สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
พ่อแม่มักจะมีคำถามเรื่องลูกที่ 'ดื้อ เอาแต่ใจ' เวลาที่ไม่พอใจมักจะร้องโวยวาย หรือมีการแสดงออกพฤติกรรมต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ เช่น 'ร้องไห้ กรี๊ด โวยวายเสียงดัง งอแง ลงมือลงเท้า ฯลฯ'
ปรับยังไงก็ไม่ดีขึ้น
.
สิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กยังคงมีพฤติกรรมแบบนั้นอยู่ เป็นเพราะผู้ใหญ่มัก 'ทนไม่ได้' ที่เด็กโวยวาย อาจจะรำคาญ ก็เลยตามใจให้ในสิ่งที่เด็กต้องการ หรือตอนแรกอาจจะหนักแน่นที่จะไม่ตามใจได้ แต่พอเด็กโวยวายหนักขึ้นๆ ก็ทนไม่ไหว สุดท้ายต้องตามใจในที่สุด
ตรงนี้จึงทำให้เกิดวงจรของเด็กที่เอาแต่ใจ เพราะเด็กได้รับ 'แรงเสริม' ที่ทำให้เด็กมีพฤติกรรมแบบนั้นต่อไป แรงเสริม คือ เมื่อโวยวายเมื่อไหร่ ก็ได้อย่างที่ต้องการทุกเมื่อ เด็กเลยรู้สึกว่า ทำแบบนั้นแล้วได้ผล จึงทำต่อไปๆ
.
และถ้าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจตรงนี้ ตามใจเด็กทุกครั้งที่เขาโวยวาย หรือมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เด็กก็จะมีพฤติกรรมนั้นต่อไป บางทีจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ (เหมือนผู้ใหญ่บางคนที่ชอบโวยวาย กรี๊ดกร๊าดเวลาที่ไม่ได้ดังใจ แบบตัวร้ายในละคร ทำให้คนรอบข้างอิดหนาระอาใจ)
ดังนั้น พ่อแม่ผู้ใหญ่ต้องมีความเข้าใจและตัดวงจรอันนี้เสีย ด้วยการไม่ตามใจเมื่อเด็กมีพฤติกรรมเช่นนี้ ใช้วิธี 'ใจแข็งแต่ไม่รุนแรง'
หนึ่ง ไม่ต้องเป็นอารมณ์ โวยวายตามเด็ก
อันนี้สำคัญเพราะผู้ใหญ่ชอบโกรธเมื่อเด็กโวยวาย คือโกรธได้ แต่ต้องมีสติค่ะ โกรธได้แต่ก็อย่าโวยวายเสียงดัง เพราะเด็กจะทำตาม และ ผู้ใหญ่จะปรับพฤติกรรมเด็กได้ยากมากตอนโกรธ เพราะเวลาโกรธทุกคนจะขาดสติ เมื่อไม่มีสติ เมื่อนั้นเหตุผลก็ไม่มี ทำอะไรตามอารมณ์ ยิ่งจัดการเด็กไม่ได้
สอง ทำให้เด็กสงบด้วยวิธี 'เข้าใจแต่ไม่ตามใจ'
แสดงออกว่าผู้ใหญ่เข้าใจความหงุดหงิดของเด็กด้วยการ 'ใช้เทคนิคสะท้อนอารมณ์' ใช้คำพูดสั้นๆไม่ต้องยาว เช่น "แม่รู้ว่าตอนนี้หนูโกรธที่ไม่ไม่ซื้อของเล่นให้หนู" ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสงบ ไม่ต้องใช้เสียงดัง ตำหนิ ไม่ต้องประชด ไม่แถมท้าย "แต่เหมือนที่แม่บอกไว้แล้ว ว่าแม่จะซื้อของเล่นให้เฉพาะวันเกิดเท่านั้น ไม่ใช่วันนี้จ้ะ" ตอนที่พูดแม้เด็กจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ต้องตกใจหรือเป็นอารมณ์ค่ะ
