กำลังจะแต่งงาน แต่กังวลภาระแฟน หาทางออกยากมาก โดนมองว่าเห็นแก่ตัว อึดอัดพูดไม่ออก คุยกับแฟนก็มีแต่พัง

3/4/64
3 ปีผ่านมาแล้วครับกับกระทู้ปวดกระบาลในชีวิตผม
อยู่ๆวันนี้ผมตื่นขึ้นมาก็นึกขึ้นได้ว่าเคยตั้งกระทู้ไว้และมีหลายๆท่านมาให้คำแนะนำที่ดีมากๆ 
ในช่วงเวลานั้นผมอ่านทุกความเห็นแต่ไม่ได้เข้าไปตอบ เพราะสับสนมาก
บทสรุปของปัญหานี้คลี่คลายไปในทางที่ได้พอสมควรครับ 
- ปัจจุบันผมแต่งงานกันแฟนคนนี้แล้วครับ
- เรื่องบ้านสุดท้ายเธอก็ผ่อนต่อไม่ไหว และตัดสินใจขายไปในราคาขาดทุน แต่ไม่มีหนี้สินคงค้าง 
เลขกลมๆคือเธอผ่อนไปประมาณ 1.5 ล้านบาท  เงินตรงนี้เสียฟรีไปครับ เจ็บแต่จบๆไป
และพ่อแฟนก็ไปอยู่บ้านเดิม ซึ่งมันควรเป็นอย่างนั้นแต่แรกแล้วจริงๆ ผมเตือนแฟนก่อนซื้อแล้ว
"นกน้อยควรทำรังแต่พอตัว" สุดท้ายคำนี้ใช้ได้จริงๆ

- เรื่องน้องเธอที่เป็นปัญหา ตามคำแนะนำของ คห.5 ผมได้ฝากงานให้ที่ จ.ภาคใต้ ตอนนี้ไปได้ดี ไม่ทำตัวเป็นภาระมากเท่าเดิม แต่ก็ยังไม่ช่วยส่งเงินเลี้ยงพ่อแฟนเหมือนเดิม
- น้องอีกคนของแฟนมีครอบครัวแล้ว ก็ไม่ส่งเงินให้พ่อแฟน
- ปัญหาเรื่องคำพูดถากถางน้ำใจของแฟนยังคงมีอยู่บ่อยๆ ซึ่งหลังๆผมทำเป็นหูทวนลมไป ได้ไม่มีปัญหา 
สุดท้ายขอบคุณทุกๆความเห็นมากครับในช่วงนั้นมันคือกำลังใจของผม

ผมอ่านไปเจอ คห. นึงยังจำได้ถึงทุกวันนี้ครับและมันคือเรื่องจริงมากๆ คือปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวบ้านเลย มันอยู่ที่ทัศนคติของแฟนผม
ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงมากๆในหลายๆเรื่องที่ผ่านมามันยิ่งย้ำว่า ทัศนคติของเราต่างกันมาก และคนที่ต้องปรับหรือมองผ่านคือผมเท่านั้น
แรกๆทนทำใจได้ยาก ต่อมาก็ทนๆไป มองมุมดีๆ (ซึ่งนับวันยิ่งลดลง 555 แอบบ่น)
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่ได้เข้ามาแนะนำครับ 
ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในชีวิตคู่ ทุกคนครับ
สวัสดีครับ
---------------------------------------

ปัญหาคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้วขอลบเนื้อหาครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าถามว่าเห็นแก่ตัวไหม ผมตอบว่าไม่ครับ
แต่แฟนคุณตอบถูกต้องครับ ป่วยเอง คนที่บ้านป่วย สิทธิ์ 30 บาทมีนี่ครับ ตายไปก็ทำประกันชีวิตไว้ก็ถูกต้อง

เรื่องบ้านเป็นเรื่องของแฟนคุณจริงครับ คุณห่วงน่ะได้ครับ แต่ไปเซ้าซี้มากๆ บางคนก็รำคาญได้ครับ ในเมื่อเค้าโอนอ่อนให้น้องๆเค้าเอง
บ้านก็เป็นทรัพย์สินก่อนแต่งงาน ยังไงคุณไม่ไปยุ่งด้วยยังได้ ถ้าเค้าไม่ไหว เค้าจะปล่อยยึดเรื่องของแฟนคุณครับ ถ้าคุณจะช่วย นั่นคุณช่วยเค้าเองครับ ถ้าแฟนขอร้อง คุณสวนไปได้ครับ เพราะเคยคุย ถามไถ่ ห่วงแล้ว แต่แฟนคุณว่าคุณไปเผือก คุณไปยุ่ง งั้นคุณก็ไม่ต้องไปยุ่งครับ

ส่วนเรื่องลูก จขกท. ก็ลองคิดดูเอาเองละกันครับ ถ้ายังอยากแต่งก็แต่งกันไป ก็คิดคำนวนไว้ครับถ้ามีลูกเงินจะพอเลี้ยงลูกไหม

สุดท้าย ต้นทุนชีวิตคุณกับเค้าไม่เท่ากันครับ คุณมีพ่อซื้อบ้านให้ แม่ยกรถให้ใช้ แต่แฟนคุณ เค้าก็รักครอบครัวเค้า ครอบครัวชอบบ้านหลังนี้ก็ซื้อให้ (แฟนคุณต้องซื้อเอง ครอบครัวไม่ได้ซื้อให้)
ส่วนเรื่องน้องเค้า จากที่คุณจะมองว่าน้องแฟนเป็นนายตัวเองเงินเดือนไม่มั่นคง งั้นทำไมคุณไม่เข้าดู เข้าไปช่วยแนะนำล่ะครับ ถ้าทำได้นะครับ
น้องแฟนทำอะไรอยู่ รายได้เป็นไง ทำไมเงินแต่ละเดือนมันเท่านี้ เพราะอะไร และทำยังไง จะให้มีคนมาซื้อของเพิ่มของ หรือจ้างเพิ่มขึ้น หรือให้ทำอะไรเพิ่มเพื่อให้มีเงินมากขึ้น

คุณไม่ช่วย แต่ไปถามซ้ำๆ ย้ำๆตลอด ไม่ต้องช่วยเรื่องเงิน แต่ช่วยแนะนำเรื่องอื่นๆได้ครับ
ความคิดเห็นที่ 36
จขกท.คุยกับแฟนด้วยความเป็นห่วง เพราะมีคำว่า "เรา" ในหัวใช่มั้ยล่ะคะ? (ปัญหาของภรรยา ต่อไปจะเป็นปัญหาของเราสองคน มันไม่ใช่เรื่องตัวใครตัวมันแล้ว)

แล้วแฟนจขกท. มีคำว่า "เรา" ในหัวซักกี่มากน้อยคะตอนนี้

"เรา" ที่หมายถึง จขกท. กับ ภรรยา
ไม่ใช่ "เรา" ที่หมายถึง ตัวเค้า และน้องๆ

พอคุยก็ว่า "อย่าเสือ."
พอพูดเรื่องลูกก็ว่า "ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องมี"
คือแนวพูด วิธีพูด ไม่เหมือนคนที่รักกันเข้าใจกัน พร้อมจะสร้างครอบครัวใหม่อะไรแบบนั้นเลยค่ะ จริงๆเป็นเรื่องเข้าใจได้แท้ๆว่าที่ต้องถามต้องยุ่ง เพราะอะไร

ชะลอการแต่งไปก่อนอาจจะดีก็ได้นะคะ อย่างน้อยก็ให้คุยกันเข้าใจก่อน ดีกว่าแต่งได้แป๊บๆแล้วเลิก
ความคิดเห็นที่ 4
ไม่ไหวก็เดินออกมา
คุณไม่ได้เห็นแก่ตัวหรอกค่ะ มันก็จริงไงเงินเดือน 40% ให้ครอบครัวเขาหมด ก็ไม่ไหวมั้ง
น้องๆก็มีมือมีเท้า แต่ไม่ทำงานที่เงินมั่นคง ถ้าขาดเหลือก็คงเป็นแฟนคุณที่ต้องช่วย
แล้วชีวิตคู่ของพวกคุณล่ะ เล่นบอกว่าถ้าไม่ไหวมีเงินไม่พอก็ไม่ต้องมีลูก

ส่วนเรื่องน้องเขาจะทำงานอิสระหรืออะไร เราว่าเรื่องของเขา เขาจะคิดว่า 30 บาทรักษาทุกโรคก็ใช้ได้ อันนี้ก็ไม่ผิด
แต่ผิดที่จะมาเบียดเบียนถึงครอบครัวคุณ(ในอนาคต) แค่นั้น

อนาคตของเขามีคุณรวมอยู่ในนั้นไหม หรือเขามองแค่พ่อแม่พี่น้องเขา
ส่วนคุณไม่ได้มีเอี่ยวอะไรในอนาคตของเขาเลย เขาถึงไม่แคร์
ความคิดเห็นที่ 11
อย่าเสียดายเวลาเจ็ดปีที่คบกัน  
ตอนนี้ยังอึดอัดมากขนาดนี้
ร่วมชีวิตกันแล้ว จะยิ่งกว่า
จะมาบ่นทีหลัง รู้งี้ไม่แต่งซะก็ดีหรอก ไม่น่าแต่งเลย
มันก็สายไปแล้ว
ความคิดเห็นที่ 9
เราเห็นด้วยกับจขกท. ก่อนแต่ง ก็พูดได้นั้นแหละ ว่าภาระใครก็ภาระคนนั้น
  แต่พอแต่งกันไป ภาระของแฟนคุณก็มีสิทธิตกมาอยู่ที่คุณด้วย และถ้าคุณไม่ช่วย ก็ถูกครอบครัวแฟนมองว่าเป็นสามีที่แย่

  การที่คุณแสดงความเห็นออกไป  คุณไม่เห็นแก่ตัวหรอกค่ะ คนเราจะแต่งงาน มีครอบครัวก็ต้องมีการเตรียมพร้อมเพื่อครอบครัวที่สร้างด้วย
   รู้ว่าพ่อแม่มีพระคุณ น้องก็คือสายเลือด  แต่ถ้าไม่รู้จักแยกแยะ ไม่วางแผนให้ดี ชอบทำตัวเป็นเตี้ยอุ้มค่อม  ก็ไม่ควรจะแต่งงาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่