[CR] Hello It's Leh by ChiMoL Part 2

ความเดิมตอนที่แล้ว https://pantip.com/topic/37596625

พาไปเที่ยวเลห์กันต่อคร่าาา

Chapter 3 : Day 3 14 Apr 2018

5:30 AM เช้าตรู่ที่ฟ้าสว่างแล้ว ตื่นมาก็รีบแบกกระเป๋าลงมาข้างล่าง เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันนี้

พร้อมมาก พร้อมแบบหน้าสดๆ ตื่นก็บุญแล้วเนี่ย จำเป็นต้องเช้าขนาดนี้มั้ย ถถถถถ

ตื่นกันด้วยความงัวเงีย ออกมาพบกับความหนาวเย็นยามเช้า จัดกระเป๋าเข้ารถกันเรียบร้อย
สุดท้ายล้อก็หมุนตอนหกโมงได้ ทุกคนเข้าประจำที่ของตัวเอง

เป้าหมายที่แรกของเราในวันนี้คือ Lamayuru Gompa ซึ่งต้องนั่งรถออกจากตัวเมืองเลห์ไปประมาณ 2 ชั่วโมงได้
แต่ถนนที่ไป Lamayuru ดีมากเลย วิวข้างทางก็ดีไม่แพ้กัน

ไหนๆก็ตื่นเช้ากันมาแล้ว ถ่ายแสงเช้าจากในรถไปละกัน ถึงจะอยากแอบงีบ
แต่ก็ไม่อยากพลาดวิวสองข้างทางเลยจริงๆ


วิวข้างทางกะไม่ให้หลับไม่ให้นอนกันเลยทีเดียว




ระหว่างทางเราก็มีจอดแวะถ่ายรูปกันเป็นระยะ อันนี้เรียกว่า Moon land ดินแดนโลกพระจันทร์

มีได้แวะกินอาหารเช้าด้วย ตอนแรกกะว่าจะแวะกินชา กาแฟ เบาๆ แต่ทุกคนหิวโซ
เลยจัดทั้งซุป ทั้งไข่เจียว ข้าวมากันเต็มพิกัด หนังท้องตึงก็พร้อมไปลุยกันต่อ


และแล้วเราก็มาถึงที่หมายแรกของวัน มากันตั้งแต่เช้าเลยฮะ หนทางอีกยาวไกล
วัดนี้ตั้งอยู่บนหุบเขาสูง และถือเป็นวัดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของลาดัก
น่าเสียดายที่รอบนี้เรามีเวลาแค่ชั่วโมงเดียวสำหรับการเดินชมวัดแห่งนี้ อาจจะยังเก็บบรรยากาศได้ไม่หนำใจพอ
เพราะวันนี้เราต้องเดินทางต่อไปยัง Nubra valley ให้ทันแสงเย็น

ไหนๆ ก็มาแล้ว มาเดินสำรวจกันหน่อย


เราสามารถมองวิวเห็นเมืองลามายูรุได้จากวัดนี้ ดูแปลกตาไปจากโซนเมืองเลห์นิดหน่อย


ภูมิประเทศที่ดูเหมือนดินแดนโลกพระจันทร์ สมกับชื่อ Moon land จริงๆ






ก่อนกลับแวะเจอเด็กน้อย เลยมาถ่ายรูปกันอีกพักใหญ่





หลังจากตั้งป้อมถ่ายรูปเด็กน้อยกันจริงจัง ให้ค่าขนมกันไปเล็กน้อย ได้เวลาอันสมควรที่เราต้อง Move กันแล้ว
เราตั้งเป้าไว้ว่าจะกลับไปกินข้าวกลางวันที่เลห์ ประมาณเที่ยงแต่ตอนนั้นเราก็เลทมาพอสมควร

ขึ้นรถได้ ไม่ทันจะสนทนาอะไรกัน คอก็พับไปในทันที 😂

รู้ตัวอีกทีถึงจุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาดอีกหนึ่งจุด อยู่ระหว่างทางจากเลห์ไปลามายูรุ
นั่นก็คือ Sangam point


จุดนี้เป็นจุดที่แม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน ทำให้เราเห็นเป็นแม่น้ำสองสี
แม่น้ำสินธุ (Indus river) มาเจอกับแม่น้ำซันสการ์ (Zanskar river)
ลงไปถ่ายรูปกันอย่างรวดเร็ว แล้วเราก็ต้องรีบไปกันต่อ ทำเวลากันสุดๆ

