ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนหรือเปล่า ที่หลอมคนจีนให้เป็นคนไทยได้

จะเห็นได้จากประเทศต่างๆที่เหลือ มีการแบ่งแยกกันตามเชื้อชาติชัดเจนมาก
เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย(ที่เคยมีกรณีไล่ฆ่าคนจีนมาแล้ว)
แต่ไม่ใช่กับประเทศไทย ที่คนจีนรุ่น 2-3 คิดว่าตนเองเป็นคนไทยไปแล้ว ไม่ได้รู้สึกผูกผันกับจีน
เลยอยากถามว่าไทยเป็นประเทศเดียวหรือเปล่าที่สามารถทำได้
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
อันนี้ขอพูดในมุมของเราเองนะคะ คือเราเป็นคนเชื้อสายจีนรุ่น 3 ค่ะ อากง อาม่า ทั้งฝั่งพ่อและแม่ก็จีนหมด พ่อแม่เกิดที่ไทย เราก็เกิดที่ไทย

เราเรียนโรงเรียนไทย พูดจีนแต้จิ๋วไม่ได้ ได้แค่นับเลข คำง่ายๆ กินข้าวกินน้ำแค่นี้เลยค่ะ สมัยอากงยังอยู่ เวลาคุยกัน บางทีก็ฟังท่านไม่รู้เรื่อง เพราะท่านพูดภาษาไทยสำเนียงจีน ย้อนกลับไปก็ตลกตัวเองค่ะ

สำหรับเรา ก็ใช้ชีวิตปกติ ที่บ้านไม่เคยสอนหรือปลูกฝังว่าคนไทยไม่ดีอะไรทั้งสิ้น มีเพื่อนทั้งไทยและเชื้อสายจีน ไม่เคยถูกเหยียดว่าไม่คบเพราะเชื้อสายจีน และเราก็ไม่เคยทำกับใคร เพื่อนที่เราสนิทที่สุดตั้งแต่มัธยม จนเรียนจบ ก็ไทยแท้ เป็นคนสุพรรณ คุยแลกเปลี่ยนเรื่องที่บ้านบ้าง และเห็นเป็นเรื่องสนุก

พอโตมา ได้เจอเพื่อนต่างชาติเป็นคนอินโด เขาถามเราว่าทำไมหน้าไม่เหมือนคนไทย ก็เล่าให้ฟังว่ามีเชื้อสายจีน เขาก็เลยเล่าให้ฟังค่ะ ว่าบ้านเขานี่ แบ่งชนชั้นเลยทีเดียว แยกโรงเรียนสำหรับคนจีนและอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนใหญ่เป็นพวกคนมีฐานะดีอีกต่างหาก (เพราะเราดูฐานะธรรมดามาก 555)

ตรงนี้เลยขอตอบจขกท. ค่ะ ว่าน่าจะมีประเทศไทยที่เดียวนี่แหละค่ะ ที่ทำได้ขนาดนี้ ยิ้ม
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
กว่าจะหล่อหลอมให้เป็นอย่างนี้ได้ ก็มีรอยร้าวบาดหมางกันมาไม่น้อย แต่ถ้าจะตอบคำถามของเจ้าของกระทู้อย่างจริงๆจัง ก็ต้องตอบว่า

ไทยเป็นประเทศเดียวที่ทำได้ถึงขนาดนี้

ไม่เพียงคนเชื้อสายจีน แต่ไม่ว่าจะเชื้อสายใดๆ เมื่อมาอยู่ในไทยนานเข้า ถึงจะพยายามรักษาวัฒนธรรมรากเหง้าเดิมของตนไว้อย่างไร ที่สุดแล้วก็จะต้องพ่ายต่อไทย เพราะ ไทยคือประเทศประชาธิปไตยชนิดอยู่ในโครโมโซมโดยแท้ เป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ จนมีภาษิตประจำชาติว่า ทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้

ผู้ตอบมีเชื้อสายจีน ไล่ไปถึงลำดับย่าและตา พบว่าเป็นจีนแต่เกิดในไทย ก็ประมาณอาหมวยอาตี๋ในรุ่นนี้ แต่นับไปทางปู่และยายก็ไทยเดิมทีเดียว แต่เมื่อเกิดมาก็กลายเป็นไทยแบบแท้ๆไปแล้ว ถึงกระนั้นสัญชาติญาณที่จะรักษารากเหง้าเดิมและวัฒนธรรมเดิมยังมีอยู่ในสายเลือดโดยไม่รู้ตัว เพราะตั้งแต่หัดมองสาวๆ ก็ชอบหมวย

อืมม์ มันคงใช่สัญชาติญานล่ะเนอะ

ไทยเรานั้นไม่ค่อยจะตั้งข้อรังเกียจอะไรกับต่างชาติมากนัก หากต่างคนต่างอยู่ และไม่รังเกียจวัฒนธรรมประเพณีของชาติใด ใครเขาฉลองอะไรไทยก็ฉลองด้วยได้ ไม่มีข้อห้ามทางศาสนาอะไรเกี่ยวกับการคบหาคนต่างชาติต่างศาสนา กินได้ทุกอย่างตามแต่คนนั้นจะชอบกิน เรียกได้ว่า ใจกว้าง ไม่มากเรื่อง เมื่อคบหากับใครไปก็พลอยทำให้คนนั้นเสียนิสัยไปด้วย

ใครที่มาอยู่เมืองไทยแล้วทำตัวแปลกแยกได้ตลอด ปัญหานั้นมันอยู่ที่ตัวคนนั้น และเกือบจะรับรองได้ว่าคนที่มีปัญหาแบบนั้น คบไม่ค่อยได้ น่ารำคาญยิ่งนัก
ความคิดเห็นที่ 18
ชาวจีนเองมีลักษณะคล้ายคนยิวมากคือค้าขายหากำไรเป็นหลักได้เงินมาก็ขนกลับจีนรึส่งไปบำรุงประเทศจีน      ทำเอาประเทศที่คนจีนอพยพไปอยู่กระอักไปตามๆกันเพราะแต่ละปีเงินในประเทศตนต้องไหลไปสู่จีนมหาศาลหนักกว่าขาดดุลการค้าเสียอีก       และที่คล้ายยิวอีกอย่างคือความยึดมั่นในชนชาติ  ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ยอมกลืนไปกับคนพื้นเมืองคงยึดว่าตนเป็นคนจีนและมั่นคงในวัฒนธรรมของจีนมากๆ      เรียกได้ว่าประเทศที่คนจีนอพยพไปต่างกุมขมับเพราะความไม่พอใจของคนพื้นเมืองต่อคนจีนและความเสียหายของชาติที่เกิดจากคนจีน

ทว่าในบรรดาประเทศต่างๆมีไทยนี่แหละที่ฉีกตำรามานักต่อนัก    ทฤษฎีไหนๆที่ใช้กันเป็นกันทั่วโลกมาเจอไทยเข้าถึงกับหงายหลังพลิกผัน     ไทยเองแรกๆคนจีนก็เป็นปัญหาเหมือนกับประเทศอื่นๆขนาดที่จอมพลแปลกต้องออกรัฐนิยมเพื่อต่อต้านคนต่างชาติ (จีน)      แต่ในที่สุดไทยก็สามารถกลืนคนจีนมาเป็นคนไทยได้สำเร็จเรียบร้อยไม่มีความรุนแรง    เป็นกรณีศึกษาที่ทั่วโลกทึ่งมาก      

ซึ่งเรื่องการกลืนคนจีนสิ่งหนึ่งที่ช่วยอย่างมากก็คือลัทธิคอมมิวนิสต์      ก่อนจีนจะเป็นคอมมิวนิสต์คนจีนในไทยไม่เคยลืมว่าตัวเองเป็นคนจีน    มีโอกาสต้องส่งเงินกลับจีนรวยแล้วอพยพกลับจีนทำเอาไทยเดือดร้อนมาก      แต่พอจีนเป็นคอมมิวนิสต์ไทยก็ตัดสัมพันธ์กับจีน    คนจีนในไทยก็แพแตก  กลับจีนก็ไม่ได้    ติดต่อญาติพี่น้องก็ยาก  เงินก็ส่งไปยาก       ไปๆมาๆทำอะไรไม่ได้แล้วเลยตัดใจลงหลักปักฐานอยู่ในไทย   เลิกคิดจะกลับจีนไปเลยค่อยๆกลืนกับคนไทยไปเรื่อยๆ       จนคนเชื้อสายจีนในไทยทุกวันนี้ไม่สนใจกับความเป็นคนจีนแล้วแต่เลือกที่จะบอกว่าตนเองเป็นคนไทย

อีกส่วนที่ไทยต่างออกไปคือไทยไม่ได้แยกระดับชนชั้นของคนไทยกับคนจีนออกจากกันดูแลในฐานะที่เท่าเทียมกันหมด    ในขณะที่มาเลเซีย อินโดนีเซียกีดกันชาวจีนอย่างมากจนคนจีนในมาเลเซียและอินโดนีเซียไม่รู้สึกถึงความรักชาติ    ไม่รู้สึกว่าตนเป็นพวกเดียวกัน    มีโอกาสแล้วพยายามย้ายไปอยู่ประเทศอื่น

กับอีกประการหนึ่งคือสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทำให้คนไทยทั้งหมดมีความรู้สึกร่วมว่ามีพระมหากษัตริย์องค์เดียวกัน       จึงทำให้ทั้งคนไทยคนจีนต่างมีความรู้สึกร่วม  ความรู้สึกที่ว่าแปลกแยกค่อยๆจางหายไป
ความคิดเห็นที่ 22
เป็นคนไทยเชื้อสายจีนรุ่นที่ 4
ทวดมาจากเมืองจีน ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ลงมาเกิดเมืองไทย

สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่ายังเป็นเชื่อสายจีนอยู่บ้าง คือ คำเรียกญาติพี่น้องแบบแต๊จิ๋ว (แต่ที่บ้าน พ่อแม่สอนให้เรียกพ่อแม่) ไหว้เจ้าตรุษจีน เชงเม้ง ใส่ซองอั่งเปา พ่อแม่ไม่กินเนื้อวัว งานศพตายายจัดแบบจีน อีกอย่างคือ เวลาไปต่างประเทศแถบเอเชีย มักมีคนมาพูดจีนใส่ (ตูตอบไม่ได้ T T)

ถามว่ารู้สึกว่าตัวเองเป็น "คนจีน" ไหม ตอบเลยว่าไม่ รู้สึกแค่ว่า เรา"มีเชื้อสายจีน" แต่ไม่ใช่ "คนจีน" คนต่างชาติที่เข้ามาคุยกับเราภาษาจีน เราก็ตอบแบบภูมิใจว่า "ไท้กั๋ว" คนที่คุยกันก็ถาม ทำไมยูขาวจัง ไม่เหมือนคนไทย ก็ตอบไป "My ancestors came from China." จบมะ

เคยคุยกับแม่ แม่บอกว่าตัวแม่เอง ขนาดยังทันคนแก่ในบ้านคุยแต้จิ๋วกัน ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองคือ "คนจีน" แต่คือ "คนไทย" เหมือนกัน คุยกับแม่ว่า งั้นงานศพแม่ทำแบบไทย เผาลงโกศ จัดกงเต๊กให้พอนะ (คุยขำๆกับแม่555) แม่ก็โอเค บอกเป็นคนไทย ไม่ต้องทำแบบจีนก็ได้

เคยไปบางประเทศ เช่น บรูไน มาเลเซีย คุยกะคนจีน ซึ่งเป็นพลเมืองชั้นสองที่นั่น รู้สึกโชคดีและภูมิใจว่า ทวดเราขยันไม่พอ เลยไม่ไปไกลถึงนั่น มาขึ้นฝั่งเมืองไทย โชคดีแค่ไหน blend ไปกับคนที่นี่ได้ไม่โดนกีดกัน

เล่ามายาว โดยสรุป เราโตมาในบ้านที่เลี้ยงมาแบบคนไทย ที่อาจมีความเป็นจีนบ้างที่รู้สึกก็แค่คำเรียกญาติพี่น้อง กับพิธีไหว้ตามเทศกาล กับการเห่อเราของญาติผู้ใหญ่ (เราเป็นหลานชายคนโต ทั้งทางพ่อและแม่ มีแต่คนจำเราได้ ไม่สนใจน้องสาวเราเลย 555) ทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นไทย มีลูกก็คงให้เรียกพ่อแม่ เลี้ยงแบบไทย แต่คงบอกเขาว่า บรรพบุรุษพวกลื้อมาจากไหน

และตอนนี้ที่สำคัญ ได้ผบ.ทบ.เป็น มอญผสมจีน ลูกเราอีกหลายๆรุ่นคงผสมไปหลายๆเชื้อชาติ คงรู้สึกว่าตัวเองเป็น "คนจีน"น้อยกว่าเราอีกเยอะ


ป.ล.ถ้าใครอ่าน wikipedia เรื่อง oversea chinese จะพบ phrase ที่บอกว่า ไทยเป็นประเทศที่มี best assimilated oversea chinese in the world นะครับ ^ ^
ความคิดเห็นที่ 42
งงกับสมาชิกหมายเลข 4223872 เข้ามาแย้งจขกท แล้วก็มาแย้งคนที่มาแย้งจขกท ...แต่อ่านไปก็ตลกดี

ส่วนตัวคิดว่าการเหยียดเป็นนิสัยส่วนบุคคล เมื่อคนมันต่างกัน อะไรที่100%มันก็ไม่เกิดขึ้น แต่ส่วนมาก ภาพรวมไทยก็ทำออกมาได้ดีกว่าประเทศอื่นๆอย่างที่เห็นๆกันอยู่

