ทำไมถึงต้องไปดาวอังคาร......
เพราะวิทยาการของมนุษย์ถูกขับเคลื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็นมาโดยตลอด
และดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์ที่มีพื้นผิวแข็ง...มีอุณภูมิ และระยะทางอยู่ในวิสัยที่พอจะไปถึงได้(ระยะทาง 248 ล้านกิโลเมตร)
เรารู้ว่ามีอะไรอยู่บนนั้น แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่บนนั้นจะสามารถสอดคล้องกับการปฏิบัติภารกิจหรือเปล่า
แต่กว่าจะไปถึงเวลานั้น เป็นเรื่องที่ยากมากๆ และเราจะต้องผ่านภารกิจอีกไม่ต่ำกว่า 10ภารกิจ เพื่อเป็นบททดสอบสำหรับภารกิจที่ยากขึ้นไป ซึ่งค่าความเสี่ยงของการปฏิบัติภารกิจที่กำหนดจะต้องไม่มากกว่า10% ดังนั้น ภารกิจดาวอังคารจึงจำเป็นต้องแยกเป็นหลายช่วง และแต่ละภารกิจต้องใช้ระยะเวลาในการพิสูจน์
และเพื่อที่จะนำมนุษย์ไปดาวอังคาร
ดวงจันทร์จึงถูกใช้เป็นสถาที่ที่ใช้ฝึกซ้อมสำหรับภารกิจดาวอังคาร ต้องมีการวางแผนส่งหุ่นยนต์ และทรัพยากรและเชื้อเพลิงไปรอล่วงหน้า เครื่องพิมพ์สามมิติจะเป็นเทคโนโลยีที่จะถูกนำไปใช้สำหรับใช้สร้างอะไหล่ที่จำเป็นบนนั้น ส่งวัสดุ100ตันขึ้นไปบนวงโคจร จากการคำนวน ต้องการ300ตัน ต้องส่งจรวจ3เที่ยวขึ้นไปประกอบบนวงโคจร และถึงจะเริ่มส่งคนเดินทางไปดาวอังคาร และต้องส่งยานบริการ ขึ้นไปโคจรรอบดาวอังคารล่วงหน้าด้วย
ส่วนการเดินทางไปดาวอังคารจำเป็นต้องมีเส้นทางที่เหมาะสม เนื่องด้วยกลไกลของวงโคจรรูปไข่ทำให้เราสามารถบินไปได้ทุก2ปีเท่านั้น และหากต้องการระยะทางที่สั้นที่สุดและเหมาะสมที่สุด ต้องใช้ระยะเวลาห่างกันถึง15ปี
ดังนั้นครั้งแรกของก้าวประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติบนดาวอังคาร จะต้องเกิดขึ้นในปี คศ.2033 หรือไม่ก็ปีคศ.2048นี้แน่นอน....
ภารกิจส่งหุ่นยนต์สำรวจบนดาวอังคาร
ภารกิจทดลองใช้ชีวิตบนสถานีบนดาวอังคารจำลอง1ปี (nasa)
โครงการ mar-1 ของบ.เอกชนของเนเธอแลนด์ ปีคศ.2026
คือภารกิจตั้งถิ่นฐานถาวร ตั๋วเที่ยวเดียว ที่นำพามนุษย์ชาติและวิทยาการก้าวไปข้างหน้า
โดยไม่สนขากลับ และจะจัดส่งทรัพยากรไปให้ในทุก2ปี
สถานีวิจัยนานาชาติ จะถือเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งอณานิคมบนดาวอังคาร
มนุษย์จะได้ไปเยือนดาวอังคารเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติ ไม่ในปี คศ.2033 ก็ปีคศ.2048
เพราะวิทยาการของมนุษย์ถูกขับเคลื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็นมาโดยตลอด
และดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์ที่มีพื้นผิวแข็ง...มีอุณภูมิ และระยะทางอยู่ในวิสัยที่พอจะไปถึงได้(ระยะทาง 248 ล้านกิโลเมตร)
เรารู้ว่ามีอะไรอยู่บนนั้น แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่บนนั้นจะสามารถสอดคล้องกับการปฏิบัติภารกิจหรือเปล่า
แต่กว่าจะไปถึงเวลานั้น เป็นเรื่องที่ยากมากๆ และเราจะต้องผ่านภารกิจอีกไม่ต่ำกว่า 10ภารกิจ เพื่อเป็นบททดสอบสำหรับภารกิจที่ยากขึ้นไป ซึ่งค่าความเสี่ยงของการปฏิบัติภารกิจที่กำหนดจะต้องไม่มากกว่า10% ดังนั้น ภารกิจดาวอังคารจึงจำเป็นต้องแยกเป็นหลายช่วง และแต่ละภารกิจต้องใช้ระยะเวลาในการพิสูจน์
และเพื่อที่จะนำมนุษย์ไปดาวอังคาร
ดวงจันทร์จึงถูกใช้เป็นสถาที่ที่ใช้ฝึกซ้อมสำหรับภารกิจดาวอังคาร ต้องมีการวางแผนส่งหุ่นยนต์ และทรัพยากรและเชื้อเพลิงไปรอล่วงหน้า เครื่องพิมพ์สามมิติจะเป็นเทคโนโลยีที่จะถูกนำไปใช้สำหรับใช้สร้างอะไหล่ที่จำเป็นบนนั้น ส่งวัสดุ100ตันขึ้นไปบนวงโคจร จากการคำนวน ต้องการ300ตัน ต้องส่งจรวจ3เที่ยวขึ้นไปประกอบบนวงโคจร และถึงจะเริ่มส่งคนเดินทางไปดาวอังคาร และต้องส่งยานบริการ ขึ้นไปโคจรรอบดาวอังคารล่วงหน้าด้วย
ส่วนการเดินทางไปดาวอังคารจำเป็นต้องมีเส้นทางที่เหมาะสม เนื่องด้วยกลไกลของวงโคจรรูปไข่ทำให้เราสามารถบินไปได้ทุก2ปีเท่านั้น และหากต้องการระยะทางที่สั้นที่สุดและเหมาะสมที่สุด ต้องใช้ระยะเวลาห่างกันถึง15ปี
ดังนั้นครั้งแรกของก้าวประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติบนดาวอังคาร จะต้องเกิดขึ้นในปี คศ.2033 หรือไม่ก็ปีคศ.2048นี้แน่นอน....
ภารกิจส่งหุ่นยนต์สำรวจบนดาวอังคาร
ภารกิจทดลองใช้ชีวิตบนสถานีบนดาวอังคารจำลอง1ปี (nasa)
โครงการ mar-1 ของบ.เอกชนของเนเธอแลนด์ ปีคศ.2026
คือภารกิจตั้งถิ่นฐานถาวร ตั๋วเที่ยวเดียว ที่นำพามนุษย์ชาติและวิทยาการก้าวไปข้างหน้า
โดยไม่สนขากลับ และจะจัดส่งทรัพยากรไปให้ในทุก2ปี
สถานีวิจัยนานาชาติ จะถือเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งอณานิคมบนดาวอังคาร