สาม ใช้ความสงบของผู่ใหญ่ สยบความเคลื่อนไหว
พอพูดสะท้อนอารมณ์ไปแล้ว และพูดยืนยันว่าจะไม่ตามใจ ผู้ใหญ่ก็เพียงใช้ความนิ่ง ไม่ต้องโอ๋ ไม่ต้องพูดปะเหลาะ ที่สำคัญไม่ตามใจค่ะ
ขั้นตอนนี้อาจจะยากมาก เพราะเด็กส่วนใหญ่จะใช้วิธี 'เอาแต่ใจให้หนักเพราะรู้ว่าผู้ใหญ่จะเสร็จแน่' เช่น ร้องดัง ขึ้น บางทีมีตีตัวเอง ขว้างของ ถ้าไม่รุนแรงนัก ผู้ใหญ่ก็แค่นิ่งๆ แต่ถ้าเด็กดูแรงก็เข้าไปจับมือ กอดไว้ให้สงบ แต่ไม่ต้องพูดโอ๋หรือให้แรงเสริมในพฤติกรรมไม่ดี ที่สำคัญอย่าตามใจ สักพักเด็กจะรู้ว่าใช้วิธีโวยวายก็เหนื่อยเปล่า เดี๋ยวเขาก็เงียบค่ะ (ช่วงที่เริ่มปรับแรกๆ จะนานหน่อย เพราะเด็กจะมีพฤติกรรมแรงขึ้น เพราะคิดว่าถ้าแรง ผู้ใหญ่จะยอม)
สี่ ถ้าเงียบแล้ว เด็กเข้ามาง้อ หรือเข้ามาคุยด้วย ให้ผู้ใหญ่คุยกับเขาดีๆ ไม่ใช่ไปโกรธเด็กนะคะ
ชมเชยว่า ดีมากที่ไม่โวยวายแล้วนะ แบบนี้สิถึงคุยกันรู้เรื่อง แต่ก็ต้องไม่ตามใจเหมือนเดิมนะคะ
ทำตามนี้ได้รับรองว่า ไม่นานเกินรอ เด็กๆจะหยุดใช้วิธี 'โวยวายเพื่อให้ได้มา' และจะเติบโตเป็นคนที่รู้จักควบคุมตัวเอง มีวินัย และไม่เอาแต่ใจตัวเอง
อ้อ วิธีนี้ใช้ได้ในเด็กอายุประมาณ 1 ขวบขึ้นไปนะคะ ซึ่งถ้าผู้ใหญ่เข้าใจและปรับได้ดี อาการจะค่อยๆน้อยลงไปตามอายุที่มากขึ้นค่ะ ที่สำคัญผู้ใหญ่ทุกคนในบ้านต้องทำไปในแนวทางเดียวกัน (ต่างกันได้แต่ไม่ใช่ว่าขัดแย้งกันน่ะค่ะ)
ปรับยังไงก็ไม่ดีขึ้น
.
สิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กยังคงมีพฤติกรรมแบบนั้นอยู่ เป็นเพราะผู้ใหญ่มัก 'ทนไม่ได้' ที่เด็กโวยวาย อาจจะรำคาญ ก็เลยตามใจให้ในสิ่งที่เด็กต้องการ หรือตอนแรกอาจจะหนักแน่นที่จะไม่ตามใจได้ แต่พอเด็กโวยวายหนักขึ้นๆ ก็ทนไม่ไหว สุดท้ายต้องตามใจในที่สุด
ตรงนี้จึงทำให้เกิดวงจรของเด็กที่เอาแต่ใจ เพราะเด็กได้รับ 'แรงเสริม' ที่ทำให้เด็กมีพฤติกรรมแบบนั้นต่อไป แรงเสริม คือ เมื่อโวยวายเมื่อไหร่ ก็ได้อย่างที่ต้องการทุกเมื่อ เด็กเลยรู้สึกว่า ทำแบบนั้นแล้วได้ผล จึงทำต่อไปๆ
.
