กลยุทธ์ การปลดหนี้

เป็นสิ่งที่สัญญากับตัวเองว่า ถ้าทำสำเร็จ จะโพสเผยแพร่ แนวคิดนี้ ให้คนอื่นได้ลองทำกันดู
ขอออกตัวก่อนว่า มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการปลดหนี้สำหรับทุกคน
แต่คิดว่าบางส่วนก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้างไม่มากก็น้อย

ทำไมถึงเป็นหนี้
จริงๆฉันเองก็เป็นคนทำงานที่ เงินเดือนสูง....มากคนหนึ่งสังคม (อาจจะน้อยยยมากกว่าหลายคนในพันทิป)
แต่ทำไมยังเป็นหนี้อยู่ มันก็คงเป็นเหตุผลของคนทั่วๆไป

ใช้จ่ายเกินตัว ของดี ถูกแพงไม่ว่า ชั้นมีเงิน  ถูก
กินเยอะ อ้วน เครียด ก็กินอีก ถูก
กินหรู อยู่สบาย รถไฟฟ้า รถเมล์ เมินซะเถอะ ถูก
ไปเที่ยวต่างประเทศ ถูก

ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของฉันเองส่วนหนึ่งที่คิดว่า จะได้เงินจากงานใหญ่มากงานหนึ่ง แล้วเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อน
ไปๆมาๆ เกิดการแคนเซิลงานกลางอากาศ อะไรที่คิดว่า จะมีก็ไม่มี หนี้ก็ยิ่งเพิ่ม

รู้ตัวอีกทีก็...เป็นหนี้ไปแล้ว = =”
ตอนที่ฉันรู้ตัวคือ ปลายเดือนธันวาคม 2016 ในวันที่ฉันมีเงินจ่ายบัตรเครดิตแค่ขั้นต่ำ
และบัตรเครดิตถูกใช้แบบเต็มวงเงินไปหลายใบ แต่ละเดือนๆ หนี้ประมาณ 40000 บาทนั้น
มีดอกเบี้ยถึง 4-500 บาท เป็นหนี้บัตร 3 ใบก็จ่ายดอกไป 1500 แล้ว แต่มันไม่ใช่แค่ 3 ใบนี่สิ

ฉันเอายอดหนี้ในบัตรทั้งหมดมารวมกัน แล้วพบว่า ยอดหนี้ทั้งหมดนั้น มีจำนวนประมาณ 50-60% ของเงินเดือนทั้งหมดทั้งปี = =”
ถ้าจ่ายแบบ 10% แบบนี้ ถึงสิ้นปีหน้า หนี้ก็จะลดไปน้อยมากในขณะที่ฉันจะต้องจ่ายดอกเบี้ยไปฟรีๆประมาณ 4-50000 บาท
ไม่ได้แล้ว ทำไมถึงล้มเหลวทางการเงินแบบนี้เนี่ย
ฉันตั้งใจในวันนั้นว่า จะต้องปลดหนี้ในเร็วที่สุด และจ่ายดอกเบี้ยให้น้อยที่สุด ก็เลยทำตามแผน 5 ข้อดังต่อไปนี้

1 รวมหนี้และรายละเอียดมาก่อน
ตอนนั้นฉันเป็นหนี้ประมาณ 7 อย่าง ทั้งสินเชื่อ บัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต
และที่สำคัญคือ ฉันไม่เคยรู้เลยว่า แต่ละที่นั้นดอกเบี้ย เดือนละ หรือปีละเท่าไหร่
การมีหนี้หลายที ทำให้บางครั้งเราอาจจะลืมจ่ายหรือจ่ายช้า
ซึ่งทำให้มียอดค่าใช้จ่ายต่อเดือนเพิ่มอีกที่ละ 300 บาท
ดังนั้นหลังจากตัดสินใจว่า จะต้องปลดหนี้สิ่งแรกที่ทำคือ
การโทรสอบถามทุกธนาคารทุกบัตรที่มีว่า ยอดหนี้ที่แท้จริงๆคือเท่าไหร่ และค่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายของแต่ละที่คือเท่าไหร่
หลังจากนั้น เอามาเรียงไว้ใน  Excel เป็นยอดหนี้ตั้งต้น

