[CR] แชร์ประสบการณ์ เที่ยวอียิปต์ 22-1 มีนาคม 18 (Ep.2)

มาต่อๆๆๆ เดินทางจาก Alexandria มาถึง Matrouh เวลาประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง ๆ โรงแรมที่เราจองไว้ชื่อโรงแรม Beau site belle vue hotel เป็นกึ่งโรงแรมกึ่งservice apartment ห้องนึงมี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1ห้องครัว 1 ห้องนั่งเล่น ราคาห้องละพันกว่าบ้าน นอนได้4คน คุ้มๆมากๆ ที่ราคาถูกเพราะช่วงที่เราไปเป็นช่วงหน้าหนาว นักท่องเที่ยวไม่เที่ยวกันเท่าไหร่ ราคาห้องเลยถูกเป็นธรรมดา อากาศช่วงนั้นประมาณ 12-16 องศาค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปห้องให้ดูอีกตามเคย เพราะกว่าจะไปถึงก็ดึกแล้ว ร่างกายต้องการที่นอนมากๆๆ

= 25 Feb 18 =
เช้านี้ที่ Matrouh ค่ะ อากาศดีมาก กินอาหารเช้าที่โรงแรมซึ่งโรงแรมนี้อาหารจะเน้นเป็นอาหารอียิปต์ ส่วนเราก็ตามเดิมค่ะ ออมเล็ตและน้ำผลไม้

วิวหน้าโรงแรมค่ะ น้ำทะเลใสมาก อยากจะลงไปเล่น แต่สู้ไม่ไหว หนาวเกิน


จุดหมายของเราวันนี้อยู่ที่ Siwah ค่ะ ต้องนั่งรถจาก Matrouh ไปอีก 3 ชั่วโมงครึ่ง
ก่อนเราจะเดินทางก็แวะไปถ่ายรูปที่ Agiba beach ก่อน เหมือนเป็นจุดชมวิว ของเมืองนี่นะค่ะ




ระหว่างทางจาก Matrouh ไป Siwah 2 ข้างทางไม่มีอะไรเลยค่ะ มีแต่ทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา แอบกลัวๆจะมีดิเซปติคอนโผล่มาจริงๆมั้ย บรรยายกาศมันเหมือนในหนังมากๆๆ


ระหว่างทางจะมีด่านทหารเป็นระยะๆ
หทารหล่อบอกต่อด้วย 555


โรงเรียนตามต่างจังหวัดก็จะเป็นแบบนี้

เดินทางมาถึง Siwah ประมาณบ่าย3โมงเย็น
หมู่บ้านที่นี่ดูมีเสน่ห์ บ้านจะทำจากหินก้อนใหญ่ๆ นำปูนมาทาทับอีกที รั้วบ้านจะทำจากใบของต้นอินทผาลัมมาสานๆต่อกัน เท่าที่ทราบข้อมูลมาคือคนที่นี่อาศัยอยู่กันเป็นเผ่าๆ ดูแลกันเอง





โรงแรมที่เราจองไว้ชื่อ Relax Retreat Resort นะค่ะ
รีสอร์ทนี้บรรยากาศดีมาก ให้ไปเลย สิบกะโหลก ในห้องไม่มีไฟฟ้าใช้เลย คือใครอยากไป Honey Moon แนะนำเลยค่ะ โรแมนติกที่สุด เจ้าของที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องพอสมควรเลย เค้าเคยไปเรียนนวดที่เชียงใหม่ด้วย พอรู้ว่าเรามาจากไทยเค้าดูดีใจมาก

อันนี้ทางเข้ารีสอร์ท

มาดูบรรยากาศรอบๆรีสอร์ทกัน






พอเก็บของเรียบร้อยแล้ว เราออกทะเลทรายกันเลย เราให้ทางรีสอร์ทติดต่อ safari tour ให้นะ ค่ารถคิดคนละ 350 ปอน คือพอได้มาคุยกับคนขับรถตอนหลังเค้าบอกว่าที่จริงแล้วถ้าติดต่อเค้าโดยตรงเค้าคิดแค่250ปอนเอง ก็เลยขอเบอร์ติดต่อคนขับรถไว้ เพื่อมีโอกาสจะกลับไปอีก อิอิ
โอเอซิสกลางทะเลทรายมันเป็นแบบนี้นี่เอง