และถ้าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจตรงนี้ ตามใจเด็กทุกครั้งที่เขาโวยวาย หรือมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เด็กก็จะมีพฤติกรรมนั้นต่อไป บางทีจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ (เหมือนผู้ใหญ่บางคนที่ชอบโวยวาย กรี๊ดกร๊าดเวลาที่ไม่ได้ดังใจ แบบตัวร้ายในละคร ทำให้คนรอบข้างอิดหนาระอาใจ)
ดังนั้น พ่อแม่ผู้ใหญ่ต้องมีความเข้าใจและตัดวงจรอันนี้เสีย ด้วยการไม่ตามใจเมื่อเด็กมีพฤติกรรมเช่นนี้ ใช้วิธี 'ใจแข็งแต่ไม่รุนแรง'
หนึ่ง ไม่ต้องเป็นอารมณ์ โวยวายตามเด็ก
อันนี้สำคัญเพราะผู้ใหญ่ชอบโกรธเมื่อเด็กโวยวาย คือโกรธได้ แต่ต้องมีสติค่ะ โกรธได้แต่ก็อย่าโวยวายเสียงดัง เพราะเด็กจะทำตาม และ ผู้ใหญ่จะปรับพฤติกรรมเด็กได้ยากมากตอนโกรธ เพราะเวลาโกรธทุกคนจะขาดสติ เมื่อไม่มีสติ เมื่อนั้นเหตุผลก็ไม่มี ทำอะไรตามอารมณ์ ยิ่งจัดการเด็กไม่ได้
สอง ทำให้เด็กสงบด้วยวิธี 'เข้าใจแต่ไม่ตามใจ'
แสดงออกว่าผู้ใหญ่เข้าใจความหงุดหงิดของเด็กด้วยการ 'ใช้เทคนิคสะท้อนอารมณ์' ใช้คำพูดสั้นๆไม่ต้องยาว เช่น "แม่รู้ว่าตอนนี้หนูโกรธที่ไม่ไม่ซื้อของเล่นให้หนู" ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสงบ ไม่ต้องใช้เสียงดัง ตำหนิ ไม่ต้องประชด ไม่แถมท้าย "แต่เหมือนที่แม่บอกไว้แล้ว ว่าแม่จะซื้อของเล่นให้เฉพาะวันเกิดเท่านั้น ไม่ใช่วันนี้จ้ะ" ตอนที่พูดแม้เด็กจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ต้องตกใจหรือเป็นอารมณ์ค่ะ
สาม ใช้ความสงบของผู่ใหญ่ สยบความเคลื่อนไหว
พอพูดสะท้อนอารมณ์ไปแล้ว และพูดยืนยันว่าจะไม่ตามใจ ผู้ใหญ่ก็เพียงใช้ความนิ่ง ไม่ต้องโอ๋ ไม่ต้องพูดปะเหลาะ ที่สำคัญไม่ตามใจค่ะ
ขั้นตอนนี้อาจจะยากมาก เพราะเด็กส่วนใหญ่จะใช้วิธี 'เอาแต่ใจให้หนักเพราะรู้ว่าผู้ใหญ่จะเสร็จแน่' เช่น ร้องดัง ขึ้น บางทีมีตีตัวเอง ขว้างของ ถ้าไม่รุนแรงนัก ผู้ใหญ่ก็แค่นิ่งๆ แต่ถ้าเด็กดูแรงก็เข้าไปจับมือ กอดไว้ให้สงบ แต่ไม่ต้องพูดโอ๋หรือให้แรงเสริมในพฤติกรรมไม่ดี ที่สำคัญอย่าตามใจ สักพักเด็กจะรู้ว่าใช้วิธีโวยวายก็เหนื่อยเปล่า เดี๋ยวเขาก็เงียบค่ะ (ช่วงที่เริ่มปรับแรกๆ จะนานหน่อย เพราะเด็กจะมีพฤติกรรมแรงขึ้น เพราะคิดว่าถ้าแรง ผู้ใหญ่จะยอม)
สี่ ถ้าเงียบแล้ว เด็กเข้ามาง้อ หรือเข้ามาคุยด้วย ให้ผู้ใหญ่คุยกับเขาดีๆ ไม่ใช่ไปโกรธเด็กนะคะ
ชมเชยว่า ดีมากที่ไม่โวยวายแล้วนะ แบบนี้สิถึงคุยกันรู้เรื่อง แต่ก็ต้องไม่ตามใจเหมือนเดิมนะคะ
ทำตามนี้ได้รับรองว่า ไม่นานเกินรอ เด็กๆจะหยุดใช้วิธี 'โวยวายเพื่อให้ได้มา' และจะเติบโตเป็นคนที่รู้จักควบคุมตัวเอง มีวินัย และไม่เอาแต่ใจตัวเอง
อ้อ วิธีนี้ใช้ได้ในเด็กอายุประมาณ 1 ขวบขึ้นไปนะคะ ซึ่งถ้าผู้ใหญ่เข้าใจและปรับได้ดี อาการจะค่อยๆน้อยลงไปตามอายุที่มากขึ้นค่ะ ที่สำคัญผู้ใหญ่ทุกคนในบ้านต้องทำไปในแนวทางเดียวกัน (ต่างกันได้แต่ไม่ใช่ว่าขัดแย้งกันน่ะค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
ลูกสาววัยสองขวบครึ่งเอาแต่ใจมาก ทำยังไงให้ดีขึ้นคะ