สวัสดีค่ะ เป็นกระทู้แรกที่เขียน ตั้งใจจะเขียนนานแล้ว แต่ด้วยอายุยังน้อยมาก เลยไม่กล้า กลัวจะใช้ความคิดที่มันเด็กๆ
มาเขียนลง จนตอนนี้ได้โอกาสเขียนมันขึ้นมา เพราะถ้ายังปล่อยก็คงคิดไม่ได้ และก็เก็บมันแบบนี้ไปตลอด
มีความรู้สึกอยากตายมาตั้งแต่อายุ 12 ตอนนั้นมีปัญหากับที่บ้าน และแม่ จนมาถึงตอนนี้
มันเริ่มจากที่แม่ทิ้งตั้งแต่เด็ก ตื่นมาก็ไม่เจอแม่แล้ว เรารักแม่มากเลย รอแม่ตลอด และก็ดื้อกับตา ยาย ลุง ญาติทุกคนที่เลี้ยงเราตอนนั้น
ยอมรับว่าเป็นเด็กที่ดื้อขั้นวิกฤต โดนตีทุกวัน และถ้ายายหยิบยางรัดแกงมาเมื่อไร เราจะกลัวทันที และจะหยุด จนตอนนี้เราก็ยังกลัว
แล้วเราก็หยุดดื้อตอนที่โดนลุงตบเรา เราก็เริ่มนิ่ง เงียบ ไม่ค่อยพูด เป็นอะไรก็ไม่บอก ยอมฟัง จากที่เคยแกล้งน้อง ก็แกล้งน้อยลง
ให้น้องมาก่อน เพราะที่บ้านจะบอกว่า พี่ต้องยอมน้อง เราก็ยอมตั้งแต่ตอนนั้น มันก็ส่งผลถึงตอนนี้ เราก็ยังคงยอมนาง และนางก็มักจะดูถูกเรา
และผลสุดท้าย เราก็ร้องไห้ และเราก็เจอแบบนี้มาตลอดในช่วงเด็ก จนแม่โทรมาบอกยายว่า จะกลับมาหาที่บ้านนะ
เรารอแม่ จนได้เจอ กลับมาดื้ออีกครั้ง ไม่ฟัง ไม่สนใจใคร จนทะเลาะกับแม่ และที่บ้าน แต่ตอนนั้นเด็ก เราก็แค่น้อยใจ ว่าทำไมเราต้องเจออะไรแบบนี้
จนแม่เรียกเรามาคุย ตอนนั้นเราคุยกับแม่เยอะมาก จนเราพูดว่า หนูตายตอนนี้ก็ได้นะ เราไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นเราพูดทำไม
แต่แม่เราก็บอกเราว่าอย่าทำ รอแม่ก่อน แม่จะมารับไปด้วย เราก็โอเค ใจเย็นลง รอวันนั้น มันคือวันที่เราจะโอเคกว่าการที่จะมาอยู่ตรงนี้
เราก็เริ่มพยายามหาทางไปอยู่กับแม่ เงียบใส่ที่บ้าน ไม่ค่อยพูด เล่นแต่คอม อยู่แต่หน้าคอม พอช่วงเข้าม.1 ที่บ้านก็อยากให้เขาโรงเรียนประจำจังหวัด
พาไปสอบ ทำอย่างเพื่อให้ได้ และหวังให้เราเรียนสายที่เค้าต้องการ เราเลือกที่เราอยากเรียน และนั้นก็เกิดปัญหาอีก เราก็ไม่เข้าใจ ทำไมถึงเรียนไม่ได้
มันก็ดีเหมือนกัน มันก็ไม่ได้แย่ตรงไหน และเราก็เริ่มทำร้ายตัวเอง โดยการเอามือตบหน้า ทุบหัวอยู่แบบนั้น ในห้อง ร้องไห้จนหลับ และก็โดนน้องดูถูกเหมือนเดิม ซึ้งเราก็พยายามทำทุกอย่างให้ดี เรียนให้ได้เกรดดีๆ ให้เขาภูมิใจที่เราเลือกมา มันก็ไม่ได้แย่ แต่มันก็คงดีไม่พอสำหรับเขา...
