คุณเชื่อเหมือนผมมั้ยครับ มนุษย์ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว และหาหนทางการเอาตัวรอดให้ได้ จนทำให้เงินเดือน ตำแหน่ง หน้าที่ ทำให้ความจริงใจต่อลูกน้องและเพื่อนร่วมงานหายไป
องค์กรทุกองค์กรล้วนต้องการพนักงานที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีคุณภาพ แต่หลายๆที่ก็ลืมดูสภาพแวดล้อมสถานที่ทำงานและอีกหลายๆปัจจัย ที่ผมเคยได้ร่วมงานมาก็เป็นบริษัทเอกชนระดับประเทศ บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วไป เราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าบริษัทไหนจะน่าร่วมงานด้วยหรือไม่น่าร่วมงานด้วยก่อนที่เราได้เป็นบุคลากรบริษัทนั้น ๆ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมร็สึกว่าในบางครั้งได้ร่วมงานกับหัวหน้างานที่ดี ไม่แบ่งพรรคพวก ไม่ด่าน้องฟ้องนาย ถือเป็นโชคดีมาก ทำให้เราพร้อมที่จะทำหน้าที่การงานให้ดีที่สุด ในยามที่เหนื่อยกับหารทำงานก็จะมีพลังฮึดสู้ ถ้ารู้สึกไม่แข็งด้านไหนก็พร้อมที่จะพยายามฝึกฝนและพัฒนาตนเองจากข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ทำให้หัวหน้างานภูมิใจในตัวลูกน้อง และลูกน้องก็จะมีความยึดมั่นศรัทราต่อหัวหน้าและองค์กร
แต่ในทางกลับกัน บางบริษัทเราจะได้เจอกับหัวหน้าที่ด่าลูกน้องฟ้องนาย แบ่งพรรคพวกลูกน้องรักและเด็กใหม่นั้นคือเรา ซึ่งถ้าเจ้าของบริษัทหรือหัวหน้างานมีการกระทำแบบนี้ คิดในเชิงลบ ถึงแม้จะทำดีมาตลอด แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็จะถูกหมายหัวว่าเป็นคนมีข้อผิดพลาดในเรื่องนั้นตลอด ซึ่งทำให้เราเอามานั่งคิดแก้ไขปัญหา โดยขาดจากการแนะนำที่มีเหตุผลที่ดีจากหัวหน้างานหรือบริษัท
บางงานจะมีการแบ่งงานการทำตามหน้าที่และส่งต่อกัน และพอเราทำผิด พอหัวหน้างานเห็นคนแรกที่ถูกว่าคือเราซึ่งไม่หาเหตุผลและคิดแก่ไข โทษเราเพียงผู้เดียว ในบางแห่งก็มีการปรับเงินอีก ซึ่งทำให้บางครั้งที่ผมเห็นภาพแบบนั้นติดตา
อย่างไปสัมภาษณ์งานบางที่จะมีการยิงคำถามแบบกวนๆ เหมือนคำถามนางงานจักรวาลเลยครับ ซึ่งคำตอบไม่มีถูกมีผิด แต่ถ้าคำตอบนั้นผู้สัมภาษณ์เงียบๆหรือแสดงความคิดเห็นเชิงบวกคงน่าจะคิดตามกับที่เราพูด แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าโดนคำถามกวนๆแบบนี้คือเขาไม่ต้องการเราตั้งแต่แรกครับและย้อนตอบกลับในเชิงดูถูก ผมเคยรักองค์กรเครือข่ายมือถือที่เปิดให้บริการ 4G รายแรกในไทยนะครับ
หลังจากลาออกด้วยเหตุบางอย่าง พอคิดจะกลับเข้าไปก็โดนสัมภาษณ์ด้วยคำพูดจาที่ไม่ดีและขู่จะตรวจสอบดิสเครดิต จากบริษัทและพาร์ทเนอร์บริษัทที่ผมเคยทำอีก ผมไม่แน่ใจมีคนอื่นคิดแบบผมหรือโดนแบบผมมั้ยนะครับ ผมเลยตัดสินใจออกงานประจำเพราะเบื่อองค์กรเหล่านั้น และไม่คิดจะกลับไปอีกครับ ตอนนี้ตัดสินใจมาทำธุรกิจส่วนตัวละครับ แต่งตัวธรรมดา สบายใจที่ไม่ต้องเจอคนสวมหน้ากากหรือการกระทำแย่ๆ ถ้าถามว่าเหนื่อยกว่างานประจำไหมตอบได้เลยว่าเหนื่อยมากต้องคอยบริหารตนเองทำเองทุกอย่าง ถ้าใครได้หัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงานที่ดีก็ทนต่อไปให้ได้นะครับ แต่ถ้าคิดจะออกงานเป็นนายตัวเองแบบผมก็คิดดีๆก่อนนะครับว่าจะทำอะไร ไงก็สู้ๆน่ะครับ
