ใครที่กำลังตกต่ำที่สุดในชีวิต อ่านเรื่องของเราดู เพราะเรามีพรุ่งนี้เสมอ

ช่วงนี้ได้อ่านกระทู้พันทิป หลายๆ กระทู้ ตกต่ำในชีวิต ท้อแท้ หมดหวัง ทางตัน ไปต่อไม่ได้ ไม่มีทางออก เราเคยมีความรู้สึกแบบนี้เมื่อหลายๆ ปีที่แล้ว
ทั้งเรื่องเงิน เรื่องสามี แต่เราก็ผ่านมันมาได้จนถึงวันนี้ เพราะเราคิดว่า ชีวิตของเรา มีพรุ่งนี้เสมอ

เมื่อ 16 ปีก่อน ตอนที่ลูกยังไม่เกิด เราและสามีทำงานทั้งคู่ ทำงานสาย IT เงินเดือนสูง 4-5 หมื่นทั้งคู่ในสมัยนั้น ทำงานบริษัทเดียวกัน มีเงินใช้เหลือเฟือ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่มีเงินเก็บ ถึง ณ วันหนึ่ง เราตั้งท้อง เข้าเดือนที่ 4 แพ้หนักมากไม่ค่อยไปทำงาน เลยขอลาออก เพราะคิดว่าสามีทำงานคนเดียวก็มีเงินใช้ เราก็ทำ freelance อยู่บ้านได้ แต่พอช่วงลูกใกล้คลอด สามีมีปัญหากับเจ้านายบ่อย เรื่องไอเดียงาน ทำให้ไม่ค่อยอยากไปทำงาน จึงลาออกมา ตั้งใจหางานอื่น แต่ด้วยเงินที่มีอยู่ ก็คิดว่าพักสักห้าหกเดือนให้ลูกคลอด แล้วค่อยทำงานใหม่ และคงทำงานได้แค่คนเดียว อีกคนต้องทำ freelance เพราะว่าไม่ต้องการให้คนอื่นมาเลี้ยงลูก

แต่พอช่วงลูกคลอดใหม่ๆ ค่าใช้จ่ายเยอะมาก ซื้อของเยอะมาก ทำให้เงินที่มีหลักแสนหมดลงอย่างรวดเร็ว มีงาน freelance ที่ทำไว้หลายงานรอรับเงินหลายหมื่น ก็เลยใช้จ่ายเงินสำรองไปจนหมดสิ้น แต่ปรากฏว่าถูกเบี้ยวค่าจ้าง ทำให้ไม่มีเงินเลย อยู่กับความหวังที่ว่า คนที่จ้างจะจ่ายเงินให้มาหลายเดือน ตอนนั้นเช่าบ้านอยู่ ก็ต้องย้ายบ้านเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ย้ายไปที่ใหม่ ก็ขอติดเงินเค้าไว้ก่อน ขอย้ายเข้าไปก่อน เพราะต้องย้ายกระทันหัน เค้าก็ใจดีให้เข้าไปอยู่ก่อน รอจ่ายเงินสิ้นเดือน รับจ้างทำงานเล็กน้อยเขียนเวปได้เงินมาสี่ห้าร้อยบ้าง พันบ้าง ก็เก็บไว้ซื้อนมลูก แพมเพิส ค่าใช้จ่ายเวลาหมอนัดอีก (คลอดเอกชน) อยู่ได้ถึงแค่สิ้นเดือนก็ไม่มีเงินจ่ายเค้า ก็ยื้อได้อีกเดือน ก็ต้องย้ายบ้านอีกครั้ง โดยที่ตกลงกับเค้าไว้ว่า มีเงินแล้วจะเอามาจ่าย จริงๆ เค้าก็จะให้อยู่ต่อ แต่อายเค้า ประกอบกับบ้านเช่าใกล้บ้านแม่ ว่างพอดี และถูกกว่า ก็เลยย้ายอีกครั้ง

ตอนที่ย้ายไปอยู่บ้านแม่ ตอนนั้นเงินไม่มีติดตัวแล้ว ร้อยกว่าบาทก็ยังเป็นของหายาก อาศัยว่าทุกเย็น ขี่จักรยานไปเอากับข้าวที่บ้านพ่อแม่ มากินทุกวัน บางวันก็ไปกินที่บ้านแม่เลย แม่ก็ให้ตังมาบ้างสี่ห้าร้อย ก็เก็บเอาไว้ให้นมลูก เลี้ยงแมวเลี้ยงหมาด้วยตอนนั้น ก็ใช้เศษกับข้าวที่เหลือให้มันแทนอาหารเม็ด จากที่มันไม่ค่อยกิน หลังๆ มันก็กิน เป็นอยู่อย่างนี้หลายเดือน