ตอนนั้นโดนทั้งที่บ้านเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น โดนน้องดูถูก ช่วงนั้นคือแบบเป็นอะไรที่รู้สึกแย่มาก ในหัวคือคิดว่า ควรตายวิธีไหนดี
แต่ก็กลัว แม่ก็พยายามช่วยเรา ให้กำลังใจต่างๆ เราก็พยายามใจเย็น ไม่คิดอะไร แต่เราก็ทำร้ายตัวเองเช่นเคย จนเราขึ้นม.ปลาย
เหมือนเดิมเราทั้งกับที่บ้านเรื่องเรียน เราเลือกสายที่เราอยากเรียน โดยที่เราไม่บอกที่บ้าน แต่เราก็พยายามทำให้เขาภูมิใจ และมันก็เหมือนเดิม
โดนทั้งบ่นทั้งดูถูก มันก็เริ่มท้อ ไม่อยากทำอะไร ทำดีก็ไม่ได้คำชม มีแต่น้องที่ได้คำชม มันก็เริ่มน้อยใจ มากขึ้นเรื่อยๆ จนเก็บตัว ไม่อยากกลับบ้าน
ไม่คอยอยากเจอหน้าคนที่บ้าน ไม่อยากเจอใครเลยช่วงนั้น มันรู้สึกดาวน์ลงมากกว่าเดิม เราก็เริ่มทำทุกอย่างแย่ลง เราทำตามทุกอย่างที่เขาพูด เราไม่เอาอะไรเลย เราไม่เรียน เริ่มเรียนแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เริ่มทำทุกอย่างที่เขาคอยพูดและดูถูก ตอบสนองทุกคำที่บ่นเลยก็ว่าได้ ผลรับออกมาเท่ากับที่ทำดี
จนได้คำตอบว่า จะทำอะไรก็เหมือนเดิม งั้นก็อย่าทำเลย เราก็ไม่ค่อยสนใจเรียน ติดมือถือ จากที่เรียนดี มันก็แย่ลง จนจะเข้ามหาลัย เราก็เลือกและลงไปหลายที่ ทั้งโควตาและทุน พยายามไปสอบและยื่นคะแนน พยายามติดที่ไกลๆเพื่อหนีที่บ้าน และแน่นอนที่บ้านไม่ เขาอยากจะให้สอบมหาลัยดังๆในกรุงเทพ อยากให้เรียนข้าราชการ อยากให้เป็นตำรวจ ทหาร โดยที่ใช้คำพูดที่ว่า อยากมีหลานเป็นข้าราชการจะได้เอาไปอวดคนอื่น เราไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้ เราเลยเลือกไม่ทำ เราติดหลายที่ ทั้งที่ดังและไม่ดัง มีทั้งที่ได้โควตาและทุน เราบอกทุกอย่างว่าติดอะไรบ้าง ได้ทุนอะไรบ้าง มหาลัยอะไรบ้าง
ผลตอบรับกลับมาคือ หรอ... แค่นั้น เราถามว่าจะให้เรียนมที่ไหน เรียนนี้ได้มั้ย เรียนนั้นได้มั้ย โควตาที่ได้ ทุนที่มีมันก็เริ่มผลเขตไปทีล่ะอย่าง จนไม่เหลืออะไรเลย โอกาสเราหายไปหมดเลยเพราะที่บ้านไม่ให้เรียน ไม่ยอม เราเลยทำไรไม่ได้นอกจาก โอเค เรียนนั้น เรียนนี้ก็ได้ ก็มาจบ ที่มหาลัยแห่งหนึ่ง ซึ้งเราก็ไม่ได้อยากเรียนเท่าไร แต่ทำไงได้ เราก็ต้องเรียนไป ที่บ้านก็เหมือนโอเค เราก็โอเค ไปเรียน ทำงานหาตังใช้เองบ้าง ไปเที่ยวบ้างตามภาษาของเรา
