เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่แน่ใจ ชีวิตนี้เคยคิดบริจาคเลือดไม่รู้กี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้บริจาคเหมือนชาวบ้านเค้าสักที
ครั้งแรกสภากาชาดมาบริจากที่โรงเรียนตอนมัธยม ไปขอบริจาค เจ้าหน้าที่เจาะเลือดตรวจแล้ว บอกว่า "เลือดจาง" ไม่รับบริจาค
ถัดมาช่วงมหาลัยสภากาชาดมารับบริจาค ช่วงประมาณปี 1 เจาะเลือดตรวจก่อนเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่ก็บอกเหมือนเดิมว่า "เลือดจาง" ไม่รับบริจาค
และถัดมาอีกหลายๆครั้งที่รับบริจาคทั้งที่โรงพยาบาลและสถานที่ต่างๆอีกหลายๆครั้งก็ไม่เคยได้บริจากสักครั้ง
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมารู้สึกว่าระบบต่างๆในท้องผิดปกติ เลยไปตรวจที่โรงพยาบาล เจาะเลือด อัลตราซาวด์ หมอแจ้งว่า
เป็นไวรัสตับอักเสบบี จำนวน "เจ็ดสิบห้าล้านตัว" ผมนี่อึ้งไปเลย...โห มันอยู่กันยังไงเนี่ย ตั้ง 75 ล้านตัวไม่อึดอัด ยัดเยียดกันแย่เลยรึ....
ในเมื่อเป็นแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องยอมรับมันไปแบบงงๆ ทั้งที่ไม่ได้จงใจอยากได้มันมาอยู่ในร่างกาย
หมอแนะนำอันดับแรก ให้หยุด เหล้า เบียร์ บุหรี่ ทุกชนิด ข้อความเด็ดคือ "ถ้าไม่อยากตายก็หยุด หมดบอกแค่นี้" ผมนี่ไม่รู้จะโกรธคือขอบคุณดี
แต่ผมก็หยุดแบบหักดิบทุกอย่าง หยุดแบบอัตโนมัติ ทั้งที่กินทุกวัน คนเดียวก็กิน กินเบียร์นะครับ เป็นคนไม่ชอบกินเหล้า เหล้าแทบไม่แตะ
แต่เบียร์สู้ตาย.....กินคนเดียว 10 ขวดสบายๆ....ถ้ามีอาชีพกินเบียร์คงสมัครเป็นคนแรก บุหรี่เลิกได้ประมาณ 2 ปีก่อนหน้า ก็ไม่ได้สูบอีกเลย
เลิกคือเลิกจริงๆ 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้แตะแม้แต่หยดเดียว.....ถามว่าอยากไหม มันก็อยากนะ แต่คิดว่าถ้าเลิกได้มันก็คุ้มค่า ที่จะทำ
แถมลูกยังเล็ก เมียยังสาว....ถ้าเป็นอะไรไปลูกเมียจะอยู่ยังไง เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจ
และหลังจากนั้นก็กินยาตามที่หมอให้มา ตัวยาชื่อ บาราคูต และยาลดกรด ช่วยย่อย ต่างๆ กินช้าบ้าง เร็วบ้างไม่เป็นไร แต่ห้ามขาด ห้ามลืม
กินระยะเวลาเกือบ 2 ปี ตรวจเลือดและเพิ่มยา ทุกๆ 2 เดือน ช่วงปีแรกแทบไม่มีผลอะไรดีขึ้น เพราะผมกินยาไม่ถูกตามที่หมอแนะนำ
บาราคูต ต้องไม่กินหลังอาหาร ให้กินตอนท้องว่าง ผมกินหลังอาหารตรวจทีไรเชื้อไวรัสมันก็ยัง 75 ล้านเหมือนเดิม แต่พอเปลี่ยนมากินช่วง
ท้องว่างตามที่หมอแนะนำ ยิ่งเข้าทางคนขี้ลืมแบบผม ถัดมาประมาณ 4 เดือนไปตรวจอีกที มันมหัศจรรย์มาก ไวรัสจาก 75 ล้าน เหลือแค่ 76 ตัว
และอาการปั่นป่วนในท้องก็ลดลงเรียกได้ว่าเหลือแค่ 10% ที่มีอาการอยู่ ผมเชื่อว่าถ้าผมกินยาตามที่หมอสั่งและหมอนัดไปตรวจ
งดแอลกอฮอล์และของหมักดอง ของแสลงต่างๆ มันจะหายไปจากชีวิตผมทั้งหมด เหลืออีกแค่ 76 ตัวเท่านั้น
จากนี้ไปคงรักษาชีวิตเป็นอย่างดี....ทำเพราะรู้ว่ากว่าจะรักษาให้มันเป็นปกติมันยากเย็นขนาดไหน
โรคนี้คนไทยเป็นกันมาก ทั้งที่เป็นพาหะ และไม่เป็นพาหะ แต่ผมไม่ได้เป็นพาหะ เพราะภรรยาตรวจโรคประจำปีก็ปกติ ลูกก็ไม่ได้เป็น
ถามว่ามันอันตรายไหม มันก็อันตรายระดับหนึ่งเพราะยาที่กินเป็นยาชนิดเดียวกับผู้ป่วย HIV
เลยนะ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าไอ้ 76 ตัว อิทธิฤทธิ์มันจะเก่งขนาดไหน อาจจะเป็นแม่ทัพของมันก็ได้ มันยังมีชีวิตอยู่ได้แสดงว่ามันไม่ธรรมดา ทั้งที่อีกไม่รู้กี่
ล้านตัวมันก็ขอลาโลกไปแล้ว ใครๆก็ทำได้ครับ ถ้าผมทำได้ อาจจะยากตัดใจในอบายมุขสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำ....