พยายามหางานก็แล้ว พยายามทำงานอะไรก็แล้ว เงินก็ไม่เข้าเลย เป็นช่วงที่ไม่มีจริงๆ ช่วงนั้นลำบากมาก แฟนก็เคยมีเรื่องผู้หญิงเยอะมากๆ ตอนช่วงเราท้อง พอมาเจอเหตุการณ์นี้เราก็ปล่อยวางเรื่องแฟนลงได้ ปากท้องสำคัญกว่า ลูกสำคัญกว่ามาก แฟนก็เหมือนหยุดไป ไม่รู้ว่าเพราะไม่มีเงิน หรือคิดได้ แต่หลังจากนั้นมา ถึงจะมีเงินแล้ว เค้าก็ไม่มีเรื่องนี้มากวนใจเราอีก ถือว่าเราก็เคยลำบากด้วยกันมา และไม่ทิ้งกันไป

ช่วงนั้นคิดแต่ว่าจะหาเงินยังไงดี วันๆ นึง มองหน้าลูก หน้าแฟน หน้าหมาหน้าแมว แล้วก็ท้อ เสียใจ ร้องไห้บ่อยๆ แต่ก็อดทน

จนวันนึงก็มานอนคุยกับแฟนว่า เราทำเองมั้ย งานที่คนอื่นๆ มาจ้างเรา ที่เราทำให้เค้า เค้าต้องใช้ทุนในการสร้างงาน นั่นก็คือทุนที่ต้องมาจ้างพวกเราทำ ถ้าเราทำเอง เราก็ไม่ต้องใช้ทุน ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของเราเอง อย่างมากก็มีทุนเรื่อง server domain แต่ ณ ขณะนั้นเราก็มี server ของเราอยู่แล้ว เงินค่า  domain ตอนนั้น 10 เหรียญ ก็จะไปหา code ใช้แบบ 0.99 1.99 เอา เรียกว่าลงทุนน้อยมาก แต่มันต้องใช้เวลา กว่าที่เงินจะเริ่มเข้ามา กว่าจะมีคนมาซื้อบริการต่างๆ ที่เราทำ เราจะอดทนกันจนถึงตอนนั้นมั้ย

สามีบอกว่า ถ้าเราทำทุกวัน เงินมันไม่มาตอนนี้หรอก แต่เมื่อถึงเวลาที่มันมา มันก็จะมาทุกวัน เพราะสิ่งที่เราทำไว้ทุกวัน ยังไงมันก็ต้องออกผล ให้เราได้เก็บเกี่ยว และเรายังมีพรุ่งนี้เสมอ

เราก็ตัดสินใจเริ่มทำกัน การทำงานมันมีจุดเบื่อหน่ายตรงที่เวลาเราทำงานให้คนอื่นที่เค้ามาจ้าง เราจะอยากทำเพราะอยากได้เงิน แต่พอเราทำเอง แบบไม่รู้จุดหมายว่ามันจะได้เงินหรือเปล่า มันท้อมาก มันแทบไม่มีความกระตือรือล้นอยากทำเลย ทุกๆ วัน ต้องผ่านจิตใจและความท้อของตัวเองไปให้ได้

ช่วงนั้นถึงแม้ว่าจะทำงานของเราเอง ก็ยังหางานอื่นด้วย แต่ก็แทบไม่มีเลย มันตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ถึงขนาด ต้องคุ้ยหาเศษเหรียญรวมไปซื้อนมลูก ซื้อของลูก บางทีของไม่จำเป็นอย่างแพมเพิสก็ไม่ได้ใช้ ใช้ผ้าอ้อมเอา ยังดีว่า ข้าวทุกวัน ยังกินกับพ่อแม่ได้ แต่พอถึงวันจ่ายค่าเช่าบ้าน จ่ายค่าน้ำไฟ เนท มันก็เป็นเรื่องเครียดของครอบครัว โดนตัดไฟทีนึง ก็ต้องไปขอแม่มาจ่าย บางทีแม่ก็ไม่มี (พ่อแม่ไม่ได้มีเงิน) เคยโดนตัดไฟ 2 คืน ก็ไปอยู่บ้านแม่เอา เพราะยังไงก็ต้องใช้ไฟทำงาน เปิดคอม ทุกอย่างต้องอดทนอย่างมาก