แต่เราก็ยังคงอยากตายอยู่เหมือนเดิม เพราะมันเบื่อ ที่จะโดนดูถูกจากที่บ้าน เวลาที่อยู่บ้านก็เหมือนว่าเราเป็นคนนอก น้องก็ชอบแขวะ เราเป็นอะไรบอกใครก็ไม่ได้ ถ้าป่วย ก็ต้องป่วยหนักจนมันลุกไม่ไหว ทุกคนถึงจะพาเราไปหาหมอ ถ้าเป็นนิดหน่อย ไปบอกเขา เขาก็จะบอกบ่นว่าเบื่อค่าหมอ เบื่อค่ายา จนเรากลัวว่าที่เราเป็นไร อาจจะทำให้เค้าลำบาก จนเราเป็นไซนัส เราเป็นภูมิแพ้ ข้อกระดูกเราเสื่อม เราเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เลือดเราจาง เราไม่ได้บอกที่บ้านเลยตอนที่เราไป เราไปเอง จนบ้างอาการมันปิดไม่ได้ เขาก็รู้ แต่เขาก็ไม่ได้ทำยังไง นอกจากพูดว่าท รำคาญใส่ เราก็หลบไปที่อื่น มันเป็นอะไรที่พูดไม่ออกมากๆ เก็บทุกคำที่ทุกคนพูด เก็บหมดทุกอย่าง แล้วตอนนี้ก็มาทะเลาะกับที่บ้านเรื่องมหาลัย ว่ามันไม่ดี จบไปทำงานอะไร ให้ซิ่ว เราก็ทำ หามหาลัย พยายามสอบทุน และมันก็ได้ แต่ทุนนั้นหมด และยายก็มาเสียดาย มาบ่นเราว่าทำไมตอนนั้นไม่เอา เราก็ไม่รู้จะพูดยังไง เราก็อธิบายทุกอย่าง พูดให้ฟังอยู่ตลอด พอมาตอนนี้คนผิดคือเราที่ไม่บอก จนเราไม่ไหว โดนทั้งแม่ ทั้งยาย ที่บ้านแทบจะทั้งหมดบ่น เราเลยคิดได้แค่ว่า กินยานี้หมดก็นอนหลับไปเงียบ ก็จบ ไม่ต้องมีใครมาปวดหัวหรือมีปัญหาเรื่องเรา แต่ดูเหมือนยามันไม่มากพอ สรุปนอนไป 2 วัน แล้วก็ตื่น โดนที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราก็ไม่รู้จะทำไง ก็ทำเหมือนเดิม พยายามอ่านหนังสือเตรียมสอบ ทำยังไงก็ได้ให้เวลาผ่านไปไวที่สุด จะได้มีชีวิตที่เป็นของตัวเอง ถึงตอนนั้นค่อยหันหลังกลับมามอง แต่มันก็ต้องมีอะไรมาเบรก แม่ไม่ส่งเรียน จุดๆนั้นไม่รู้ควรทำไงต่อ แล้วน้องก็กำลังจะเข้ามหาลัย มันก็ต้องใช้เงินเยอะ ซึ่งเราเข้าใจ แต่เงินเดือนแม่คือเยอะมาก มากพอที่จะส่ง 2 คนเรียนได้อย่างสบายๆ แต่เขาบอกกับยายว่า เขาต้องสบายก่อน เราก็เริ่มคิดแล้วว่า แม่รักเเรามั้ย แม่รักเราอยู่รึป่าว แม่ให้ความหวังมาเกือบ 10 ปี บอกว่าจะเอาไปอยู่ด้วย แต่ก็พูดแบบนั้นตลอด เราก็ไม่รู้ควรทำยังไง ทุกคนในบ้านบอกว่าเราไม่เอาอะไรเลย ทั้งที่ทุกอย่างที่เราพยายามทำให้ทุกคนเห็น มันเหมือนแค่เขียนทุกอย่างด้วยดินสอและก็โดนมันลบด้วยยางลบ ไม่มีใครเห็นหรือรับรู้สิ่งที่เราทำ เราเครียดมาก อยากตายทุกวัน แต่กลัวตายไปจะเป็นภาระต้องมาทำศพ อยู่ไปก็เป็นคนไม่เอาอะไร จากที่เคยเก่ง ทำนั้นได้ทำนี้ได้ ก็เหมือนทำอะไรไม่เป็นไร พอทำให้ดู เขาก็พูดว่า ทำได้ด้วยหรอ คือเราก็ทำได้มาตั้งนานแล้ว ยิ่งนับวัน เราก็เหมือนคนที่ไม่มีตัวตนขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างก็ต้องน้องก่อน น้องดี น้องเก่ง เราไม่เคยขออะไรเลยจากแม่ น้องมักจะขอแม่ตลอด แต่พอเราขอ เรามักไม่ได้อะไรเลย เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เราไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับใครได้เลย มันพูดไม่ออกทุกครั้ง เรามักจะคิดเสมอว่าเรายังเด็ก เรายังไม่เข้าใจอะไรหรอก แม่ก็ให้ความหวัง เราก็หวังมาตลอดแต่ก็เป็นความหวังแบบลมๆ ที่บ้านก็ค่อยพูดดูถูก ไม่เชื่อในตัวเรา จนเราไม่รู้ว่าควรอยู่ในจุดไหนของครอบครัวนี้ เราไม่ได้เกลัยดใครเลยสักคน เราเกลียดตัวเองมากกว่าที่เป็นแบบนี้ เพื่อนเรายังนับถือเราเลยที่โดนขนาดนี้แต่ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราต้องจัดการกับความรู้สึกของเรายังไงดี
ควรทำยังไงดี รู้สึกอยากตายตลอดเวลา
มาเขียนลง จนตอนนี้ได้โอกาสเขียนมันขึ้นมา เพราะถ้ายังปล่อยก็คงคิดไม่ได้ และก็เก็บมันแบบนี้ไปตลอด
มีความรู้สึกอยากตายมาตั้งแต่อายุ 12 ตอนนั้นมีปัญหากับที่บ้าน และแม่ จนมาถึงตอนนี้
มันเริ่มจากที่แม่ทิ้งตั้งแต่เด็ก ตื่นมาก็ไม่เจอแม่แล้ว เรารักแม่มากเลย รอแม่ตลอด และก็ดื้อกับตา ยาย ลุง ญาติทุกคนที่เลี้ยงเราตอนนั้น
ยอมรับว่าเป็นเด็กที่ดื้อขั้นวิกฤต โดนตีทุกวัน และถ้ายายหยิบยางรัดแกงมาเมื่อไร เราจะกลัวทันที และจะหยุด จนตอนนี้เราก็ยังกลัว
แล้วเราก็หยุดดื้อตอนที่โดนลุงตบเรา เราก็เริ่มนิ่ง เงียบ ไม่ค่อยพูด เป็นอะไรก็ไม่บอก ยอมฟัง จากที่เคยแกล้งน้อง ก็แกล้งน้อยลง
ให้น้องมาก่อน เพราะที่บ้านจะบอกว่า พี่ต้องยอมน้อง เราก็ยอมตั้งแต่ตอนนั้น มันก็ส่งผลถึงตอนนี้ เราก็ยังคงยอมนาง และนางก็มักจะดูถูกเรา
และผลสุดท้าย เราก็ร้องไห้ และเราก็เจอแบบนี้มาตลอดในช่วงเด็ก จนแม่โทรมาบอกยายว่า จะกลับมาหาที่บ้านนะ
เรารอแม่ จนได้เจอ กลับมาดื้ออีกครั้ง ไม่ฟัง ไม่สนใจใคร จนทะเลาะกับแม่ และที่บ้าน แต่ตอนนั้นเด็ก เราก็แค่น้อยใจ ว่าทำไมเราต้องเจออะไรแบบนี้
