▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวต่างประเทศ
ประเทศอินเดีย
Backpack
[CR] Exploring I N D I A : มนต์เสน่ห์ของดินแดนแห่งสีสันและอารยธรรมโบราณแห่งทะเลทรายธาร์
การเดินทางท่องเที่ยวไปในประเทศที่ร่ำรวยวัฒนธรรมอย่างอินเดียคือประสบการณ์ที่ล้ำค่ามาก ประเทศอินเดียอาจไม่ใช่ประเทศจุดหมายปลายทางของหลายๆคน เนื่องด้วยสิ่งที่เราได้รับรู้มาตลอดเกี่ยวกับประเทศนี้ส่วนใหญ่จะเป็นในแง่ที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน และอะไรทำให้ผมตัดสินใจไปเที่ยวอินเดียในครั้งนี้ คำตอบก็คือวัฒนธรรมอินเดียโบราณ ความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองต่างๆ และหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างทัจมาฮาล ที่อยากมาเห็นให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต ทริปนี้จึงเกิดขึ้น เป็นการไปเที่ยวอินเดียคนเดียวครั้งแรก ค่าใช้จ่ายตลอดทริปเจ็ดวันรวมตั๋วเครื่องบิน 13,000 บาท
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ได้ท่องเที่ยวในดินแดนอินเดียฝั่งตะวันตกเขตรัฐราชาสถาน ผมยังคงสัมผัสได้ถึงความรุ่งเรืองในอดีตของดินแดนแห่งนี้ที่อดีตเคยเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญระหว่างเอเชียและอาหรับ
รีวิวยุโรปและญี่ปุ่นทริปก่อนหน้านี้ของผมครับ
I. Europe trip: https://pantip.com/topic/37153744
II. Japan trip: https://pantip.com/topic/36165471
III.Vietnam trip: https://pantip.com/topic/37845692
IV.Turkey & Georgia: https://pantip.com/topic/39509841
1. อาณาจักรโบราณแห่งทะเลทรายธาร์อยู่ส่วนไหนของอินเดีย
อับดับแรกเลยผมอยากให้ทุกคนรู้จักกับเมืองเก่าที่ผมไปเที่ยวว่าอยู่ส่วนไหนของอินเดีย เขตที่ผมไปเที่ยวชื่อว่ารัฐราชสถาน Rajasthan the land of King อยู่ทางแถบทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียติดกับประเทศปากีสถาน ลักษณะพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นทะเลทราย ย้อนกลับไปในอดีตดินแดนแห่งนี้มีความรุ่งเรื่องมากเนื่องจากเป็นเมืองการค้าที่สำคัญระหว่างประเทศแถบอาหรับ เช่นเปอร์เซีย ตุรกี
พื้นที่แถบนี้มีอะไรน่าเที่ยวน่ะหรือครับ นอกจากขี่อูฐนอนกลางทะเลทรายแล้วผมว่าจุดเด่นน่าจะเป็นป้อมปราการ (Fort) ของแต่ละเมืองมีอายุเก่าแก่มากกว่า 800 ปี น่าจะประมาณสมัยสุโขทัยของเรา ซึ่งสมัยก่อนพระราชาจะสร้างป้อมปราการอยู่บนเนินเขาสูงล้อมพระราชวังเอาไว้
เพื่อป้องกันข้าศึก ตัวป้อมปราการที่นี่ยิ่งใหญ่มากทำจากหินทรายที่แข็งแรงแม้จะผ่านกาลเวลาหลายร้อยปีก็ยังคงซึ่งความสวยงาม โดยทริปนี้ผมไปเที่ยวทั้งหมดสี่เมืองด้วยกัน
