วันก่อน มีสมาชิกท่านหนึ่งที่ไม่รู้ว่าใคร บอกว่าทำไมผมเรียกพยานโจทก์คนนี้ว่าสลิ่ม
กรรมมันเกิดจากเหตุ การที่ทนายจำเลยซักค้านพยานโจทก์ เพราะ พยานโจทก์ ให้การกับทนายโจทก์ว่า เต้น
ปราศรัยที่ราชประสงค์ว่า "เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง"
ดังนั้น ทนายจำเลยจึงต้องเปิดคลิปให้พยานโจทก์ดู ยาวแสนยาว คลิปที่ เต้น ปราศรัยหลายปีก่อน แถมเปิดคลิปตอน
เลิกเวทีที่ราชประสงค์ให้ดู เพื่อเป็นการซักค้าน สุดท้ายพยานโจทก์จึงให้การในชั้นศาลว่าความจริงคืออะไร
คนถามผมว่าผมมั่ว เขาไม่เคยว่าความ ไม่เคยนั่งคอกพยาน ไม่เคยฟังคำเบิกความ จึงไม่มีความรู้
เรียนถามสลิ่มห้องนี้ ไม่ว่าสลิ่มมาก หรือ สลิ่มน้อย พวกท่านหลายคน เคยด่า เต้น ในห้องนี้ว่า เต้นสั่งเผาบ้านเผาเมือง
ที่เวทีราชประสงค์ ถามพวกท่านทุกคนว่า ท่านกล้าไปเบิกความ ให้การในชั้นศาลว่า เต้น ปราศรัยว่า "เผาเลยพี่น้อง
ผมรับผิดชอบเอง" ที่ เวทีราชประสงค์ ไหม ดังนั้น คนที่กล้ากว่าท่านทำแบบนี้ มันสลิ่มมากกว่าพวกท่านไหม
ที่ผมเรียกพยานโจทก์ว่าสลิ่ม เพราะ มันเป็นคุณสมบัติของสลิ่ม โดยเฉพาะ พอพวกเดียวกันพูดอะไรมา โพสต์
อะไรมา เชื่อหมดใจ ไม่เคยคิดจะไปหาข้อเท็จจริง เวลาเสื้อแดงโพสต์สั้น ๆ ไม่เชื่อ ส่วนโพสต์ยาว ๆ ไม่ต้อง
บอก ไม่เคยอ่านเกินสามบรรทัดอยู่แล้ว สื่อที่ไม่ใช่พวก ไม่เคยอ่าน แถมมโนตีไข่ใส่สีได้เองโดยอัติโนมัติ
ความหมาย "สลิ่ม"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่มา https://prachatai.com/journal/2011/11/37957
เมื่อเสื้อเหลืองล่มสลาย หนึ่งในนั้นคือการเกิดขึ้นของกลุ่มประชาชนพิทักษ์ชาติ(ไม่แบ่งสี) โดยการนำของ
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ซึ่งกลุ่มนี้ต่อมาขนานนามตนเองว่าเป็น "กลุ่มเสื้อหลากสี" การเคลื่อนไหวของกลุ่ม
เสื้อหลากสี
การสร้างปฎิกิริยาโต้กลับจากฝ่ายเสื้อแดงในทางเย้ยหยัน คือการเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนสีเสื้อของคนเสื้อเหลืองเก่า
ที่ไม่สามารถใช้เสื้อเหลืองในการเคลื่อนไหวอย่างสะดวกใจได้ต่อไป เนื่องจากการเสื่อมความนิยมของกลุ่ม
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบกับความกระดากที่กลุ่มพันธมิตรได้กลายเป็นผู้ต้องหาในคดี
สำคัญๆ (แม้ว่าจะรอดพ้นการดำเนินคดีได้อย่างปาฎิหาริย์มาโดยตลอด) ในทัศนะของคนเสื้อแดงคนเสื้อหลาก
สีก็คือเสื้อเหลืองจำแลงนั่นเอง เพราะจริงๆ แล้วทั้งความคิด พื้นฐานอุดมการณ์ การกระทำ และการแสดงออก
ของเสื้อหลากสีก็เหมือนกับเสื้อเหลืองไม่ต่างกับฝาแฝด กล่าวคือ ทั้งสองเสื้อล้วนอยู่ตรงข้ามพรรคเพื่อไทย
และ คนเสื้อแดง แสดงออกถึงการต่อต้านทักษิณอย่างมากล้น รวมไปถึงมีคติร่วมที่ไม่ค่อยเชื่อประชาธิปไตย
ในระบบ เป็นพวกฝักใฝ่ระบอบกษัตริย์ และมักเรียกร้องหารัฐประหาร การดูแคลนคนเสื้อหลากสีของคนเสื้อแดง
ได้ถ่ายทอดออกมาผ่าน "สมญานาม" ที่ใช้เรียกเสื้อหลากสี คำๆนั้นก็คือคำว่า "สลิ่ม" ด้วยเหตุผลว่าสลิ่ม
(ซาหริ่ม) เป็นขนมที่มีเส้นหลากหลายสีสัน เป็นการล้อไปกับสภาพเสื้อที่หลากหลายสีของกลุ่มเสื้อหลากสี
นั่นเอง กล่าวได้ว่ากายภาพด้านสีของขนมสลิ่ม ได้ถูกถ่ายความหมายมาใช้กับคนเสื้อหลากสีเพื่อสื่อถึงสภาพ
ดังกล่าว ผู้เขียนพบเห็นคำนี้ผ่านเฟซบุ๊คของเพื่อนในช่วงเดือนเมษา ๕๓ แต่ก็ไม่ทราบต้นตอว่าใครเป็นคนคิด
คำนี้คนแรก ในที่นี้มีความน่าสนใจว่าถ้าจะสื่อถึงสภาพหลากสี ทำไมไม่ใช้คำที่เรามักใช้กันเช่น "สายรุ้ง" หรือ
จะเป็นด้วยว่ามันฟังดูหน่อมแน้มน่ารักเกินไป โดยถ้ามองจากสายตาของนักภาษาศาสตร์ ผู้เขียนเสนอว่า "สลิ่ม"
เป็นคำที่มีทั้งเสียงเสียดแทรกคือเสียง ส และลงท้ายด้วยเสียงวรรณยุกต์เอกซึ่งเป็นเสียงต่ำ ทำให้มีเสียงที่หนัก
แน่นเหมาะจะใช้ในการด่าหรือเหยียดหยาม เช่นเดียวกับคำว่า ... ที่เรามักด่ากันว่า ... นั่นเอง แม้ว่าในเบื้องแรก
สลิ่มจะถูกใช้ขนามนามให้คนเสื้อหลากสีเป็นการเฉพาะ แต่ในที่สุดแล้วคำๆนี้ก็ได้กลายเป็นสแลงทางการเมือง
ที่แพร่หลายมากคำหนึ่ง (อย่างน้อยก็ในหมู่คนเสื้อแดง) สลิ่มได้ถูกนำไปใช้ในบริบทความหมายที่กว้างขึ้น
จากเดิมที่ใช้เฉพาะกลุ่มการเมืองของคนเสื้อหลากสี ไปสู่การใช้กับใครก็ตามที่มีพฤติกรรมร่วมที่เข้าข่ายเดียว
กับคนเสื้อหลากสี เพราะดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าคนเสื้อหลากสีก็มีรากเดียวกับคนเสื้อเหลืองเก่า ดังนั้นแล้วหาก
พิจารณาตัวเล่นในการเมืองไทย ก็จะเห็นได้ว่าประกอบไปด้วยฝั่งแดงและฝั่งเหลืองอยู่นั่นเอง เราอาจแยกผู้เล่น
ออกได้เป็นภาคพรรคการเมืองและภาคประชาชน ซึ่งฝั่งแดงจะประกอบด้วยพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ขณะ
ที่อีกฝั่งหนึ่งจะประกอบไปด้วยพรรคประชาธิปัตย์และสลิ่มนั่นเอง ตามบริบทความหมายที่ใช้กันในปัจจุบัน สลิ่ม
ย่อมจะหมายถึงใครก็ตามที่มีจุดยืนทางการเมืองในแบบหนึ่ง ไม่ว่าคนๆนั้นจะให้คำจำกัดความตัวเองว่าเป็นพันธมิตรฯ
เป็นเสื้อหลากสี หรือแม้แต่เป็นกลางก็ตาม คุณลักษณะเฉพาะ จากที่มาข้างต้นประกอบกับที่ผู้เขียนได้สังเกต
การแสดงออกทางการเมืองของคนกลุ่มหนึ่งมาเป็นระยะเวลาพอสมควร ผู้เขียนอยากจะเสนอลักษณะเฉพาะ
ของ "สลิ่ม" ว่ามีดังนี้ ๑.มีความเกลียดชังทักษิณเป็นล้นพ้น พันธมิตรฯซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสลิ่มได้ถือกำเนิด
ในปี ๒๕๔๘ เพื่อไล่นายกทักษิณในขณะนั้น และได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน เมื่อผนวกกับกระบวนการ
รัฐประหารในปี ๒๕๔๙ ก็ทำให้เกิด "ผีทักษิณ" ที่หลอกหลอนสังคมไทยมาโดยตลอด ทำให้สลิ่มจะคิดว่าทักษิณ
คือต้นตอแห่งความเลวร้ายทุกประการของการเมืองไทย เราจะเห็นตัวอย่างได้ชัดเจนจากเว็บบอร์ดอันเป็นที่พักพิง
ของสลิ่มทั้งหลาย ที่ไม่ว่าจะเกิดประเด็นทางการเมืองอะไร ชื่อของทักษิณก็มักจะถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเลี่ยง
ไม่ได้ (แม้ว่าบางกรณีทักษิณจะไม่ได้เกี่ยวข้องเลยก็ตาม) รวมถึงการสร้างวาทกรรมว่าทักษิณใช้อำนาจเงินเข้าไป
ซื้อทุกอย่าง (จนเสื้อแดงเอาไปล้อเลียนในลักษณะขบขันเสมอๆ เช่นมีเพจในเฟสบุ๊คชื่อ "มั่นใจว่าทักษิณสามารถ
ซื้อทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ได้") ความเกลียดทักษิณนี้ทำให้สลิ่มรังเกียจทุกสิ่งที่มีความเกี่ยวพันกับทักษิณ
ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย นักการเมืองในเครือข่ายทักษิณ ญาติทักษิณ ประชาชนที่ชอบ
ทักษิณ ฯลฯ ๒.ฝักใฝ่ลัทธิกษัตริย์นิยม เป็นเรื่องน่าประหลาด แต่คุณลักษณะในข้อ ๑ และข้อ ๒ นี้มักจะมาด้วยกัน
เป็นเงาตามตัว นั่นอาจเป็นผลพวงจากการสร้างวาทกรรมของกลุ่มพันธมิตร ที่กล่าวหาว่าทักษิณล่วงละเมิดสถาบัน
แดงล้มเจ้า ลัทธิกษัตริย์นิยม หรือ Royalism เป็นแนวคิดที่เชื่อมั่นในตัวสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสุดโต่ง คนที่
เป็น royalism มักจะโน้มเอียงในทางที่ไม่เชื่อมั่นระบอบประชาธิปไตย มีการเรียกร้องให้พระมหากษัตริย์เข้ามาแทรก
แซงทางการเมือง (เช่นมาตรา ๗) จนบางคนอาจเสนอให้ประเทศไทยกลับไปใช้ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ด้วยซ้ำ
อาการของ royalism นี้มักแสดงออกด้วยการ\"ดึง\"เอาสถาบันกษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการเมืองในแทบทุกเรื่อง
และ มักใช้สถาบันเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนความคิดของตน ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือวาทะประวัติศาสตร์อันลือ
ลั่นของอ๊อฟ พงศ์พัฒน์ (ที่บางคนขนานนามว่าสลิ่มตัวพ่อ) ที่ว่า "ไม่รักพ่อก็ออกไปจากบ้านของพ่อซะ" ๓.โหยหา
ทหาร อาจเป็นเพราะนับแต่ ๑๙ ก.ย. ๔๙ สถาบันทหารได้แสดงจุดยืนที่"ไม่เข้าข้าง"รัฐบาลพลเรือนจากฝ่ายทักษิณ
มาโดยตลอด ทำให้ทหารกลายเป็นพระเอกในใจสลิ่มไปโดยปริยาย สลิ่มจึงพยายามที่จะเรียกร้องให้ทหารทำรัฐ
ประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่สมัยการชุมนุมของพันธมิตรในทำเนียบ มาจนถึงช่วงอุทกภัยในปัจจุบันนี้ นั่นอาจเป็น
เพราะสลิ่มมีความคิดง่ายๆ ว่า แค่กำจัดทักษิณและพลพรรคนักการเมืองของเขาออกไปได้ทุกอย่างก็จะจบ โดยที่
ก็ลืมคิดไปว่ารัฐประหารที่ผ่านมาก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรแม้แต่นิดเดียว ๔.ไม่เชื่อมั่นประชาธิปไตยในระบบ การ
เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยครั้งหลังๆที่ผ่านมาจบลงด้วยชัยชนะของพรรคในเครือข่ายเก่าของทักษิณเสมอ
นั่นอาจทำให้สลิ่มหมดหวังหรือถึงขั้นชิงชัยประชาธิปไตยในระบบ เพราะถ้าเล่นกันตามเกมแล้วความต้องการและ
รสนิยมทางการเมืองของพวกเขาไม่อาจกำเสียงส่วนมาก สลิ่มจำนวนมากจึงหันไปหาวิธีการพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น
อำนาจของกษัตริย์และกองทัพดังที่ได้กล่าวมาแล้ว หรืออีกวิธีหนึ่งกืคือการแก้ไขกติกาให้เสียงของประชาชนมี
ความสำคัญน้อยลง เช่น ข้อเสนอ 70/30 ของพันธมิตร หรือเสนอให้คนจบปริญญาตรีขึ้นไปเท่านั้นที่จะมีสิทธิ
เลือกตั้ง พวกเขาคงจะคิดว่ายิ่งลดทอนความเป็นประชาธิปไตยให้ได้มากเท่าไหร่ ความต้องการทางการเมืองของ
ตนก็คงจะสมหวังได้ง่ายขึ้น ๕.ขาดเหตุผลและความรู้ นี่เป็นปัจจัยที่ทำให้สลิ่มถูกปรามาสจากเสื้อแดงมาโดยตลอด
เนื่องจากสลิ่มมักขาดเหตุผลที่ดีในการแสดงออก ตัวอย่างที่ชัดเจนที่เคยยกไปในข้อที่ ๑ ก็คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สลิ่มก็มักใช้เหตุผลว่า "ทักษิณซื้อ...ไปแล้ว" หรือในช่วงน้ำท่วมนี้เราก็จะเห็นกันได้อย่างดาดดื่นกับการแสดงออก
ทางการเมืองที่แสนจะน่าตลกขบขันปนหดหู่ เช่น ด่ายิ่งลักษณ์ว่าโง่ โดยที่คนด่าก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาแสดง
ได้ว่ายิ่งลักษณ์โง่อย่างไร เธอทำงานผิดพลาดอย่างไร หรือเหน็บแนมในเรื่องที่ไม่เป็นสาระ เช่นเรื่องรองเท้าลุยน้ำ
ของนายก เรื่องท่าทาง ไปจนถึงเรื่องการจับมือกับโอบามา (ซึ่งบางอย่างที่ยกมาก็เป็นเรื่องเท็จ) นอกจากนั้นแล้ว
สลิ่มยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้มีความรู้พื้นฐานทางการเมือง-สังคม-ประวัติศาสตร์ที่ดีพอ ทำให้บางครั้งหาข้อ
สนับสนุนความคิดของพวกเขาเป็นไปอย่างลักลั่น ขัดแย้งในตัวเองอย่างน่าขัน เช่น กลุ่มพันธมิตรใช้เหตุการณ์ ๖
ตุลามาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของตน ทั้งที่สิ่งที่พันธมิตรกระทำก็เป็นสิ่งเดียวกันที่ฆ่านักศึกษาในเหตุการณ์ ๖ ตุลา
หรือในกรณีข้อเสนอเรื่องสิทธิเลือกตั้งกับวุฒิปริญญาตรีก็แสดงให้เห็นว่าคนเสนอไม่ได้มีความรู้เกี่ยวทางสังคมและ
หลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ดีพอแต่อย่างใด
ฯลฯ
สลิ่ม จึงเกิดมาในประเทศไทยด้วยปะการะฉะนี้
(เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง ภาค 2) ที่มาของคำที่ผู้คนเรียกคนพวกนี้ว่า"สลิ่ม"ผมถึงเรียกพยานโจทก์ท่านนี้ว่า "สลิ่ม"
กรรมมันเกิดจากเหตุ การที่ทนายจำเลยซักค้านพยานโจทก์ เพราะ พยานโจทก์ ให้การกับทนายโจทก์ว่า เต้น
ปราศรัยที่ราชประสงค์ว่า "เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง"
ดังนั้น ทนายจำเลยจึงต้องเปิดคลิปให้พยานโจทก์ดู ยาวแสนยาว คลิปที่ เต้น ปราศรัยหลายปีก่อน แถมเปิดคลิปตอน
เลิกเวทีที่ราชประสงค์ให้ดู เพื่อเป็นการซักค้าน สุดท้ายพยานโจทก์จึงให้การในชั้นศาลว่าความจริงคืออะไร
คนถามผมว่าผมมั่ว เขาไม่เคยว่าความ ไม่เคยนั่งคอกพยาน ไม่เคยฟังคำเบิกความ จึงไม่มีความรู้
เรียนถามสลิ่มห้องนี้ ไม่ว่าสลิ่มมาก หรือ สลิ่มน้อย พวกท่านหลายคน เคยด่า เต้น ในห้องนี้ว่า เต้นสั่งเผาบ้านเผาเมือง
ที่เวทีราชประสงค์ ถามพวกท่านทุกคนว่า ท่านกล้าไปเบิกความ ให้การในชั้นศาลว่า เต้น ปราศรัยว่า "เผาเลยพี่น้อง
ผมรับผิดชอบเอง" ที่ เวทีราชประสงค์ ไหม ดังนั้น คนที่กล้ากว่าท่านทำแบบนี้ มันสลิ่มมากกว่าพวกท่านไหม
ที่ผมเรียกพยานโจทก์ว่าสลิ่ม เพราะ มันเป็นคุณสมบัติของสลิ่ม โดยเฉพาะ พอพวกเดียวกันพูดอะไรมา โพสต์
อะไรมา เชื่อหมดใจ ไม่เคยคิดจะไปหาข้อเท็จจริง เวลาเสื้อแดงโพสต์สั้น ๆ ไม่เชื่อ ส่วนโพสต์ยาว ๆ ไม่ต้อง
บอก ไม่เคยอ่านเกินสามบรรทัดอยู่แล้ว สื่อที่ไม่ใช่พวก ไม่เคยอ่าน แถมมโนตีไข่ใส่สีได้เองโดยอัติโนมัติ
ความหมาย "สลิ่ม"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สลิ่ม จึงเกิดมาในประเทศไทยด้วยปะการะฉะนี้