***
ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนเลยว่า ผมได้เผชิญปัญหานี้ด้วยตัวผมเองมาก่อนครับ

ก่อนที่ผมจะเล่าเหตุการณ์ที่ผมต้องเผชิญมานั้น เรามาทำความรู้จักกับ เซ็บเดิร์มกันก่อนละกันครับ
.
.
.
โรคเซ็บเดิร์ม หรือ ชื่อเต็ม โรค Seborrheic Dermatitis
เป็นโรคที่มีภาวะผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมันในชั้นผิวหนัง ถือเป็นโรคเรื้อรัง ที่มีสาเหตุหลายอย่างด้วยกัน เช่น ระดับของฮอร์โมนที่แปรปรวน หรือจากเชื้อยีสต์ เชื้อราบางตัว รวมถึงจากพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม เป็นโรคเรื้อรัง และส่งผลต่อชีวิตประจำวัน โดยจะส่งผลต่อจิตใจโดยตรง ทำให้ขาดความมั่นใจ
.
ผื่นเซ็บเดิร์มคือผื่นผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในสังคมไทย และยังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุหลักในการเกิดโรค โดยจะมีตัวกระตุ้นที่จะทำให้เกิดได้ เช่น อากาศในหน้าร้อน ที่ทำให้ผื่นขึ้นบริเวณใบหน้าหรือลำตัว โดยโรคดังกล่าวจะมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป หากเกิดไม่รุนแรงจะมีลักษณะของผื่นขึ้นเพียงเล็กน้อยร่วมกับมีอาการคัน แต่ถ้าหากเกิดในระดับที่รุนแรงจะมีผื่นขึ้นในปริมาณมาก มีลักษณะเป็นผื่นแดง ผิวหน้าเป็นขุย
.
บริเวณที่พบบ่อยของผื่นเซ็บเดิร์มคือบริเวณใบหน้า โดยจะขึ้นที่หัวคิ้ว ข้างจมูก หลังหู ซึ่งเป็นบริเวณที่พบได้บ่อยที่สุด ในคนที่มีอาการรุนแรงจะพบบริเวณหน้าอกหรือแผ่นหลังด้วย ขณะที่บางรายก็อาจเกิดที่บริเวณหนังศีรษะเพียงอย่างเดียว ผื่นเซ็บเดิร์มสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในหน้าร้อนและหน้าหนาว
.
อาการของเซ็บเดิร์มอาจมีลักษณะคล้ายกับโรคผิวหนังบางชนิด เช่น สิว วิธีการสังเกตคือหากเป็นสิวอุดตัน จะมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ
หัวปิดหัวเปิด ตุ่มดำ ตุ่มหนอง ตุ่มอักเสบ โรคเซ็บเดิร์มเป็นโรคผิวหนังอักเสบที่ไม่ใช่โรคติดต่อและไม่ได้เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ
นั่นหมายความว่าหากมีการสัมผัสผิวหนังคนที่เป็นโรคเซ็บเดิร์ม ก็จะไม่สามารถติดต่อกันได้
.
.
.
เอาละ มาเข้าเรื่องเลยละกัน
ก่อนหน้านี้ผมได้ใช้ครีมยี่ห้อหนึ่งซึ่งมันดีกับหน้าของผมอยู่แล้ว ไม่เคยเกิดปัญหาอะไรขึ้นเลย อยู่มาวันหนึ่งเกิดอยากจะลองครีมยี่ห้อหนึ่งขึ้นมา หลังจากคืนนั้นเพียงคืนเดียวที่ใช้มันชีวิตผมก็เปลี่ยนไปครับ พอตื่นเช้าขึ้นมาผมรู้สึกคันทั่วทั้งใบหน้าเลย ตอนแรกผมคิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากมาย วันนั้นผมจึงหยุดงานไป และได้ลองมาร์คหน้าเพื่อเพื่อหวังว่าจะทำให้หน้าชุ่มชื่นและดีขึ้น แต่มันกลับไม่มีอะไรดีขึ้นเลย วันถัดไปผมได้หาข้อมูลอ่านจากเว็บไซต์ต่างๆ และได้ลองชื้อเจลว่านหางจระเข้ขององค์การเภสัชกรรม ALOEGEl มาลองใช้