จนแม่เรียกเรามาคุย ตอนนั้นเราคุยกับแม่เยอะมาก จนเราพูดว่า หนูตายตอนนี้ก็ได้นะ เราไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นเราพูดทำไม
แต่แม่เราก็บอกเราว่าอย่าทำ รอแม่ก่อน แม่จะมารับไปด้วย เราก็โอเค ใจเย็นลง รอวันนั้น มันคือวันที่เราจะโอเคกว่าการที่จะมาอยู่ตรงนี้
เราก็เริ่มพยายามหาทางไปอยู่กับแม่ เงียบใส่ที่บ้าน ไม่ค่อยพูด เล่นแต่คอม อยู่แต่หน้าคอม พอช่วงเข้าม.1 ที่บ้านก็อยากให้เขาโรงเรียนประจำจังหวัด
พาไปสอบ ทำอย่างเพื่อให้ได้ และหวังให้เราเรียนสายที่เค้าต้องการ เราเลือกที่เราอยากเรียน และนั้นก็เกิดปัญหาอีก เราก็ไม่เข้าใจ ทำไมถึงเรียนไม่ได้
มันก็ดีเหมือนกัน มันก็ไม่ได้แย่ตรงไหน และเราก็เริ่มทำร้ายตัวเอง โดยการเอามือตบหน้า ทุบหัวอยู่แบบนั้น ในห้อง ร้องไห้จนหลับ และก็โดนน้องดูถูกเหมือนเดิม ซึ้งเราก็พยายามทำทุกอย่างให้ดี เรียนให้ได้เกรดดีๆ ให้เขาภูมิใจที่เราเลือกมา มันก็ไม่ได้แย่ แต่มันก็คงดีไม่พอสำหรับเขา...
ตอนนั้นโดนทั้งที่บ้านเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น โดนน้องดูถูก ช่วงนั้นคือแบบเป็นอะไรที่รู้สึกแย่มาก ในหัวคือคิดว่า ควรตายวิธีไหนดี
แต่ก็กลัว แม่ก็พยายามช่วยเรา ให้กำลังใจต่างๆ เราก็พยายามใจเย็น ไม่คิดอะไร แต่เราก็ทำร้ายตัวเองเช่นเคย จนเราขึ้นม.ปลาย
เหมือนเดิมเราทั้งกับที่บ้านเรื่องเรียน เราเลือกสายที่เราอยากเรียน โดยที่เราไม่บอกที่บ้าน แต่เราก็พยายามทำให้เขาภูมิใจ และมันก็เหมือนเดิม
โดนทั้งบ่นทั้งดูถูก มันก็เริ่มท้อ ไม่อยากทำอะไร ทำดีก็ไม่ได้คำชม มีแต่น้องที่ได้คำชม มันก็เริ่มน้อยใจ มากขึ้นเรื่อยๆ จนเก็บตัว ไม่อยากกลับบ้าน
ไม่คอยอยากเจอหน้าคนที่บ้าน ไม่อยากเจอใครเลยช่วงนั้น มันรู้สึกดาวน์ลงมากกว่าเดิม เราก็เริ่มทำทุกอย่างแย่ลง เราทำตามทุกอย่างที่เขาพูด เราไม่เอาอะไรเลย เราไม่เรียน เริ่มเรียนแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เริ่มทำทุกอย่างที่เขาคอยพูดและดูถูก ตอบสนองทุกคำที่บ่นเลยก็ว่าได้ ผลรับออกมาเท่ากับที่ทำดี