1.จัยปูร์ (Jaipur) นครสีชมพู เมืองเอกที่เจริญและใหญ่ที่สุดของราชาสถาน
2.จัยซัลเมียร์ (Jaisalmer) นครสีทองกลางทะเลทรายธาร์
3.จ๊อดปูร์ (Jodhpur) นครสีฟ้า เมืองใหญ่อันดับสองรองมาจากจัยปูร์
4.อักรา (Agra) นครสีขาวอนุสรแห่งรักนิรันดร์ – เป็นเมืองเดียวที่อยู่นอกเขตรัฐราชาสถาน
2. Travel itinerary การวางแผนการเดินทาง
เมื่อเราได้กำหมดจุดหมายแล้วว่าจะไปเที่ยวเมืองไหนของอินเดียบ้าง ต่อไปก็เป็นเรื่องของการวางแผนการเดินทาง โดยทริปนี้ผมไปเที่ยวทั้งหมดเป็นเวลา 7 วัน การเดินทางโดยรถไฟตลอดทั้งทริป ในส่วนของการเลือกที่พัก ที่อินเดียมีที่พักให้เราเลือกมากมาย ราคาก็แสนถูก ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องนอนในห้องนอนรวมหรือ Dorm เลย ที่พักที่ผมเลือกจะเป็นลักษณะ Private room ตกแต่งสไตล์อินเดียแขกๆ โดยจองผ่าน Booking.com รายละเอียดดูในตารางได้เลยครับ
3. Preparation การเตรียมตัวก่อนไป
1.Visa เราสามารถยืนขอวีซ่าอินเดียออนไลน์ ได้จากเว็ปไซต์ https://indianvisaonline.gov.in/visa/tvoa.html เสียค่าวีซ่า 50 USD เป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,800 บาท 1-2 วันก็ได้รับ เขาจะส่งให้ทาง email เราก็แค่ปริ้นออกมา พอถึงสนามบินที่อินเดียก็โชว์ให้เขาดู แล้วเจ้าหน้าที่เขาจะแสต็มป์ Visa ตัวจริงในสมุด passport ของเราอีกที
2.Flight ticket แอร์เอเชียตอนเปิดเส้นทางจัยปูร์ใหม่ๆ เมื่อกลางปี 2017 ผมได้ตั๋วราคาโปร 4,000 บาทไปกลับจัยปูร์ 28 กุมภา - 6 มีนา 2018
3.Money - ผมแนะนำให้แลกเงินรูปีไปเลยจากเมืองไทย เพื่อความสะดวกสบาย หรือจะแลกเป็นเงิน US dollar แล้วไปแลกเงินรูปีที่สนามบินจัยปูร์ก็ได้ เวลาคิดเป็นเงินไทยง่ายๆก็เอาเงินรูปีหารสอง เช่น 100 รูปี เท่ากับ 50 บาท ทริปนี้ผมแลกเงินรูปีไปทั้งหมด 8,000 บาท เอาไปจ่ายค่าที่พักด้วย
4.Adapter ปลั๊กไฟ อย่าลืมเตรียม universal adapter ไปด้วยนะ หาซื้อได้ที่ 7-11
5.Internet แนะนำเลย AIS Sim 2Fly ขนาดผมนอนกลางทะเลทรายที่จัยซาแมร์ ยังมีสัญญาณอินเตอร์เน็ต สามารถโพส อัฟรูปขึ้นเพสบุคได้สบาย ของเขาดีจริง
6.Backpack - ไม่ควรเอากระเป๋าลากไปนะ แนะนำเป็นกระเป๋าเป้แบบ Backpacker จะสะดวกกว่าเพราะอินเดียถนนและทางเท้าแย่มาก ผมใช้ backpack ขนาด 35L เพียงพอสำหรับทริป 7 วัน
7.มาส์กปิดจมูกปิดปาก หลายคนบอกให้เตรียมไปด้วยเนื่องจากที่อินเดียมีฝุ่นเยอะ ผมก็เตรียมไปนะแต่ไม่ได้ใช้เลย ที่นี่ไม่ได้มีฝุ่นเยอะขนาดนั้น เรามาจากเมืองไทยมีภูมิเรื่องฝุ่นอยู่แล้วไม่ต่างกันเท่าไร
