วินัย และ ฝูงผึ้ง ลิเวอร์พูลคว้าชัยได้อย่างไร

บทความนี้เป็นการแปล บทสัมภาษณ์ของมาร์ค ลอเรนสันกับ BBC ครับ ใส่สีตีไข่บ้างเล็กน้อย

ลิเวอร์พูลเล่นแตกต่างกันมากในสองครึ่งของเกมแชมเปี้ยนลีค ที่น่าประทับใจกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ แต่ทั้งสองครึ่งนั้นสมบูรณ์แบบโดยตัวมันเอง
ก่อนพักครึ่งเวลา - ลิเวอร์พูลเล่นอย่างที่ทีมที่มีลายเซ็นของคล็อปกำกับ - เดินหน้า ฆ่ามัน ขยี้มัน เครื่องจักรที่เฟืองบดหมุนไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดยั้ง
เจตนาของลิเวอร์พูลนั้นชัดเจนที่เดินหน้าขยี้ซิตี้ให้เป็นจุล และมีน้อยทีมนัก ที่แกร่งพอจะทนมัน เกมเพรสซิ่งเป็นจุดแข็งของคล็อปแต่ไหนแต่ไร และ ทุกครั้งที่ซิตี้ได้บอล พวกเขาก็เหมือนโดนโจมตีทุกทิศทุกทางจากฝูงผึ้ง
หลังพักครึ่ง ลิเวอร์พูลแสดงวินัยเกมรับเพื่อป้องกันคะแนนนำ 3-0 เอาไว้ สิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นนักจากทีมๆนี้
ข้อเท็จจริงว่า ลอริส คาริอุส ไม่ได้เซฟแม้แต่ลูกเดียว สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาแกร่งเพียงใดในเกมรับ

'ซิตี้ไม่คุ้นกับการตั้งรับ'
ผมคิดว่าไม่มีใครแปลกใจกับการที่ลิเวอร์พูลเริ่มเกมด้วยสปีดเร็วกว่านรก
ซิตี้รู้ว่าสิ่งนี้จะมาและพวกเขาเตรียมพร้อมเผชิญกับพายุ ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าคุณเสียประตูเร็ว สิ่งที่ต้องทำก็คือตอบโต้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และสร้างความมั่นใจว่าจะไม่เสียอีกลูกแบบต่อเนื่อง
แต่ผมคิดว่าปัญหาของเป็ป กวาดิโอล่าก็คือ มันมีทีมน้อยมาก ที่บุกใส่ซิตี้ นักเตะของพวกเขานั้นไม่คุ้นเคย
ปกติแล้วทุกคนจะบอกว่า ในระหว่างครึ่งแรกที่พายุสีแดงโหมกระหน่ำ สิ่งที่ต้องทำก็แค่ ตั้งแคมป์ ปกป้องที่มั่นไว้ ทำให้ชีวิตของคล็อปยุ่งยากโดยการปิดพื้นที่ตรงโน้นตรงนี้

พวกเขาทำไม่ได้ พวกเขาไม่ได้โดนฝึกมาแบบนั้น ในฐานะทีม พวกเขาไม่เคยชินกับการตั้งรับ หรืออยู่ภายใต้แรงกดดัน เมื่อผู้เล่นอย่าง ดาบิด ซิลบา หรือเควิน เดอ บรอยเนอ ได้บอล พวกเขารู้สึกเหมือนโดนเร่งตลอดเวลา
พอสิ่งนี้เกิดขึ้น ก็ไม่สำคัญแล้วว่าคุณจะเก่งแค่ไหน คุณจะเริ่มผิดพลาด ลิเวอร์พูลรู้ และชักนำให้มันเกิดขึ้น

'อเกวโร่ เจ้าอยู่หนใด'
เมื่อดูว่าอะไรแตกต่างระหว่างเกมชนะเอฟเวอร์ตัน 3-1 ที่กูดิสันพาร์ค เมื่อวันเสาร์กับครึ่งแรกที่แอนฟิลด์ เราพบว่า เอฟเวอร์ตันปล่อยให้ซิตี้เล่น ขณะที่ลิเวอร์พูลบอก "โอ้ ไม่ล่ะ - อยู่เฉยๆเลยเพื่อน"