2 ค่าใช้จ่ายต่อเดือน และความสามารถในการใช้หนี้
อย่างที่สองที่ต้องทำก็คือการคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ ว่าเดือนนึงเราจ่ายอะไรบ้าง  
โชคดีที่ตัวเองไม่มีรายการผ่อนหรือภาระอะไรมากมายอยู่ ก็มีให้ที่บ้าน แล้วก็มีจ่ายค่าที่พัก ค่ากิน เดินทาง
ลองคำนวณแบบรัดกระเป๋าจ่ายสุดชีวิต หรือแบบที่ไม่เครียดจนเกินไป
(จริงๆต่างกันประมาณ  3000-5000 บาทเองมั้ง)
มีเผื่อเงินในช่วงที่พอจะรู้ว่าจำเป็นต้องใช้บ้าง รวมๆแล้วจะมีเงินจ่ายหนี้ประมาณ AA,xxx ต่อเดือน
ซึ่งเมื่อต้องจ่ายหนี้ประมาณ Axx,xxx ก็จะใช้เวลาประมาณ  11-12 เดือน

ความปวดใจเรื่องค่าใช้จ่าย
ในขั้นตอนนี้ขอบอกว่า ฉันเจอ  plain point  ตรงนี้เยอะมากก
ไม่ว่าจะเป็นค่าโทรศัพท์ที่ทิ้งไว้เฉยๆไม่ได้ใช้ เดือนละ 890++ บาท และ 399++ ค่าประกันอุบัติเหตุที่รับปากซื้อแบบส่งๆ เดือนละ 500 บาท
ค่าบริจาคที่ไม่เคยถึงมือเด็กน้อยเดือนละ 1000  บาท อะไรต่างๆเหล่านี้ ในช่วงที่เป็นหนี้ ขอให้โทรไปยกเลิกไปก่อนนะ
และพอมาดูค่าใช้จ่ายจริงๆ ก็คือ ค่าข้าว ค่ารถ ค่าของนู่นนี่ ฉันคำนวณให้ตัวเองมีคชจได้ประมาณ  300 บาท แบบรัดกระเป๋ามาก
และ 500 บาทแบบสบายๆ แต่ด้วยสังคม และตำแหน่งงาน บางทีมันก็ต้องออกไปบ้าง
วิธีการตอนนั้นของฉันก็มีทั้ง กินถูกๆ เวลาอยู่คนเดียว ไว้เวลาไปกับเพื่อนค่อยกินดีๆ
ไม่ไปกินข้าวกับที่ทำงานแบบเยอะแยะเกินไป เพราะส่วนใหญ่จะไม่ถูกปากและแพง
หรือแบบที่ทำอาหารกินเอง ตรงนี้ถูกมาก สามารถอยู่ได้ด้วยค่ากินเดือนละ 5000 บาทเองมั้ง

3 ลดหนี้ เริ่มจากลดที่ และลดดอกเบี้ย
อย่างที่บอกว่า การมีหนี้หลายที่ทำให้เราอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกหลายอย่าง รวมทั้งดอกเบี้ย
หลังจาก เราได้ตัวเลข ข้อมูลของ 1 และ 2  มาแล้ว เราก็พบว่า
ธนาคาร A นั้นดอกเบี้ยต่อเดือน 18% จะถูกกว่า ธนาคาร  B ที่ 23%  บัตรกดเงินสด จะคิดดอกเบี้ยจากวันที่กด
ดังนั้นหากกดวันที่ 10 แล้วจ่ายวันเงินเดือนออก จะจ่ายดอกเบี้ย ไม่ถึง .5% ต่อเดือน
แต่ไม่ควรค้างเงินไว้ให้เป็นหนี้ในแต่ละเดือน เพราะดอกเบี้ยจะทบต้นทบดอก ทำให้ดอกล้นไปไกล