และแล้วเรามากินข้าวในร้านอาหารก่อนเข้าตัวเมืองเลห์ ให้คนขับเลือกให้เลยจ้า
ขอแบบเร็วๆด่วนๆ ชื่อร้านนี่อย่าได้ถาม จำไม่ได้เลย
แต่อาหารที่นี่โอเคเลย ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย
แต่อาจจะงงๆ หน่อย สั่งเกี๊ยวเนื้อแกะไปจานนึง นางเอามาให้สามจาน
แต่อันที่สั่งไปดันไม่มา เราด้วยความรีบทำเวลา ก็เลยกินเท่าที่มานั่นแหละ
ก่อนออกไปก็ไปซื้อกล้วยมาตุนไว้อีก 2 หวี
ตอนนั้นเวลาเริ่มเลทมามากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนี้เราจะมุ่งหน้าจาก Leh ไป Nubra valley กัน
ซึ่งทางที่จะไป Nubra. Valley เป็นทางที่เรียกได้ว่าเป็นถนนที่สูงที่สุดในโลก
คือ Khardung La pass ซึ่งความสูงอยู่ที่ 5,359 เมตร

ไปดูวิวระหว่างทางกันเลยดีกว่าาา




นี่เราอยู่ใกล้หิมะกันขนาดนี้เลยหรอเนี่ย พอรถเริ่มไต่ระดับความสูงมาเรื่อยๆ
เราก็เริ่มรู้สึกถึงบางอย่าง ตอนแรกก็หลับๆตื่นๆ แต่ตอนสูงมากๆแล้วตื่นขึ้นมา
รู้สึกว่าปวดหัวแปลกๆ รู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ ท่านผู้นำเลยบอกว่าให้กินน้ำเยอะๆ
จากนั้นเลยจิบน้ำตลอดจนถึงจุดสูงสุด มันก็ช่วยได้จริงๆแฮะ


นี่คือทางที่เราผ่านมาแล้วจริงๆหรอเนี่ย ดูแล้วก็น่าหวาดเสียวไม่เบา


มาถึงแล้วววว โอ้เย หนาวววมากพูดเลย หนาวจนไม่รู้จะบรรยายยังไง
แต่ล่ะคนลงจากรถไปแวบนึงเริ่มออกอาการมึนงง เบลอ ปวดหัว มาหมด มาเต็ม
ทั้งสูง ทั้งอากาศน้อย ไม่ควรอยู่นานนะคะ

ออกไปถ่ายรูปกันไม่กี่นาที ก็ถอนทัพกลับขึ้นรถกันโลด สู้กันไม่ไหวจริงๆฮะ



เส้นทางหลังจากนี้จะเริ่มเป็นขาลงกันล่ะ เพื่อมุ่งหน้าสู่ Nubra Valley กัน
วันนี้ต้องยกตำแหน่ง อึด ถึก ทน ให้กับคนขับของเราจริงๆ
มารับเราตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แล้วต้องมาขับรถตลอดวัน พาไต่เขา
ฝ่าความหนาวเหน็บ แล้วยังต้องสปีดพาเราไปเก็บแสงเย็นให้ทันอีก


ก่อนถึง Nubra Valley หยุดพักยกจิบชากันเบาๆ เวลาเริ่มบีบรัดเรามาเรื่อยๆ
หนทางอีกยาวไกล เริ่มลุ้นว่าเราจะไปทันมั้ย ครั้นจะเร่งคนขับก็นะ นี่ก็นั่งกันก้นไม่ติดเบาะแล้ว

สุดท้ายเราก็ตัดสินถ่ายแสงเย็นกันระหว่างทางนี่แหละ ค่อยขับไป เจอจุดไหนโอเคก็ตั้งป้อมกันเลย


สุดท้ายเราได้ที่ถ่ายแสงเย็นกัน ตรงระหว่างทางที่จะไป Diskit Gompa
ดูทรงแล้วไม่น่าไปทัน แสงก็คล้อยต่ำลงทุกที เอาตรงนี้แหละ
พอทุกคนเห็นตรงกันว่าตรงนี้เลย หยิบขาตั้งกล้องมาซุ่มยิงกันตามระเบียบ



จบภารกิจ ตั้งกล้อง ท้าลมหนาวสำหรับเย็นวันนี้กันไป
มุ่งหน้าสู่ Nubra valley กันต่อ ร่างกายเริ่มอ่อนล้าเต็มทน
จริงๆก็ไม่ค่อยได้ทำไรนะ กิน นอน ถ่ายรูป อยู่ในรถซะเป็นส่วนใหญ่
ยังจะมาเหนื่อย อิอิ ไม่ถงไม่ถามสุขภาพคนขับซักคำ