นั่นหมายความว่า ซิตี้ไม่เคยได้ครองเกมเลยในครึ่งแรก พวกเขากลับมาได้ในครึ่งหลัง แต่ตอนนั้นลิเวอร์พูลก็สลับเข้าโหมดตั้งรับไปแล้ว ในแดนหน้า ซิตี้ คิดถึงเซอกิโอ อเกวโร่ ที่บาดเจ็บอย่างมากแน่ๆ ทั้งบทบาทในสนาม และ ประสบการณ์
กาเบรียล เฆซุส ขาดทั้งสองอย่าง เขาดู...อ่อน


อเกวโร่ เป็นผู้เล่นชาญฉลาด เมื่อทีมเข้ามุมอับจน เขารู้ว่าเมื่อไหร่เขาควรเลิกวิ่งตัดไลน์เพราะมันไม่เวิร์ค แล้วหันมาครองบอลแทนซิตี้จะทำได้ดีกว่านี้มาก ทั้งการพยายามครองเกมในครึ่งแรก หรือการหาช่องว่างทะลุแนวรับในครึ่งหลัง

'ไม่มีปีก เรือก็เอียงข้าง'
แต่อเกวโร่เจ็บ ดังนั้นกวาดิโอล่าก็ไม่มีทางเลือก แต่ผมคิดว่า การไม่เอาราฮีม สเตอริ่งลงนั้นเป็นความผิดพลาด มันทำให้ซิตี้ดูเอียงข้าง และไม่สมดุล มีแค่ไคล์ วอร์คเกอร์โดดเดี่ยวอยู่ทางด้านขวา

ภาพขวาเป็นฮีทแมปของซิตี้ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเอียงซ้าย

นั่นหมายความว่า การโจมตีของซิตี้จะเทไปด้านซ้าย ทางที่เทรน อเล็กซานเดอร์ อาโนล หยุดเลรอย ซาเน่ ได้อย่างสุดยอด
อเล็กซานเดอร์ อาโนล ถูกมองว่าเป็นจุดอ่อน แต่เขายืนหยัดได้ และผมคิดว่า บรรยากาศจากการเล่นในบ้านช่วยเขามากๆ เมื่อผู้คนพูดถึง ความพิเศษ ของยูโรเปี้ยนคัพ หรือแชมเปี้ยนลีค ที่แอนฟิลด์ เขาพูดถึงมันเพราะบรรยากาศมันลั่นเปรี้ยะ เลย ผมรู้ เพราะผมเคยเล่นในนั้น


ถ้าคุณเล่นให้ลิเวอร์พูลในบรรยากาศแบบนั้น มันเหมือนคุณได้ตีบวก 20% ทั้งพลังและทักษะเลยแหละ นั่นคือสิ่งที่แฟนบอลสร้างขึ้น มีไม่กี่สนามหรอก ที่เจ้าถิ่นจะได้พลังแบบนี้ ลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในนั้น แฟนบอลรู้ดีว่าจะทำยังไงให้นักเตะวิ่งได้ 120%
ซิตี้คำนึงเรื่องนี้น้อยไป ผมคิดว่ามันเป็นสภาพการณ์มากกว่าความผิดพลาดเชิงแท็คติกของเป็ป ที่ทำให้ผลจบลงแบบนี้ นักเตะที่ยอดเยี่ยมอย่าง เดอ บรอยเนอ ซิลบา หรือกุนโดกัน แทบจะระเบิดตัวเองต่อหน้าต่อตาคุณแสดงให้เห็นชัดว่า แอนฟิลด์เอฟเฟ็คนั้นรุนแรงขนาดไหน