ขับรถวิ่งขึ้นลงภูเขาทรายสนุกมาก คล้ายๆกับเล่นพวกไวกิ้ง ที่ไต่ระดับขึ้นไปสูงๆ แล้วก็ทิ้งตัวลงมา
หลังจากขับรถวิ่งอยู่ในทะเลทรายสักพักนิด คนขับรถก็พาเรามาดูพระอาทิตย์ตก
มีบริการชาต้นตำหรับชาวเบดูอินแท้ๆด้วย



อากาศหนาวนะกลางทะเลทราย ทั้งลม ทั้งทราย สำหรับคนที่พกกล้องไปต้องระวังเลยนะ เพราะทรายเข้าไปในกล้องแน่นอนค่ะ

พระอาทิตย์ตก
กลับเข้ามาจากทะเลทรายประมาณ 1 ทุ่ม ทางรีสอร์ทเตรียมอาหารเย็นไว้ให้เรียบร้อย วันนี้เรากินข้าวท่ามกลางแสงเทียนกันนะ


= 26 Feb 18 =
ตื่นเช้ามา อากาศดีมากๆค่ะ ทางรีสอร์ทเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เรียบร้อย หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วก็เก็บภาพบรรยากาศรอบๆ จริงๆถ้ามีเวลามากกว่านี้จะขออยู่ต่ออีกสักคืน





วันนี้เราต้องเดินทางกลับไคโร ใช่เวลาเดินทางทั้งหมด 10 ชั่วโมง นั่งรถกันเมื่อยเลย แต่ก่อนที่เราจะเดินทางกลับไคโรขอแวะเที่ยวในเมือง Siwah นี้ก่อน
เราแวะไปถ่ายรูปที่ Oracle temple เป็นที่แรก

ราคาค่าเข้าชมคนละ 40 ปอน


ขึ้นไปข้างบนสูงสุดสามารถมองเห็นเมือง Siwah ได้ทั้งเมืองเลย


หลังจากนั้นเราเดินทางไป Cleopattra bathtup หรือ ห้องน้ำของครีโอพัตรานั่งเอง

ลักษณะเหมือนเป็นบ่อน้ำ น้ำใสมาก ใครที่อยากลงเล่นน้ำก็สามารถกระโดดตู้มลงไปได้เลย




รอบๆสระน้ำจะมีร้านกาแฟ ตกแต่งได้น่านั่งมากๆ


นั่งรอจิบกาแฟ ชิวๆ


นอกจากร้านกาแฟที่อยู่รอบๆแล้ว ยังมีร้านที่ขายของที่ระลึก เสื้อผ้า เครื่องประทับ hand made ต่างๆ อีกด้วย


เนื่องจากเมือง Siwah เป็นเมืองที่ผลิตเกลือส่งขาย เราก็ขอแวะนาเกลือบ้านเค้าสักหน่อย

เกลือก้อนเบอเริ้มเลย

ที่เห็นขาวๆที่พื้นนั่นคือเกลือหมดเลย

คนขับรถบอกเราว่าที่นี่มีสปาเกลือด้วย ลงไปแช่ในบ่อตัวก็จะลอยๆ เพราะน้ำมันเค็มมาก เสียดายเวลาไม่พออดไปตามระเบียบ
กว่าจะออกจาก Siwah ก็เกือบบ่าย3แล้ว เรานั่งรถกันยาวเลย เพื่อกลับไปที่ไคโร ถึงไคโรตีหนึ่งกว่า กลับไปพักที่โรงแรมเดิมเลยค่ะ Barcelo pyramids hotel

= 27 Feb 18 =
วันสุดท้ายที่อียิปต์ค่ะ ไฟล์ทกลับของเราเป็นเวลาตีหนึ่ง ยังมีเวลาอีกทั้งวันเพื่อเก็บตกที่ที่ยังไม่ได้ไป
เชคเอาท์จากโรงแรมเวลา 10 โมงเช้า พร้อมลุยต่อ
วันนี้เราจะไปต่อกันที่ Egyptian Museum ค่ะ มาอียิปต์ทั้งทีจะไม่ไปดูมัมมี่ได้ไง

