
สวัสดีครับ ช่วงนี้เห็นเพจต่างๆเริ่มมาเชิญชวนให้ทุกคนไปเที่ยวญี่ปุ่นชมซากุระกัน เพราะเริ่มจะบานแล้ว แถมบานก่อนกำหนดซะด้วย
ทำให้นึกทริปของตัวเองที่ไปมาเมื่อปีที่แล้วจนต้องไปค้นรูปดู แล้วก็คิดว่าน่าจะเอามาแนะนำเพื่อนๆลองไปที่คุนิตาจิดูเพราะเป็นเมืองที่น่ารักมากๆ ครับ
คุนิตาจิเป็นเมืองที่อยู่ทางภาคตะวันตกของโตเกียว เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยฮิโตซึบาชิ มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่ดังทางด้านสายสังคม
เพื่อนๆสามารถเดินทางไปที่เมืองนี้โดยนั่งรถไฟ JR Chuo Line จากชินจุกุ ประมาณ 45 นาที
โดยอาจจะแวะเป็นทางผ่านก่อนไปสวน Showa Kinen Park ที่เมือง Tachikawa ก็ได้
หากมาช่วงซากุระบาน พอลงรถไฟมา ภาพที่เห็นภาพแรกก็จะเป็นแบบนี้ครับ

อันนี้ไปมาวันที่ 7 เมษายน 2017 นะครับ อากาศดีมากๆ ทุกอย่างเป็นสีฟ้าชมพู

ส่วนตัวชอบภาพนี้ที่สุดเลยครับ เป็นภาพที่ทำให้หลงสเน่ห์ของเมืองนี้จริงๆ

นอกจากซากุระ ก็ยังมีดอกไม้ต่างๆที่บานรับฤดูใบไม้ผลิด้วยนะครับ เช่น ทิวลิป(รึเปล่า)

จากสถานีพอเดินตรงไปทางทิศใต้ ที่เป็นถนนตรงยาวไปจะก็จะเจอมหาวิทยาฮิโตซึบาชิอยู่ทั้งสองฝั่งของถนน
สิ่งที่เห็นเด่นๆ ก็คงจะเป็นจักรยานที่จอดเรียงกันกับเด็กมหาลัยที่เดินเข้าออกกันขวักไขว่

(รูปนี้ยืมเพื่อนมาจากทริปของปี 2016 นะครับ เพราะตอนนี้ไม่ได้ถ่ายในมหาวิทยาลัยไว้เลย)
ตรงหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยมีต้นซากุระที่เริ่มจะผลิใบเขียวๆ ให้เห็นแล้ว ก็สวยไปอีกแบบ


พอถึงตรงนี้ก็บ่ายเข้าไปแล้ว เลยคุยกับพ่อแม่ว่าไปหาอะไรกินกันก่อนค่อยเดินเล่นต่อ
ก็เลยนั่งรถเมล์ จากป้ายหน้ามหาวิทยาลัยไปอีก 2 ป้าย ไปที่ร้าน Syabu-Yo (เขียนแบบนี้จริงๆครับ)
เป็นร้านชาบูบุฟเฟ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น เป็นชาบูแบบร้าน Mo-Mo-Paradise เลยครับ

คุยกับพนักงานแบบงูๆ ปลาๆ อยู่นาน ก็เลือกแบบแพงสุด มีเนื้อวากิวด้วย แต่เวลานั่งช่วงซากุระจะน้อยลงนะครับ เหลือแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง

ซุปชาบูอร่อยมาก ไม่เค็มเกิน กับซุปใสเฉยๆ

พระเอกของเรา สั่งได้ไม่อั้น เรียกพนักมาก็สั่งแต่วากิวๆ ชู 3 นิ้ว 4 นิ้ว ไปเรื่อย

ผักสดๆมากมาย อ้อมีข้าวกับแกงกะหรี่ด้วยครับ ตักมาชิมนิดเดียว รสชาติธรรมดาๆ เลยเก็บท้องไว้ใส่วากิวดีกว่า

สองอันหน้าคือน้ำจิ้มที่พอนซุ กับ น้ำจิ้มงาหอมมัน กินสลับกันเปลี่ยนรสชาติไปได้

หรือจะปรุงรสน้ำจิ้ม แบบที่คุณแม่ผมบอกให้มาปรุงๆให้มันเหมือนน้ำจิ้มสุกี้หน่อย เค้าเบื่อแบบญี่ปุ่น ก็จัดไป
ส่วนของผมแค่จิ้มไข่ดิบก็ฟินแล้วครับ

เครื่องดื่มรวมในราคาแพงสุดแล้วนะครับ ถ้ากินแบบราคาต่ำกว่านี้อาจไม่รวม ต้องคุยดีๆ

นั่งกินไปมองซากุระไปครับ อากาศแจ่มใสจริงๆวันนั้น
พอกินอิ่มก็คุยกันว่าเดินย่อยกลับสถานีดีกว่า ก็ไปเจอกับสะพานลอยเล็กๆ คนยืนอยู่เต็มเลย


เป็นสะพานที่ทำให้ได้ชมซากุระอย่างใกล้ชิดจริงๆ ครับ

จากบนสะพานก็ได้เห็นซากุระยาวสุดลูกหูลูกตาไปถึงสถานี

ระหว่างเดินกลับก็ได้เห็นภาพน่ารักๆ ที่ทำให้ผมอิจฉาสุดๆเลยครับ
ขอบอกว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ไม่เจอแทบกรุ้ปทัวร์ คนไทย จีน ฝรั่งสักคน คนน้อยมากๆ ถ้าเทียบกับที่ดังๆในเวลาเดียวกัน
ยังไงถ้าไปญี่ปุ่นช่วงนี้ อย่าลืมหาเวลาสักครึ่งวัน แทรกคุนิตาจิลงไปในตารางด้วยนะครับ รับรองไม่ผิดหวังครับ
สุดท้ายขอลาไปด้วยภาพน้องแมวมีหนวดแห่งคุนิตาจินะครับ
[CR] [CR] ซากุระก็อยากดู ชาบูก็อยากกิน ไปคุนิตาจิกันเถอะ!! Kunitachi!
สวัสดีครับ ช่วงนี้เห็นเพจต่างๆเริ่มมาเชิญชวนให้ทุกคนไปเที่ยวญี่ปุ่นชมซากุระกัน เพราะเริ่มจะบานแล้ว แถมบานก่อนกำหนดซะด้วย
ทำให้นึกทริปของตัวเองที่ไปมาเมื่อปีที่แล้วจนต้องไปค้นรูปดู แล้วก็คิดว่าน่าจะเอามาแนะนำเพื่อนๆลองไปที่คุนิตาจิดูเพราะเป็นเมืองที่น่ารักมากๆ ครับ
คุนิตาจิเป็นเมืองที่อยู่ทางภาคตะวันตกของโตเกียว เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยฮิโตซึบาชิ มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่ดังทางด้านสายสังคม
เพื่อนๆสามารถเดินทางไปที่เมืองนี้โดยนั่งรถไฟ JR Chuo Line จากชินจุกุ ประมาณ 45 นาที
โดยอาจจะแวะเป็นทางผ่านก่อนไปสวน Showa Kinen Park ที่เมือง Tachikawa ก็ได้
หากมาช่วงซากุระบาน พอลงรถไฟมา ภาพที่เห็นภาพแรกก็จะเป็นแบบนี้ครับ
อันนี้ไปมาวันที่ 7 เมษายน 2017 นะครับ อากาศดีมากๆ ทุกอย่างเป็นสีฟ้าชมพู
ส่วนตัวชอบภาพนี้ที่สุดเลยครับ เป็นภาพที่ทำให้หลงสเน่ห์ของเมืองนี้จริงๆ
นอกจากซากุระ ก็ยังมีดอกไม้ต่างๆที่บานรับฤดูใบไม้ผลิด้วยนะครับ เช่น ทิวลิป(รึเปล่า)
จากสถานีพอเดินตรงไปทางทิศใต้ ที่เป็นถนนตรงยาวไปจะก็จะเจอมหาวิทยาฮิโตซึบาชิอยู่ทั้งสองฝั่งของถนน
สิ่งที่เห็นเด่นๆ ก็คงจะเป็นจักรยานที่จอดเรียงกันกับเด็กมหาลัยที่เดินเข้าออกกันขวักไขว่
ตรงหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยมีต้นซากุระที่เริ่มจะผลิใบเขียวๆ ให้เห็นแล้ว ก็สวยไปอีกแบบ
พอถึงตรงนี้ก็บ่ายเข้าไปแล้ว เลยคุยกับพ่อแม่ว่าไปหาอะไรกินกันก่อนค่อยเดินเล่นต่อ
ก็เลยนั่งรถเมล์ จากป้ายหน้ามหาวิทยาลัยไปอีก 2 ป้าย ไปที่ร้าน Syabu-Yo (เขียนแบบนี้จริงๆครับ)
เป็นร้านชาบูบุฟเฟ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น เป็นชาบูแบบร้าน Mo-Mo-Paradise เลยครับ
ส่วนของผมแค่จิ้มไข่ดิบก็ฟินแล้วครับ
พอกินอิ่มก็คุยกันว่าเดินย่อยกลับสถานีดีกว่า ก็ไปเจอกับสะพานลอยเล็กๆ คนยืนอยู่เต็มเลย
ขอบอกว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ไม่เจอแทบกรุ้ปทัวร์ คนไทย จีน ฝรั่งสักคน คนน้อยมากๆ ถ้าเทียบกับที่ดังๆในเวลาเดียวกัน
ยังไงถ้าไปญี่ปุ่นช่วงนี้ อย่าลืมหาเวลาสักครึ่งวัน แทรกคุนิตาจิลงไปในตารางด้วยนะครับ รับรองไม่ผิดหวังครับ
สุดท้ายขอลาไปด้วยภาพน้องแมวมีหนวดแห่งคุนิตาจินะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น