สิ่งที่จำเป็นในจุดนี้คือการรวมหนี้ไปจุดที่ดอกเบี้ยต่ำสุด หรือถ้ามีคนเสนอใน Refinance ในช่วงนั้น ก็ทำไปเลย
ช่วงนั้นที่ฉันทำอย่างแรกคือพยายามจ่ายขั้นต่ำกับบัตร A ไปก่อน แล้วก็พยายามเอาเงินไปโปะบัตร B ที่ดอกสูงกว่าให้หมด
พอดีมีโปรของธนาคาร C ที่ดอกเบี้ย 9% ต่อปี ฉันก็ไม่รั้งรอที่จะขอสินเชื่อนี้
แนะนำว่าเวลาหาสินเชื่อ อยากเอาแบบที่มันคงที่ หรือคิดดอกต่อเดือน ให้หาแบบลดต้นลดดอกจะดีกว่า
เรื่องสินเชื่อ มีกับดักหลายอย่างของธนาคาร เราแนะนำให้หาข้อมูลดีๆ
ปิดหนี้ก่อนได้หรือไม่ มีค่าปรับไหม มีมากโปะมากได้หรือไม่ และอื่นๆ

จำไว้ว่า ทุกวันคือดอกเบี้ย
สินเชื่อแบบลดต้นลดดอกนั้น ทุกวันมีดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นอย่าได้แคร์ว่า
เค้าจะกำหนดให้คุณไปจ่ายวันที่สามหรือห้า เมื่อมีเงิน หรือเงินเดือนออกจ่ายทันที
โดยเฉพาะเวลายอดหนี้สูงๆ ดอกเบี้ยต่อวันก็หลักร้อยได้เลยนะ

ในการคำนวณฉันใช้ excel ในการคำนวณหนี้ต่อเดือน
เมื่อเอาเงินจ่ายไปจะกลายเป็น ดอกเบี้ยก่อน ถึงจะไปหักเงินต้น
ถ้าทำได้ตามที่คำนวณไว้ยอดก็จะหมดตามที่เราคำนวณไว้
บทสรุปจากตรงนี้เราสามารถลดดอกเบี้ยไปได้ประมาณ 50% จากที่คำนวณไว้ตอนแรกค่ะ

4 ใช้เงินอย่างไรให้อยู่ได้
เมื่อหนี้มันเกิดจากการใช้เงิน จะใช้หนี้ หรือจะเก็บเงิน
หรือจะเป็นหนี้ก็ขึ้นกับการใช้เงินของเรานี่แหละค่ะ ตอนนั้นสิ่งที่ฉันทำคือ

จดและคิดถึงจำนวนเงินคงเหลือ
ก่อนหน้านี้ ฉันคงคิดแต่ ไม่กี่ร้อย กี่พันเอง เทียบกับเงินเดือนก็นิดหน่อยใช้ๆไป
แต่ช่วงที่ต้องจำกัด ฉันเอาเงินที่จะใช้ต่อวันตั้ง แล้วใช้
สมมุติว่า มี 300 พอจะใช้อะไรมันจะรู้สึก โหยมีเงินน้อยอ่ะ อย่าใช้เยอะนะ กินข้าวประมาณ 100-150 บาท
บางทีก็ซื้อนมกับขนมปังมาทำแซนวิช เงินที่เหลือก็จะได้มีไว้ไปกินข้าวดีๆกับเพื่อน
หรือพาที่บ้านไปกินข้าวได้ ส่วนการเดินทาง ก็จะมีใช้ Grab/Uber ช่วงโปร (ถ้าไม่เกิน 20 บาท)
BRT BTS MRT และรถเมล์ จริงๆที่ทำงานกับที่พักมันไม่ห่างกันมาก บางครั้งก็เดินกลับบ้านเองก็มี

สมมุติอยากได้อะไร แทนที่เมื่อก่อนจะคิดว่า ชั้นมีเงินชั้นซื้อเลย ก็จะเป็นการออม
วันนี้เราเหลือ 100 บาท วันนี้เราเหลือ 150 บาท หลายๆวันเราจะได้เสื้อ 1 ตัว ด้วยวิธีนี้
มันทำให้เราไม่เครียดมาก และเป็นการให้รางวัลตัวเองแบบง่ายๆไม่เกินงบด้วย
นอกจากนี้เราก็จะใช้แอพจดว่า เราใช้เงินไปเท่าไหร่ แล้วเหลือเงินไปเท่าไหร่
สมัยนี้แอพฟรีมีเยอะแยะ เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์