เพราะหัวหน้างานดีเกินไป จึงทำใหเผมต้องผลันตัวมาเป็นนายตนเอง
องค์กรทุกองค์กรล้วนต้องการพนักงานที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีคุณภาพ แต่หลายๆที่ก็ลืมดูสภาพแวดล้อมสถานที่ทำงานและอีกหลายๆปัจจัย ที่ผมเคยได้ร่วมงานมาก็เป็นบริษัทเอกชนระดับประเทศ บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วไป เราไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าบริษัทไหนจะน่าร่วมงานด้วยหรือไม่น่าร่วมงานด้วยก่อนที่เราได้เป็นบุคลากรบริษัทนั้น ๆ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมร็สึกว่าในบางครั้งได้ร่วมงานกับหัวหน้างานที่ดี ไม่แบ่งพรรคพวก ไม่ด่าน้องฟ้องนาย ถือเป็นโชคดีมาก ทำให้เราพร้อมที่จะทำหน้าที่การงานให้ดีที่สุด ในยามที่เหนื่อยกับหารทำงานก็จะมีพลังฮึดสู้ ถ้ารู้สึกไม่แข็งด้านไหนก็พร้อมที่จะพยายามฝึกฝนและพัฒนาตนเองจากข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ทำให้หัวหน้างานภูมิใจในตัวลูกน้อง และลูกน้องก็จะมีความยึดมั่นศรัทราต่อหัวหน้าและองค์กร
แต่ในทางกลับกัน บางบริษัทเราจะได้เจอกับหัวหน้าที่ด่าลูกน้องฟ้องนาย แบ่งพรรคพวกลูกน้องรักและเด็กใหม่นั้นคือเรา ซึ่งถ้าเจ้าของบริษัทหรือหัวหน้างานมีการกระทำแบบนี้ คิดในเชิงลบ ถึงแม้จะทำดีมาตลอด แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็จะถูกหมายหัวว่าเป็นคนมีข้อผิดพลาดในเรื่องนั้นตลอด ซึ่งทำให้เราเอามานั่งคิดแก้ไขปัญหา โดยขาดจากการแนะนำที่มีเหตุผลที่ดีจากหัวหน้างานหรือบริษัท
บางงานจะมีการแบ่งงานการทำตามหน้าที่และส่งต่อกัน และพอเราทำผิด พอหัวหน้างานเห็นคนแรกที่ถูกว่าคือเราซึ่งไม่หาเหตุผลและคิดแก่ไข โทษเราเพียงผู้เดียว ในบางแห่งก็มีการปรับเงินอีก ซึ่งทำให้บางครั้งที่ผมเห็นภาพแบบนั้นติดตา
อย่างไปสัมภาษณ์งานบางที่จะมีการยิงคำถามแบบกวนๆ เหมือนคำถามนางงานจักรวาลเลยครับ ซึ่งคำตอบไม่มีถูกมีผิด แต่ถ้าคำตอบนั้นผู้สัมภาษณ์เงียบๆหรือแสดงความคิดเห็นเชิงบวกคงน่าจะคิดตามกับที่เราพูด แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าโดนคำถามกวนๆแบบนี้คือเขาไม่ต้องการเราตั้งแต่แรกครับและย้อนตอบกลับในเชิงดูถูก ผมเคยรักองค์กรเครือข่ายมือถือที่เปิดให้บริการ 4G รายแรกในไทยนะครับ
หลังจากลาออกด้วยเหตุบางอย่าง พอคิดจะกลับเข้าไปก็โดนสัมภาษณ์ด้วยคำพูดจาที่ไม่ดีและขู่จะตรวจสอบดิสเครดิต จากบริษัทและพาร์ทเนอร์บริษัทที่ผมเคยทำอีก ผมไม่แน่ใจมีคนอื่นคิดแบบผมหรือโดนแบบผมมั้ยนะครับ ผมเลยตัดสินใจออกงานประจำเพราะเบื่อองค์กรเหล่านั้น และไม่คิดจะกลับไปอีกครับ ตอนนี้ตัดสินใจมาทำธุรกิจส่วนตัวละครับ แต่งตัวธรรมดา สบายใจที่ไม่ต้องเจอคนสวมหน้ากากหรือการกระทำแย่ๆ ถ้าถามว่าเหนื่อยกว่างานประจำไหมตอบได้เลยว่าเหนื่อยมากต้องคอยบริหารตนเองทำเองทุกอย่าง ถ้าใครได้หัวหน้างานหรือเพื่อนร่วมงานที่ดีก็ทนต่อไปให้ได้นะครับ แต่ถ้าคิดจะออกงานเป็นนายตัวเองแบบผมก็คิดดีๆก่อนนะครับว่าจะทำอะไร ไงก็สู้ๆน่ะครับ