จนได้คำตอบว่า จะทำอะไรก็เหมือนเดิม งั้นก็อย่าทำเลย เราก็ไม่ค่อยสนใจเรียน ติดมือถือ จากที่เรียนดี มันก็แย่ลง จนจะเข้ามหาลัย เราก็เลือกและลงไปหลายที่ ทั้งโควตาและทุน พยายามไปสอบและยื่นคะแนน พยายามติดที่ไกลๆเพื่อหนีที่บ้าน และแน่นอนที่บ้านไม่ เขาอยากจะให้สอบมหาลัยดังๆในกรุงเทพ อยากให้เรียนข้าราชการ อยากให้เป็นตำรวจ ทหาร โดยที่ใช้คำพูดที่ว่า อยากมีหลานเป็นข้าราชการจะได้เอาไปอวดคนอื่น เราไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้ เราเลยเลือกไม่ทำ เราติดหลายที่ ทั้งที่ดังและไม่ดัง มีทั้งที่ได้โควตาและทุน เราบอกทุกอย่างว่าติดอะไรบ้าง ได้ทุนอะไรบ้าง มหาลัยอะไรบ้าง
ผลตอบรับกลับมาคือ หรอ... แค่นั้น เราถามว่าจะให้เรียนมที่ไหน เรียนนี้ได้มั้ย เรียนนั้นได้มั้ย โควตาที่ได้ ทุนที่มีมันก็เริ่มผลเขตไปทีล่ะอย่าง จนไม่เหลืออะไรเลย โอกาสเราหายไปหมดเลยเพราะที่บ้านไม่ให้เรียน ไม่ยอม เราเลยทำไรไม่ได้นอกจาก โอเค เรียนนั้น เรียนนี้ก็ได้ ก็มาจบ ที่มหาลัยแห่งหนึ่ง ซึ้งเราก็ไม่ได้อยากเรียนเท่าไร แต่ทำไงได้ เราก็ต้องเรียนไป ที่บ้านก็เหมือนโอเค เราก็โอเค ไปเรียน ทำงานหาตังใช้เองบ้าง ไปเที่ยวบ้างตามภาษาของเรา
แต่เราก็ยังคงอยากตายอยู่เหมือนเดิม เพราะมันเบื่อ ที่จะโดนดูถูกจากที่บ้าน เวลาที่อยู่บ้านก็เหมือนว่าเราเป็นคนนอก น้องก็ชอบแขวะ เราเป็นอะไรบอกใครก็ไม่ได้ ถ้าป่วย ก็ต้องป่วยหนักจนมันลุกไม่ไหว ทุกคนถึงจะพาเราไปหาหมอ ถ้าเป็นนิดหน่อย ไปบอกเขา เขาก็จะบอกบ่นว่าเบื่อค่าหมอ เบื่อค่ายา จนเรากลัวว่าที่เราเป็นไร อาจจะทำให้เค้าลำบาก จนเราเป็นไซนัส เราเป็นภูมิแพ้ ข้อกระดูกเราเสื่อม เราเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เลือดเราจาง เราไม่ได้บอกที่บ้านเลยตอนที่เราไป เราไปเอง จนบ้างอาการมันปิดไม่ได้ เขาก็รู้ แต่เขาก็ไม่ได้ทำยังไง นอกจากพูดว่าท รำคาญใส่ เราก็หลบไปที่อื่น มันเป็นอะไรที่พูดไม่ออกมากๆ เก็บทุกคำที่ทุกคนพูด เก็บหมดทุกอย่าง แล้วตอนนี้ก็มาทะเลาะกับที่บ้านเรื่องมหาลัย ว่ามันไม่ดี จบไปทำงานอะไร ให้ซิ่ว เราก็ทำ หามหาลัย พยายามสอบทุน และมันก็ได้ แต่ทุนนั้นหมด และยายก็มาเสียดาย มาบ่นเราว่าทำไมตอนนั้นไม่เอา เราก็ไม่รู้จะพูดยังไง เราก็อธิบายทุกอย่าง พูดให้ฟังอยู่ตลอด พอมาตอนนี้คนผิดคือเราที่ไม่บอก จนเราไม่ไหว โดนทั้งแม่ ทั้งยาย ที่บ้านแทบจะทั้งหมดบ่น เราเลยคิดได้แค่ว่า กินยานี้หมดก็นอนหลับไปเงียบ ก็จบ ไม่ต้องมีใครมาปวดหัวหรือมีปัญหาเรื่องเรา แต่ดูเหมือนยามันไม่มากพอ สรุปนอนไป 2 วัน แล้วก็ตื่น โดนที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราก็ไม่รู้จะทำไง ก็ทำเหมือนเดิม พยายามอ่านหนังสือเตรียมสอบ ทำยังไงก็ได้ให้เวลาผ่านไปไวที่สุด จะได้มีชีวิตที่เป็นของตัวเอง ถึงตอนนั้นค่อยหันหลังกลับมามอง แต่มันก็ต้องมีอะไรมาเบรก แม่ไม่ส่งเรียน จุดๆนั้นไม่รู้ควรทำไงต่อ แล้วน้องก็กำลังจะเข้ามหาลัย มันก็ต้องใช้เงินเยอะ ซึ่งเราเข้าใจ แต่เงินเดือนแม่คือเยอะมาก มากพอที่จะส่ง 2 คนเรียนได้อย่างสบายๆ แต่เขาบอกกับยายว่า เขาต้องสบายก่อน เราก็เริ่มคิดแล้วว่า แม่รักเเรามั้ย แม่รักเราอยู่รึป่าว แม่ให้ความหวังมาเกือบ 10 ปี บอกว่าจะเอาไปอยู่ด้วย แต่ก็พูดแบบนั้นตลอด เราก็ไม่รู้ควรทำยังไง ทุกคนในบ้านบอกว่าเราไม่เอาอะไรเลย ทั้งที่ทุกอย่างที่เราพยายามทำให้ทุกคนเห็น มันเหมือนแค่เขียนทุกอย่างด้วยดินสอและก็โดนมันลบด้วยยางลบ ไม่มีใครเห็นหรือรับรู้สิ่งที่เราทำ เราเครียดมาก อยากตายทุกวัน แต่กลัวตายไปจะเป็นภาระต้องมาทำศพ อยู่ไปก็เป็นคนไม่เอาอะไร จากที่เคยเก่ง ทำนั้นได้ทำนี้ได้ ก็เหมือนทำอะไรไม่เป็นไร พอทำให้ดู เขาก็พูดว่า ทำได้ด้วยหรอ คือเราก็ทำได้มาตั้งนานแล้ว ยิ่งนับวัน เราก็เหมือนคนที่ไม่มีตัวตนขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างก็ต้องน้องก่อน น้องดี น้องเก่ง เราไม่เคยขออะไรเลยจากแม่ น้องมักจะขอแม่ตลอด แต่พอเราขอ เรามักไม่ได้อะไรเลย เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เราไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับใครได้เลย มันพูดไม่ออกทุกครั้ง เรามักจะคิดเสมอว่าเรายังเด็ก เรายังไม่เข้าใจอะไรหรอก แม่ก็ให้ความหวัง เราก็หวังมาตลอดแต่ก็เป็นความหวังแบบลมๆ ที่บ้านก็ค่อยพูดดูถูก ไม่เชื่อในตัวเรา จนเราไม่รู้ว่าควรอยู่ในจุดไหนของครอบครัวนี้ เราไม่ได้เกลัยดใครเลยสักคน เราเกลียดตัวเองมากกว่าที่เป็นแบบนี้ เพื่อนเรายังนับถือเราเลยที่โดนขนาดนี้แต่ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราต้องจัดการกับความรู้สึกของเรายังไงดี