ผมได้ทดลองใช้อยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ มันก็ทำให้หน้าชุ่มชื่นขึ้นมากเลยคับ (ถือว่าดีมากแหละครับ)
แต่มันยังไม่ตอบโจทย์ในการรักษาที่ตรงจุดครับ ผมจึงได้ตัดสินใจไปหาหมอคลินิกความงาม แถวๆ อนุเสาวรีชัยสมรภูมิ โดยหมอได้ประเมินว่าอาจจะเป็นเซ็บเดิร์ม จึงได้จ่ายยาเพื่อรักษาโรคให้ ประกอบด้วยยากิน 2 ชนิด เพื่อลดอาการคัน และยาทาอีก 3 ชนิด ชนิดแรกเป็นครีมว่านหางจระเข้ อีก 2 ชนิด เป็นยาแก้คันครับ หลังจากที่ได้ใช้ยาตามที่หมอให้มาระยะหนึ่ง (ประมาณ 2 สัปดาห์) อาการคันและรอยแดงเริ่มทุเลาลงครับ แต่มันก็ยังไม่หายขาดเลยทีดียวครับ และหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ไปหาหมอเลย แต่พยายามหาวิธีรักษาด้วยตัวเอง ดังนี้ครับ

1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน ไม่ทำร้ายความสมดุลของผิวหนัง ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เช่น
- Smooth E Baby face Gel
เป็นเจลล้างหน้าสูตรไม่มีฟอง ไม่มีประจุไฟฟ้า จึงไม่ทิ้งสารตกค้างอันเป็นสาเหตุของสิวและริ้วรอย ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการแพ้
มีความอ่อนโยนต่อผิวหน้าสูง ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

2. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวลดการระคายเคือง ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและแข็งแรงขึ้น ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เช่น
- Eucerin Omega Soothing Cream
ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง แดง คัน ระคายเคืองมาก ปลอดภัยสามารถใช้ได้แม้ในผิวเด็กทารกได้

- Physiogel Daily Moisture Therapy Cream
ฟื้นบำรุงเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว ผิวชุ่มชื้นทันทีและยาวนาน* ดูสุขภาพผิวดีอย่างเห็นได้ชัด (สำหรับผิวแห้งและแพ้ง่าย)

3. ผลิตภัณฑ์ลดอาการคัน ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เช่น
- Ezerra cream
ครีมสำหรับทาแก้อาการผิวหนังอักเสบ ผื่นแดงคันภูมิแพ้ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อ่อนโยน ลดอาการคันผดผื่นบนหน้าได้ดี
- พลูจีนอล
สมุนไพรรักษาโรคผิวหนังที่มีการติดเชื้อจุลินทรีย์ หรือที่มีอาการอักเสบและคันร่วมด้วย (จะมีกลิ่นใบพูลแรงหน่อยนะ ทางแรกๆจะแสบมากๆ แล้วก็จะหายคัน) ไม่มีสารสเตียรอยด์ครับ (*หาชื้อยากมากๆ แนะนำชื้อที่ร้านองค์การเภสัชกรรมครับ)

4. งดการพอกหน้าด้วยมาร์ค โคลนทุกชนิด

5. งดการรบกวนผิวหน้าด้วยการทำเลเซอร์ หรือ การรักษาที่รบกวนผิวหน้า หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม เมนทอล แอลกอฮอร์ เป็นต้น

6. เข้านอนไว (นอนไม่เกิน 4 ทุ่ม)

