไม่ย้ายออก เขาจะเป็นคนออกไปเองครับ ก็เอามาระบายให้ฟังครับ ขอบคุณสำหรับคนที่อ่านจนจบนะครับ อาจจะงงบ้างต้องขออภัยครับ เป็นเรื่องที่อยากเล่ามานานแล้วแต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเลยครับ จะปรึกษาใครก็ไม่กล้า เคยคิดจะส่งเรื่องไปปรึกษาที่พุธทอล์คพุธโทรก็คงมีคนอื่นที่เขาเรื่องราวหนักกว่านี้ ยังไงก็ขอบคุณที่รับฟังครับ ขอบคุณมากๆจริงครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่