[Review] Ready Player One: A Film By Nerd [Spoil!]


By มาร์ตี้ แม็คฟราย

เป็นความสงสัยตั้งแต่เห็นตัวอย่างของหนังใหม่ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก เรื่องนี้แล้วว่าเราจะสามารถสนุกกับตัวหนังได้ขนาดไหน เพราะแม้ว่าหนังจะโชว์ภาพสุดอลังการจากเกมที่เต็มไปด้วยซีจีสุดอลังการ แต่ด้วยเรื่องราวที่เป็นการผจญภัยผ่านเกมนับเป็นของแสลงระดับหนึ่งที่ผู้เขียนค่อนข้างจะไม่ค่อยอินเท่าไหร่ อีกทั้งอาการเบื่อภาพซีจีปริมาณเยอะระดับน้ำทะเลล้นก็ได้เริ่มกลับมาอีกครั้งด้วย แต่แน่นอนว่าในตัวอย่างก็มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจและเป็นจุดขายมากกว่าเรื่องราวของหนัง นั่นก็คือ Easter Egg ของบรรดา Pop Culture ยุค 80 มากมายจนลายตา ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะภาพยนตร์ แต่ยังรวมถึงอนิเมะ เพลง และมิวสิกวีดีโออีกด้วย

ซึ่งจากที่ได้ดูไปแล้ว โดยส่วนตัวสามารถสรุปได้ว่า จริง ๆ แล้วสปีลเบิร์กก็ยังคงเป็นผู้กำกับที่เล่าเรื่องได้สนุกเหมือนเดิม (อาจจะหย่อนลงไปบ้างในเรื่องจังหวะที่เชื่องช้า ไม่เหมือนกับยุคท็อปฟอร์มในช่วง 80 ที่เล่าได้น่าติดตามในทุกฉาก) เรียกได้ว่าช่วงนี้อาจนับได้ว่าเขากลับมามือขึ้นอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานกับงานหวังรางวัลอย่าง The Post (2017) สปีลเบิร์กก็โชว์ฝีมือการเล่าเรื่องอันทรงพลังให้เห็น และกลายเป็นหนังชิงออสการ์ปีล่าสุดที่ชอบที่สุดไปโดยปริยาย

เพราะหากใครดูแล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่าฉากขับรถแข่งในฉากแรก ๆ ของหนัง ก็ทั้งตื่นเต้น ตื่นตา และดูสนุกไม่น้อยเลย นอกจากนั้นลายเซ็นของสปีลเบิร์กในแง่ของ ‘เด็กที่ไม่รู้จักโต’ ก็ยังคงอยู่ และคราวนี้เขาสามารถนำมาเล่าได้ดียิ่งขึ้น รู้ว่าควรเบามือและหนักมือตอนไหน ไม่เหมือนกับ The BFG (2016) ที่หนักมือเกินเสมือนว่าทำให้เด็กดูอย่างเดียวจนผู้ใหญ่รู้สึกไม่เข้าถึง

ถามว่าเรื่องราวของหนังและฝีมือการกำกับของสปีลเบิร์กสนุกมั้ย ก็ต้องบอกว่ามันดูสนุก แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนสนุกยิ่งกว่าตัวหนัง คือบรรดา Easter Egg ของ Pop Culture ยุค 80 เหมือนที่หลายคนรู้สึกนั่นแหละ และเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของบรรดาแฟนคอมิคมาร์เวลและดีซีก็คราวนี้ ว่าตอนที่ได้เห็นเรื่องราวหรือตัวละครใดปรากฏขึ้นบนจอมันให้ความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นขนาดไหน

เพราะการได้เห็นทั้งภาพยนตร์ที่เคยดูในอดีตที่มีทั้งเฉย ๆ และชอบมาก (แต่ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ชอบมาก) เช่นการ Tribute ไปถึง Back to the Future (1985) กับรถเดอเลอรีนและ แมคฟราย, แอนิเมชั่นในความทรงจำอย่าง The Iron Giant (1999), มอไซค์สุดเท่จากอนิเมะญี่ปุ่นอย่าง Akira, โลกแห่งโรงแรมโอเวอร์ลุคแบบฉากต่อฉากในหนังสยองขวัญขึ้นหิ้งของ สแตนลีย์ คูบริก ใน The Shining (1980), ท่าชูนิ้วโป้งก่อนตายของ T-800 ใน Terminator 2: Judgment Day (1991), ชุดสีแดงสดของ ไมเคิล แจ็คสัน ในมิวสิควีดีโอระดับตำนานอย่างเพลง Thriller และประโยคคลาสสิกจากหนังอมตะอย่าง Citizen Kane (1941) อย่าง โรสบัด ล้วนแต่เป็นสิ่งที่บรรดาชาวเนิร์ดหนังและ Pop Culture ตัวจริง ที่มีเพียงน้อยนิดได้ตาลุกวาวและสนุกไปกับการรอคอยว่าจะมีอะไรให้เราระลึกถึงได้อีก

ในจุดนี้คงต้องชมผู้เขียนบททั้ง เออร์เนส ไคลน์ และ ซัค เพนน์ ที่ลงไอเดียบรรดา Easter Egg เหล่านี้ออกมาเพียบ และไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดเกินไป รวมถึงพ่อมดฮอลลีวูดอย่างสปีลเบิร์ก ที่งานกำกับของเขาคราวนี้ได้เปิดเผยให้เราได้รู้ว่าสปีลเบิร์กก็อาจเป็นชาวเนิร์ดตัวพ่อเลยก็ว่าได้ เพียงแต่เราไม่เคยรู้มาก่อนก็เท่านั้น เพราะเรารู้สึกได้เลยว่าทั้งผู้เขียนบทและผู้กำกับก็คงเป็นชาวเนิร์ดตัวจริงเหมือนคนดูที่กำลังกระดี๊กระด๊ากับสิ่งที่เห็นอยู่

แต่ก็เหมือนจะเป็นดาบสองคม เพราะกลับกันเป็นคนที่ไม่ได้ดูหนังเยอะ ไม่ได้รู้เรื่อง Pop Culture มากนัก บรรดา Easter Egg ทั้งหมดที่หนังตั้งใจนำเสนอ จะกลายเป็นสิ่งที่ถูกปล่อยผ่านด้วยความไม่เข้าใจไปในทันที ทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ใช่ชาวเนิร์ด จะมองหนังเรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่น เกม ๆ เรื่องหนึ่งที่ก็ดูสนุกดี และคงจะลืมไปภายในเวลาไม่เกิน 15 นาทีนับตั้งแต่ไฟเปิด

ต่างกับชาวเนิร์ดที่ผ่านมาหลายวันก็แล้ว ความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นสิ่งเหล่านั้นก็ยังอยู่ไม่ไปไหนสักที

ขอบคุณรูปภาพจาก Warner Bros. Pictures

ติดตามบทความจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆได้ที่ https://www.facebook.com/thelastseatsontheleft
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่