7. ทานผักผลไม้ทุกวัน

8. ทานอาหารให้ครบทุกมื้อ และครบ 5 หมู่ด้วย
***
หลังจากที่ผมได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ และดูแลตัวเองตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ข้างต้นมาเป็นเวลา 1 เดือนเต็มๆ สภาพผิวผมดีขึ้นมากครับ จนบอกได้เลยว่าแทบจะหายเป็นปกติแล้วครับ (ต้องใจเย็นๆ ของแบบนี้ต้องใช้เวลาครับ)
และนี่คือความเปลี่ยนแปลงครับ
ขอให้ทุกคนที่ตกอยู่ในสภาวะนี้ สู้ๆ นะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
[CR] การรักษา “เซ็บเดิร์ม“ หรือโรคผื่นแพ้ต่อมไขมัน
ก่อนที่ผมจะเล่าเหตุการณ์ที่ผมต้องเผชิญมานั้น เรามาทำความรู้จักกับ เซ็บเดิร์มกันก่อนละกันครับ
.
.
.
โรคเซ็บเดิร์ม หรือ ชื่อเต็ม โรค Seborrheic Dermatitis
เป็นโรคที่มีภาวะผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมันในชั้นผิวหนัง ถือเป็นโรคเรื้อรัง ที่มีสาเหตุหลายอย่างด้วยกัน เช่น ระดับของฮอร์โมนที่แปรปรวน หรือจากเชื้อยีสต์ เชื้อราบางตัว รวมถึงจากพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม เป็นโรคเรื้อรัง และส่งผลต่อชีวิตประจำวัน โดยจะส่งผลต่อจิตใจโดยตรง ทำให้ขาดความมั่นใจ
.
ผื่นเซ็บเดิร์มคือผื่นผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในสังคมไทย และยังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุหลักในการเกิดโรค โดยจะมีตัวกระตุ้นที่จะทำให้เกิดได้ เช่น อากาศในหน้าร้อน ที่ทำให้ผื่นขึ้นบริเวณใบหน้าหรือลำตัว โดยโรคดังกล่าวจะมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป หากเกิดไม่รุนแรงจะมีลักษณะของผื่นขึ้นเพียงเล็กน้อยร่วมกับมีอาการคัน แต่ถ้าหากเกิดในระดับที่รุนแรงจะมีผื่นขึ้นในปริมาณมาก มีลักษณะเป็นผื่นแดง ผิวหน้าเป็นขุย
.
บริเวณที่พบบ่อยของผื่นเซ็บเดิร์มคือบริเวณใบหน้า โดยจะขึ้นที่หัวคิ้ว ข้างจมูก หลังหู ซึ่งเป็นบริเวณที่พบได้บ่อยที่สุด ในคนที่มีอาการรุนแรงจะพบบริเวณหน้าอกหรือแผ่นหลังด้วย ขณะที่บางรายก็อาจเกิดที่บริเวณหนังศีรษะเพียงอย่างเดียว ผื่นเซ็บเดิร์มสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในหน้าร้อนและหน้าหนาว
.
อาการของเซ็บเดิร์มอาจมีลักษณะคล้ายกับโรคผิวหนังบางชนิด เช่น สิว วิธีการสังเกตคือหากเป็นสิวอุดตัน จะมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ
หัวปิดหัวเปิด ตุ่มดำ ตุ่มหนอง ตุ่มอักเสบ โรคเซ็บเดิร์มเป็นโรคผิวหนังอักเสบที่ไม่ใช่โรคติดต่อและไม่ได้เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ
นั่นหมายความว่าหากมีการสัมผัสผิวหนังคนที่เป็นโรคเซ็บเดิร์ม ก็จะไม่สามารถติดต่อกันได้
.
.
.
เอาละ มาเข้าเรื่องเลยละกัน
