
สวัสดี
นมัสเต (สวัสดีในภาษาฮินดี) เพื่อนๆพี่ๆน้าๆลุงๆทุกๆคนนะครับ ผมชื่อ "เซน" นี่เป็นการเขียน รีวิวการเดินทางของผมครั้งแรกบนพันทิพยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ผมเป็นคนที่ชื่นชอบการเดินทางมากๆ การเดินทางมันทำให้ผมไปเจอสถานที่แปลกๆ คนใหม่ๆ วัฒธรรมใหม่ๆ
เรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้คือเรื่องราวการเดินทางของผมเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วตอนนั้นผมเดินทางไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองดาร์จีลิ้ง ประเทศอินเดีย เมืองแห่งขุนเขา เมืองที่อากาศเย็นทั้งปีแม้หน้าร้อนอุณหภูมิก็ไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส ตอนผมไปตรงกับหน้าฝนพอดีนั้งน้ำทั้งเย็นผลที่ได้คือหัวแม่โป้งเท้าชาจนไร้ความรู้สึกทุกวันครับ หลังจากที่ผมใช้ชีวิตอยู่บนเมืองดาร์จีลิ้งอยู่ 2 เดือนก็มีความอยากเห็นความเรียวอินเดียที่แท้จริงอย่างที่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาตั้งแต่เด็กๆก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วรถไปกับเพื่อนชาวไทยที่เจอกันบนเมืองดาร์ อีกหนึ่งคน ไอ้นี่มันชื่อ เจ ครับ เจเป็นผู้ชายสูงประมาณ 170 เซ็นติเมตร ผิวขาว ตาไม่ตี๋ไม่โต ตัวหนานิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับอ้วน เจชอบเล่นบาส และชอบชวนผมคุยเรื่องบาสซึ้งผมทำได้ฟังครับเพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับบาสและ MBA เลยซักนิด
แต่เนื้องด้วยคุยกันเมื่อได้รู้จักกันคุยกันถูกคอจึงช่วยกันแบกเป้ลงจากเขาไปสัมผัสความเรียวอินเดีย ณ เมือง พาราณสี เมืองที่ไม่เคยร้างผู้คนที่มีอายุมากกว่า 4,000 ปี เมืองแห่งวัฒนธรรม

ที่มีแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำคงคาไหลผ่าน ถ้าทุกคนพร้อมที่จะอ่านเรื่องราวการเดินทางของผมแล้วหละก็ บริหารสายตาใหม่มั่น หาเบาะนุ่มมารองก้น ถ้าพร้อมแล้วก็ เลื่อนหน้าจอของท่านลงไปอ่านโลดดดดด
ขอขัดนิดเดียวเท่านั้นครับ ฮาฮาฮา
ผมที่เพจ Facbook ด้วยนะ ชื่อว่า "นัด-ตะ-พัด Journey With ZEN"
https://www.facebook.com/ZenNathaphat/ หากตกติดตามกันแล้วก็ออกเดินทางกันเลยยย...ย

India train รถไฟแห่งสัจธรรม
เรื่องราวการเดินทางจากเมืองดาร์จีลิ่งสู่เมืองพาราณสี(Varanasi)โดยรถไฟตู้นอนสุดระทึกขวัญของอินเดีย ที่มีชื่อเสียงเรียงนาม น่าเกรงขามจนรถไฟไทยยังต้องยอมแพ้ การเดินทางที่สะดวกและประหยัดที่สุดในอินเดียรองจากเครื่องบินก็รถไฟนี่แหละที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้บริการ เพราะรถไฟที่นี่เขาวิ่งไปทั่วทุกรัฐของอินเดีย ยกเว้นรัฐเมฆาลัย (Meghalaya) และ รัฐสิกขิม (Sikkim) มีระยะทางรางรถไฟรวมกันทั้งหมด 115,000 กิโลเมตร
เฉลี่ยจำนวนผู้โดยสารต่อ 1 ขบวน มากถึง 12,000 คน การรถไฟอินเดียมีพนักงานมากถึง 1.7 ล้านคน (เยอะไม่ใช่เล่นเลยนะ) รถไฟอินเดียบางขนบวนใช้เวลาออกจากต้นสถานีจนถึงสถานีปลายทางใช้เวลาสามวันสามคืนก็มี เรียกได้ว่านั่งกันจนตูดบานเลยทีเดียว
รถไฟแดนภาราตะ ถ้าอยากสบายหน่อยก็ซื้อตู้แอร์ มีอาหาร(ปลอดภัยไม่ทำท้องใส้ปั่นป่วน) มีคนบริการ มีตำรวจ ก็จ่ายแพงหน่อย แต่ถ้าอยากสำผัสสัจธรรมของชีวิตก็ไปนู้นเลย ชั้นสอง ชั้นสาม หรือถ้าอยากสบายขึ้นมาหน่อยก็สลีปเปอร์(Sleeper class) ถึงชื่อมันจะบอกว่าสลีปแต่พอไปนั่งจริงๆทำเอาสลีปไม่ลงเลยทีเดียว!!!