ไวรัสตับอักเสบบี 75,000,000 ล้านตัว เหลือ 76 ตัว....
ครั้งแรกสภากาชาดมาบริจากที่โรงเรียนตอนมัธยม ไปขอบริจาค เจ้าหน้าที่เจาะเลือดตรวจแล้ว บอกว่า "เลือดจาง" ไม่รับบริจาค
ถัดมาช่วงมหาลัยสภากาชาดมารับบริจาค ช่วงประมาณปี 1 เจาะเลือดตรวจก่อนเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่ก็บอกเหมือนเดิมว่า "เลือดจาง" ไม่รับบริจาค
และถัดมาอีกหลายๆครั้งที่รับบริจาคทั้งที่โรงพยาบาลและสถานที่ต่างๆอีกหลายๆครั้งก็ไม่เคยได้บริจากสักครั้ง
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมารู้สึกว่าระบบต่างๆในท้องผิดปกติ เลยไปตรวจที่โรงพยาบาล เจาะเลือด อัลตราซาวด์ หมอแจ้งว่า
เป็นไวรัสตับอักเสบบี จำนวน "เจ็ดสิบห้าล้านตัว" ผมนี่อึ้งไปเลย...โห มันอยู่กันยังไงเนี่ย ตั้ง 75 ล้านตัวไม่อึดอัด ยัดเยียดกันแย่เลยรึ....
ในเมื่อเป็นแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องยอมรับมันไปแบบงงๆ ทั้งที่ไม่ได้จงใจอยากได้มันมาอยู่ในร่างกาย
หมอแนะนำอันดับแรก ให้หยุด เหล้า เบียร์ บุหรี่ ทุกชนิด ข้อความเด็ดคือ "ถ้าไม่อยากตายก็หยุด หมดบอกแค่นี้" ผมนี่ไม่รู้จะโกรธคือขอบคุณดี
แต่ผมก็หยุดแบบหักดิบทุกอย่าง หยุดแบบอัตโนมัติ ทั้งที่กินทุกวัน คนเดียวก็กิน กินเบียร์นะครับ เป็นคนไม่ชอบกินเหล้า เหล้าแทบไม่แตะ
แต่เบียร์สู้ตาย.....กินคนเดียว 10 ขวดสบายๆ....ถ้ามีอาชีพกินเบียร์คงสมัครเป็นคนแรก บุหรี่เลิกได้ประมาณ 2 ปีก่อนหน้า ก็ไม่ได้สูบอีกเลย
เลิกคือเลิกจริงๆ 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้แตะแม้แต่หยดเดียว.....ถามว่าอยากไหม มันก็อยากนะ แต่คิดว่าถ้าเลิกได้มันก็คุ้มค่า ที่จะทำ
แถมลูกยังเล็ก เมียยังสาว....ถ้าเป็นอะไรไปลูกเมียจะอยู่ยังไง เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจ
และหลังจากนั้นก็กินยาตามที่หมอให้มา ตัวยาชื่อ บาราคูต และยาลดกรด ช่วยย่อย ต่างๆ กินช้าบ้าง เร็วบ้างไม่เป็นไร แต่ห้ามขาด ห้ามลืม
กินระยะเวลาเกือบ 2 ปี ตรวจเลือดและเพิ่มยา ทุกๆ 2 เดือน ช่วงปีแรกแทบไม่มีผลอะไรดีขึ้น เพราะผมกินยาไม่ถูกตามที่หมอแนะนำ
บาราคูต ต้องไม่กินหลังอาหาร ให้กินตอนท้องว่าง ผมกินหลังอาหารตรวจทีไรเชื้อไวรัสมันก็ยัง 75 ล้านเหมือนเดิม แต่พอเปลี่ยนมากินช่วง
ท้องว่างตามที่หมอแนะนำ ยิ่งเข้าทางคนขี้ลืมแบบผม ถัดมาประมาณ 4 เดือนไปตรวจอีกที มันมหัศจรรย์มาก ไวรัสจาก 75 ล้าน เหลือแค่ 76 ตัว
และอาการปั่นป่วนในท้องก็ลดลงเรียกได้ว่าเหลือแค่ 10% ที่มีอาการอยู่ ผมเชื่อว่าถ้าผมกินยาตามที่หมอสั่งและหมอนัดไปตรวจ
งดแอลกอฮอล์และของหมักดอง ของแสลงต่างๆ มันจะหายไปจากชีวิตผมทั้งหมด เหลืออีกแค่ 76 ตัวเท่านั้น
จากนี้ไปคงรักษาชีวิตเป็นอย่างดี....ทำเพราะรู้ว่ากว่าจะรักษาให้มันเป็นปกติมันยากเย็นขนาดไหน
โรคนี้คนไทยเป็นกันมาก ทั้งที่เป็นพาหะ และไม่เป็นพาหะ แต่ผมไม่ได้เป็นพาหะ เพราะภรรยาตรวจโรคประจำปีก็ปกติ ลูกก็ไม่ได้เป็น
ถามว่ามันอันตรายไหม มันก็อันตรายระดับหนึ่งเพราะยาที่กินเป็นยาชนิดเดียวกับผู้ป่วย HIV
เลยนะ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าไอ้ 76 ตัว อิทธิฤทธิ์มันจะเก่งขนาดไหน อาจจะเป็นแม่ทัพของมันก็ได้ มันยังมีชีวิตอยู่ได้แสดงว่ามันไม่ธรรมดา ทั้งที่อีกไม่รู้กี่
ล้านตัวมันก็ขอลาโลกไปแล้ว ใครๆก็ทำได้ครับ ถ้าผมทำได้ อาจจะยากตัดใจในอบายมุขสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำ....