.
เมษาเยือน เหมือนมนต์ ดลใจหนัก
ให้ลาพัก จากงาน ผ่านวิถี
เข้าสงกรานต์ ผ่านเวลา มานานปี
สงกรานต์นี้ มีเวลา ครากลับรัง
เหมือนนกน้อย คอยเสียง สำเนียงหวาน
ร้องขับขาน ผ่านทุ่งนา พาใจหวัง
น้องบ้านนา พาใจ ในภวังค์
ไม่ได้หวัง สักครั้งเลย ไม่เคยทำ
น้องบ้านนา หน้าตา มาจากใจ
ใจจากใจ ให้แท้ แม่งามขำ
ใส่เสื้อยีด นุ่งผ้าซิ่น สุดแสนงาม
ในฟ้าคราม ตามทุ่งนา พาใจลอย
เพียงแค่มอง จ้องกานดา คราได้ยล
ดั่งมีมนต์ ดลใจ ให้สวอย
ไม่เคยคิด ครอบครอง ให้ล่องลอย
ดอกไม้ดอย ประดับใจ ให้ก็พอ........
ขยายความ
ผมมีโอกาสกลับบ้านนอกปีละครั้ง และ/หรือสองครั้ง ตุลา และเมษา
เพื่อลาพักจากงานอันแสนชวนปวดหัว ไปสัมผัสท้องทุ่งนา (ที่ยังเหลืออยู่ในปัจจบัน)
บางครั้งลงรถ ที่จังหวัดกาฬสินธ์ นั่งสองแถว ไปยังบ้าน คนขับเคยมองอย่างสงสัย ว่าทำไม รถข้อย มีไอ้บ้าคนหนึ่ง ทะลึ่ง ไม่ยอมนั่งในรถ แต่ทะลึ่งออกไปยืนเกาะท้ายรถ ทั้งที่มีที่นั่งเหลือ แถมมีสาวๆ หลายคนให้นั่งเคียงข้าง แต่ผมอายเกินไป....เขิลล์
คนขับหารู้ไม่ว่า ชายคนนั้น เขาเพียงอยากสัมผัสกลิ่นไอของท้องทุ่งนา ที่จากมานาน...ทุ่งนาเขียวขจีสุดสายตา...กลื่นไอธรรมชาติ....ที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่....เขายืนรับความสดชื่นของท้องทุ่งนาที่จากมานาน... มันมีความหมายมากมาย ห่างจากตัวจังหวัดไม่ถึงร้อยกิโลเมตร ภาพเช่นนี้ยังมีอยู่ในปัจจุบัน ที่หลายคนไม่เชื่อจะมีจริง แต่กาลข้างหน้าไม่รู้จะเหลือไหม....เพียงเวลานี้ยังพอเหลือ เหลือพอกับความรู้สึกดีๆ ที่มีคุณค่าพอจะเก็บไว้ในลิ้นชักแห่งความทรงจำ สาว ๆ บ้านนาที่เรียนจบ ป.4 นุ่งผ้าซิ่น ใส่เสื้อยืด ไปใส่บาตรตามวัดวาเก่าๆ ที่มีพระแก่ๆ ยังมีอยู่..... พวกเธอจะระวังตัว เจียมตัว และขี้อาย แต่ขยันทำงาน ไม่ตามแฟชั่น ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้า เสน่ห์ของน้องนางบ้านนา อยู่ตรงนี้เอง
เพียงปีที่แล้ว ผมได้ข่าวไม่ดี ยาบ้าระบาดเข้าไปในหมู่บ้านอันแสนสุข วัยรุ่นรอบบ้านผม ติดกันงอมแงม หมู่บ้านที่เคยสงบสุข กำลังจะลุกเป็นไฟ
ภาพสวยของน้องนางบ้านนา....จะเหลือเท่าไรกัน ผมไม่รู้ เพียงหวัง.... อยากเจออีกสักครั้ง ก่อนถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา และเทคโนโลยี
ความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ต้องไปยึดครอง เพียงใจมอง ก็พอแล้ว เก็บเอาไว้ในใจ เด้อ..........
น้องนางบ้านนา
เมษาเยือน เหมือนมนต์ ดลใจหนัก
ให้ลาพัก จากงาน ผ่านวิถี
เข้าสงกรานต์ ผ่านเวลา มานานปี
สงกรานต์นี้ มีเวลา ครากลับรัง
เหมือนนกน้อย คอยเสียง สำเนียงหวาน
ร้องขับขาน ผ่านทุ่งนา พาใจหวัง
น้องบ้านนา พาใจ ในภวังค์
ไม่ได้หวัง สักครั้งเลย ไม่เคยทำ
น้องบ้านนา หน้าตา มาจากใจ
ใจจากใจ ให้แท้ แม่งามขำ
ใส่เสื้อยีด นุ่งผ้าซิ่น สุดแสนงาม
ในฟ้าคราม ตามทุ่งนา พาใจลอย
เพียงแค่มอง จ้องกานดา คราได้ยล
ดั่งมีมนต์ ดลใจ ให้สวอย
ไม่เคยคิด ครอบครอง ให้ล่องลอย
ดอกไม้ดอย ประดับใจ ให้ก็พอ........
ขยายความ
ผมมีโอกาสกลับบ้านนอกปีละครั้ง และ/หรือสองครั้ง ตุลา และเมษา
เพื่อลาพักจากงานอันแสนชวนปวดหัว ไปสัมผัสท้องทุ่งนา (ที่ยังเหลืออยู่ในปัจจบัน)
บางครั้งลงรถ ที่จังหวัดกาฬสินธ์ นั่งสองแถว ไปยังบ้าน คนขับเคยมองอย่างสงสัย ว่าทำไม รถข้อย มีไอ้บ้าคนหนึ่ง ทะลึ่ง ไม่ยอมนั่งในรถ แต่ทะลึ่งออกไปยืนเกาะท้ายรถ ทั้งที่มีที่นั่งเหลือ แถมมีสาวๆ หลายคนให้นั่งเคียงข้าง แต่ผมอายเกินไป....เขิลล์
คนขับหารู้ไม่ว่า ชายคนนั้น เขาเพียงอยากสัมผัสกลิ่นไอของท้องทุ่งนา ที่จากมานาน...ทุ่งนาเขียวขจีสุดสายตา...กลื่นไอธรรมชาติ....ที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่....เขายืนรับความสดชื่นของท้องทุ่งนาที่จากมานาน... มันมีความหมายมากมาย ห่างจากตัวจังหวัดไม่ถึงร้อยกิโลเมตร ภาพเช่นนี้ยังมีอยู่ในปัจจุบัน ที่หลายคนไม่เชื่อจะมีจริง แต่กาลข้างหน้าไม่รู้จะเหลือไหม....เพียงเวลานี้ยังพอเหลือ เหลือพอกับความรู้สึกดีๆ ที่มีคุณค่าพอจะเก็บไว้ในลิ้นชักแห่งความทรงจำ สาว ๆ บ้านนาที่เรียนจบ ป.4 นุ่งผ้าซิ่น ใส่เสื้อยืด ไปใส่บาตรตามวัดวาเก่าๆ ที่มีพระแก่ๆ ยังมีอยู่..... พวกเธอจะระวังตัว เจียมตัว และขี้อาย แต่ขยันทำงาน ไม่ตามแฟชั่น ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้า เสน่ห์ของน้องนางบ้านนา อยู่ตรงนี้เอง
เพียงปีที่แล้ว ผมได้ข่าวไม่ดี ยาบ้าระบาดเข้าไปในหมู่บ้านอันแสนสุข วัยรุ่นรอบบ้านผม ติดกันงอมแงม หมู่บ้านที่เคยสงบสุข กำลังจะลุกเป็นไฟ
ภาพสวยของน้องนางบ้านนา....จะเหลือเท่าไรกัน ผมไม่รู้ เพียงหวัง.... อยากเจออีกสักครั้ง ก่อนถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา และเทคโนโลยี
ความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ต้องไปยึดครอง เพียงใจมอง ก็พอแล้ว เก็บเอาไว้ในใจ เด้อ..........