รถไฟของอินเดียถือว่าเป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญที่คอยหล่อเลี้ยงประชากรกว่าล้านคนของอินเดียไม่ให้อดอยาก เริ่มตั้งแต่ พนักงานขายตั๋ว แม่บ้านทำความสะอาด คนดูแลสถานี กูลีแบกของ คนซ่อมรองเท้า คนขายน้ำ คนขายถั่ว คนขายชาร้อน คนขายหมาก ขอทาน(อันนี้เป็นอาชีพรึป่าว???) และนอกจากจะช่วยหากินแล้วยังช่วยส่งคนชุดส้มไปหาพระเจ้าที่หิมาลัยอีกด้วย ...เห็นความสำคัญรึยัง?

first time in India train
ก่อนถึงวันเดินทางหนึ่งวันผมมีอาการนอนไม่หลับและตื่นเต้นกับการนั่งรถไฟที่มีชื่อเสียงเรียงนามน่าเกรงขามที่สุดในโลกครั้งแรกของของการนั่งรถไฟอินเดียผมนั่งเพื่อไปเที่ยวสองเมืองที่ใครพูดถึงอินเดียก็ต้องนึกถึงเมืองนี้เเน่ๆ เมืองพาราณสี (Varanasi)เมืองแห่งอารยธรรมริมแม่น้ำคงคาและเมืองคยา (Gaya)เมืองที่มีคนไทยใจบุญเยอะมากๆเพราะที่นี่มีต้นศรีมหาโพธิ์และวัดไทยผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
ณ สถานีรถไฟ Siliguri JN เวลาเที่ยงตรงเป๊ง! บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนหนุ่มเอเชียสองคนตื่นเต้นกับสถานีรถไฟแห่งนี้ มองไปตามรางรถไฟตามพงหญ้ามีหนุ่มสาวชายหญิงอินเดียกำลังนั่งทำสงครามทิ้งระเบิดกันอยู่เป็นหย่อมๆ มองใกล้เข้ามาอีกหน่อยก็มีชายอินเดียวกำลังอาบน้ำกลางแจ้งโดยใช้น้ำจากสายยางล้างรถไฟ.....เชี่ย!

ถ้าเป็นหนังนี่ก็เพิ่งเริ่มฉากแรก จากที่ฟังพี่จอยเล่าเกี่ยวกับเมืองสิริกุรี้ (Siliguri) พี่จอยบอกว่าเมืองนี้ยังไม่นับว่าเรียลอินเดียนะถ้าเทียบกับ เมืองพาราณสีและกายา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนขี้แบบout door เป็นเรื่องปกติ โดยไม่แคร์สายตาของนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปผ่านมาทั้งนั้น ถ้าถามผมว่าเคยมีประสบการขี้out door มั่ย ผมคงรู้สึกตอบไม่เต็มปากว่าไม่เคย คือผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าการขี้ครั้งนั้นของผมเรียกout doorรึป่าว อยากรู้มั่ยครับว่าครั้งนั้นมันเป็นยังไง ตอนนั้นผมอยู่ ม.6 ผมเรียน รด. คงนึกออกใช่มั่ยครับว่ามันคือที่ไหน ใช่ครับเขาชนไก่ มันคือประสบการณ์ขี้ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตการขี้ของผมเเล้ว ตอนนั้นผมกะว่าจะเก็บของเสียในร่างก่ายเอากลับไปปลดปล่อยที่บ้านจนมาถึงวันสุดท้ายลำใส้ผมทนไม่ไหว ผมเลยต้องจำใจวิ่งไปเข้าห้องน้ำในป่า ผมก็ไม่คอยอยากเรียกมันว่าห้องน้ำหรอกครับ เพราะว่ามันมีแค่โถส้วมที่มีระเบิดของนักเรียน รด. คนที่แล้วๆ กองอยู่เป็นภูเขา ผนังกั้นระหว่างห้องก็มีแค่สแลนบางๆกั้นเป็นฝาผนั่งความสูงสามารถนั่งมองหน้ากันระหว่างขี้ได้ ส่วนหลังคาอย่าไปพูดถึงมันมีทำมเปลืองงบมีโถ่ส้วมให้ก็บุญแล้ว! พอขี้เสร้จจะล้างตูด เอ้าไม่มีน้ำล้างตูด!!! พอทีผมขอหยุดเรื่องห้องน้ำที่เขาชนไก่ไว้แค่นี้กลับมาสู่เรื่องเที่ยวอินเดียต่อดีกว่า พอหลบสายตาจากคนครี่หันไปเจอคนกำลังอาบน้ำอยู่ตรงรางรถไฟโดยใช้น้ำจากท่อน้ำสำหรับล้างรถไฟ โอ้ยย!!! นี่ขนาดยังไม่เรียวนะพี่จอย อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันกำลังจะไปทำงานสดชื่นมั่ยหละ พอผมเลิกเดินสำรวจสถานีไปหานั่งพักเหนื่อยรอรถไฟบริเวณเก้าอี้สาธารณะระหว่างที่นั่งอยู่ก็มีขอทานเดินมาเรื่อยๆอย่างไม่ขาดสาย แต่ผมก็ไม่ได้ให้เงินพวกเขาไปหรอกครับ ลำพังไว้เที่ยวยังไม่รู้จะพอรึป่าวเลย


นี่ไง ไอ้เจ เพื่อนร่วมเดินทางของผมในวันนี้
13:00 น. เวลาในตั๋วบอกว่ารถไฟจะมาเวลานี้ นั่นผ่านไปแล้ว 10นาที ใจเริ่มเสียมันเล่นกูแล้ว2ชั่งโมงแน่เลย แต่มันก็ไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกครับเพราะอีก5นาที รถไฟไปพาราณาสีก็มาเทียบที่ชานชลา
รถไฟตู้ 3A IT NOT TOO BAD! จริงๆนะไม่ได้เลวร้ายเลยมีแอร์มีคนบริการณ์ก็แหง่สิราคาตู้นี้แพงกว่าตู้สลีปเปอร์ตั้งหนึ่งเท่าตัว จะไม่ให้มันสบายกว่าได้ยังไง รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากชานชลา เตียงนอนบนตู้3Aในหนึ่งช่องจะนอนได้6คนมีสองฝั่งๆละ3ชั้น ผมนอนชั้นบนสุดอยู่ตรงช่องแอร์พอดีเป๊ะ ตอนนอนไม่ต้องพูดถึงหนาวสัสๆ
(ขอตีลังกายันนอนยันว่ารถไฟตู้นี้สะอาดแล้ว!It is not too bad.)

จากสถานี สิริกุรี้ ( Siliguri JN ) สู่สถานีมงคลสาหร่าย ( Mughal sarai ) สถานีปลายทางชื่อโคตรไทยฟังทีแรกนึกว่าชื่อพ่อใครเสียอีก การเดินทางครั้งนี้ใช่ว่าจะใช้เวลาประมาณ15 ชั่วโมง เวลาตามตั๋ว แต่ผมเชื่อว่ามันต้องเลทแน่ๆ นอนสิหล่าหลับตาเด้อๆ

ใช้บริการส้วมบนรถไฟอินเดีย(กลิ่นติดจมูกอะบอกเลย)
ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด...ติ๊ด เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตามที่ตั้งไว้ ตี3:30น. แต่จริงๆผมหลับๆตื่นๆมาหลายรอบแล้ว กลัวของหาย และที่สำคัญคือกลัวเลยสถานีเพราะรถไฟอินเดียเวลาถึงสถานีไหนจะไม่มีการประกาศชื่อสถานีผู้โดยสารต้องกะเวลาเอาเอง (ถ้าถามว่ารู้ได้ไงว่าสถานีถึงกี่โมง ไม่ใช่ปัญหาครับเพราะเรามีแอป Indiatrian บอกเรา อยู่ๆตื่นขึ้นมาสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ปวดครี่ครับ มันปวดแบบไม่ไหวแล้วจริงๆขนลุกชูชันไปทั้งตัว ห้องน้ำรถไฟอินเดียOMG!