ค่าเข้าmuseum คนละ 120 ปอน ส่วนใครที่จะใช้กล้องถ่ายรูปต้องเสียค่ากล้องถ่ายรูปเพิ่มด้วยนะจ๊ะ แต่ใช้กล้องมือถือไม่ต้องเสียค่ะ



พี่ที่เคยเรียนอยู่ที่นี่บอกว่าของในพิพิธภัณฑ์นี้โดนทุบเสียหายไปเยอะมาก ตอนช่วงที่อียิปต์มีประท้วงใหญ่
เดินเข้ามาด้านในก็จะเจอฟาโรห์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง

สำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์ น่าจะใช่เวลาอยู่ในนี้ได้เป็นวันๆเลย แนะนำให้อ่านหรือศึกษาข้อมูลมา แล้วมาดูของจริง จะได้อารมณ์สุดๆ ด้านในพิพิธภัณฑ์จะแบ่งห้องตามยุคตามสมัยของอียิปต์ มีห้องสมบัติของตุตันคาเมน แต่เค้าไม่ให้ถ่ายรูปนะค่ะ ห้องนี้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่สำหรับใครที่อยากเห็นมัมมี่ฟาโรห์ Ramesses ll ฟาโรห์ที่มีชื่อเสียงไปดูได้เลยที่นี่ แต่ต้องเสียค่าเข้าห้อง Royal mummy อีกคนละ 120 ปอน และห้ามถ่ายรูปอีกเช่นเคย




เราใช้เวลาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ 2 ชั่วโมง ซึ่งบอกได้เลยว่ายังเดินดูได้ไม่ถึงครึ่งเลย แต่เพราะเวลาเรามีจำกัดเลยต้องรีบออก เรามาแวะกินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารไทยค่ะ ดีใจจนน้ำตาจะไหล รสชาติอาหารถือว่าอร่อยเลย
Manu Recommend แกงส้มใต้ กับ ไก่ทอดหาดใหญ่เด็ดมากอยากให้ไปลอง
ชื่อร้าน Sit & Sab
ท้องอิ่มแล้วก็ลุยกันต่อ เรากลับไปที่ตลาด Hussain อีกรอบนึง ยังค้างคากับของที่นั่น กลับไปช้อปปิ้งกันต่อ ด้วยความที่เรามากันทั้งหมด 9 คน จึงต้องแยกกันเดินซื้อของ โดยที่ติดต่อกันนักเรียนไทยที่มาเรียนที่นี่ให้ช่วยเป็นไกด์และต่อราคาของให้ ยิ่งบอกว่าเป็นนักเรียนที่นี่ ยิ่งได้ลดเยอะขึ้นอีกนะจ๊ะ
นัดกันที่จุดนัดพบเวลา 2 ทุ่มเพื่อเราจะไปล่องเรือแม่น้ำไนล์พร้อมรับประทานอาหารค่ำ
เราจองเรือของบริษัท Nile Smart Al Maadi ค่าล่องเรือพร้อมอาหารค่ำแบบบุฟเฟ่ต์ 200 ปอน เรือใช้เวลาในการล่องแม่น้ำไนล์ 2 ชั่วโมงค่ะ

หลังจากล่องเรือเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็รีบไปสนามบินเลย ไฟล์ทเราตอนตีหนึ่งครึ่ง
ฝากนิดนึงสำหรับขาออกของสนามบินไคโร มันค่อยข้างจะวุ่นวายนิดหน่อย เพราะต้องยกกระเป๋าเดินทางสแกนก่อนเข้าเช็คอิน ซึ่งsecurity ที่นี่ค่อนข้างเยอะ เยอะในที่นี้หมายถึงเรื่องเยอะนะ ขอดูนั่นดู ให้เปิดกระเป๋า ขอดูว่าข้างในมีอะไรบ้าง อยากให้เพื่อเวลาตรงนี้ไว้ด้วยนะคะ



ทำวีดีโอมาให้ดู เพื่อมีใครอยากดูแบบภาพเคลื่อนไหว
Day1  https://youtu.be/EVnn1lqTsYU
Day2. https://youtu.be/_ILB5KcE4gc
Day3-4 https://youtu.be/jLYI1AoAGtE
Day5  https://youtu.be/_hOVIbm9Fk4