และแล้วเราก็มาถึงที่พักตอนเกือบสองทุ่ม สมาชิกกระโดดลงรถ ไปเลือกห้องพักกัน
ได้นอนคนเดียวอีกตามเคย

ที่พักคืนนี้ชื่อว่า Dragon Guest House


ห้องนอนโอเคเลย ที่สำคัญเน็ตแรงเว่อร์ ห้องน้ำมีน้ำอุ่นด้วยดีงาม แต่ยังไม่ได้อาบหรอกนะ
พอเข้าห้องพัก พนักงานก็มาเคาะประตู เอา Milk tea มาเสิร์ฟ แหม่มี Welcome drink ด้วย
ได้ Milk tea อุ่นๆตอนอากาศแบบนี้นี่มันดีจริงๆ
แต่ที่นี่อากาศไม่หนาวเท่าที่เลห์นะ น่าจะเพราะว่าที่นี่อยู่ที่ระดับความสูงที่ต่ำกว่าที่เลห์
ไม่ใช่เพราะเราตายด้านไปแล้วนะ อิอิ

พอเวลาสองทุ่ม พนักงานก็มาเคาะห้องอีกครั้ง บอกว่าอาหารเย็นพร้อมแว้ว

เราก็ดี๊ด๊าออกไปกินอย่างรวดเร็ว

ไม่ได้ถ่ายไว้อีกแล้ว อาหารมีซุปมาเป็นออเดิรฟ ต่อด้วยข้าว แป้งโรตี
ผัดอะไรซักอย่างหน้าจะมีผงกะหรี่รวมอยู่ด้วย แล้วก็อะไรอีกซักอย่างที่หน้าจะเป็นผักบดแล้วก็มีก้อนชีสผสมอยู่
เรากินไปอย่างละนิดละหน่อย ด้วยความเป็นมานุดกระเพาะอ่อนแอต่อสิ่งแปลกปลอมขั้นสุด
พอของคาวจบ มีของหวานต่ออีก เป็นคัสตาดกล้วย เอาจริงมันอร่อยทุกอย่างเลยนะ
ติดอย่างเดียวคือ มันไม่ควรมารวมอยู่ในมื้อเดียวกัน กินด้วยความอยากรู้ แต่ก็กลัวใจเหลือเกิน

พอกินอิ่ม แยกย้ายกันเข้านอน พร้อมคำมั่นสัญญากับเหล่าสมาชิกว่าจะออกมาเก็บช้างหน้าที่พักกัน

และแล้ววววก่อนคืนนี้จะจบลง เหตุการณ์ที่คาดคิดไว้แล้วก็เกิดขึ้น

ท้องเสียจร้าาาา คราวนี้ชุดใหญ่ไฟกระพริบ กระเป๋ายาก็ดันลืมไว้ในรถ
แล้วที่พักก็ดับไฟหมดหลังห้าทุ่ม ส่วนตรูมานุดที่นอนคนเดียว
เผือกมาท้องเสียงตอนจะเที่ยงคืน คือตอนแรกเนี่ยนอนอยู่
แล้วก็รู้สึกเหมือนจะอาเจียน มีความวิงเวียนเบาๆ ตอนแรกก็คิดเอ๊ะ หรือว่าจะแพ้ความสูง
แต่เอ่อ เดี๋ยวมาแพ้อะไรตรงที่มันไม่สูงวะ ไม่น่าใช่ล่ะ
เลยลุกขึ้นมานั่ง พอนั่งตอนแรกที่จะออกข้างบนเริ่มไหลลงล่าง เท่านั้นแหละ
ความโกลาหลของคืนนั้นก็เริ่มต้นขึ้น ช้าง เชิ้งไม่ต้องถ่ายล่ะค่ะ
เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะตอนนี้ คืนนั้นเข้าห้องน้ำไปประมาณ 7 รอบได้
เอาซะเพลียเลยทีเดียว กว่าจะได้หลับก็เกือบหกโมงเช้าล่ะที่ทุกอย่างเริ่มทุเลาลง
ดีนะที่วันต่อมา นัดกันว่าออก 10 โมง เพราะจะให้คนขับได้นอนพัก
ตรูเลยได้สิทธิ์นอนพักไปด้วยอีกแป๊บบบบ
ชื่อสินค้า:   Leh Ladakh, Delhi, India, Traveling, Backpack
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่