แค่ส้วมตามห้างกลิ่นก็ตลบอบอวนแล้วนี่ส้วมบนรถไฟโอ้ศิวะ แต่ทำไงได้มันจะไม่ไหวแล้วบทจะรอให้ถึงโฮสเทลคงจะไม่ไหว เอาว่ะประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ส้วมout doorในเขาชนไก่ ส้วมร้านอาหารในจีนก็ผ่านมาแล้ว เอาว่ะอีกสักประเทศจะเป็นไร ผมเดินไปเข้าห้องน้ำในรถไฟโชคดีดูจากสภาพแล้วเหมือนพนักงานทำความสะอาดจะเพิ่งมาล้างและกำจัดกองระเบิดออกไป แต่มันก็ยังมีบางกองที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในคอห่านและยังคงเหลือกลิ่นที่แรงระดับพระกาฬอยู่ จังหวะนั้นจะมัวมาวิจารณ์สังเกตนู้นนี่ก็คงไม่ใช่เรื่อง ผมรีบปลดกางเกงออกแล้วนั่งยองๆลงไปหาที่ยึดให้มั่น เพราะรู้สึกว่ารถไฟมันโยกไปโยกมาถ้าไม่หาที่ยึดอาจล้มและเลอะเปอะเปื้อนเป็นแน่ ยึดไว้ให้ดี พรวด!!!! พรวดเดียวเท่านั้น หมดใส้หมดพุงเลยครับ โชคดีมากที่ไม่ต้องใช้ที่วิตอยู่ในนี้นาน ทำความสะอาดเรียบร้อยรีบลุกขึ้นใส่กางเกงแล้วออกไปสูดอากาศดีๆข้างนอก หู้ยสดชื่น..
ปล. มาเที่ยวอินเดียสิ่งที่ห้ามลืมเลยคือ ทิชชู่ทั้งแบบปกติและแบบเปียก***


เห็นพี่แขกเสื้อเทามั่ยครับ นั้นคือพนักงานดูเเลตู้โดยสารของผม เพื่อความมั่นใจว่าแอปแผนที่ของผมไม่มั่ว ผมเลยลองถามพี่แขกว่า
ยูๆ อีกกี่สถานีถึง สถานีมงคลสาหร่าย? พี่แขกทำหน้าเอ๋อๆใส่แล้วบอกผมว่า "สถานีหน้า" แล้วตัดบทจบด้วยการล้มตัวลงนอนต่อ ดีงาม!!!! งั้นผมกลับมาเชื่อแอป map me ของผมต่อดีกว่า ในแอปบอกว่าอีก1ชั่วโมง จะถึง สถานีมงคลสาหร่าย
การถามครั้งนี้สอนให้รู้ว่า
"อย่าเชื่อใครมากกว่าเชื่อตัวเอง"
[CR] พาราณสี สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ เฮ้ยระวัง...แพร๊ดดดด
นมัสเต (สวัสดีในภาษาฮินดี) เพื่อนๆพี่ๆน้าๆลุงๆทุกๆคนนะครับ ผมชื่อ "เซน" นี่เป็นการเขียน รีวิวการเดินทางของผมครั้งแรกบนพันทิพยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ผมเป็นคนที่ชื่นชอบการเดินทางมากๆ การเดินทางมันทำให้ผมไปเจอสถานที่แปลกๆ คนใหม่ๆ วัฒธรรมใหม่ๆ
เรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้คือเรื่องราวการเดินทางของผมเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วตอนนั้นผมเดินทางไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองดาร์จีลิ้ง ประเทศอินเดีย เมืองแห่งขุนเขา เมืองที่อากาศเย็นทั้งปีแม้หน้าร้อนอุณหภูมิก็ไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส ตอนผมไปตรงกับหน้าฝนพอดีนั้งน้ำทั้งเย็นผลที่ได้คือหัวแม่โป้งเท้าชาจนไร้ความรู้สึกทุกวันครับ หลังจากที่ผมใช้ชีวิตอยู่บนเมืองดาร์จีลิ้งอยู่ 2 