'ขุนคล็อปทุบหม้อข้าวตีเมือง'
เกมเข้าทางเราเล็กน้อย มีสองโอกาสที่ทำให้เราได้เปรียบ เศาะลาฮฺ อาจจะออฟไซค์ในลูกแรก เช่นเดียวกับเมื่อซิตี้โดนตัดสินว่าออฟไซค์ในครึ่งหลัง ว่ากันแฟร์ๆ ในเกมแบบนี้ เราต้องมีดวงด้วย และลิเวอร์พูลใช้ทั้งโอกาสและดวงได้อย่างคุ้มค่า และช่วงชิงโอกาสมาจากฝ่ายตรงข้าม
เครดิตเป็นของคล็อป เมื่อเขาตะโกนปลุกใจ มันเหมือนเขาพูดกับทีม "ทุบหม้อข้าว ขยี้ให้แหลก แล้วพรุ่งนี้ไปกินข้าวเช้าด้วยกันที่แอนฟิลด์" และเขาก็ได้สิ่งที่เขาเรียกร้อง

ฆ่ามานนนนน

ซิตี้สุดยอดมากในปีนี้ แต่ผมเข้าใจได้ว่า ทำไมลิเวอร์พูลถึงแสดงความเชื่อมั่นแบบนั้น และไม่ใช่เพราะพวกเขาชนะ 4-3 ในแอนฟิลด์เมื่อเดือนมกราคม อาจจะฟังดูแปลก แต่ลิเวอร์พูลเล่นดีในเกมแพ้ 5-0 ด้วย หรืออย่างน้อยก็จนซาดิโอ มาเน่โดนไล่ออกนั่นละ
คล็อปมีความสามารถในการปลุกเร้าพลทหารให้บุกยึดเนิน พวกเขาเชื่อในสิ่งที่ถูกสั้งให้ทำ และเมื่อพวกเขายิงได้ ความเชื่อมั่นนั้นก็ยิ่งเติบโต
กองเชียร์หนุนหลังพวกเขา และพวกเขารู้สึกได้ ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังตื่นตระหนก
และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันพุธ - และนั่นหมายถึงถ้าอาทิตย์หน้าพวกเขาได้อเวย์โกลซักลูก ก็ยังแพ้ได้ถึง 4-1 แล้วก็ยังเข้ารอบ

'ชนะลิเวอร์พูล  4-0? ไม่ม้างงงง'

บางทีถ้าเรามองกลับไปเสียหน่อย แฟนลิเวอร์พูลอาจต้องขอบคุณเอฟเวอร์ตันสำหรับเกมที่เล่นกับซิตี้ที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตันปล่อยให้ซิตี้เล่น และทำให้มันง่ายเหลือเกินที่จะกล่อมพวกเขาถึงความปลอดภัยจอมปลอม ว่าพวกเขาเล่นได้ดี
ซิตี้มีเวลาพัก 3 สัปดาห์ก่อนเล่นกับเอฟเวอร์ตัน และทำให้พวกเขาเชื่อว่าพวกเขากลับมาคุมได้ทุกอย่าง แต่นั่นไม่จริงเมื่ออะไรๆมันเริ่มยาก
ส่วนใหญ่ - เช่นที่เราเห็นมาตลอดฤดูกาล ซิตี้ถล่มทีมอื่นด้วยความเร็ว การครองบอล และเกมรุกที่น่าตื่นตา
แต่เมื่อทุกอย่างพลิกกลับ - พวกเขาก็ดูไม่ดีเท่าไหร่
เรามั่นใจได้เลยว่า ซิตี้จะเล่นได้ดีขึ้นมากในเลคสองที่เอติฮัด ในวันอังคาร แต่พวกเขาจะยิงลิเวอร์พูลได้สี่ลูกจริงรึ? ผมไม่แน่ใจ โดยเฉพาะเมื่อมีภัยคุกคามระดับเทพเจ้าอียิปต์ในเกมสวนกลับ
ซิตี้อาจนำ 2-0 ก่อนพักครึ่ง และก็อาจคิดว่าพวกเขาเอาอยู่ แต่ถ้าลิเวอร์พูลเอาคืนได้หนึ่งลูก พวกเขาต้องยิงเพิ่มอีกสาม เมื่อดูจากลิเวอร์พูลในครึ่งแรก ผมคิดว่ามันยากมากสำหรับซิตี้ที่จะทำคลีนชีท
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่