เล่าในส่วนของเรา นี่เป็นลูกครึ่งไทยจีน พ่อจีน100 แม่ไทย100 รุ่นพ่อ พี่น้องของพ่อเหยียดแม่ที่เป็นคนไทย(เหยียดจริงเหยียดจัง) แต่อากงรักคนไทยมาก ชอบคนไทย (เหมือนจะแอบชอบกับสาวไทยแต่ไม่ได้แต่ง โดนคุมถุงชนกับอาม่า) ได้ลูกสะใภ้เป็นคนไทยเพียงคนเดียวคือแม่เรา อากงรักแม่เรามากกกก แม่เราอยู่บ้านนี้ได้เพราะอากง แต่ถึงงั้นก็ยังต้องอยู่อย่างลำบากอยู่ดี (แม่บอกว่าอยู่เหมือนเป็นคนใช้ อาม่ากับพี่น้องพ่อแกล้งและด่าทุกวัน ขนาดคนใช้ในบ้านยังพูดจิกหัว)

เนี่ย มันไม่ได้อยู่ที่รุ่น มันอยู่ที่คน

ตัวเรา ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับจีนเลย ไม่เคยไปจีน ไม่รู้จักญาติฝั่งโน้นที่อยู่จีน พูดจีนฟังจีนอ่านจีนไม่ได้ เรียกว่าเป็นคนจีนก็กระดากปากไปแล้ว.. วัฒนธรรมที่ยังเหลือให้ทำก็มีแค่เชงเม้ง พ่อไม่อยู่ก็เลิกไหว้เจ้าไปแล้ว แต๊ะเอียไม่เคยให้ไม่เคยรับ(พ่อไม่เคยให้และไม่เคยรับจากคนอื่นเลยแม้แต่ครั้งเดียวก็เลยไม่รู้ว่าต้องให้คนอื่นยังไง)

ก็.. จขกทตัดสินเอาว่าเรายังมีความเป็นคนจีนอยู่มั้ยอ่ะ...

อีกอย่างที่สำคัญมากๆคือความแข็งแกร่งในครอบครัว ครอบครัวฝั่งแม่เราแข็งแกร่งมากด้วยแหละ ความเป็นไทยในครอบครัวเราเลยมีมากกว่าความเป็นจีน ทั้งๆที่อยู่ในบ้านจีนแท้ๆ แต่แม่เราก็ไม่ยอมถูกกลืน เช่น การเอาน้ำพริกมากินในบ้าน หรือพาพ่อไปกินปลาล้าหลนที่บ้านยาย.....

ทุกวันนี้และตลอดมาเราสนิทกับฝั่งไทย(แม่)มากกว่าฝั่งพ่อ(จีน)ทั้งที่อาศัยอยู่ในบ้านพ่อ พ่อก็สนิทกับบ้านแม่มาก แล้วเหมือนกับว่าบ้านแม่จะแสดงความรักที่มีต่อพ่อมากกว่าญาติๆของพ่อ(จากความรู้สึกของเรา) แล้วพ่อเราก็อยู่กับครอบครัวฝั่งแม่มากกว่าครอบครัวตัวเอง

มันอยู่ที่ความเข้มแข็งของคนกำวัฒนธรรมไว้ในมือจริงๆอะแหละ การแจกจ่ายมิตร อ้าแขนรับทุกคนแล้วกอดเค้าไว้นี่แหละแข็งแกร่งสุด ไม่ต้องกลัวว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกหลอม จริงๆ คนเราเลือกอยู่กับความสุข อยู่กับคนที่สบายใจอยู่แล้ว ส่วนที่เหลือก็นิสัยส่วนบุคคล

แก้ไข::เพิ่มเติม
ตอนพ่อเสียพิธีเป็นไทยพุทธทุกอย่าง มีแค่ญาติพี่น้องของพ่อขอแซมแบบจีนเข้ามาอย่างพวกการเย็บกระเป๋าเสื้อผ้า เผากระดาษเงิน-ทอง อะไรเล็กๆน้อยๆ แต่ทั้งหมดสวดที่วัดไทย เผ่า เก็บอัฐิ ลอยอังคาร เป็นไทยหมด (ตอนมีชีวิตอยู่พ่อก็เข้าวัด เล่นพระเครื่อง เป็นพุทธไทยมากกว่าพุทธจีน แต่ก็มีของพวกเทพเจ้าจีนอยู่เหมือนกัน ..คือเอาหมดอ่ะพ่อนี่ เฮอะๆ)

ปล เมื่อก่อนก็เรียกพ่อว่า “ป๊า” แต่วันนึงพี่ชายนี่กลับมาเล่าว่าครูถามเรื่องพ่อ มันบอกครูว่าไม่มีพ่อ กลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อซะงั้น ตั้งแต่นั้นพ่อก็เลยให้เรียกพ่อว่าพ่อ ยกเลิกการเรียกป๊าไปเพื่อความไม่งงของลูกๆ ถถถ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่