เดือนก็มีความอยากเห็นความเรียวอินเดียที่แท้จริงอย่างที่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาตั้งแต่เด็กๆก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วรถไปกับเพื่อนชาวไทยที่เจอกันบนเมืองดาร์ อีกหนึ่งคน ไอ้นี่มันชื่อ เจ ครับ เจเป็นผู้ชายสูงประมาณ 170 เซ็นติเมตร ผิวขาว ตาไม่ตี๋ไม่โต ตัวหนานิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับอ้วน เจชอบเล่นบาส และชอบชวนผมคุยเรื่องบาสซึ้งผมทำได้ฟังครับเพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับบาสและ MBA เลยซักนิด
แต่เนื้องด้วยคุยกันเมื่อได้รู้จักกันคุยกันถูกคอจึงช่วยกันแบกเป้ลงจากเขาไปสัมผัสความเรียวอินเดีย ณ เมือง พาราณสี เมืองที่ไม่เคยร้างผู้คนที่มีอายุมากกว่า 4,000 ปี เมืองแห่งวัฒนธรรม
ขอขัดนิดเดียวเท่านั้นครับ ฮาฮาฮา
ผมที่เพจ Facbook ด้วยนะ ชื่อว่า "นัด-ตะ-พัด Journey With ZEN" https://www.facebook.com/ZenNathaphat/ หากตกติดตามกันแล้วก็ออกเดินทางกันเลยยย...ย
India train รถไฟแห่งสัจธรรม
เรื่องราวการเดินทางจากเมืองดาร์จีลิ่งสู่เมืองพาราณสี(Varanasi)โดยรถไฟตู้นอนสุดระทึกขวัญของอินเดีย ที่มีชื่อเสียงเรียงนาม น่าเกรงขามจนรถไฟไทยยังต้องยอมแพ้ การเดินทางที่สะดวกและประหยัดที่สุดในอินเดียรองจากเครื่องบินก็รถไฟนี่แหละที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้บริการ เพราะรถไฟที่นี่เขาวิ่งไปทั่วทุกรัฐของอินเดีย ยกเว้นรัฐเมฆาลัย (Meghalaya) และ รัฐสิกขิม (Sikkim) มีระยะทางรางรถไฟรวมกันทั้งหมด 115,000 กิโลเมตร
เฉลี่ยจำนวนผู้โดยสารต่อ 1 ขบวน มากถึง 12,000 คน การรถไฟอินเดียมีพนักงานมากถึง 1.7 ล้านคน (เยอะไม่ใช่เล่นเลยนะ) รถไฟอินเดียบางขนบวนใช้เวลาออกจากต้นสถานีจนถึงสถานีปลายทางใช้เวลาสามวันสามคืนก็มี เรียกได้ว่านั่งกันจนตูดบานเลยทีเดียว
รถไฟแดนภาราตะ ถ้าอยากสบายหน่อยก็ซื้อตู้แอร์ มีอาหาร(ปลอดภัยไม่ทำท้องใส้ปั่นป่วน) มีคนบริการ มีตำรวจ ก็จ่ายแพงหน่อย แต่ถ้าอยากสำผัสสัจธรรมของชีวิตก็ไปนู้นเลย ชั้นสอง ชั้นสาม หรือถ้าอยากสบายขึ้นมาหน่อยก็สลีปเปอร์(Sleeper class) ถึงชื่อมันจะบอกว่าสลีปแต่พอไปนั่งจริงๆทำเอาสลีปไม่ลงเลยทีเดียว!!!
รถไฟของอินเดียถือว่าเป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญที่คอยหล่อเลี้ยงประชากรกว่าล้านคนของอินเดียไม่ให้อดอยาก เริ่มตั้งแต่ พนักงานขายตั๋ว แม่บ้านทำความสะอาด คนดูแลสถานี กูลีแบกของ คนซ่อมรองเท้า คนขายน้ำ คนขายถั่ว คนขายชาร้อน คนขายหมาก ขอทาน(อันนี้เป็นอาชีพรึป่าว???) และนอกจากจะช่วยหากินแล้วยังช่วยส่งคนชุดส้มไปหาพระเจ้าที่หิมาลัยอีกด้วย ...เห็นความสำคัญรึยัง?