ลบแอพและ FB Group ท่องเที่ยว
เงินก้อนใหญ่ของฉันหายไปกับการท่องเที่ยว
ดังนั้นฉันก็เลยขอเอาตัวเองออกจากกรุ๊ปที่ถามข้อมูลเรื่องเที่ยว แอพหาตั๋วถูก โรงแรมถูก และเพจให้ข้อมูลท่องเที่ยวไปซะ
แต่...มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่เที่ยวเลย เพราะฉันก็มีแพลนไปเที่ยวประเทศใกล้ๆราคาถูกกับที่บ้าน
ซึ่งทำให้รู้สึกว่าเราก็มีชีวิตที่อยู่ได้แบบที่ใช้เงินน้อยแต่มีความสุขเท่าเดิม

5 หาเงินเพิ่ม และการออม
หาเงินเพิ่ม เป็นเคล็ดลับในการปลดหนี้ที่เร็วยิ่งขึ้น เงินเพิ่มนั้น ฉันไม่มีความคิดในเรื่องของขอเงินจากคนอื่นนะ
จะเป็นการทำงานนอก งานพิเศษเพิ่มมากกว่า เมื่อได้เงินก้อนเหล่านี้มา
บางครั้งแค่ 7-8 พันบาท ก็จะเอาไปรีบโปะหนี้ ทำให้ยอดลดดอกลดโดยเร็ว

เรื่องการออมนั้น ถ้าการออม มันให้เงินคืนน้อยกว่าดอกเบี้ยหนี้ อย่าพึ่งลงไปกับมันเยอะ อย่าลืมว่าทุกวันคือดอกเบี้ย
แต่ถ้าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า (เช่นการลดภาษีมี return 20%) ก็ทำไปเถอะ

ส่วนหนึ่งที่ฉันเลือกที่จะจ่ายดอก 12 เดือนทั้งที่จริงๆก็พอจะกระเบียดกระเสียรจ่ายใน 10 เดือนได้
มี 2 เรื่องคือ อาจต้องจ่ายค่าปรับ 1% ถ้าปิดยอดเงินกู้ก่อน 1 ปี กับจะเอาเงินก้อนหนึ่งไว้ซื้อ LTF นี่แหละ
ซึ่งพอคำนวณแล้ว ทั้งดอกเบี้ยและ return การแบ่งจ่ายเป็น 12 งวดนั้นได้เงินคืนเกือบ 20000 และดอกถูกกว่า 1500 บาท
ดังนั้น การใช้ excel ในการคำนวณยอดจ่ายนั้นสำคัญมาก

12 เดือนผ่านไปปลดหนี้ได้ซักที ออมและลงทุนเป็นขั้นต่อไป
ความภูมิใจสุดของฉันคือวันที่สามารถปลดหนี้จนเหลือ 0 ได้ สิ่งสำคัญที่ต้องทำต่อ คือการวางแผนทางการเงินต่อ
ไม่ให้ตัวเองต้องกลับไปเป็นหนี้อีก รวมทั้งการออมและลงทุนต่อ จากเดิมที่เรามีเงินสำหรับจ่ายหนี้ ก็จะเอาเงินนั้นแหละมาไว้สำหรับออมและลงทุน
ที่สำคัญ อย่าลืม หมั่นตรวจสอบเรื่องยอดเงินสำหรับใช้จ่ายต่อเดือนอยู่บ่อยๆ
เพราะเราอาจจะตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นไปได้ และประหยัดได้มากขึ้นอีกด้วย
เพื่อให้ตัวเราห่างไกลจากการกลับไปเป็นหนี้ให้มากที่สุด

สุดท้ายขอขอบคุณสำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้
และสำหรับใครที่ยังเป็นหนี้อยู่ เราก็ขอเป็นกำลังใจให้ปลดหนี้ให้ได้เร็วๆ
ส่วนใครที่ไม่เป็นหนี้ คุณใช้ชีวิตได้อย่างถูกต้องแล้วค่ะ ขอให้คุณอย่าลืมคิดถึงเรื่องเงินออม และการใช้เงินอย่างพอดี
เพราะการไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่