สมุนไพรและการพัฒนาเป็นยาต้านมะเร็ง

ก็อปมาจากเพจ Cancer Precision Medicine  ( link ด้านล่าง )


สมุนไพรและการพัฒนาเป็นยาต้านมะเร็ง : ตัวอย่างเรียนรู้จากต้นสนแปซิฟิก

สนแปซิฟิก (Pacific Yew: Taxus brevifolia) เป็นสนที่พบในเขตภาคตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาตั้งแต่ตอนใต้ของรัฐอลาสก้าเรื่อยมาจนถึงรัฐแคลิฟอร์เนียทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ ต้นสนชนิดนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก โดยเฉลี่ยมีความสูงเมื่อโตเต็มที่ราว 10-15 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 50 ซม. มีเปลือก (bark) บางและเนื้อไม้แข็งปานกลาง โดยทั่วไปมักใช้ไม้สนนี้ทำเรือแคนูหรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ทั่วไป

เรื่องราวของต้นไม้ชนิดนี้อาจไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ถ้าไม่เป็นเพราะนักพฤกษศาสตร์ท่านหนึ่งชื่อ Arthur Barclay ทำการเก็บตัวอย่างเปลือกของสนแปซิฟิก ร่วมกับพันธุ์ไม้ชนิดอื่น ๆ ราว 200 ชนิดเพื่อรวบรวมไปทำการศึกษาหาสารเคมีที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งในโครงการคัดกรองหายาต้านมะเร็งของ National Cancer Institute (NCI) ในปี 1962 การศึกษาซึ่งใช้เวลาราว 2 ปี คือในปี 1964 พบว่าสารสกัดจากเปลือกของสนแปซิฟิกนี้มีฤทธิ์ต่อเซลล์มะเร็ง หลังจากนั้นใน 2 ปีถัดมาคือ 1966 นักวิจัยชื่อ Monroe Wall จาก Research Triangle Park รัฐนอร์ธแคโรไลนา สามารถสกัดสารบริสุทธิ์ที่พบในเปลือกสนดังกล่าวได้เป็นผลสำเร็จ พบว่าเป็นสารโมเลกุลใหญ่ที่มีโครงสร้างซับซ้อน เขาตั้งชื่อสารที่พบนี้ว่า Taxol (ชื่อสามัญคือ paclitaxel) ตามชื่อของตระกูลสนที่พบสารนี้

การวิจัยถึงกลไกการออกฤทธิ์ของ paclitaxel ต่อมะเร็งได้ดำเนินการเรื่อยมาโดยนักวิจัยด้านมะเร็งหลายสถาบัน จนในปี 1979 (เป็นเวลา 13 ปีหลังพบสารนี้) จึงทราบว่า paclitaxel ออกฤทธิ์จับกับ tubulin ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญใน spindle fiber มีผลให้ spindle fiber คงตัวอยู่ไม่สลายไป และการแบ่งตัวแบบ mitosis ซึ่ง chromosome จำเป็นต้องใช้ spindle fiber ในการแบ่งตัวเกิดขึ้นต่อไม่ได้ มีผลให้เกิด cell apoptosis

เมื่อทราบกลไกการออกฤทธิ์ของ paclitaxel ทำให้เกิดการตื่นตัวในการศึกษายาใหม่ชนิดนี้และพัฒนาให้กลายเป็นยารักษามะเร็งในมนุษย์ การศึกษาพิษในสัตว์ทดลองพบว่าหนูทดลองสามารถทนยานี้ได้ดี ในอีก 5 ปีถัดมาคือปี 1984 จึงเริ่มมีการทดลองยานี้ในมนุษย์ (clinical trial) เป็นครั้งแรก และอีก 4 ปีถัดมาคือราวปี 1988 ผลการศึกษาจึงพบว่ายา paclitaxel มีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งรังไข่ได้ ผู้ป่วยมีผลการรักษาด้วยยานี้ดีกว่าสูตรยามาตรฐาน ด้วยข้อจำกัดที่ยา paclitaxel ในขณะนั้นต้องได้มาจากการสกัดเปลือกต้นสนแปซิฟิกเพียงอย่างเดียว คาดการณ์ว่าเพื่อจะสกัดยานี้ใช้รักษาเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว จำเป็นต้องโค่นต้นสนถึงปีละ 3 แสนต้นจึงจะเพียงพอ ทำให้ NCI ตัดสินใจร่วมมือกับบริษัทยา Bristol-Meyer-Squibb ในการผลิตยานี้ขึ้นมา ในที่สุดยา paclitaxel ได้รับอนุมัติจาก FDA ให้ใช้ได้ในการรักษามะเร็งรังไข่ในปี 1992 คิดเป็นระยะเวลาถึง 30 ปีหลังจากเก็บเปลือกสนไปสกัดยาเป็นครั้งแรก

ในปัจจุบัน ยา paclitaxel ถูกใช้เป็นหนึ่งในสูตรยามาตรฐานของการรักษามะเร็งหลายชนิดเช่น มะเร็งรังไข่, มะเร็งลำไส้, มะเร็งปอด รวมถึงการพัฒนายาเพื่อใช้รักษาโรคอื่นนอกเหนือจากมะเร็ง ตัวอย่างที่ชัดเจนได้แก่การใช้ยานี้เคลือบกับขดลวดขยายหลอดเลือดหัวใจ (drug eluting stent: DES) เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยเส้นเลือดหัวใจตีบที่ได้รับการขยายด้วยบอลลูน (balloon angioplasty) พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับการใส่ขดลวดที่เคลือบยานี้มีอัตราเส้นเลือดหัวใจตีบซ้ำน้อยกว่าขดลวดปกติ จนในปัจจุบันการใช้ DES ถือเป็นการรักษามาตรฐานของผู้ป่วยเส้นเลือดหัวใจตีบที่ต้องมีการทำบอลลูนขยายเส้นเลือด และใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

การค้นพบยา paclitaxel จากต้นสนแปซิฟิก ถือเป็นตัวอย่างที่ดีอันหนึ่งของกระบวนการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์จากธรรมชาติ เพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคร้ายต่าง ๆ อย่างมะเร็ง ซึ่งกว่าจะได้มาต้องอาศัยการสังเกต การศึกษา การทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน ทำการศึกษาในห้องทดลอง ในเซลล์ ในสัตว์ จนสิ้นสงสัยถึงประโยชน์ ประสิทธิภาพ และผลข้างเคียงของยา จึงต่อยอดมาทำการวิจัยต่อในมนุษย์ และกลายเป็นยารักษามะเร็งที่ได้ผลดีชนิดหนึ่งในปัจจุบัน นอกจากเรื่องราวของสนแปซิฟิกแล้ว การค้นพบยารักษามาเลเรียจากต้นจิงเฮาซู การค้นพบยาลดไขมันจากราแดง เป็นตัวอย่างความสำเร็จของวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มาจากพืชสมุนไพร

ธรรมชาติรอบตัวเรานั้นมีสิ่งมหัศจรรย์ซ่อนอยู่เสมอ แต่การนำมาใช้นั้น ต้องอาศัยกระบวนการศึกษาและพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่าสิ่งที่เราใช้อยู่นั้นได้ผลจริงครับ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : NCI Developmental Therapeutic Program
https://dtp.cancer.gov/timel…/…/success_stories/S2_taxol.htm

Wall ME, et al. Cancer Res. 1995 Feb 15;55(4):753-60.
http://cancerres.aacrjournals.org/content/55/4/753.long

https://www.facebook.com/CAPrecisionMed/posts/1905086752843116
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่