first time in India train
ก่อนถึงวันเดินทางหนึ่งวันผมมีอาการนอนไม่หลับและตื่นเต้นกับการนั่งรถไฟที่มีชื่อเสียงเรียงนามน่าเกรงขามที่สุดในโลกครั้งแรกของของการนั่งรถไฟอินเดียผมนั่งเพื่อไปเที่ยวสองเมืองที่ใครพูดถึงอินเดียก็ต้องนึกถึงเมืองนี้เเน่ๆ เมืองพาราณสี (Varanasi)เมืองแห่งอารยธรรมริมแม่น้ำคงคาและเมืองคยา (Gaya)เมืองที่มีคนไทยใจบุญเยอะมากๆเพราะที่นี่มีต้นศรีมหาโพธิ์และวัดไทยผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
ณ สถานีรถไฟ Siliguri JN เวลาเที่ยงตรงเป๊ง! บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนหนุ่มเอเชียสองคนตื่นเต้นกับสถานีรถไฟแห่งนี้ มองไปตามรางรถไฟตามพงหญ้ามีหนุ่มสาวชายหญิงอินเดียกำลังนั่งทำสงครามทิ้งระเบิดกันอยู่เป็นหย่อมๆ มองใกล้เข้ามาอีกหน่อยก็มีชายอินเดียวกำลังอาบน้ำกลางแจ้งโดยใช้น้ำจากสายยางล้างรถไฟ.....เชี่ย!
ถ้าเป็นหนังนี่ก็เพิ่งเริ่มฉากแรก จากที่ฟังพี่จอยเล่าเกี่ยวกับเมืองสิริกุรี้ (Siliguri) พี่จอยบอกว่าเมืองนี้ยังไม่นับว่าเรียลอินเดียนะถ้าเทียบกับ เมืองพาราณสีและกายา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนขี้แบบout door เป็นเรื่องปกติ โดยไม่แคร์สายตาของนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปผ่านมาทั้งนั้น ถ้าถามผมว่าเคยมีประสบการขี้out door มั่ย ผมคงรู้สึกตอบไม่เต็มปากว่าไม่เคย คือผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าการขี้ครั้งนั้นของผมเรียกout doorรึป่าว อยากรู้มั่ยครับว่าครั้งนั้นมันเป็นยังไง ตอนนั้นผมอยู่ ม.6 ผมเรียน รด. คงนึกออกใช่มั่ยครับว่ามันคือที่ไหน ใช่ครับเขาชนไก่ มันคือประสบการณ์ขี้ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตการขี้ของผมเเล้ว ตอนนั้นผมกะว่าจะเก็บของเสียในร่างก่ายเอากลับไปปลดปล่อยที่บ้านจนมาถึงวันสุดท้ายลำใส้ผมทนไม่ไหว ผมเลยต้องจำใจวิ่งไปเข้าห้องน้ำในป่า ผมก็ไม่คอยอยากเรียกมันว่าห้องน้ำหรอกครับ เพราะว่ามันมีแค่โถส้วมที่มีระเบิดของนักเรียน รด. คนที่แล้วๆ กองอยู่เป็นภูเขา ผนังกั้นระหว่างห้องก็มีแค่สแลนบางๆกั้นเป็นฝาผนั่งความสูงสามารถนั่งมองหน้ากันระหว่างขี้ได้ ส่วนหลังคาอย่าไปพูดถึงมันมีทำมเปลืองงบมีโถ่ส้วมให้ก็บุญแล้ว! พอขี้เสร้จจะล้างตูด เอ้าไม่มีน้ำล้างตูด!!! พอทีผมขอหยุดเรื่องห้องน้ำที่เขาชนไก่ไว้แค่นี้กลับมาสู่เรื่องเที่ยวอินเดียต่อดีกว่า พอหลบสายตาจากคนครี่หันไปเจอคนกำลังอาบน้ำอยู่ตรงรางรถไฟโดยใช้น้ำจากท่อน้ำสำหรับล้างรถไฟ โอ้ยย!!! นี่ขนาดยังไม่เรียวนะพี่จอย อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันกำลังจะไปทำงานสดชื่นมั่ยหละ พอผมเลิกเดินสำรวจสถานีไปหานั่งพักเหนื่อยรอรถไฟบริเวณเก้าอี้สาธารณะระหว่างที่นั่งอยู่ก็มีขอทานเดินมาเรื่อยๆอย่างไม่ขาดสาย แต่ผมก็ไม่ได้ให้เงินพวกเขาไปหรอกครับ ลำพังไว้เที่ยวยังไม่รู้จะพอรึป่าวเลย
13:00 น. เวลาในตั๋วบอกว่ารถไฟจะมาเวลานี้ นั่นผ่านไปแล้ว 10นาที ใจเริ่มเสียมันเล่นกูแล้ว2ชั่งโมงแน่เลย แต่มันก็ไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกครับเพราะอีก5นาที รถไฟไปพาราณาสีก็มาเทียบที่ชานชลา
รถไฟตู้ 3A IT NOT TOO BAD! จริงๆนะไม่ได้เลวร้ายเลยมีแอร์มีคนบริการณ์ก็แหง่สิราคาตู้นี้แพงกว่าตู้สลีปเปอร์ตั้งหนึ่งเท่าตัว จะไม่ให้มันสบายกว่าได้ยังไง รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากชานชลา เตียงนอนบนตู้3Aในหนึ่งช่องจะนอนได้6คนมีสองฝั่งๆละ3ชั้น ผมนอนชั้นบนสุดอยู่ตรงช่องแอร์พอดีเป๊ะ ตอนนอนไม่ต้องพูดถึงหนาวสัสๆ
ใช้บริการส้วมบนรถไฟอินเดีย(กลิ่นติดจมูกอะบอกเลย)
ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด...ติ๊ด เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตามที่ตั้งไว้ ตี3:30น. แต่จริงๆผมหลับๆตื่นๆมาหลายรอบแล้ว กลัวของหาย และที่สำคัญคือกลัวเลยสถานีเพราะรถไฟอินเดียเวลาถึงสถานีไหนจะไม่มีการประกาศชื่อสถานีผู้โดยสารต้องกะเวลาเอาเอง (ถ้าถามว่ารู้ได้ไงว่าสถานีถึงกี่โมง ไม่ใช่ปัญหาครับเพราะเรามีแอป Indiatrian บอกเรา อยู่ๆตื่นขึ้นมาสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ปวดครี่ครับ มันปวดแบบไม่ไหวแล้วจริงๆขนลุกชูชันไปทั้งตัว ห้องน้ำรถไฟอินเดียOMG!แค่ส้วมตามห้างกลิ่นก็ตลบอบอวนแล้วนี่ส้วมบนรถไฟโอ้ศิวะ แต่ทำไงได้มันจะไม่ไหวแล้วบทจะรอให้ถึงโฮสเทลคงจะไม่ไหว เอาว่ะประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ส้วมout doorในเขาชนไก่ ส้วมร้านอาหารในจีนก็ผ่านมาแล้ว เอาว่ะอีกสักประเทศจะเป็นไร ผมเดินไปเข้าห้องน้ำในรถไฟโชคดีดูจากสภาพแล้วเหมือนพนักงานทำความสะอาดจะเพิ่งมาล้างและกำจัดกองระเบิดออกไป แต่มันก็ยังมีบางกองที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในคอห่านและยังคงเหลือกลิ่นที่แรงระดับพระกาฬอยู่ จังหวะนั้นจะมัวมาวิจารณ์สังเกตนู้นนี่ก็คงไม่ใช่เรื่อง ผมรีบปลดกางเกงออกแล้วนั่งยองๆลงไปหาที่ยึดให้มั่น เพราะรู้สึกว่ารถไฟมันโยกไปโยกมาถ้าไม่หาที่ยึดอาจล้มและเลอะเปอะเปื้อนเป็นแน่ ยึดไว้ให้ดี พรวด!!!! พรวดเดียวเท่านั้น หมดใส้หมดพุงเลยครับ โชคดีมากที่ไม่ต้องใช้ที่วิตอยู่ในนี้นาน ทำความสะอาดเรียบร้อยรีบลุกขึ้นใส่กางเกงแล้วออกไปสูดอากาศดีๆข้างนอก หู้ยสดชื่น..
ปล. มาเที่ยวอินเดียสิ่งที่ห้ามลืมเลยคือ ทิชชู่ทั้งแบบปกติและแบบเปียก***
ยูๆ อีกกี่สถานีถึง สถานีมงคลสาหร่าย? พี่แขกทำหน้าเอ๋อๆใส่แล้วบอกผมว่า "สถานีหน้า" แล้วตัดบทจบด้วยการล้มตัวลงนอนต่อ ดีงาม!!!! งั้นผมกลับมาเชื่อแอป map me ของผมต่อดีกว่า ในแอปบอกว่าอีก1ชั่วโมง จะถึง สถานีมงคลสาหร่าย
การถามครั้งนี้สอนให้รู้ว่า "อย่าเชื่อใครมากกว่าเชื่อตัวเอง"