ก่อนหน้านี้ผมได้ใช้ครีมยี่ห้อหนึ่งซึ่งมันดีกับหน้าของผมอยู่แล้ว ไม่เคยเกิดปัญหาอะไรขึ้นเลย อยู่มาวันหนึ่งเกิดอยากจะลองครีมยี่ห้อหนึ่งขึ้นมา หลังจากคืนนั้นเพียงคืนเดียวที่ใช้มันชีวิตผมก็เปลี่ยนไปครับ พอตื่นเช้าขึ้นมาผมรู้สึกคันทั่วทั้งใบหน้าเลย ตอนแรกผมคิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากมาย วันนั้นผมจึงหยุดงานไป และได้ลองมาร์คหน้าเพื่อเพื่อหวังว่าจะทำให้หน้าชุ่มชื่นและดีขึ้น แต่มันกลับไม่มีอะไรดีขึ้นเลย วันถัดไปผมได้หาข้อมูลอ่านจากเว็บไซต์ต่างๆ และได้ลองชื้อเจลว่านหางจระเข้ขององค์การเภสัชกรรม ALOEGEl มาลองใช้
ผมได้ทดลองใช้อยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ มันก็ทำให้หน้าชุ่มชื่นขึ้นมากเลยคับ (ถือว่าดีมากแหละครับ)
แต่มันยังไม่ตอบโจทย์ในการรักษาที่ตรงจุดครับ ผมจึงได้ตัดสินใจไปหาหมอคลินิกความงาม แถวๆ อนุเสาวรีชัยสมรภูมิ โดยหมอได้ประเมินว่าอาจจะเป็นเซ็บเดิร์ม จึงได้จ่ายยาเพื่อรักษาโรคให้ ประกอบด้วยยากิน 2 ชนิด เพื่อลดอาการคัน และยาทาอีก 3 ชนิด ชนิดแรกเป็นครีมว่านหางจระเข้ อีก 2 ชนิด เป็นยาแก้คันครับ หลังจากที่ได้ใช้ยาตามที่หมอให้มาระยะหนึ่ง (ประมาณ 2 สัปดาห์) อาการคันและรอยแดงเริ่มทุเลาลงครับ แต่มันก็ยังไม่หายขาดเลยทีดียวครับ และหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ไปหาหมอเลย แต่พยายามหาวิธีรักษาด้วยตัวเอง ดังนี้ครับ
- Smooth E Baby face Gel
เป็นเจลล้างหน้าสูตรไม่มีฟอง ไม่มีประจุไฟฟ้า จึงไม่ทิ้งสารตกค้างอันเป็นสาเหตุของสิวและริ้วรอย ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการแพ้
มีความอ่อนโยนต่อผิวหน้าสูง ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- Eucerin Omega Soothing Cream
ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง แดง คัน ระคายเคืองมาก ปลอดภัยสามารถใช้ได้แม้ในผิวเด็กทารกได้
- Physiogel Daily Moisture Therapy Cream
ฟื้นบำรุงเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว ผิวชุ่มชื้นทันทีและยาวนาน* ดูสุขภาพผิวดีอย่างเห็นได้ชัด (สำหรับผิวแห้งและแพ้ง่าย)
- Ezerra cream
ครีมสำหรับทาแก้อาการผิวหนังอักเสบ ผื่นแดงคันภูมิแพ้ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อ่อนโยน ลดอาการคันผดผื่นบนหน้าได้ดี
- พลูจีนอล
สมุนไพรรักษาโรคผิวหนังที่มีการติดเชื้อจุลินทรีย์ หรือที่มีอาการอักเสบและคันร่วมด้วย (จะมีกลิ่นใบพูลแรงหน่อยนะ ทางแรกๆจะแสบมากๆ แล้วก็จะหายคัน) ไม่มีสารสเตียรอยด์ครับ (*หาชื้อยากมากๆ แนะนำชื้อที่ร้านองค์การเภสัชกรรมครับ)
***หลังจากที่ผมได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ และดูแลตัวเองตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ข้างต้นมาเป็นเวลา 1 เดือนเต็มๆ สภาพผิวผมดีขึ้นมากครับ จนบอกได้เลยว่าแทบจะหายเป็นปกติแล้วครับ (ต้องใจเย็นๆ ของแบบนี้ต้องใช้เวลาครับ)