คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ขึ้นกับว่าเป็นนายพลระดับไหน
ถ้าเป็นผู้ปกครอง ต้องรู้ว่ากำลังตัดสินใจไปทางไหน พาประเทศชาติไปทางไหน และมอบนโยบาย ให้แม่ทัพ
และรวมถึงแขนขา ด้านอื่น ที่ส่งเสริมสนับสนุนกัน โดยเฉพาะการทูต และการสร้างเครือข่าย ความสัมพันธ์กับองค์กรอื่น ประเทศอื่น ใครเป็นพันธมิตร ใครกลุ่มศัตรู
ถ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ เป็นเสนาธิการ เป็นสมองระดับบัญชาการของทัพ ต้องดำเนินการสงคราม สอดคล้องกับนโยบาย ที่รับมอบมา
และจัดกำลัง จัดทรัพยากรสนับสนุนการสงคราม ให้แขนขา ในสนามรบ
ถ้าเป็นผู้นำทัพในแนวหน้าคือสนามรบ ต้องดำเนินการรบ สนามนั้นๆ ให้สอดคล้องกับการสงครามในภาพใหญ่
ที่ว่าต้องสอดคล้องกัน บางสนามรบ อาจมีวัตถุประสงค์อื่น ที่ไม่ได้ต้องการชนะเสมอไป
และการแพ้ ในสนามหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงจะต้องแพ้ในสงครามภาพรวม สงครามเบ็ดเสร็จ
มีตัวอย่างมากมาย ในประวัติศาสตร์หลายประเทศ ที่แพ้ในบางสนามรบ แต่ในสงครามเบ็ดเสร็จชนะ จนได้อำนาจการปกครอง หรือยึดพื้นที่ศัตรูราบคาบได้แบบศัตรูโงหัวไม่ขึ้น
จนมีคำกล่าวว่า สำหรับบางคน อาจชนะการรบ แต่แพ้สงคราม นี่ไม่ใช่สำนวนหรู แต่สะท้อนของจริง ในการช่วงชิงอำนาจ ทั้งสงครามรบราฆ่าฟัน เพื่อครองอำนาจการปกครองประเทศ มากมาย
(ฉู่ป้าอ๋อง คือนักรบผู้เข้มแข็ง หลังจากยุคจิ๋นซีสิ้น ชนะมาทุกหัวระแหง แต่สุดท้าย ผู้ได้เป็นจักรพรรดิตั้งราชวงศ์ฮั่นที่รุ่งเรืองยาวนาน กลับเป็นเล่าปังผู้อ่อนแอ)
ในสงครามการเมืองในองค์กรต่างๆ ยุคปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้
การวางแผนมันดูจะง่าย แต่การทำตามแผน การพลิกแพลง และการแก้ไข เมื่อไม่เป็นไปตามแผน การทำให้ได้เปรียบ เมื่อเสียเปรียบ เป็นสิ่งที่ยาก เพราะศัตรู ก็มีมือ มีเท้า มีสมอง ไม่ได้อยู่นิ่งๆ ไม่เหมือนเราจินตนาการหรือเขียนนิยาย ว่าเราเป็นพระเอก จะชนะแบบไหนก็ได้
แต่นั่นแหละ ไม่ได้หมายถึง ไม่ควรวางแผนเลย เอาไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
ทีมงานที่วางแผนดี คิดหาทางหนีที่ไล่ ไม่ยึดมั่นถือมั่นผูกติดกับวิธีเดียวทางเดียว มี Plan B ย่อมทำให้เกิดแนวคิดมุ่งมั่นที่เอาชนะได้ดีกว่าไปตายเอาดาบหน้า
มันมีรายละเอียดมากมาย คนที่ยังไม่เคยลงรายละเอียด จะนึกภาพไม่ออก ว่าทำไมบางทีการรบราฆ่าฟัน ก็เป็นศิลปะได้ ไม่ใช่แบบแรมโบ้ วิ่งตูมๆ ไปในสนามรบ แล้วฆ่าๆๆๆ จะประกาศชัยชนะได้
นอกจากสามก๊ก ลองไปหาหนังสือเกี่ยวกับตำราพิชัยสงคราม แบบซุนหวู่ เคลาเซวิทซ์ ดู
และตัวอย่างจริงในการยึดอำนาจและการรบสำคัญๆ ในสนามรบยุคก่อนๆ ที่อาจชัดเจนมั่งไม่ชัดมั่ง ในจีน มีตัวอย่างหลายยุคหลายสมัย ในตะวันตก ก็มีมาก
และรุ่นใหม่กว่านี้อีก
เช่น
การรบของ ดร.ซุนยัดเซน และเหมาเจ๋อตุง เจียงไคเช็ค
การชิงอำนาจของฮิตเลอร์ เลนิน มุสโสลินี
รวมถึงการดำเนินการของฝ่ายตรงข้ามในการโค่นล้ม คนที่มีอำนาจเหล่านี้
แต่ละช่วงการเมืองอเมริกา ของเคเนดี้ นิกสัน เรแกน คลินตัน บุช โอบามา แต่ละช่วง ใช้เครื่องมือในสนามรบอย่างไร การเมืองลับอย่างไร การทูตอย่างไร การเมืองระหว่างประเทศอย่างไร (มีวาระแฝง หรือ hidden agenda อะไร ในการเคลื่อนไหวการเมืองแต่ละครั้ง) ...
แน่นอนว่า ไม่มีใครอ่านเข้าใจได้หมด แต่การพยายาม "อ่าน" วิธีการของการดำเนินการเหล่านี้จริง จะช่วยให้เราเข้าใจได้ดีขึ้น มากกว่าการจินตนาการแบบยังไม่เข้าใจแนวทาง หรือวิธีการบริหารแขนขา เพื่อได้มา ซึ่งอำนาจที่ต้องการ และคงไว้ซึ่งอำนาจที่ได้มาแล้ว
ถ้าเป็นผู้ปกครอง ต้องรู้ว่ากำลังตัดสินใจไปทางไหน พาประเทศชาติไปทางไหน และมอบนโยบาย ให้แม่ทัพ
และรวมถึงแขนขา ด้านอื่น ที่ส่งเสริมสนับสนุนกัน โดยเฉพาะการทูต และการสร้างเครือข่าย ความสัมพันธ์กับองค์กรอื่น ประเทศอื่น ใครเป็นพันธมิตร ใครกลุ่มศัตรู
ถ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ เป็นเสนาธิการ เป็นสมองระดับบัญชาการของทัพ ต้องดำเนินการสงคราม สอดคล้องกับนโยบาย ที่รับมอบมา
และจัดกำลัง จัดทรัพยากรสนับสนุนการสงคราม ให้แขนขา ในสนามรบ
ถ้าเป็นผู้นำทัพในแนวหน้าคือสนามรบ ต้องดำเนินการรบ สนามนั้นๆ ให้สอดคล้องกับการสงครามในภาพใหญ่
ที่ว่าต้องสอดคล้องกัน บางสนามรบ อาจมีวัตถุประสงค์อื่น ที่ไม่ได้ต้องการชนะเสมอไป
และการแพ้ ในสนามหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงจะต้องแพ้ในสงครามภาพรวม สงครามเบ็ดเสร็จ
มีตัวอย่างมากมาย ในประวัติศาสตร์หลายประเทศ ที่แพ้ในบางสนามรบ แต่ในสงครามเบ็ดเสร็จชนะ จนได้อำนาจการปกครอง หรือยึดพื้นที่ศัตรูราบคาบได้แบบศัตรูโงหัวไม่ขึ้น
จนมีคำกล่าวว่า สำหรับบางคน อาจชนะการรบ แต่แพ้สงคราม นี่ไม่ใช่สำนวนหรู แต่สะท้อนของจริง ในการช่วงชิงอำนาจ ทั้งสงครามรบราฆ่าฟัน เพื่อครองอำนาจการปกครองประเทศ มากมาย
(ฉู่ป้าอ๋อง คือนักรบผู้เข้มแข็ง หลังจากยุคจิ๋นซีสิ้น ชนะมาทุกหัวระแหง แต่สุดท้าย ผู้ได้เป็นจักรพรรดิตั้งราชวงศ์ฮั่นที่รุ่งเรืองยาวนาน กลับเป็นเล่าปังผู้อ่อนแอ)
ในสงครามการเมืองในองค์กรต่างๆ ยุคปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้
การวางแผนมันดูจะง่าย แต่การทำตามแผน การพลิกแพลง และการแก้ไข เมื่อไม่เป็นไปตามแผน การทำให้ได้เปรียบ เมื่อเสียเปรียบ เป็นสิ่งที่ยาก เพราะศัตรู ก็มีมือ มีเท้า มีสมอง ไม่ได้อยู่นิ่งๆ ไม่เหมือนเราจินตนาการหรือเขียนนิยาย ว่าเราเป็นพระเอก จะชนะแบบไหนก็ได้
แต่นั่นแหละ ไม่ได้หมายถึง ไม่ควรวางแผนเลย เอาไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
ทีมงานที่วางแผนดี คิดหาทางหนีที่ไล่ ไม่ยึดมั่นถือมั่นผูกติดกับวิธีเดียวทางเดียว มี Plan B ย่อมทำให้เกิดแนวคิดมุ่งมั่นที่เอาชนะได้ดีกว่าไปตายเอาดาบหน้า
มันมีรายละเอียดมากมาย คนที่ยังไม่เคยลงรายละเอียด จะนึกภาพไม่ออก ว่าทำไมบางทีการรบราฆ่าฟัน ก็เป็นศิลปะได้ ไม่ใช่แบบแรมโบ้ วิ่งตูมๆ ไปในสนามรบ แล้วฆ่าๆๆๆ จะประกาศชัยชนะได้
นอกจากสามก๊ก ลองไปหาหนังสือเกี่ยวกับตำราพิชัยสงคราม แบบซุนหวู่ เคลาเซวิทซ์ ดู
และตัวอย่างจริงในการยึดอำนาจและการรบสำคัญๆ ในสนามรบยุคก่อนๆ ที่อาจชัดเจนมั่งไม่ชัดมั่ง ในจีน มีตัวอย่างหลายยุคหลายสมัย ในตะวันตก ก็มีมาก
และรุ่นใหม่กว่านี้อีก
เช่น
การรบของ ดร.ซุนยัดเซน และเหมาเจ๋อตุง เจียงไคเช็ค
การชิงอำนาจของฮิตเลอร์ เลนิน มุสโสลินี
รวมถึงการดำเนินการของฝ่ายตรงข้ามในการโค่นล้ม คนที่มีอำนาจเหล่านี้
แต่ละช่วงการเมืองอเมริกา ของเคเนดี้ นิกสัน เรแกน คลินตัน บุช โอบามา แต่ละช่วง ใช้เครื่องมือในสนามรบอย่างไร การเมืองลับอย่างไร การทูตอย่างไร การเมืองระหว่างประเทศอย่างไร (มีวาระแฝง หรือ hidden agenda อะไร ในการเคลื่อนไหวการเมืองแต่ละครั้ง) ...
แน่นอนว่า ไม่มีใครอ่านเข้าใจได้หมด แต่การพยายาม "อ่าน" วิธีการของการดำเนินการเหล่านี้จริง จะช่วยให้เราเข้าใจได้ดีขึ้น มากกว่าการจินตนาการแบบยังไม่เข้าใจแนวทาง หรือวิธีการบริหารแขนขา เพื่อได้มา ซึ่งอำนาจที่ต้องการ และคงไว้ซึ่งอำนาจที่ได้มาแล้ว
แสดงความคิดเห็น
พวกนายพลวางแผนการรบอย่างไงครับ ?