ความอดทนมันอยู่ที่ใจเรา เมื่อเราท้อ ร่างกายก็แย่ตาม ความคิดสร้างสรรค์ก็ไม่มา

จุดเปลี่ยนในชีวิตก็คือ พอย่างเข้าเดือนที่หก จากที่ไม่มีเงินเลย เริ่มมีเงินเข้ามาแล้ว หลักพัน จากงานที่ทำไว้ ก็ใช้อย่างระวัง จากนั้นก็เริ่มเข้ามาเรื่อยๆ บางวันเงินเข้าเป็นหมื่นๆ บาท ก็เอาไปทำงานมากขึ้น ซื้อของ ซื้อคอมมาทำมากขึ้น ช่วงที่งานและเงินไหลมาเทมา และยังขยาดหวาดกลัวความลำบากอยู่ ก็ไม่ได้ใช้เงินไปเที่ยวไหนหรือซื้ออะไรฟุ่มเฟือยเลย มีแต่เอาไปทำงานมากขึ้นๆ จนมารู้สึกตัวอีกทีก็มีเงินหลักล้านในระยะแค่ 2 เดือน

แต่ก็ไม่เคยหยุดทำงานมาจนทุกวันนี้

ทุกวันนี้ พ่อแม่พี่น้องเราสบายหมดแล้ว ตัวเราเองก็ไม่มีภาระหรือมีห่วงเรื่องเงินอีกเลย เรียกว่า ไม่ได้ห่วงอะไรแล้ว และก็ยังทำงานอยู่ตลอด

ทุกวันนี้ ลูกโตแล้ว มีลูกสองคนแล้ว เวลาที่ลูกเข้านอนแล้ว เหลือเราสองคน (เพราะมักทำงานจนดึก) ก็จะนั่งคุยกันเสมอว่า แต่ก่อนเราลำบากกันมายังไง ความจน ความเจ็บ มันไม่เคยจางหายไปจากใจนะ แต่นั่งนึกถึงมันในมุมที่แตกต่าง ไม่มีความเครียด มีแต่ความรู้สึกว่า พวกเราเก่งนะที่อดทนกันมาได้ และไม่เคยพึ่งพาหยิบยืมเงินจากคนอื่น มนุษย์เราไม่ตายเพราะไม่มีเงิน วันนั้นความโชคดีส่วนหนึงก็คือยังมีครอบครัว มีพ่อแม่ ที่เราอาศัยกินข้าวด้วยเกือบทุกวัน พอมีเงินแล้ว เราก็ยังกินข้าวจากบ้านพ่ออยู่เสมอ

พวกเราเป็นคนกรุงเทพ ก็เลยไม่มีบ้านต่างจังหวัดให้กลับไปเวลาที่สิ้นหวัง แต่ทันทีที่พวกเรามีเงินเหลือกินเหลือใช้ พวกเราก็ย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดกันทันที มาอยู่ที่นี่ได้เป็นสิบปีแล้ว ชีวิตต่างจังหวัด สบายกว่ากรุงเทพมากมาย ช้ากว่า กินอยู่ง่ายกว่า ค่าครองชีพถูกกว่า และได้ใกล้ชิดกันมากกว่า

ตอนหลังเราก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ ต่อยอดความรู้ ไปติดต่องาน ไปหาสิ่งใหม่ๆ มาทำ ไม่เคยหยุด ทุกวันนี้เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาชีวิตของเราอีกเลย

ถ้าใครกำลังท้อ แล้วรู้สึกว่าอยู่กรุงเทพตัวคนเดียวมันลำบาก ลองกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านดูบ้าง เมื่อความท้อแท้สิ้นหวังมันน้อยลง ความคิดก็มากขึ้น เราก็จะมองเห็นหนทางมากขึ้น เราอาจจะท้ออยู่คนเดียว โลกตัน มืดมน ออกมาสูดอากาศให้เต็มปอด แล้วลองคิดว่า มันยังมีพรุ่งนี้อีกหลายวัน ที่เราจะทำอะไรได้อีกเยอะ

ลองมานั่งนึกดูบ้าง ว่าเราทำอะไรได้อีก เราคงไม่สิ้นใจไปกับการที่เงินเดือนหมด เรายังมีความหวัง เราไม่ตายเพราะความจน แต่เราตายได้หากสิ้นหวัง

เป็นกำลังให้ทุกคนค่ะ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาครอบครัว ปัญหาชีวิต ครอบครัว
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่