สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ผมจะได้มาทริปสั้นๆเกี่ยวกับการเดินทางในเมืองจีน (ไม่ได้ต้องการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวนะครับ) และวัฒนธรรมจีนในอีกมุมหนึ่งซึ่งหลายๆคนอาจจะยังไม่เคยสัมผัส เหตุผลที่เขียนโพสนี้ขึ้นมานั้น จริงๆคือต้องเก็บไว้ดูเล่น และต้องการบอกกล่าวใครหลายๆคนได้เห็นถึงวัฒนธรรม ประเพณี และการใช้ชีวิตของคนจีนในอีกมุมซึ่งไม่ได้ฉายให้เห็นแต่ในสื่อโทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งในข่าวเกี่ยวกับคนจีน

คร่าวๆเลยละกัน คือผมสนใจในวัฒนธรรมและภาษาจีน ผมมีความเชื่อว่าภาษาจีนในอนาคตจะเป็นภาษาที่นิยมใช้กัน เพราะคนจีนอยู่ทั่วโลกทุกหนทุกแห่ง ผมไม่คิดว่าจะเรียนรู้ภาษาจีนหรือพูดภาษาจีนได้ แต่ทุกวันนี้ผมอยู่ที่เมืองจีน มาทำงานที่ประเทศจีน พูดภาษาจีนพอได้ และมีความแฟนเป็นคนจีน ใช้ชีวิตที่นี่ตั้งแต่ภาษายังพูดไม่ได้ จนตอนนี้ผมสามารถสื่อสารได้ และไม่กลัวที่จะพูดกับคนจีน (ชินแล้วที่คนจีนถามผมว่ามาจากที่ไหนเพราะสำเนียงผมไม่เหมือนคนจีน) ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่เมืองจีนมีวันหยุดราชการที่สำคัญนั่นคือวัน ชิ่งหมิง (QingMing 清明节) หรือที่คนไทยเชื้อสายจีนเรียกว่า เชงเม้ง พิธีกรรมและความเชื่อก็คล้ายๆกับคนจีนนั่นก็คือ เป็นวันที่กราบไหว้หลุมศพบรรพบุรุษ ปกติคนจีนเมืองจะไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่นนอกจากอยู่ในบ้าน ไปกราบไหว้หลุมศพ หรือ เดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อพบปะญาติพี่น้อง เมืองใหญ่ๆอย่างเซี่ยงไฮ้หรือปักกิ่งจะเงียบมากในช่วงวันนี้

วันชิงหมิงนั้นจะตรงกลับวันที่ 5 มีนาคมของทุกๆปี และวันชดเชยคือวันที่ 6 มีนาคม ผมจึงช่วงเวลานี้ในการพักผ่อนและเดินทางไปเปิดหูเปิดตาในมลฑลอื่นของจีน ที่ผมเลือกมาที่เมือง Hefei นั้น เพราะเป็นบ้านเกิดแฟนผม และนี่คือการเดินทางมาเยือนครั้งแรกของผมด้วย



ในวันที่ 5 มีนาคม ผมออกเดินทางจากบ้านผมเพื่อที่จะไปขึ้นรถไฟที่สถานี Shanghai Railway Station ในเวลา 11 โมงเช้า หลังจากที่ผมมาถึงก็มาต่อแถวเอาตั๋วที่ซื้อไว้ทางออนไลน์และต่อแถวเช็คอินเข้าไปยังสถานีรถไฟ ช่วงวันหยุดเทศกาลคนจีนเดินทางออกจากเมืองเพื่อกลับบ้านกันเยอะมาก ทิปในการซื้อตั๋วรถไฟในเมืองจีนนั้น ต้องทำการจองผ่านออนไลน์ล่วงหน้าก่อน แล้วค่อยไปรับตั๋วเมื่อไปถึงสถานี ไม่สามารถซื้อตั๋วหน้างานได้เพราะจะหาตั๋วที่ยังเหลืออยู่ยากมาก และแน่นอนการที่จะซื้อตั๋วผ่านออนไลน์ได้นั้นต้องอ่านภาษาจีนพอได้หรืออาจจะต้องใช้ตัวแปลภาษาในเว็บช่วย เพราะเว็บจีนไม่มีตัวเลือกเปลี่ยนภาษา