8.ทิชชุ่เปียก อันนี้ได้ใช้จริง ใช้เยอะด้วยตอนขี่อูฐเที่ยวทะเลทราย
9.ทอฟฟี่ ขนม ช็อคโกแลต ไม่ได้เอาไว้กินเองอย่างเดียวนะครับ เอาไว้เผื่อแจกเด็ก ๆ ด้วย
4. Transportation การเดินทางในอินดีย
4.1 การเดินทางระหว่างเมือง ระบบขนส่งที่เป็นที่นิยมที่สุดของคนอินเดียก็คือรถไฟครับ เพราะสะดวกและครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศอินเดีย โดยผมได้จองรถไฟล่วงหน้าจากเมืองไทยไว้หมดแล้ว เราสามารถจองได้เองผ่านเว็ป http://www.cleartrip.com/trains หรือจะจองผ่านเอเจ้นให้เขาจองให้ก็ได้ครับ สะดวกดี (ค่าบริการ 150 บาท) ผมขอแนะนำจองตั๋วผ่านเอเจ้นน้องปุ๋ม น้องเขาเป็นคนไทยที่ทำงานเป็นไกด์ทัวร์อยู่ที่อินเดียมาหลายปี อินบ๊อกไปที่เพจน้องเขาได้เลยครับ https://www.facebook.com/amperjaiindiatravel/
ในส่วนของรถไฟนอนที่อินดียจะแบ่งเป็น 3 Level ดังนี้ครับ
First AC (1A) รถนอนปรับอากาศชั้น 1 – เป็นตู้นอนสำหรับเดินทางระยะไกล ที่ดีและแพงที่สุด (แพงมาก) ของรถไฟอินเดีย หลักพันบาทต่อเที่ยว
Second AC (2A) รถนอนปรับอากาศชั้น 2 – เป็นตู้นอนสำหรับเดินทางระยะไกล เป็นที่นิยมมากที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวเนื่องจากราคาทีไม่แพงมาก เช่นจากเมืองจัยปูร์ไปอักรา 230 km ราคา 300 - 400 บาท และมีความปลอดภัยสูง สะอาด คนที่ใช้บริการในชั้นนี้ส่วนใหญ่เป็นคนอินเดียที่มีฐานะดี เป็นเตียงนอน แบบ 2 ชั้นพร้อมแอร์ ซึ่งการเดินทางตลอดทริปของผมก็ใช้บริการของชั้น 2A เนี้ยแหละครับ คอนเฟิร์มดีจริง เชื่อผม
Sleeper Class (SL) รถนอนพัดลม – เป็นตู้พัดลม ไม่มีแอร์ เป็นตู้นอนสำหรับเดินทางระยะไกล ราคาถูก ค่อนข้างคับแคบ ชั้นนี้ผมไม่แนะนำเลย เพราะไม่ค่อยปลอดภัย คนเยอะแออัด ผู้คนหลากหลาย
4.2 การเดินทางภายในตัวเมือง ต้องนี้เลยครับ ผมใช้บริการของ “รถออโต้ริกชอร์” auto rickshaw หรือรถตุ๊กตุ๊กบ้านเราเนี๊ยละครับสะดวกและราคาไม่แพงเลย
5. Budget ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายตลอดทริปรวมตั๋วเครื่องบิน 13,000 บาทดังรายละเอียดที่ได้ผมแจกแจง
เครื่องบินออกจากดอนเมืองประเทศไทยตอนสามทุ่มถึงสนามบินจัยปูร์ประมาณเที่ยงคืน ตัวสนามบินไม่ได้ใหญ่มาก ผมว่าใกล้เคียงกับสนามบินเชียงใหม่บ้านเรา ที่สนามบินมีเคาน์เตอร์ให้บริการรถ Taxi เข้าเมืองราคา 400 รูปี (200 บาท) ผมพักที่ Vinayak Guest House ที่เลือกที่นี่เพราะอยู่ใกล้สถานีรถไฟสามารถเดินไปได้เพียง 300 เมตร พอเช็คอินเสร็จก็เข้านอนเลยเก็บแรงไว้เที่ยววันพรุ่งนี้
คนอินเดียจะนิยมกินชากัน (Chai ในภาษาอินเดีย) กินได้ทั้งวันครับรสชาติเข็มข้นมากเหมือนผสมพวกสมุนไพรจำพวกขิงเข้าไปด้วย ราคาก็แสนจะย่อมเยาเพียงแก้วละ 10 รูปี (5 บาท)
ผู้หญิงอินเดียกำลังจัดเรียงหญ้าฟางให้เป็นกำเพื่อขายให้กับผู้คนที่จะนำหญ้าไปทำบุญโดยเอาไปเลี้ยงโค
คนอินเดียนับถือโค ตำนานเล่าว่าแต่เดิมพระศิวะมีนางโคสุรภี เป็นพาหนะ แต่พระศิวะอยากได้โคตัวผู้เป็นพาหนะมากกว่า จึงใช้ให้พระกัศยปเทพบิดรแปลงเป็นโคตัวผู้ร่วมสังวาส จนเกิดเป็นพญาโคสีขาวปลอด ลักษณะดีขึ้นมา ตั้งชื่อว่าพระโคนนทิเป็นจ้าวแห่งสัตว์สี่เท้าทั้งปวง และเป็นพาหนะของพระศิวะตั้งแต่นั้นมา
หลังจากเดินเที่ยวชมในตัวเมืองจัยบุระจนกระทั้งสายๆ ก็ต้องกลับที่พักเตรียมตัวออกเดินทางไปเมืองจัยซัลเมียร์โดยรถไฟนอนระยะทางกว่า 600 km
รถไฟที่ผมนั่งจากจัยปูร์ตอนเที่ยงมาถึงสถานีรถไฟจัยซัลเมียร์เกือบเที่ยงคืนเป็นการเดินทางที่ยาวนานเกือบสิบสองชั่วโมง สถานีรถไฟที่นี่ค่อนข้างเล็กและไม่วุ่นวายนัก ผมนั่งรถตุ๊กๆ ไป Saffron Guest House ซึ่งอยู่บนป้อมปราการ ผมยกให้จัยซัลเมียร์เป็นเมืองที่ชอบมากที่สุดในทริปนี้ของผมเลยนะ ตอนที่ทำแพลนอยากมาเมืองนี้เพียงเพราะอยากมาขี่อูฐนอนดูดาวท่ามกลางทะเลทรายธาร์ แต่จากการที่ได้มาสัมผัส ผู้คนที่เมืองนี้น่ารักมาก Friendly เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว
ป้อมปราการจัยซัลเมียร์กลางทะเลทรายธาร์อายุกว่า 850 ปี สถานที่ซึ่งยูเนสโกยกย่องให้เป็นหนึ่งในมรดกของโลก (UNESCO Heritage Sites) ตัวป้อมทำจากหินทรายยามแสงแดดส่องมาจะเป็นสีเหลืองอร่ามสวยมากและเป็นที่มาของเมืองสีทอง
เมืองจัยซัลเมียร์ในอดีตเคยรุ่งโรจน์มาก เพราะเหล่าบรรดาพ่อค้าและนักเดินทางต่างแวะเวียนกันมาค้าขายผ่านเส้นทางระหว่างอินเดียกับดินแดนตะวันออกกลาง ป้อมปราการแห่งนี้จึงเคยเป็นที่พักพิงสำหรับพ่อค้าจากทั่วทุกสารทิศ
วันนี้ตามแพลนคือช่วงเช้าจะไปเล่นสีในช่วงเช้าแล้วไปขี่อูฐช่วงบ่าย เทศกาล Holi Festival หรือสงกรานต์อินเดียเขาจะเอาผงสีต่าง ๆ มาสาดใส่กันอย่างสนุกสนาน นั้นมีที่มาหลากหลาย
มีตำนานหนึ่งเล่าเกี่ยวกับพระกฤษณะกับราธาเทวี เรื่องมีอยู่ว่าพระกฤษณะหลงรักกับสาวชื่อราธา เป็นสาวเลี้ยงวัวธรรมดา พระกฤษณะเดิมทีนั้นมีผิวพรรณดำคล้ำ เกิดแอบอิจฉาสาวคนรักที่มีผิวขาวเนียนสวย เลยไปถามแม่ว่าทำไมผมไม่เกิดมาผิวขาวอย่างเค้ามั่งล่ะ แม่ตอบแบบทีเล่นทีจริงว่า งั้นลูกก็เอาสีไปสาดไปเทใส่แฟนสิ พระกฤษณะเลยถือโอกาสทำอย่างที่แม่บอกซะเลย ผิวขาวนัก จึงเกิดการสาดกันไปมา จนกลายเป็นโฮลี่ทุกวันนี้
เทศกาลเล่นสี โฮลี่ Holi ของที่เมืองนี้ทุกคนเล่นกันอย่างสนุกสนานไม่ต่างจากสงกรานต์บ้านเราเลย