การเดินทางจากเซี่ยงไฮ้ไปเมืองเฮอเฟยใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่ง เมื่อมาถึงจุดหมาย อากาศไม่ค่อยเป็นใจมีฝนตกระดับปานกลาง ผมกับแฟนก็ได้ทำการเช็คอินโรงแรมที่ชื่อ โฮมอิน Home Inn (陆家) ซึ่งโรงแรมที่ผมเข้าพักนั้นตกคืนละ 200 หยวน เทียบเป็นเงินไทยก็ 1100 บาท เป็นโรงแรมราคาค่อนข้างประหยัดเมื่อเทียบกับโรงแรมในพื้นที่แถวนั้น จริงๆผมแนะนำว่าควรที่จะหาโรงแรมที่ราคา 300 หยวนขึ้น และเลือกพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับใจกลางเมืองมากที่สุด เพราะสภาพภายในห้องจะน่าอยู่และการเดินทางไปไหนมาไหนจะสะดวกมากกว่า อย่างไรก็ตามโรงแรมของผมก็อยู่ใกล้กับทาว์เซ้นเตอร์ เพียงแต่สภาพห้องไม่ค่อยดีเท่าไหร่นั

หลังจากเช็คอินเอาของไปเก็บในห้องเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังย่านช๊อปปิ้งที่ชื่อ BuXingJia (步行街) เพื่อไปเดินเล่นและหาของกิน อ่อลืมบอกไปในทริปนี้มีเพื่อนสนิทของแฟนผมมารวมด้วยหนึ่งคน ซึ่งเขาเป็นคนท้องถิ่นและทำงานอยู่ในเมืองนี้ด้วย เขาก็ได้พาผมกับแฟนมายังแหล่งช๊อปปิ้งในเมือง และเป็นที่ตั้งของวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง MingJiao Temple (明教寺)

MingJiao Temple (明教寺) เป็นวัดจีนที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงค์หมิง มีสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในเป็นแบบพุทธศาสนา ภายในวัดจะมีสวนหย่อมและมีห้องต่างๆแบ่งเป็นสัดส่วน ทั้งยังมีพระพุทธรูปที่ถูกปั้นขึ้นมาวางเรียงรายมากกว่า 30 รูป ภายในห้องโถ่งใหญ่นั้นประกอบไปด้วยพระพุทธรูปองค์ใหญ่ 5 รูป จะว่าไปแล้วก็วัดในเมืองจีนก็เหมือนกันหมดแหละคราบ คนจีนที่นี่จะนับถือศาสนาพุทธเถรวาท (มีแต่คนรุ่นเก่า) คนรุ่นใหม่สมัยนี้จะไม่มีศาสนา ถามว่าเขานับถืออะไรหรอ ผมเคยถามเพื่อนสนิทครับ เขาบอกว่าเชื่อตัวเองครับ โอเคเอาตัวเองเป็นที่ตั้งครับ 555+







ผมได้ใช้เวลาช่วงเย็นในการเดินช๊อปปิ้งจนกระทั่งผมได้รองเท้า Nike มาหนึ่งคู่ตามต้องการ เหนื่อยแล้วเราก็ไปรับประทานอาหารเย็นในร้านอาหารฮันหุย แน่นอนว่าอาหารในร้านเป็นอาหารท้องถิ่นทั้งหมด หน้าตาก็เหมือนกับอาหารจีนทั่วไป อาหารบางอย่างก็มีรสชาติเหมือนอาหารจีนภาคอื่นๆ แต่รสชาติจะออกเค็มและมีอาหารที่ทำจากแป้งหลายอย่าง ร้านที่ผมกับแฟนไปกินชื่อ Lee's Cuisine (半勺餐厅) ตัวพินอินเขียนว่า "Ban Shao Can Ting" ร้านนี้รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว